3 ก.ย. 2023 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

โลกจำเป็นต้อง "ผลักดัน" พลังงานสะอาดและหมุนเวียน ไม่ใช่เพียงแค่แก้ไขปัญหาโลกรวน?

หลายๆคนที่จะอยู่หรือไม่ได้อยู่ในโลกของการลงทุน ก็ต้องเคยได้ฟังและได้เห็นการส่งเสริมและผลักดันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
3
ในเชิงการลงทุนแล้ว นักลงทุนเองก็จะเห็นได้ว่าไม่ว่าประเทศก็มีนโยบายที่สนับสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้อยู่ตลอด โดยเฉพาะในยุโรป สหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น
แต่ในครั้งนี้ อยากจะชวนเพื่อนๆและนักลงทุน มาสำรวจว่านอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว
ทำไมการ "ผลักดัน" พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน ถึงเป็นสิ่งที่ "จำเป็นที่จะต้องทำให้ได้" และทำไมหลายๆประเทศ พวกเขาถึงแข่งขันกันอย่างมากในเรื่องนี้
นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว เหตุผลที่พวกเขาจำเป็นต้องแข่งขันกันมากขนาดนี้นั้นมีอยู่สองประการหลักๆด้วยกัน
  • ผู้ที่ทำสำเร็จก่อน คือผู้กุมอำนาจ
ความหมายนั่นก็คือ ประเทศใดที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้ประสบความสำเร็จก่อน ประเทศนั้นจะกลายเป็น "ผู้นำอุตสาหกรรม" และสามารถที่จะควมคุมทิศทางของอุตสาหกรรมได้
ลองนึกภาพในอุตสาหกรรมน้ำมันดิบที่มีผู้นำอุตสาหกรรมที่โดดเด่นอย่าง ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา พวกเขามีทั้งเทคโนโลยีการขุดเจาะ การสำรวจ รวมถึงการกลั่น ที่ล้ำหน้ากว่าประเทศอื่นๆ
เพียงแค่พวกเขามีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานต่างๆ ก็สามารถกระทบกับราคาน้ำมันดิบได้แล้ว
เช่น การหยุดส่งน้ำมัน หรือ การลดกำลังการผลิต เป็นต้น
การที่มีประเทศใดประเทศหนึ่งประสบความสำเร็จ ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน
พวกเขาก็สามารถมี "แต้มต่อ" ด้านเศรษฐกิจและสามารถควมคุมทิศทางส่วนใหญ่ ของยุคพลังงานแห่งอนาคตนี้ได้
  • ต้นทุนพลังงานที่ถูกลง นั้นนำไปสู่แรงกดดันเงินเฟ้อที่ต่ำลง
เพื่อนๆหรือนักลงทุน หลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าเงินเฟ้อนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ
รวมถึงต้นทุนพลังงานก็เป็นหนึ่งในนั้น ในประวัติศาสตร์โลกเรา วิกฤตเงินเฟ้อหลายๆครั้งก็มีต้นเหตุมาจาก ราคาพลังงานที่สูงขึ้น
เช่น วิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นในยุโรป หรือ เงินเฟ้อจากพลังงานที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ
เป็นต้น
การที่มีประเทศใดประเทศหนึ่งประสบความสำเร็จ ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน ประเทศนั้นจะมีความสามารถในการกดดันเงินเฟ้อให้ต่ำลงตามไปด้วย
เมื่อลองเปรียบเทียบระหว่าง พลังงานฟอสซิลกับพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน
อย่างที่รู้กันพลังงานฟอสซิลนั้นไม่สามารถหมุนเวียนได้ พวกมันใช้เวลานานในการก่อตัว ดังนั้นเมื่อหมดไปแล้วก็ไม่สามารถทดแทนได้
ซึ่งหมายหมายว่า Supply น้อยลงเรื่อยๆ สิ่งนี้อาจผลักดันราคาของมันให้สูงขึ้นและกระทบกับเงินเฟ้อที่มาจากพลังงานได้
และพวกมันยังมีความท้าทายทั้งในด้านการดำเนินงาน การจัดหา การสำรวจ การผลิต ปริมาณ และความปลอดภัย ที่ทำได้ยากกว่าและใช้เวลาที่นาน
ยกตัวอย่างเหมืองถ่านหิน ที่มีความเสี่ยงในด้านการดำเนินงาน เช่น การระเบิด การพังทลายของดินและหิน การถูกเครื่องจักรทับ
ซ้ำยังมีโรคที่เกิดได้จากสารเคมีและฝุ่นละอองจากถ่านหิน เช่น โรคปอดบวม โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง และโรคมะเร็ง
แถมยังใช้ทรัพยากรน้ำปริมาณมากอีกในการทำเหมือง
ในทางกลับกัน แหล่งพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนนั้น ส่วนใหญ่มาจากแสงแดด ลม น้ำ และพลังธรรมชาติอื่นๆ ซึ่งสามารถทดแทนหรือหมุนเวียนได้ และในด้านการดำเนินงาน การจัดหา การสำรวจ การผลิต และความปลอดภัย พวกมันทำได้ดีกว่าพลังงานฟอสซิล
พลังงานรูปแบบใหม่ อย่างพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน นั้นจึงสามารถกดดันราคาพลังงานให้ต่ำได้มากกว่า เพียงแต่ปัจจุบันยังมีความท้าทายในเชิงปริมาณที่ค่อนข้างสูงอยู่
อย่างไรก็ดี หากประเทศใดสามารถกดต้นทุนราคาพลังงานให้ต่ำลงได้ ปัญหาเงินเฟ้อในระยะยาวของประเทศนั้นก็อาจจะเบาบางลงตามไปด้วยเช่นกัน
จากเหตุผลที่กล่าวมา เป็นเหตุผลหลักๆเลยที่ผลักดันให้ประเทศมหาอำนาจต่างๆ
แข่งขันกันและออกนโยบายสนับสนุนในอุตสาหกรรมนี้ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทางอ้อม
ตัวอย่างของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำของโลก พวกเขาเองก็มีการออกนโยบายมากมายในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น
  • Infrastructure Investment and Jobs Act (IIJA)
เป็นกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ลงนามเป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2021
กฎหมายดังกล่าวให้เงินทุน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงถนน สะพาน การขนส่งสาธารณะ อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ พลังงานสะอาด และโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ
ในส่วนของพลังงานสะอาด ร่างกฎหมายนี้มอบเงินให้ 73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับพลังงานสะอาด
รวมถึงการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม การก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงาน และการใช้งานยานพาหนะไฟฟ้า
  • Inflation Reduction Act (IRA)
เป็นกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ลงนามเป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2022
กฎหมายดังกล่าวให้เงินทุน 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับมาตรการต่างๆ ที่มุ่งลดอัตราเงินเฟ้อ
ในส่วนที่มีสนับพลังงานสะอาดและพลังหมุนเวียน คือ
- เครดิตภาษีสำหรับอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและการปรับปรุงบ้าน
กฎหมายให้เครดิตภาษีสูงสุด 300 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการซื้ออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน และสูงสุด 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ปรับปรุงบ้านประหยัดพลังงาน แก่ประชาชน
- เงินช่วยเหลือเพื่อช่วยให้ธุรกิจลงทุนในเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
กฎหมายดังกล่าวมอบเงินช่วยเหลือสูงถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ แก่ธุรกิจที่ลงทุนในเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
  • CHIPS and Science Act
เป็นกฎหมายรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ที่ลงนามในกฎหมายเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2022
กฎหมายดังกล่าวให้เงินทุน 52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
รวมถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อสนับสนุนเครือข่ายโทรคมนาคมที่ปลอดภัย
กฎหมายนี้ถือเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนทางอ้อม
จะเห็นได้ว่าสหรัฐฯ มีการสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แม้พวกเขากำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม
แผนภูมิการลงทุนด้านพลังงานสะอาดในสหรัฐฯ จาก Statista
แผนภูมิจะแสดงให้เห็นว่าในปี 2022 การลงทุนด้านพลังงานสะอาดของสหรัฐฯ ขึ้นถึงจุดสูงสุด ที่ 141 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้สหรัฐฯกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและดอกเบี้ยนโยบาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีการลดการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เลย
ซึ่งไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น พวกเขายังทำไปเพื่อรักษาอำนาจในการควมคุมทิศทางของเศรษฐกิจอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การผลักดันอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและหมุนเวียนอย่างจริงจังได้กลายเป็นเทรนของการลงทุนในหลายปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันเราจะเห็นการตอบสนองเรื่องนี้ และพบเห็นความพยายามที่จะสร้างรูปแบบพลังงานต่างๆ เป็นของตนเองในหลายประเทศ
ทำให้เกิดอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ๆเกิดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ไฮโดเจน การผลิตไฟฟ้าในรูปแบบอื่นๆ และอีกมากมาย
แต่การที่จะสามารถประเมินได้ว่า อะไรคือสิ่งที่กำลังมาเปลี่ยนพลังงานของโลกจริงๆ หรืออะไรที่จะเกิด Economy of scale ก่อนกัน นั้นเป็นเรื่องยาก
เพื่อนๆหรือนักลงทุนที่สนใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยละเอียด และประเมินความเสี่ยงได้ด้วยตัวเอง
บทความนี้เป็นเพียงแค่การยกข้อมูลปัจจัยบางส่วนมานำเสนอเท่านั้น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา