30 ส.ค. 2023 เวลา 12:00 • ท่องเที่ยว
โตเกียว

ออกไปแตะขอบฟ้าให้ราเมงที่ญี่ปุ่นเยียวยา EP6: ช้าไม่กี่นาที...ชีวิตก็เปลี่ยน

สำหรับการแคมป์หรือต้องต่อคิวเพื่ออะไรสักอย่างที่เป็น First come first serve นั้น เวลาทุกนาทีมีค่าครับ ช้าไปเพียงนิดเดียวคุณอาจจะถูกเลื่อนคิวไปไกล หรือไม่ก็อดไปเลย...
และแล้ว ผมก็โดนจนได้ครับ
แผนการเดิมของวันนี้คือร้าน Homemade Ramen Muginae ซึ่งเป็นหนึ่งในร้าน Shoyu Ramen ระดับท็อปแถบ Tokyo ที่คิวเต็มเร็วมาก โดยวิธีการก็คือไปต่อคิวหน้าร้านเพื่อเขียนชื่อโดยจะเริ่มเขียนตอน 9 โมงเช้า แล้วค่อยกลับมาทานตาม Slot เวลาของตัวเองที่เขียนไว้ครับ ซึ่ง จากการประเมินส่วนตัว ก็คิดว่าไปช่วงใกล้ๆ 9 โมงก็น่าจะทัน
รายละเอียดวิธีการเขียนชื่อจองตาม slot เวลา
เค้าลางเริ่มมาตอนที่ กว่าจะมาขึ้นรถไฟที่สถานี Ningyocho ซึ่งอยู่แถวที่พัก ก็เลยช่วงเวลา 8.30 ไปแล้ว ถ้าลองบวกเวลาเดินทางราวๆ 38-40 นาที จะเท่ากับว่า ถึงแถวละแวกร้านประมาณ 9.10 ซึ่งสุ่มเสี่ยงมากว่าจะไม่ทัน แต่ก็ต้องลองลุ้นดูสักตั้งครับ
Route การต่อรถไฟบน Google Maps
หลังจากที่ลงสถานี Omori ตอนเวลาประมาณ 9.07 น. ผมก็จ้ำอ้าวเลยครับ จ้ำแบบไม่เกรงกลัวแดดร้อนๆ จนสุดท้ายมาถึงหน้าร้านตอน 9.15 น. พร้อมกับเจอป้ายสุดแสนจะสะเทือนใจ...
"Sold Out" !!!
คำว่า Sold Out พูดเบาๆก็เจ็บ ;-;
ทีนี้เคว้งเลยครับ แผนหลักของวันนี้พัง แล้วยิ่งไปกว่านั้น ยังเจอข้อมูลหน้าร้านเพิ่มเติมอีกครับว่า เดือนนี้ทาง Muginae หยุดทุกวันพุธถึงศุกร์ ซึ่งเป็นข้อมูลคนละชุดกับที่ผมทำ Research มาตอนแรกว่าร้านหยุดแค่วันพุธครับ
ป้ายที่ติดหน้าร้าน พร้อมปฏิทินวันหยุดเดือนกรกฎาคมของ Muginae ครับ สีแดงคือหยุด
ความวุ่นวายที่ตามมาก็คือ ถ้าปรับตารางวันนี้ จะไปร้านไหน และถ้าจะมาแก้มือที่นี่ภายในวันจันทร์, อังคาร จะปรับแผนอย่างไรดี?
จากป้าย Sold Out ของร้าน มีข้อมูลต่อด้วยว่าทางร้านมีอีกสาขาที่ไม่ไกลนักชื่อ Aomugi ครับ ใช้เวลาเดินราว 10 นาที ก็เลยตัดสินใจเดินไปดูลาดเลาก่อนครับว่าเอาอย่างไรดี ไหนๆตารางวันนี้ก็แพลนว่างแล้ว เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าอีกสาขาจะต้องมาต่อแถวรอหรือไม่
เดินมาถึงหน้าร้านก็พบครับว่า ไม่ต้องเขียนชื่อล่วงหน้า เน้นต่อคิว แต่หน้าร้านเงียบมากครับ แลดูขัดกับความ famous ของร้านหลักเลยทีเดียว
ดูจากทรงแล้วไม่น่าจะต้องรีบ งั้นไปหากาแฟหามื้อเช้าเติมพลัง พร้อมทั้งปรับแผนกันใหม่ครับ
ไม่แน่ใจว่าสตรี 2 ท่านนี้คือมาต่อคิวหรือไม่ หน้าร้านก็ไม่มีป้ายอื่นให้อ่าน
เดินย้อนกลับมาเติมพลังที่ Komeda's Coffee ในห้าง Ito Yokado ซึ่งตั้งอยู่แถวนั้น
ระหว่างที่รอเวลา ผมก็เริ่มคิดถึงวันจันทร์กับอังคารครับ ว่าจะเอาอย่างไร จะกลับมาแก้มือ Muginae หรือผิดแผนแล้วปล่อยไป รันวันอื่นให้ตรงกับที่วางแผนไว้ก็พอ...
ระหว่างที่คิดไม่ตกอยู่นั้น ก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินกลับไปที่หน้าร้าน Aomugi ครับ เพื่อไม่ให้แห้ว 2 รอบติด (ฮา) ก็เลยพักการบ้านไว้ชั่วคราวแล้วเดินกลับไปอีกครั้งครับ
10.48 น. มีคิวหน้าร้านเล็กน้อย มีป้ายออกมาตั้งเรียบร้อย
ป้ายบอกวิธีการต่อคิว
ป้ายเวลาทำการ ตารางวันหยุด และใบรับสมัครงาน
ระหว่างที่ผมเดินไปต่อคิว ด้วยความรู้สึกคุ้นตาแบบแปลกๆ ผมก็เลยเข้าไปดูใน Twitter ของทางร้านที่เคย follow ไว้ แล้วก็ได้พบความกระจ่างอีก 1 อย่างครับว่า
"Account ที่ follow ไว้ เป็นของ Aomugi ไม่ใช่ muginae สาขาหลัก"
เทียบหน้า Twitter ของทั้งสองร้าน
ฝั่งซ้ายคือ Account ของ Aomugi ซึ่งเดิมทีผมเข้าใจว่าเป็นของ Muginae (จากชื่อ Account) ส่วนฝั่งขวาคือของ Muginae ครับ ซึ่งตอนที่วางแผนผมก็ไม่ได้เอะใจ ไม่ได้สังเกตที่รูป แล้วก็ไม่ได้ลองแปลตัวคันจิที่ Display Name ด้วย ถือว่ายังดีที่ไม่ได้กระทบแผนโดยรวมที่วางไว้นักครับ
กลับมาที่ตัวร้าน Aomugi ที่ร้านนี้จะขายเมนูคนละชนิดกับที่ Muginae ครับ ออกแนวเน้นไปทาง Experiment และพยายามทดลองรูปแบบอะไรใหม่ๆ รสชาติใหม่ๆ โดยมีขายทั้งแบบน้ำใส น้ำข้น และ Tsukemen ครับ
สำหรับมื้อนี้ ผมเลือกสั่งตัวน้ำใสที่ชื่อว่า Seichou ครับ
หน้าตู้กดครับ
Seichou Ramen (950 เยน) หน้าตาดูดีทีเดียวครับ
ตัวของ Seichou Ramen จะเป็น Shoyu Ramen ที่มี niboshi เป็นฐาน มีติดรสขมปลายๆ มีการเพิ่มชาญี่ปุ่นแบบที่ใช้ในการทาน ochazuke (ชาร้อนที่ใช้ราดบนข้าวและ topping ที่มีรสเค็ม ฟีลคล้ายข้าวต้ม) โทนรสชาติโดยรวมโปร่ง ทานง่าย เส้นออกไปทางเด้งสู้ฟัน Topping อร่อย โดยภาพรวมถือว่าดี แต่ไม่ได้ถึงกับว้าว และไม่ได้ทำให้รู้สึกหายคาใจกับ Shoyu Ramen ของ Muginae สาขาหลักที่เพิ่งจะอดทานไปครับ
โดยรวมถือว่าอร่อยดีครับ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าโดดเด่นแบบชัดเจนออกมาขนาดนั้น
แต่ถามว่าหมดชามหรือไม่... แน่นอนครับว่าไม่เหลือ
ด้วยอินเนอร์แห่งความค้างคาใจครับ ก็เลยหมายมั่นปั้นมือไว้ว่า จะต้องกลับมาทานที่ Muginae ให้ได้ แล้วเดี๋ยวค่อยลองปรับแผนเอา ว่าจะแทนร้านไหนหรือปรับเวลาอย่างไรให้ลงตัวครับ
แต่ก่อนนั้นครับ ไหนๆนั่งรถไฟออกมาโซนนี้ ก็ถือโอกาสแวะไป Odaiba เสียหน่อย
ไม่ได้มานาน เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันแฮะ
หลังจากที่พักผ่อนหย่อนใจ เดินช็อปปิ้ง หมุนกาชาไปพอสมควร ก็กลับมาเผชิญกับปัญหาโลกแตกครับว่า "กินอะไรดี" เพราะดันเป็นมื้อที่ไม่ได้มีร้านใส่ไว้ในแผนด้วย เดิมทีก็กะว่าจะหาว่าอยากทานร้านไหนก็เดินเข้าไปทานแบบปล่อยจอย
แต่จากที่นั่งคิดสักพักหนึ่ง ก็ตัดสินใจกลับไปทานร้านราเมงแถวที่พักครับ ร้านนี้เป็นร้านที่คาใจตั้งแต่ที่เห็นวันแรกๆแล้วว่า "ทำไมคนต่อคิวเยอะจัง" ชื่อว่า Dame na Rinjin ครับ
เห็นคนต่อคิวตลอดเวลาจะกลับที่พักเลย
หน้าร้านมีของเล่นสำหรับเรียกลูกค้าด้วย
ระหว่างที่ยืนต่อคิว ก็เจอทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะมาดูครับ น่าจะด้วยความสงสัยว่าทำไมคิวมันยาวจัง แล้วก็มีทั้งคนที่ตัดสินใจต่อแถว แล้วก็คนที่ท้อใจแล้วเดินไปร้านอื่นครับ ขนาดคิวก่อนหน้าผมที่ยืนรออยู่สักพักยังตัดใจแล้วเดินออกจากแถวไปเลย...
สำหรับวิธีการสั่งของร้านนี้จะใช้วิธีวงใส่กระดาษครับว่าเลือกแบบไหน ปัญหาคือดันมีภาษาอังกฤษอยู่นิดเดียว ที่เหลือญี่ปุ่นล้วน จนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด Google Lens ช่วยครับ
ขอบคุณอากู๋ที่ทำให้สามารถสั่งอาหารได้โดยไม่ผิดครับ
สำหรับราเมง (เมนูบน) Choice ที่ต้องเลือกคือ ขนาดเส้นว่าต้องการเป็นแบบหนา (太) หรือ บาง (細) แล้วก็ปริมาณเส้นว่าปกติ (並盛) หรือรับเส้นเพิ่ม (大盛) ครับ ซึ่งผมเลือกเป็นเส้นแบบเล็กปริมาณปกติ
หลังจากที่ถึงคิว เอาใบรายการส่งให้พนักงาน ผมก็สังเกตดู counter ข้างๆครับว่าเป็นคู่สามีภรรยาชาวต่างชาติที่ค่อนข้างจะบ่นยับเพราะมีปัญหากับอาหารที่สั่งไปครับ เหมือนว่าทั้งสองคนสั่งตัวที่เป็น abura soba ไปโดยที่เข้าใจว่าจะได้แบบมีซุปแบบราเมงทั่วไป แต่ทั้งคู่ก็พยายามทานครับ พยายามจะหยิบเครื่องปรุงต่างๆมาปรุงเพื่อให้ทานได้ แต่ก็ดูจะพบปัญหาพอสมควร
ไม่นานนัก Shoyu Ramen ที่ผมสั่งก็มาครับ
หน้าตาดูดีทีเดียว
แต่เอาเข้าจริงๆ รสชาติไม่ได้หวือหวาและดูดีเหมือนหน้าตาครับ ออกไปทางธรรมดาด้วยซ้ำ ตัวซุปโชยุรสชาติไม่ได้โดดเด่น มีกลิ่นออกไปทางน้ำมันพริกแนวๆ Sancho ลอยขึ้นมาเตะจมูก เส้นมีความคล้ายโซบะ สู้ฟันพอควรแต่ก็ไม่ได้ว้าวมาก ถ้าจะบอกว่าไม่ worth a hype เท่าไหร่ก็คงไม่ผิด (จากที่ลองหาข้อมูลภายหลัง ดูจะเป็นแนวที่พึ่งยามดึกมากกว่าจะเป็นสายพัฒนารสชาติให้สุดทางครับ)
ซุปโชยุที่ไม่เด่นเท่าไหร่ กลิ่นน้ำมันพริกลอยมา
เส้นมีความคล้ายโซบะ แต่ทานแล้วไม่ได้รู้สึกว่าเข้ากับซุปเท่าไหร่
Topping อื่นๆก็ไม่ได้แย่ครับ ทานได้แต่ไม่ว้าว
แต่ก็หมดชามอยู่ดีครับ หิว
ระหว่างทานของตัวเองไป เริ่มมีคนอื่นสั่งข้าวเนื้อย่างครับ แล้วร้านก็ย่างเนื้อที่เตาข้างหน้าผมเลย กลิ่นทำลายล้างพอสมควร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สั่งครับ กะว่าจะเอาไว้วันอื่นค่อยมา วันนี้อิ่มแล้ว
หลังจากเดินกลับมาที่ที่พัก จัดการอะไรเรียบร้อยก็มาสู่ช่วงของการปรับแผนเพื่อไปแก้มือ Muginae ครับ โดยเริ่มจากการเอาบรรดาร้านที่อยู่ในแพลนแคมป์เช้ามาเรียงเพื่อดูวันที่เปิดทำการครับ
เมื่อเทียบตามช่วงเวลาเปิด จัดแบบนี้น่าจะเวิร์คสุด เรียงตามวันก็คือ Muginae, Toy Box, Break Beats และ Ramen Shima ตามลำดับครับ โดยผู้โชคร้ายที่ถูกเลื่อนและได้รับผลกระทบก็คือ Motenashi Kuroki ที่เดิมทีจะทานเช้าวันพฤหัส ก็ถูกเลื่อนไปไว้เป็นมื้อเย็นวันอื่นแทนครับ
ที่เหลือก็คือ ต้องมาลุ้นกันแล้วว่า พรุ่งนี้เช้าจะสามารถทำตามแผนใหม่ได้หรือไม่ จะสามารถแก้มือจากการ Sold Out เมื่อเช้าได้หรือไม่ครับ (โปรดติดตามใน EP ต่อไป)
โฆษณา