Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
21 ก.ย. 2023 เวลา 13:40 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 02
อารัมภบท (1) ปลดปล่อยวิญญานร้าย
千古幽扃一旦开,天罡地煞出泉台。
自来无事多生事,本为禳灾却惹灾。
社稷从今云扰扰,兵戈到处闹垓垓。
高俅奸佞虽堪恨,洪信从今酿祸胎。
2
เร้นกายแต่เบื้องบรรพ์พลันเปิดหน้า
ทั้งเทพฟ้ามารดินสิ้นทั้งผอง
เรื่องไม่มีพลันเรื่องมีมาก่ายกอง
เดิมหมายป้องปัดภัยกลับก่อภัย
แผ่นดินนับแต่นี้เมฆหมอกคลุ้ง
ต่างรบพุ่งแย่งชิงความเป็นใหญ่
เกาฉิวแม้สอพลอฉ้อฉันใด
หงซิ่นไซร้ก่อเกิดครรภ์ภยันตราย
1
รัชสมัยซ่งเหยินจงฮ่องเต้ 宋仁宗 รัชศกจยาอิ้ว 嘉祐 ปีที่ 3 เกิดโรคระบาดใหญ่ ราษฎรป่วยไข้ล้มตายเป็นอันมาก แม้จะได้ทรงทำบุญประเทศ ปล่อยนักโทษ ลดภาษี และให้บรรดาวัดวาอารามทำพิธีสะเดาะเคราะห์แล้วแต่โรคระบาดก็ยังคงลุกลาม
เสนาบดีฟ่านจ้งเอียน 范仲淹 จึงทูลเสนอให้ทำพิธีหลอเทียนต้าเจี้ยวสามพันหกร้อยองค์ 三千六百分罗天大醮 อันเป็นพิธีทางลัทธิเต๋าบวงสรวงเทพยดาทุกชั้นฟ้าเพื่อปัดเป่าภัยพิบัติ และทูลเสนอว่าผู้ที่เหมาะสมสำหรับประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้คือ นักพรตจาง ผู้บำเพ็ญพรตตบะแก่กล้าแห่งอารามซื่อฮั่นเทียนซือ 嗣汉天师张真人 เขาหลงหู่(เขาเสือมังกร) เมืองซิ่นโจว มณฑลเจียงซี 江西信州龙虎山
ซ่งเหยินจงฮ่องเต้ทรงเห็นชอบตามที่ทูลเสนอ จึงให้ราชบัณฑิตแห่งสำนักฮั่นหลินราชเลขานุการหลวง จดพระราชโองการแล้วมอบหมายให้ หงซิ่น 洪信 ขุนนางตำแหน่งไท่เว่ย เป็นผู้อัญเชิญไปเชิญอาจารย์จางเทียนซือมาประกอบพิธีที่เมืองหลวง
2
หงไท่เว่ยพร้อมกระบวนผู้ติดตามเดินทางมาถึงอารามนักพรตเขาหลงหู่ ก็รับทราบว่าท่านอาจารย์เทียนซือองค์ปัจจุบัน ฉายา ซวีจิ้งเทียนซือ 虚靖天师 เบื่อหน่ายการต้อนรับอาคันตุกะจึงได้ปลีกวิเวกไปปลูกกระท่อมหญ้าบำเพ็ญพรตอยู่บนยอดเขา
หงไท่เว่ยถามเจ้าอาวาสว่า “ในเมื่ออาจารย์ท่านอยู่บนเขา ไยไม่ให้คนไปเชิญท่านลงมารับราชโองการ”
นักพรตน้อมตอบว่า “พระอาจารย์ท่านนี้แม้จะพำนักอยู่บนยอดเขา ทว่าท่านบำเพ็ญพรตจนตบะแก่กล้านัก สามารถเหยียบหมอกขี่เมฆ ไปมาไร้ร่องรอย นักพรตด้อยตบะเช่นพวกเรายากที่จะหาท่านพบ จึงยากที่จะเชิญท่านลงมาได้”
หงซิ่นว่า “เช่นนี้แล้วจะพบท่านได้อย่างไร บัดนี้แผ่นดินเดือดร้อนเกิดโรคระบาดใหญ่ ฮ่องเต้จึงทรงมีพระราชโองการพร้อมธูปเทียนมังกร มาเชิญท่านไปประกอบพิธีหลอเทียนต้าเจี้ยวสามพันหกร้อยองค์เพื่อปัดเป่าภัยพิบัติให้ประชาราษฎร์ เราควรทำประการใด”
นักพรตแนะว่า “ในเมื่อฮ่องเต้ทรงต้องการช่วยเหลือประชาราษฎร์ จำต้องอาศัยความมุ่งมั่นจริงใจของท่านไท่เว่ย ถือศีลกินเจ ชำระกายใจให้บริสุทธิ์ เดินเท้าขึ้นเขาโดยไม่ต้องมีผู้ติดตาม จุดธูปคารวะ สะพายพระราชโองการ ไปเชิญท่านอาจารย์ ก็คงมีโอกาสได้พบ หากแม้นมีความมุ่งมั่นจริงใจไม่พอ ก็อาจไปเสียเที่ยว”
ไท่เว่ยสวนว่า “นับแต่ออกจากเมืองหลวง ข้าก็ถือศีลกินเจมาตลอดทาง มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ พรุ่งนี้เช้าจะออกเดินขึ้นเขา”
ยามห้าเช้าวันรุ่งขึ้น หงซิ่นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ สวมรองเท้าฟาง นำพระราชโองการใส่ตาข่ายเหลืองสะพายหลัง มือถือกระถางธูปเงินใบเล็ก ปากท่องมนต์ “เทียนจุนเป่าเห้า 天尊宝号” แสดงความคารวะ เดินเท้าขึ้นเขาโดยลำพัง
根盘地角,顶接天心。
远观磨断乱云痕,近看平吞明月魄。
รากหยั่งยึดพสุธา
ยอดแทงทิ่มนภากาศ
แลทะลุเมฆปรุขาด
เพ่งกลับเห็นกลืนจันทร์จ้า
หลังจากเดินเท้าตลอดเช้าจนแข้งขาล้าเต็มที อีกทั้งยังพากระถางธูปติดมือมาด้วย จะยึดกิ่งไม้เถาวัลย์ก็เก้ๆ กังๆ หงซิ่นจึงบ่นในใจว่า
“ตัวข้าเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อยู่เมืองหลวงกินหรูอยู่สบาย ยังต้องเหน็ดเหนื่อยสวมรองเท้าฟางเดินป่าเขาอย่างนี้ ท่านเทียนซือก็ช่างหาที่อยู่ ลำบากขุนนางอย่างเราเสียจริง”
1
เดินมาได้อีกสักพัก หยุดหอบหายใจอีกหน่อย พลันมีลมกรรโชกออกมาจากหลืบเขา เสียงคำรามก้องป่าออกมาจากหลังหมู่สน
毛披一带黄金色,爪露银钩十八只。
睛如闪电尾如鞭,口似血盆牙似戟。
伸腰展臂势狰狞,摆尾摇头声霹雳。
山中狐兔尽潜藏,涧下獐狍皆敛迹。
ขนแวววาวราวแผ่นผืนทองคำ
เล็บกางขย้ำดังเงินสิบแปดขอ
หางอย่างแส้แลตาสายฟ้าทอ
ปากกว้างพอจานโลหิตติดเขี้ยวทั่ว
ยืดเอวเหยียดแข้งขาน่าครั่นคร้าม
คำรามปานอสนีบาต วาดหางหัว
จิ้งจอกดอยกระต่ายน้อยหลบซ่อนตัว
เก้งกวางกลัวเร้นกายหายจากห้วย
หงซิ่นร้อง “ไอ้หยา” แล้วทิ้งตัวหมอบกับพื้น แอบมองกลับไป เสือท่วงท่างามสง่าแต่น่ากลัว ยักย้ายมาเดินป้วนเปี้ยนวนรอบตัวหงซิ่นอยู่พักหนึ่งก็กระโจนหายไปทางหลังเขา
หงซิ่นทำใจดีสู้เสือ เก็บกระถางธูปมา เดินทางต่อตามหน้าที่ได้อีกสามสี่สิบก้าว ถอนหายใจไปหลายเฮือกแล้วบ่นดังๆ อีกว่า
“ฮ่องเต้ช่างกระไรทรงใช้ข้ามาที่นี่ ทำให้ข้าต้องมาพบเจอเรื่องสยองพองขนเยี่ยงนี้”
ไม่ทันขาดคำก็มีลมเย็นยะเยือกโชยมา ไท่เว่ยเขม็งตาเพ่งไปยังป่าหวายก็พบงูใหญ่ลำตัวอ้วนดังถังน้ำ มีลายสีขาวพาดตามลำตัวเลื้อยออกมา
昂首惊飙起,掣目电光生。
动荡则折峡倒冈,呼吸则吹云吐雾。
鳞甲乱分千片玉,尾梢斜卷一堆银。
หัวเชิดเกิดพายุบ้า
สองแววตาฟ้าแลบแปลบ
ป่วนเลื้อยลัดเนินแคบ
พ่นลมฟ่อเป็นหมอกมัว
เกล็ดหยกขาวกระจายทั่ว เลื้อยขดหดตัว
ปลายหางม้วนเป็นกองเงิน
ไท่เว่ยทิ้งกระถางธูปตะโกนว่า “ตายแน่ คราวนี้” แล้วหันหลังวิ่งมากระแทกหินล้มลง จึงชำเลืองไปดูงู เห็นเลื้อยมาขดตัวใกล้หงซิ่น จ้องหน้าแสยะปากแลบลิ้นแปลบๆ ส่งเสียงฟ่อๆ พ่นไอพิษใส่หน้าหงซิ่นจนขวัญหนีดีฝ่อ แต่แล้วก็เลื้อยลับลงเขาไป
หงไท่เว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาได้ บ่นดังๆ ว่า “ร้ายนัก ทำข้ากลัวแทบตาย”
พอก้มดูสารรูปตัวเองเห็นซาลาเปาปูดบวมขึ้นมาหลายแห่ง จึงด่าพวกนักพรตออกมาว่า “พวกไร้สัมมาคารวะ มาล้อข้าเล่น ทำข้าเกือบตาย หากขึ้นเขาไปไม่พบท่านเทียนซือ กลับลงไปคงได้เห็นดีกัน”
1
พอจัดแจงเสื้อผ้า และสะพายราชโองการให้เข้าที่ เก็บกระถางธูปขึ้นมาเตรียมเดินทางต่อ ก็ได้ยินเสียงขลุ่ยดังมาจากแถวหมู่สน เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หงซิ่นจับตาดูก็เห็นนักพรตน้อยขี่วัวสีเหลือง แต่ขี่กลับหลังหันหน้าไปทางท้ายวัว ผิวขลุ่ยโลหะเลาหนึ่ง ออกมาจากหลืบเขา
นักพรตน้อยเป่าขลุ่ยอย่างมีความสุขใกล้เข้ามา หงซิ่นก็ร้องถามว่า “เจ้ามาจากไหน รู้จักข้าไหม”
นักพรตน้อยไม่สนใจเป่าขลุ่ยต่อไปเรื่อยๆ จนหงซิ่นต้องตะโกนถามไปอีกหลายรอบ
1
เออ ถามแปลก เพิ่งพบกันก็ถามว่ารู้จักไหม แต่นักพรตน้อยกลับรู้จักเสียอีก
พอได้ยินตะโกนถามมาหลายรอบ นักพรตน้อยก็หัวเราะคิกคักหันมาเอาขลุ่ยชี้หน้าแล้วกล่าวว่า “ท่านมานี่ คงมาหาท่านเทียนซือกระมัง”
“เจ้าเป็นเด็กเลี้ยงวัว รู้ได้อย่างไร”
“เมื่อเช้าตอนรับใช้ท่านอาจารย์อยู่ในกระท่อมหญ้า ได้ฟังท่านอาจารย์บอกว่า วันนี้ฮ่องเต้จะใช้ให้หงไท่เว่ยนำพระราชโองการมาเชิญท่านไปทำพิธีหลอเทียนต้าเจี้ยวเพื่อปัดเป่าโรคระบาดให้แก่ทวยราษฎร์ ป่านนี้คงมาถึงกลางเขาแล้ว เดี๋ยวท่านจะขี่นกกระเรียนไปทำพิธีให้ สายป่านนี้ท่านคงออกเดินทางไปแล้วล่ะ ท่านไม่ต้องไปต่อแล้ว ทางข้างหน้ายังมีสัตว์ร้ายอีกมาก เดี๋ยวจะเอาตัวไม่รอด”
ไท่เว่ยย้อนถามว่า “เจ้าพูดเล่นละมัง”
นักพรตน้อยไม่ตอบ ขี่วัวผิวขลุ่ยต่อจนลับเนินไป
หงซิ่นจึงคิดว่า “เจ้าเด็กนี่รู้เรื่องดี คงเป็นท่านเทียนซือบอกมา หากขึ้นเขาต่อไปอาจจะเจอดี เอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า มิสู้กลับลงเขาไปดีกว่า”
พอกลับลงมาถึงอารามตรงไปหาเจ้าอาวาส
เจ้าอาวาสถามว่า “ได้พบท่านเทียนซือหรือไม่”
หงไท่เว่ยต่อว่าทันทีว่า “ตัวข้าเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนัก พวกท่านกลับเล่นตลกหลอกให้ขึ้นเขาตามลำพังแทบเอาชีวิตไปทิ้ง พบทั้งเสือร้ายและงูใหญ่ โชคดีว่าข้าพอสั่งสมบุญบารมีอยู่บ้างจึงรอดกลับลงมาได้”
นักพรตตอบว่า “คงเป็นท่านเทียนซือต้องการทดสอบท่าน บนเขาแม้มีเสือและงู แต่ล้วนไม่ทำร้ายผู้คน”
ไท่เว่ยจึงเล่าเรื่องที่พบเด็กเลี้ยงวัวบอกว่าท่านอาจารย์ขี่นกกระเรียนเข้าเมืองหลวงไปแล้ว
นักพรตตอบว่า “ไท่เว่ยท่านพลาดไปแล้ว เด็กเลี้ยงวัวที่ท่านว่า ก็คือท่านเทียนซือ ท่านดูยังเด็กก็เพราะมีตบะแก่กล้า ในเมื่อท่านรับปากแล้วก็วางใจได้ เมื่อท่านขี่กระเรียนไปก็คงถึงเมืองหลวงและประกอบพิธีสำเร็จได้ก่อนท่านเดินทางกลับไปถึงเสียอีก ท่านจงวางใจพักผ่อนให้สบายเถิด”
1
วันรุ่งขึ้นหลังอาหารเจแล้ว นักพรตก็เชิญหงไท่เว่ยเที่ยวชมอาราม วันนี้หงไท่เว่ยจึงหน้าบานเป็นพิเศษ ด้วยมีนักพรตน้อยใหญ่ติดตามเป็นขบวน มีเจ้าอาวาสเป็นมัคคุเทสก์นำชม ค่อยหายขุ่นใจไปอักโข อารามเขาหลงหู่นี้เป็นอารามสำคัญทางลัทธิเต๋า จึงมีตำหนักต่างๆ มากมาย แต่ในที่สุดหงไท่เว่ยก็มาสะดุดอยู่ที่ตึกแห่งหนึ่งล้อมด้วยกำแพงแดง ประตูสีแดงมีโซ่ใหญ่เท่าลำแขนล่ามไว้และมียันต์ปิดทับซ้อนกันแล้วซ้อนกันอีกหลายชั้น ป้ายชื่อตึกเขียนไว้ว่า “ตำหนักสยบมาร 伏魔之殿” หงไท่เว่ยเห็นแปลกยิ่งนักจึงถามถึงความเป็นมา
1
เจ้าอาวาสจึงชี้แจงว่า “แต่ครั้งเทียนซือองค์แรกในยุคราชวงศ์ถังได้ขังพญามารเอาไว้ กำชับไว้ไม่ให้เปิด พอถึงสมัยเทียนซือรุ่นถัดมาก็จะปิดยันต์เพิ่มขึ้นเที่ยวหนึ่ง บัดนี้ผ่านยุคเทียนซือมาแล้วเก้ารุ่น ยันต์จึงปิดทับซ้อนกันอยู่ดังที่เห็น”
หงซิ่นฟังว่าตึกนี้ขังพญามาร ใจก็กลัวๆ อยู่ แต่ต่อมสอดรู้แข็งขันกว่าจึงว่า “ท่านช่วยเปิดออกดูหน่อยเถิด ข้าอยากเห็นพญามารว่าเป็นเช่นไร”
นักพรตก็ชักเหตุผลและข้อห้ามมาชี้แจงว่าอย่างไรก็เปิดไม่ได้
หงซิ่นจึงอาศัยตำแหน่งข่มขู่ว่า “ข้าว่าเรื่องพญามารนั่นเป็นเรื่องเท็จที่พวกนักพรตอย่างท่านกุขึ้นมาหลอกชาวบ้านว่ามีแต่นักพรตอย่างพวกท่านจึงมีของดีปราบมารได้เสียมากกว่า หากไม่เปิดให้โดยดี ข้าจะกราบทูลฮ่องเต้ถึงเรื่องที่ท่านขัดขวางการอัญเชิญพระราชโองการจนไม่ได้พบท่านเทียนซือ รวมทั้งเรื่องการมอมเมาชาวบ้านด้วยเรื่องพญามารเท็จ โทษของพวกท่าน มิพ้นต้องถูกสักตราหน้าเนรเทศไปจากแผ่นดิน”
1
เมื่อเห็นหงซิ่นดันทุรังถึงขนาดนั้น นักพรตจึงจำต้องให้คนมาขูดเอายันต์ออกแล้วสะเดาะกุญแจปลดโซ่ พอเปิดประตูออกก็พบแต่ความมืด ขนาดว่ายื่นมือตนเองออกไปยังมองไม่เห็น คนทั้งกลุ่มก็เกาะกลุ่มเบียดกันอยู่กลางความมืดสร้างขวัญให้แก่กัน ใครอยู่ตรงกลางก็วังเวงน้อยกว่าอยู่ขอบนอก
หงซิ่นให้คนหาคบไฟมาส่องสว่างถึงสิบอัน ก็เห็นว่าในห้องนั้นว่างเปล่า มีเพียงหลักหินสูงราวหกฉื่อตั้งอยู่บนหลังเต่าหินที่จมดินอยู่เสียครึ่งตัว พอส่องคบดูก็เห็นหลักหินจำหลักยันต์หงส์มังกร 龙章凤篆 (อักษรยันต์สำนักหนึ่ง เขียนแบบไม่มีใครอ่านได้) และอักษรเทวดาที่ไม่มีใครอ่านออก พออ้อมไปด้านหลังกลับมีอักษรที่อ่านชัดสลักไว้เพียงสี่ตัวว่า “遇洪而开 พบ หง จึง เปิด”
2
หงซิ่นที่รู้สึกวังเวงแต่แรกกลายเป็นลำพอง “พวกท่านเอาแต่ห้าม แต่ดูสิ ตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อนก็สลักแซ่ของข้าเอาไว้แล้วว่า พบ หง จึง เปิด ซึ่งหมายความว่า ข้าเป็นคนที่เปิดดูได้ ข้าว่า พญามารอะไรหากมีคงอยู่ใต้แท่งหินนี้แหละ ท่านไปตามคนเอาจอบเอาพลั่วมาขุดเถอะ”
นักพรตพยายามห้ามแต่มีหรือที่หงซิ่นจะฟัง ในที่สุดขุดกันครึ่งค่อนวันก็ขุดเอาเต่าขึ้นมาจากดินแล้วเห็นข้างใต้เป็นแผ่นหินใหญ่สีเขียวดูเหมือนปิดโพรงไว้ หงซิ่นไม่ฟังเสียงปรามสั่งให้ขุดต่อจนยกแผ่นหินออกมาได้ แล้วเห็นโพรงใหญ่มืดมิดมองไม่เห็นก้น สักพักก็มีเสียงอะไรไต่โพรงดังเบาๆ แล้วเริ่มดังขึ้นๆ เรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงกัมปนาทปานโลกธาตุไหว ฟ้าถล่มดินทลาย
พอสิ้นเสียงกัมปนาท ก็ตามมาด้วยไอดำกลุ่มใหญ่พุ่งออกมาจากโพรงกระแทกตึกพังไปครึ่งแถบแล้วพุ่งต่อไปถึงกลางฟ้า จากนั้นก็แตกออกเป็นลำแสงสีทองนับร้อยสายกระจายกันออกไปทั้งสี่ทิศ
หงซิ่นปากอ้าตาค้างหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่พักใหญ่ก็ได้สติรีบวิ่งหนีไปหลบใต้ระเบียง แต่เจอพวกนักพรตไวกว่าไปออกันหลบอยู่ก่อนแล้วแถมซุบซิบกันแซ่ด หงซิ่นถามว่าเมื่อสักครู่คือภูตผีปีศาจไรหนีออกไปแล้วละมัง
นักพรตตอบว่า “เดิมท่านนักพรตต้งเสวียนเทียนซือองค์ก่อน 祖老天师洞玄真人 เคยบอกว่าใต้ตำหนักนี้มีวิญญาณร้ายของเทียนกัง 天罡 36 ดวง ตี้ส้า 地煞 72 ดวง จองจำอยู่ ที่หนีออกไปคงเป็นเทพฟ้ามารดินทั้ง 108 นี้นั่นแล”
หงซิ่นเหงื่อกาฬแตกพลั่ก คงรู้ตัวว่าแส่จนเป็นเรื่องใหญ่มีหวังคอชาดแน่ จึงรีบเก็บข้าวของออกเดินทางกลับเมืองหลวง โดยกำชับผู้ติดตามทั้งหมดให้ปิดปากเงียบห้ามแพร่งพรายเรื่องใหญ่ที่ตนก่อไว้ให้ใครรู้
เมื่อมาถึงเมืองหลวงก็ทราบว่า จางเทียนซือได้ขี่กระเรียนมาทำพิธีหลอเทียนต้าเจี้ยว 7 วัน 7 คืน สำเร็จเรียบร้อยและเดินทางกลับไปแล้ว
3
ตอนก่อนหน้า : ผู้เยาว์ไม่ควรอ่านสุยหู่
https://www.blockdit.com/posts/650af9c289ca1ab18a2e1432
ตอนถัดไป : 108 ขุนโจร
https://www.blockdit.com/posts/650da33c06b23f388eececbf
บันทึก
1
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย