11 ส.ค. 2023 เวลา 01:28 • ความคิดเห็น
ถ้าเป็นวิธีการที่เราใช้อยู่ก็จะมี 1) เขียนไดอารี่ 2) สวดมนต์ 3) นั่งหลับตา
ก่อนนอนเราจะเอาสมุดออกมากาง หยิบปากกามาแท่งหนึ่ง จับเวลา 11 นาที แล้วใช้เวลาตรงนี้ในการเขียนสิ่งที่เราอยากเขียน ซึ่งเรามักจะเปิดด้วยการอัพเดทผลการปฏิบัติธรรมของเรา พอไม่มีอะไรจะเขียนแล้วเราก็จะเขียนเกี่ยวกับเรื่องที่ค้างคาอยู่ในหัว เขียนมันแทบทุกเรื่อง มีสาระก็เขียน ไร้สาระก็เขียน มีเขียนคุยหรือเตือนใจหรือสอนตัวเองบ้าง
ซึ่งเราคิดว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เราได้กลับมาอยู่กับตัวเองจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้เรามุ่งความสนใจไปที่สิ่งภายนอกทั้งวันจนอาจหลงลืมกระบวนการภายในของตัวเองไป
ส่วนการสวดมนต์ เราไม่ได้สวดมนต์ยาวขนาดนั้น เราใช้เวลาแค่ประมาณ 2 นาทีสวดบทระลึกถึงพระรัตนตรัยและบทอธิษฐานถึงพระรัตนตรัย
เพื่อให้จิตของเรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งไม่ว่าจะไปเกิดในภพภูมิใดก็ตาม
และสุดท้ายการนั่งหลับตา
ที่เราใช้คำว่า "นั่งหลับตา" เป็นเพราะมันไม่ใช่ 'การทำสมาธิ'
การทำสมาธิคือการฝึกจิตให้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นคำบริกรรม ภาพในความคิดที่สร้างขึ้นมาเอง ฯ
แต่สิ่งที่เราทำคือการพยายามนั่งนิ่ง ๆ เฉย ๆ ให้ครบ 11 นาทีให้ได้ พร้อมกับปล่อยให้จิตมัน "ถ่ายเทอารมณ์" ที่ได้เก็บสะสมมาตลอดทั้งวันออกให้หมด
เพราะจิตจะมีระบบการทำงานที่เรียกว่า "สัญญา" ซึ่งเป็นระบบที่เก็บข้อมูลทุกอย่างที่เราได้รับเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง กลิ่น รส สัมผัส ความรู้สึก ความคิด ไม่ว่าในวันนั้นเราจะได้รับรู้อะไรมา ระบบสัญญาจะทำการเก็บไว้หมดเลย
แล้วพอเวลาผ่านไป ระบบสัญญาก็จะทำการถ่ายเทข้อมูลเหล่านั้นออกมาอีกครั้งในรูปของ "ความทรงจำ"
ซึ่งเราเดาว่าความเครียดของคุณน่าจะเกิดจากการที่จิตไม่รู้ตัวว่าระบบสัญญากำลังทำการถ่ายเทอารมณ์ จิตจึงไปจับเอาอารมณ์นั้นมา "คิดต่อ" และเมื่อหยุดคิดไม่ได้ก็เกิดภาวะนอนไม่หลับตามมา
เราเลยคิดว่าถ้าคุณแบ่งช่วงเวลาก่อนนอนสักพักหนึ่งเป็นช่วงเวลาสำหรับการถ่ายเทอารมณ์ของจิต มันน่าจะช่วยให้อาการนอนไม่หลับดีขึ้นได้
ซึ่งระหว่างที่นั่งหลับตาคุณก็แค่ดูอารมณ์ที่จิตถ่ายเทออกมา ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเสียง แค่ดูมันไป
แรก ๆ มันอาจจะยาก เพราะการเห็นอารมณ์จำเป็นต้องใช้สติในระดับหนึ่ง ซึ่งส่วนตัวเรา ในตอนแรกเราใช้วิธีบริกรรมในใจว่า 'พุทโธ เม นาโถ ธัมโม เม นาโถ สังโฆ เม นาโถ' ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ ตลอด 11 นาที พร้อมกับนึกเป็นภาพตัวอักษรตามไปด้วย เมื่อไหร่ที่มีภาพหรือเสียง "อื่น" ผุดขึ้นมา จึงรู้ได้ว่าอันนั้นคือ 'อารมณ์' ที่จิตถ่ายเทออกมา
ขอให้คุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ในเร็ววันนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา