31 ก.ค. 2023 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รถยนต์ไฟฟ้ากับเส้นทางข้างหน้าที่ดูสดใส

อุตสาหกรรมยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า
(Electric Vehicle หรือ EV) ดูมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น
หลังจากที่ยอดขายได้แตะระดับสูงสุดที่เคยมีมาไปเมื่อปีที่แล้ว
จากรายงานของ International Energy Agency (IEA) ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเกิน 10 ล้านคันไปเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกขายคิดเป็น 14% ของรถยนต์ใหม่ทั้งหมดที่ถูกขายในปี 2022 สัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นจาก 9% ในปี 2021 และน้อยกว่า 5% ในปี 2020 แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรม EV กำลังโตอย่างรวดเร็ว แถมอุตสาหกรรมนี้ก็น่าจะยังเติบโตต่อไปเรื่อยๆ จากปัจจัยต่างๆ ด้วย
ปัจจัยแรกมาจากการที่ยอดขายรถยนต์ EV เริ่มขยายตัวในประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตลาดหลัก
อย่างในรายงานของ IEA ก็ได้ชี้ให้เห็นว่ายอดขายรถยนต์ EV ในประเทศอินเดีย ไทย และ อินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปี 2022 เมื่อเทียบกับปี 2021 และประเทศเหล่านี้ก็กำลังพยายามสนับสนุนอุตสาหกรรม EV อยู่ด้วย
ยกตัวอย่างเช่นอินเดียที่ได้ออกนโยบายดึงดูดนักลงทุน มูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้
ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็แนะนำผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศให้ร่วมมือกับ BYD บริษัทผลิตรถยนต์ EV ของจีน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน
และรัฐบาลอินโดนีเซียก็ออกนโยบายต่างๆ เพื่อสนับสนุนการใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า เช่นให้เงินอุดหนุนการซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า หรือลดภาษีรถยนต์หรือรถตู้พลังงานไฟฟ้า
อีกปัจจัยหนึ่งคือการที่ทั่วโลกเริ่มเอาจริงเอาจังกับการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยกาศโลกกันมากขึ้น ซึ่งนี่จะช่วยให้โลกต้องเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น อย่างสหภาพยุโรปก็เพิ่งปรับใช้มาตรฐานรถยนต์ใหม่ที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้อย่างต่ำ 55% ภายในปี 2030 ตามแพ็คเกจนโยบาย Fit for 55
ส่วนในสหรัฐฯ กฎหมายและนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะ Inflation Reduction Act (IRA) California’s Advance Clean Cars II หรือ US Environment Protection Agency ก็น่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ถึง 50% ตามคาดการณ์ของ IEA
นอกจากนี้ การผลิตแบตเตอรี่ทั่วโลกก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างบริษัทผลิตแบตเตอรี่ SK On ก็เพิ่งจะรวบรวมเงินลงทุนกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อขยายกำลังการผลิต ในทำนองเดียวกัน บริษัท Panasonic ก็กำลงวางแผนที่จะเปิดโรงงานอีก 4 แห่ง
ในขณะที่ผู้ผลิตแบตเตอรี่โซลิดเสตต (solid-state battery) มากมายก็กำลังพยายามเพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่ชนิดนี้เพื่อจะได้ลดต้นทุนเฉลี่ยให้ถูกพอๆ กับแบตเตอรี่แบบเหลวที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งแบตเตอรี่โซลิดเสตตน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในอุตสาหกรรมยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมันมีข้อดีหลายอย่าง เช่น กักเก็บพลังงานได้มากกว่า มีอายุการใช้งานที่ยืนยาว และปลอดภัยกว่า
ปัจจัยเหล่านี้น่าจะช่วยผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรม EV ทั่วโลกในอนาคตอันใกล้ ตามคาดการณ์ของ IEA ยอดขายรถยนต์ EV ทั่วโลกน่าจะเพิ่มขึ้น 35% ในปลายปี 2023 นี้
และ BloombergNEF ก็มองไว้ว่ามูลค่าการขายยานพาหนะไฟฟ้าจะเกิน 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2030 และ 50 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2050 โดยจีนจะครองกว่า 30% ของตลาด EV ทั่วโลกในปี 2050
อย่างไรก็ตาม BloombergNEF ชี้ว่ายังมีความท้าทายในด้านต่างๆ เช่น การเปลี่ยนให้รถบรรทุกมาใช้พลังงานไฟฟ้า การเพิ่มสถานีชาร์จ และการจัดสรรทรัพยากรในการผลิตยานพาหนะ EV
ผู้เขียน : บูชิตา ปิตะกาศ Economist, Bnomics
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา