5 ส.ค. 2023 เวลา 13:30 • ท่องเที่ยว
คาวาห์ อิเจน

ภูเขาไฟสุดหฤโหด ทะเลสาบน้ำกรด และก๊าซกำมะถัน

ชั้นมาทำอะไรที่นี่!!! ที่สุดท้ายของทริปนี้ ภูเขาไฟที่เค้ามาดูเปลวไฟสีน้ำเงินกัน ถ้ามาดูเปลวไฟสีน้ำเงินตัองออกจากที่พักตั้งแต่เที่ยงคืน เพื่อนั่งรถ 2 ชม. เดินขึ้นเขาตั้งแต่ตี 2 เพื่อให้ถึงยอดเขาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะถ้ามีแสงอาทิตย์จะไม่เห็นเปลวเพลิงสีน้ำเงิน แต่เนื่องจากช่วงที่ไปทะเลสาบน้ำกรดเดือดแล้วเอ่อขึ้นมา เค้าเลยปิดไม่ให้ลงไปดูเปลวเพลิงสีน้ำเงินเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ เราเลยได้เวลานอนเพิ่มมา 2 ชั่วโมง ออกเดินทางจากที่พักตั้งแต่ตี 2 ถึงจุดรวมตัวหน้าประตูตอนเกือบตี 4
5
ประตูเปิดตอนตี 4 เหลือเวลานิดหน่อยให้เข้าไปกิน ไมโล โอวัลตินร้อน ความหนาวพอๆกับโปรโมเลย อุณหภูมิน่าจะซัก 5 องศาฯได้ ไกด์ของเรามาพร้อมหน้ากากกันแก๊ส แต่งตัวจัดเต็มแบบอีกนิดนึงแปลงร่างได้แล้ว พวกเราไม่รอช้า รีบออกเดินเท้าขึ้นเขาตั้งแต่ตี 4 เพราะต้องแข่งกับเวลา ขึ้นไปให้ถึงยอดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น อีกทั้งทุกคนบอกว่าทางชันมากขนาดแทบจะต้องคลาน แต่ความจริงก็เดินได้แหละ แค่เหนื่อยจนหอบ ชุดกันหนาวจัดเต็มเริ่มปลดซิป เพราะยิ่งเดินยิ่งร้อน เหงื่อท่วมจนเสื้อเปียก เหนื่อยจนพูดไม่ออก
2
เหนื่อยจนมีควันออกจากหัว
ทางก็ชัน กล้ามเนื้อขาฉีกมาตั้งแต่วันแรก เดินๆไปก็คิดว่าหรือเราควรนั่งแท็กซี่ดี ตลอดทางมีรถเข็นเหมือนรถเข็นผักเดินตามมาตลอดทาง พร้อมอัพเดทราคาตลอดทาง ถ้าเริ่มนั่งตั้งแต่ต้นทางไปกลับ ราคา 8 แสนรูปี (ประมาณ 1,850 บาท) ตอนฟังครั้งแรกคิดว่าแพงมาก แต่พอมาเดินจริงๆ คิดว่า 8 แสนถูกมาก ตลอดทางมีคนนั่งแท็กซี่เป็นระยะ บางตอนที่ชันมากๆ ต้องใช้ถึง 3 คนในการเข็นลูกค้า 1 คนขึ้นไป เดินไปพักไปตลอดทาง ทางเดินบนเขามืดมาก แนะนำว่าไฟฉายแบบคาดหัวคือดีและสะดวกมาก ไกด์เห็นเราไม่ไหว นางเดินมาจูงมือเรา
มืดจนแทบถ่ายรูปไม่ติด
ความจริงเราก็ไม่ได้ให้นางลากหรอก แต่จับมือเดินไปด้วยกันมันมีกำลังใจ อีกอย่างไกด์เก่งมาก นางคอยสังเกตและฟังเสียงหายใจเราตลอดเวลา พอเริ่มเห็นว่าเราไม่ไหว นางก็จะบอกให้พัก แต่เราก็ไม่กล้าพักนานกลัวทุกคนเสียเวลา พอฟ้าเริ่มสว่าง มันก็เริ่มมีกำลังใจเดินมาก็ขึ้น เริ่มมองเห็นวิวทิวทัศน์ หมอกหนามาก ทางชันและเป็นกรวด เดินไม่ระวังคือเลื่อนกรวดจนล้มได้
ระหว่างทางก็กินช็อกโกแลตไปเป็นระยะ ที่เค้าบอกว่าให้เตรียม energy bar มาคือเพื่อที่นี่สินะ เราแบกแค่น้ำ 2 ขวด ผ้าพันคอ ถุงมือกันหนาว ช็อกโกแลตและยาดม
พอเริ่มสว่าง เริ่มถ่ายรูปได้
พอเดินจนถึงยอด มันคือสันขอบปากปล่องภูเขาไฟอีเจี้ยน มองลงไปเห็นทะเลสาบสีฟ้าใส ปกคลุมไปด้วยหมอกที่พัดมาเป็นระยะๆ และควันสีเหลืองของก๊าซกำมะถัน โชคดีที่ตอนที่พวกเราขึ้นไป ก๊าซกำมะถันมันไม่ปะทุ และลมไม่พัดกำมะถันมาทางฝั่งนี้ เราเลยไม่ต้องใส่หน้ากาก พอพระอาทิตย์ขึ้นวิวด้านบนคือคุ้มค่ากับความลำบากที่เดินขึ้นมา ด้านบนลมแรงมาก จนยกเอาถุงมือมาใส่ ยกฮู้ดขึ้นมาคลุมหัว นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีแก๊งค์นักท่องเที่ยวไทยยกธงไทยมาโบกถ่ายรูปด้วย แอบอยากจะขอยืมธงมาถ่ายรูปเลย 555
จุด check point ถ่ายรูปคนนับล้าน ไกด์ต้องจัดคิวให้จะได้ไม่ทะเลาะกัน
ถ่ายรูปได้ซักพัก ก็รีบเดินลง เพราะวันนี้เราต้องไปขึ้นเครื่อง เริ่มเดินลงเขาตอน 7 โมงเช้า ตอนแรกคืดว่าจะลงมาเร็ว แต่ในความเป็นจริงต้องลงด้วยความระมัดระวัง ระวังลื่นและระวังเข่า สุดท้ายลงมาถึงประมาณ 8:30 ถ่ายรูปกับไกด์ผู้ดูแลเราตลอดเส้นทาง ถ้าไม่มีนาง อิชั้นอาจจะไม่รอด 555 จากนั้นก็รีบออกเดินทาง คุณจานะให้ทางโรงแรมเตรียมแซนวิชให้คนละกล่อง นั่งกินข้าวเช้าในรถเพื่อไปให้ถึงท่าเรือตอน 10 โมง มาถึงปุ๊บขึ้นเรือปั๊บ เรือออกเลย สภาพสะบักสะบอมมาก เรือใช้เวลา 1 ชม.เดินทางไปเกาะบาหลี
ก็แค่เดินขึ้นเขา 3 กิโลเมตรเอง (วัดตามแนวดิ่งนะ)
บนเรือเราก็แกะกระเป๋าเอาเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยน เพราะพอเรือถึงฝั่ง เราก็จะขึ้นรถไปสนามบินเลย ตามกำหนดการเรือถึงฝั่งเที่ยงตรง นั่งรถจากท่าเรือไปสนามบิน 4 ชม. เครื่องออก 18:50 เวลาเหลือๆ...
ทันขึ้นเรือรอบ 10 โมง แต่คุณจานะบอกว่าเรือที่นี่ไม่มีรอบ เต็มแล้วออกเลย...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา