21 ส.ค. 2023 เวลา 10:54 • ท่องเที่ยว
กาฐมาณฑุ

Ep.5 เดินหลงจนได้ไปกินไอติมโบราณในกาฐมาณฑุดูบาสแควร์ | เนปาลในความทรงจำ

ความที่ปักตะปุร์เป็นเมืองโบราณผังเมืองค่อนข้างซับซ้อน(อันนี้คิดเอง) พวกเราเดินไปได้สักพักก็หลง สุดท้ายเลยปล่อยไปตามยถากรรม อยากเลี้ยวตรงไหนก็เลี้ยว อยากแวะตรงไหนก็แวะ
อ่านตอนก่อนหน้าได้ที่ลิ้งค์นี้น้า
เลาะกำแพงมาโผล่ปักตะปุร์ดูบาสแควร์ เนปาล
ความจริงแค่ได้เข้ามาเดินเล่นในเมืองปักตะปุร์ ชมสถาปัตยกรรมที่มีมนต์ขลัง ในบรรยากาศที่ไม่เคยได้สัมผัสที่ไหนมาก่อน เท่านี้เราก็ว่าคุ้มกับการได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่แล้วนะ
แต่ดูเหมือนว่าพวกเราพอจะมีโชคอยู่บ้าง เพราะหลงไปหลงมา เดินเลี้ยวผ่านมุมกำแพงก็มาเจอ Dubar Square โดยบังเอิญ
ปักตะปุร์ดูบาสแควร์ที่พวกเราเดินมั่วมาเจอ เนปาล
เดินไปอีกนิดก็พบกับลานกว้างของปักตะปุร์ดูบาสแควร์ เนปาล
นักท่องเที่ยวนั่งพักเหนื่อยใต้อาคารที่ด้านบนดูเหมือนจะเป็นร้านอาหารพื้นเมือง
Dubar Square ของจริง ยิ่งใหญ่อลังการเกินกว่าที่เราจะยัดทั้งหมดใส่ในภาพหนึ่งใบได้ โบราณสถานที่สร้างด้วยอิฐสีแดงผสานรวมเข้ากับไม้แกะสลักสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ ทุกอย่างหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างมีเอกลักษณ์
ขอแวะถ่ายภาพกับพี่สิงห์ทั้งสองที่นั่งเฝ้าปักตะปุร์ดูบาสแควร์(เนปาล)เสียหน่อย
อันนี้เป็นหอระฆังอะไรไม่รู้รู้แค่ว่าใหญ่มาก (ปักตะปุร์ดูบาสแควร์ เนปาล)
เดินมาเจอหอที่สูงมาก มากจนต้องแหงนหน้ามองจนเมื่อยคอ (ปักตะปุร์ดูบาสแควร์ เนปาล)
สถาปัตย์กรรมในตัวเมืองว่าขลังแล้ว มาเจอที่ปักตะปุร์ดูบาสแควร์ยิ่งรู้สึกตื่นตายิ่งกว่า (เนปาล)
สถานที่ที่ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดใจกลางเมืองแห่งนี้ กลับมีนักท่องเที่ยวแบบเวียนมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย พวกเราเทียวเดินไปถ่ายรูปกับมุมนั้นมุมนี้จนเหนื่อย ก่อนจะหามุมสบายนั่งพักซึมซับกับบรรยากาศตรงหน้า
ที่นี่ช่างแตกต่างจากโลกข้างนอกเหลือเกิน
ที่ปักตะปุร์ดูบาสแควร์(เนปาล) มีมุมถ่ายรูปเยอะไปหมด
ชื่นชมบรรยากาศของเมืองนี้ต่ออีกสักพัก ก็ได้เวลาที่พวกเราต้องเดินทางกลับกันแล้ว เพราะยังมีอีกภารกิจหนึ่งที่ต้องไปทำ ก่อนที่พวกเราจะเดินทางไปยังเมืองโพคาราในวันพรุ่งนี้ นั่นก็คือซื้อตั๋วรถและทำ Permit
อ่านตอนทั้งหมดในซีรีย์เนปาลในความทรงจำได้ที่นี่น้า
หลังจากกลับเข้าตัวเมืองลงรถที่กาฐมาณฑุ เราเริ่มคุ้นเคยกับถนนหนทางมากขึ้น ตัดสินใจพากันเดินเล่นเลาะไปตามทางเพื่อกลับที่พัก เพียงแต่เลือกเส้นทางต่างจากเมื่อเช้า
เดินเลาะถนนเมืองกาฐมาณฑุ(เนปาล) หาทางกลับที่พัก
ตลอดสองข้างทางได้เห็นเรื่องน่าสนใจมากมาย มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกสนใจเป็นพิเศษ เดินไปทางไหนก็เจออยู่เกือบทุกแยกถนน นั่นก็คือร้านขายแตงกวา
ไอ้ร้านขายแตงกวาที่ว่านี่ มีแตงกวาอยู่แค่สามสี่ลูกวางโชว์อยู่บนถาดโลหะสี่เหลี่ยม ซึ่งคนขายก็จะนั่งรอลูกค้าอยู่บนริมฟุตบาทข้างถาดแตงกวาของเขา
บางร้านก็มีสับปะรดและแตงโมด้วย แต่นั่นไม่ทำให้เราสนใจเท่าแตงกวาลูกยาวเรียวสีเขียวพวกนั้น
คนที่นี่กินแตงกวาเป็นผลไม้เหรอ?
เดินไปสักพักก็เห็นลูกค้ากำลังจิ้มซื้อแตงกวาเหล่านั้น เราเลยหยุดดู (ช่างอยากรู้อยากเห็นเสียจริง) เวลาเขาคุยกันก็จะยื่นไม้ผายมือไปด้วย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนเชื้อสายนี้จริงๆ
เมื่อตกลงกันได้ก็เห็นคนขายหยิบแตงกวาขึ้นมา ผ่าแบ่งมันออกตามทางยาวเป็นสี่ส่วน ก่อนจะบีบของเหลวข้นสีแดงราดทับไปบนแตงกวาที่นอนแผ่หลาอยู่บนถาด ปิดท้ายด้วยการเทผงบางอย่างโรยตามลงไป เสร็จแล้วก็ยื่นให้กับคนซื้อทั้งอย่างนั้น
คนซื้อก็ยืนกินอยู่ข้างร้านนั่นแหละ คงเผื่อว่าถ้าไม่อิ่มก็จะได้ซื้อใหม่ แต่บอกตามตรงว่าตอนนั้นอยากรู้มาก มากจนเกือบจะเดินข้ามถนนไปซื้อมาลองกินแล้ว ถ้าไม่ติดว่าจู่ๆ ก็เห็นทหารกลุ่มหนึ่งเดินถือไม้กระบองพร้อมโล่ห์ แต่งเครื่องแบบเต็มยศกำลังเดินผ่านมาทางนี้
กลุ่มทหารพร้อมโล่ห์และกระบองในเมืองกาฐมาณฑุ เนปาล
สัญญาณฉุกเฉินในหัวเริ่มทำงาน หันไปมองแผ่นป้ายที่ดูคล้ายจะเป็นป้ายผู้มีตำแหน่ง ก็ผูกเรื่องเอาในหัวเองว่า
หรือว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้นบริเวณนี้?!
ความคิดเริ่มเลยเถิด แต่ถ้าจะให้อยู่รอเพื่อหาคำตอบ ก็ดูจะได้ไม่คุ้มเสีย รีบไปให้ไกลจากบริเวณนี้จะดีที่สุด
แผ่นป้ายอะไรสักอย่างริมถนนเมืองกาฐมาณฑุ เนปาล
เดินเลี้ยวหลบเข้าถนนเส้นที่เล็กกว่า พออยู่ในระยะที่รู้สึกปลอดภัยก็คิดขึ้นมาว่า บางทีทหารกลุ่มนั้นอาจจะแค่เดินตรวจเวรยามตามปกติก็ได้นะ เพราะแถวนั้นดูเหมือนจะเป็นสถานที่ราชการ เราอาจแค่ตื่นตูมไปเอง 😄
กลุ่มทหารพร้อมโล่ห์และกระบองยืนอยู่ริมถนนเมืองกาฐมาณฑุ เนปาล
แต่การเดินทางก็เป็นแบบนี้แหละ อยู่ต่างบ้านต่างเมืองยังไงหูตาก็ต้องไว เรื่องไหนไม่มั่นใจก็อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เพราะสิ่งที่ได้กลับมามันอาจจะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปก็เป็นได้ ว่าแล้วก็เดินต่อ
ด้วยความที่กลับมาจากปักตะปุร์ก็เกือบเย็นแล้ว จึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ว่าจะต้องเที่ยวในตัวเมืองกาฐมาณฑุครบทุกสถานที่ แต่เดินเลาะมาเรื่อยก็เจอกับอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ตรงกลางวงเวียนนี้ เห็นครั้งแรกก็จำได้เลยว่า
เอ้า นี่พวกเราเดินมาถึง Durbar Square แล้วนี่นา
อนุสาวรีย์ Newroad Juddha Salik ที่ตั้งอยู่ใจกลางวงเวียนในเมืองกาฐมาณฑุ เนปาล
ไหนๆ ก็มาถึงแล้วเข้าไปดูกันดีกว่า
ตอนนั้นค่าเข้าตกคนละ 750RS ผ่านมาเป็น 10 ปีไม่รู้ว่าตอนนี้ราคาจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน
เราไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสถานที่เท่าไรนัก ดังนั้นก็จะพาทุกคนท่องเที่ยวผ่านภาพถ่ายที่เราได้บันทึกเอาไว้แทนก็แล้วกันนะ
เดินผ่าน Nau Talle Durbar ก่อนเลย (กาฐมาณฑุ เนปาล)
ถ่ายรูปหน้าพิพิธภัณฑ์ Gaddi Baithak กาฐมาณฑุ เนปาล
ผู้คนเดินบนถนนในบริเวณ Kathmandu Durbar Square เนปาล
เดินไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เริ่มไม่รู้แล้วว่าที่เห็นอยู่เรียกว่าอะไรบ้าง Kathmandu Durbar Square
ไม่ไกลกันก็คือวังกุมารี Kumari Ghar, Kathmandu Durbar Square, Nepal
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรายืนยันได้ว่า มันคุ้มค่ามากที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ หลังจากนั้นอีก 5 ปี เนปาลก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งใหญ่ โบราณสถานหลายแห่งถูกทำลาย หนึ่งในนั้นก็คือที่นี่และที่ปักตะปุร์
โชคดีที่ได้ไปเห็นความงดงามก่อนหน้านั้น แต่ก็เสียใจที่สิ่งล้ำค่าเหล่านี้ ถูกทำลายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่แน่ใจว่าในปัจจุบันโบราณสถานที่เสียหาย ได้ถูกบูรณะซ่อมแซมกลับมาเป็นดังเดิมหรือยัง
พี่อิ๋วกับกล้องตัวเก่งของแก Kathmandu Durbar Square
นกพิราบเกาะอยู่บนหลังคาโบราณสถาน Kathmandu Durbar Square
Jagannath Temple, Kathmandu Durbar Square, Nepal
เราจะเจอกับศาลานั่งพักแบบนี้อยู่ทั่วทุกที่ที่เราไป Kathmandu Durbar Square, Nepal
มีเรื่องเล่าถึงความน่ารักของชาวเนปาลเรื่องหนึ่ง ที่เราประสบพบเจอตอนเดินเที่ยวเล่นใน Kathmandu Durbar Square แห่งนี้
นั่นก็คือตอนเราเดินไปถึงรูปปั้นพระแม่กาลี ถ่ายรูปเล่นจนเหนื่อยเลยยืนพัก สายตาดันเหลือบไปเห็นรถขายไอติม ลักษณะเป็นจักรยานที่มีถังไอติมสี่เหลี่ยมเล็กวางอยู่ตรงตำแหน่งเบาะหลัง
รูปสักการะพระแม่กาลี Kathmandu Durbar Square, Nepal
ธัญพืชที่ใช้สักการะพระแม่กาลี Kathmandu Durbar Square, Nepal
ผู้คนที่มาสักการะพระแม่กาลี Kathmandu Durbar Square, Nepal
ในที่สุดก็หาหน้ากากอนามัยมาใส่กันฝุ่นได้แล้วสินะ สมัยนั้นโควิดยังไม่มานะเออ Kathmandu Durbar Square, Nepal
ด้วยความเหนื่อยและกระหาย รู้สึกอยากหาอะไรเย็นๆมาช่วยเพิ่มความสดชื่น เลยแอบมองรถไอติมอยู่นาน จนกระทั่งมีคนมาซื้อ เราเลยได้เห็นว่าของที่อยู่ด้านในรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
ให้นึกถึงไอติมโบราณแท่งสี่เหลี่ยมยาวห่อด้วยกระดาษขาว เวลามีคนมาซื้อเขาก็ตัดตามราคาที่เราจ่าย เสียบไม้แล้วก็ยื่นให้กับเรา นั่นแหละรูปร่างเหมือนกันเลย
เพียงแต่เนื้อไอติมกลับเหมือนหวานเย็นเสียมากกว่า อารมณ์ประมาณเวลาที่เราเอาน้ำอัดลมไปแช่แข็ง รสชาติก็จะหวานๆ เย็น แต่ที่พิเศษคือข้างในคล้ายจะมีส่วนผสมของผงธัญพืชอยู่ด้วย
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะพอเราเดินไปถามราคาลุงขายไอติมด้วยภาษามือ แกทำหน้าตาครุ่นคิดอยู่สักครู่ ตอนแรกก็คิดว่าแกอาจจะไม่เข้าใจที่เราสื่อสาร แต่สักพักก็ทำนิ้วบอกเราประมาณว่า ไอติม 1 ชิ้นราคา 90RS
นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้หรอกว่า สินค้าที่ขายกันปกตินั้นราคาเท่าไหร่ จึงมักไม่ได้ติดใจเวลาควักเงินจ่าย แต่รอบนี้มีผู้หญิงชาวเนปาลที่ยืนอยู่ด้านหลัง แกรีบกับลุงเป็นภาษาเนปาล ทั้งคู่โต้ตอบกันอยู่สักพัก คุณลุงก็หันกลับมาบอกเราว่า ไอติม 1 ชิ้นราคา 30RS
เพราะเห็นแกลดราคาให้ถึงได้เข้าใจว่า
อ่อ ที่แท้พวกเราก็กำลังถูกโก่งราคาอยู่นี่เอง
ความจริงลุงแกก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ชอบโก่งราคาจนเป็นนิสัยหรอก เพราะคนที่ซื้อไอติมแกก็ล้วนแต่เป็นชาวเนปาล พวกเราคงเป็นชาวต่างชาติเพียงไม่กี่คน ที่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกอยากจะกินไอติมท้องถิ่นเนปาลขึ้นมาซะอย่างนั้น
หลังจากถูกทักท้วงแกก็มีสีหน้ารู้สึกผิด แต่พวกเราก็ยิ้มให้กับคนทั้งสองและไม่ได้ว่าอะไร รับไอติมมากิน ดูดซับความเย็นชื่นใจเข้าสู่ร่างกาย ใกล้ถึงที่พักแล้วจะขี้แตกก็คงไม่เป็นไร 😅 ยังไงก็มียาแก้ท้องเสียและห้องน้ำให้เข้า
ซื้อของในร้านเล็กๆ ซ่อนอยู่ในกำแพง ณ มุมหนึ่งใน Kathmandu Durbar Square, Nepal
หนังสือพิมพ์หลากหัวติดอยู่ข้างกำแพงอิฐให้ชาวเมืองได้อ่าน Kathmandu Durbar Square, Nepal
แผงขายผักที่ปูอยู่กับพื้นของชาวเมือง Kathmandu Durbar Square, Nepal
นั่งอ่านแผนที่หาเส้นทางกลับที่พักในศาลา Kathmandu Durbar Square, Nepal
ขากลับเดินออกนอกเส้นทางอีกแล้ว หลงจนได้ แต่มั่วไปสักพักก็มาถึงโรงแรมถูกเฉยเลย ร่างกายตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อและฝุ่น อยากจะอาบน้ำพักผ่อนเสียที
ภารกิจหาตั๋วรถไปโพคาราและ Permit ก็เตรียมเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ชาร์จแบตโทรศัพท์ ทุกอย่างก็พร้อมสำหรับเดินทางวันพรุ่งนี้ ว่าแต่...
มืดจัง เมื่อไหร่ไฟจะมานะ
อ่านตอนต่อไปได้ที่นี่น้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา