23 ก.ย. 2023 เวลา 13:10 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 04

อารัมภบท (3) เกาฉิว ผู้ร้ายของผู้ร้าย
 
พี่น้องเหลียงซาน 108 คนที่ขึ้นเขาไปเป็นโจรนั้น อาจแบ่งกลุ่มคร่าวๆ ตามสาเหตุที่ไปเป็นโจรได้ 3 กลุ่ม
1. กลุ่มที่สมัครใจเป็นโจรเอง
2. กลุ่มที่ถูกบีบให้เป็นโจร
3. กลุ่มที่ถูกหลอกหรือแกล้งให้เป็นโจร
แต่ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ร้ายทั้งสิ้นไม่ใช่อัศวินม้าขาว
กลุ่มแรกที่สมัครใจเป็นโจรนี้ เป็นโจรโดยสันดาน เช่น คนเรือจางเหิง จะแจวเรือพาผู้โดยสารออกไปกลางน้ำแล้วชิงทรัพย์ หากเจ้าทรัพย์ไม่ยินยอมก็จะฆ่าเสียแล้วชิงทรัพย์  หรือสองสามีภรรยา คนสวนผักจางชิงและนางยักษ์ซุนเอ้อเหนียง ที่เปิดร้านอาหารแล้ววางยาลูกค้าจับฆ่าเอาเนื้อมาทำไส้ซาลาเปาขาย เป็นต้น พวกนี้ล้วนเป็นโจรโดยสันดาน ไม่มีใครบังคับ
กลุ่มที่ถูกบีบให้เป็นโจร เช่น หัวเสือดาวหลินชง หรือ สัตว์หน้าครามหยางจื้อ พวกนี้จะอ้างว่าระบบราชการฟอนเฟะทำให้ตนต้องกระทำผิดกฎหมายกลายมาเป็นโจร และตัวการมักจะโยนให้แก่ เกาฉิว
กลุ่มที่ถูกหลอกหรือแกล้งให้เป็นโจรโดยพวกเหลียงซานเอง พวกนี้มักมีตำแหน่งราชการอยู่แล้ว หรือมีสถานะทางสังคมดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเป็นโจร  แต่ถูกหลอกให้มาเป็นโจร บางครั้งก็ใช้กล่อมเอา บางครั้งก็ลงมืออย่างโหดเหี้ยม เช่น อสนีบาตฉินหมิงเป็นขุนนางใหญ่ ไม่เคยคิดจะมาเป็นโจร เพื่อจะเอามาเป็นพวก ซ่งเจียงจอมอำมหิตถึงกับวางแผนฆ่าผู้บริสุทธิ์นับพันคนเพื่อใส่ความฉินหมิงบีบให้ไม่มีที่ไปจนต้องมาเป็นโจร
แต่เมื่อทั้งสามกลุ่มมารวมตัวกันแล้ว หากถามว่าเหตุใดจึงมาเป็นโจร ก็ชี้นิ้วสอดคล้องกันว่าเป็นเพราะเกาฉิว เครือญาติหรือคนของเกาฉิวที่วางตัวไว้ไปกินตำแหน่งต่างๆ บีบให้พวกตนต้องกลายเป็นโจร
เกาฉิวจึงกลายเป็นผู้ร้ายของผู้ร้ายไป
เกาฉิวคือใคร ?
 
不拘贵贱齐云社,一味模棱天下圆。
抬举高俅毬气力,全凭手脚会当权。
ชมรมลูกหนังมีจนไร้วรรณะ
ใต้ฟ้าคละคลุมเครือเนื้อเดียวหนึ่ง
ชูเชิดเทิดเกาฉิวมีฝีเท้าถึง
อำนาจพึ่งมือเท้าเขี่ยเข้ามา
 
(齐云社 สโมสรลูกหนังในสมัยซ่ง)
เกาฉิวเป็นบุตรคนรองของสกุลเกาแห่งตงจิงเมืองไคเฟิง แม้ที่บ้านพอมีฐานะอยู่บ้างแต่เกาเอ้อ 高二 ไม่รักดีผลาญเงินจนหมด วันๆ ตีกระบี่กระบอง รักการละเล่นโดยเฉพาะการเตะลูกหนัง แต่กลับมีพรสวรรค์พิเศษเตะลูกหนังได้ดีไม่มีใครสู้ เลี้ยงลูกหนังได้ดีเหมือนมีกาวติดอยู่กับตัวไม่ยอมตกพื้น ลูกหนังนี้เรียกว่า ฉิว 毬 คนจึงเรียกว่า เกาฉิว 高毬 ไม่เรียกแล้วว่าเกาเอ้อ
เกาฉิวก็พอใจชื่อของตนมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดคำศัพท์ใหม่ เปลี่ยนการเขียนอักษรฉิว 毬 จากที่ใช้ เหมา 毛 เขียนด้านซ้ายของอักษร ก็เปลี่ยนมาใช้ คนยืน 立人 แทน แก้จาก 毬 เป็น 俅 ตีความได้อีกว่า คนเตะลูกหนัง  อักษรที่แก้ใหม่มาใช้เป็นชื่อนี้ก็น่าจะสมใจแกยิ่งนัก เพราะอักษรนี้เมื่อเขียนขึ้นมาก็หมายถึงตัวเกาฉิว 高俅 ได้เพียงคนเดียว เนื่องจากเป็นตัวโกงประจำเรื่องเสียขนาดนั้น จึงไม่มีใครคิดจะเอาอักษรตัวนี้ไปตั้งชื่อลูกหลานให้เป็นเสนียดกันอีกในภายหน้า
เกาฉิววันๆ ไม่ทำมาหากินอะไร เงินก็ผลาญจนหมดแล้ว วันๆ จึงต้องติดสอยห้อยตามพวกอาเสี่ยลูกเศรษฐีมีเงิน ช่วยเป็นเพื่อนกิน  ในสมัยนั้นเรียกคนพวกนี้ว่า ปังเสียน 帮闲 อาจแปลว่า ช่วยแก้เหงา พวกอาเสี่ยก็นิยมเลี้ยงดูพวกปังเสียนไว้อวดรวย พวกปังเสียนนี้ วันๆ ฟาดพลองตีกระบี่ เล่นดนตรีก็พอได้ ร่ายกลอนก็พอเป็น แม้จะเอาดีมากไม่ได้สักอย่างแต่เรื่องช่วยผลาญเงินนี้เก่งนัก
แล้วเกาฉิวก็ไปช่วยอาเสี่ยแซ่หวาง พ่อเป็นเศรษฐีค้าเหล็ก ไปช่วยแกผลาญเงินจนเถ้าแก่หวางทนไม่ไหว ไปร้องเรียนต่อศาลไคเฟิงว่าเกาฉิวมาหลอกต้มลูกชายแก ช่วยใช้เงินจนล่มจม ศาลไคเฟิงนี้เลื่องลือเรื่องความเที่ยงตรงอยู่แล้ว สอบได้ความว่าเป็นจริงจึงลงโทษโบยหลัง 20 ที และเนรเทศออกจากเมืองไคเฟิง  เกาฉิวจึงต้องระเห็จมายัง ไหวยซี เมืองหลินไหวย 淮西临淮州 ได้พบกับพ่อค้าเขียงเนื้อ ชื่อหลิ่วสื้อเฉวียน 柳世权 คนเรียก พี่อ้ายหลิ่ว 柳大郎 เป็นคนชอบเลี้ยงดูพวกปังเสียนไว้ประดับบารมี จึงอาศัยเกาะพี่อ้ายหลิ่วกินรอดตัวได้
อยู่มาได้สามปี พระเจ้าซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ 宋哲宗 บวงสรวงเทพเมืองหนานเจียว ให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ทำบุญประเทศครั้งใหญ่ อภัยโทษทั่วหล้า เกาฉิวได้อานิสงส์พ้นโทษด้วยจึงคิดจะกลับตงจิง จึงไปบอกลาพี่อ้ายหลิ่ว พี่อ้ายหลิ่วมีญาติเปิดร้านขายสมุนไพรอยู่ที่ใต้สะพานจินเหลียงเรียกว่า ผู้กองต่ง 董将士 จึงเขียนจดหมายฝากฝังให้เกาฉิวถือมาและมอบเงินค่าเดินทางให้ด้วย
เกาฉิวนำหนังสือแนะนำตัวมาหาที่ร้านสมุนไพร พอผู้กองต่งเห็นก็จำเกาฉิวได้ นึกในใจว่า ถ้าให้หมอนี่อยู่ด้วยคงพาลูกหลานเสียผู้เสียคนหมดแน่ แต่ติดขัดที่พี่อ้ายหลิ่วแนะนำมา จึงคิดหาอุบายได้บอกกับเกาฉิวว่า “ร้านยานี้เล็กๆ คงไม่เหมาะกับความสามารถท่าน จะแนะนำท่านให้กับบัณฑิตซู เผื่อมีทางรับราชการจะได้มีโอกาสก้าวหน้า”
แล้วผู้กองต่งก็เขียนหนังสือแนะนำตัวให้เกาฉิวถือไปหาบัณฑิตซู 苏学士 บัณฑิตซูรับหนังสือแล้วดูหน้าเกาฉิวก็จำได้ ไม่กล้าให้อยู่ด้วยแต่เกรงใจผู้กองต่ง เลยบอกเกาฉิวว่า จะเขียนจดหมายแนะนำตัวให้ไปหาราชบุตรเขยหวางจิ้นชิง 驸马王晋卿 จะดีกว่า ท่านมีตำแหน่งเป็นตูไท่เว่ย 都太尉 ด้วย อยู่ที่นั่นอาจจะมีอนาคตดีกว่า
แล้วคนไม่เอาไหนที่ไม่มีใครอยากให้อยู่ด้วยอย่างเกาฉิวก็ได้มาอยู่จวนราชบุตรเขย  หวางตูไท่เว่ยนี้เป็นราชบุตรเขยของซ่งเสินจงฮ่องเต้ 宋神宗 ฮ่องเต้พระองค์ก่อน จึงมีศักดิ์เป็นน้องเขยของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน  วันๆ เกาฉิวก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เขาใช้วิ่งงานอะไรก็ทำไป นอกนั้นก็แสดงทักษะที่มีกระพร่องกระแพร่งของตนประดับบารมีหวางตูไท่เว่ยตามที่ถนัด
แล้วก็ถึงงานวันเกิดของหวางตูไท่เว่ย ในงานมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และเชื้อพระวงศ์มาร่วมด้วย คนสำคัญตามท้องเรื่องก็คือ ตวนอ๋อง 端王 พระราชโอรสองค์ที่ 11 ของเสินจงฮ่องเต้พระองค์ก่อน จึงเป็นพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน มีบรรดาศักดิ์เป็นจิ่วต้าอ๋อง 九大王 นอกจากทรงพระปรีชาหลักแหลมแล้ว ยังนิยมการวาดภาพ เล่นหมากรุก เล่นดนตรี แต่งกลอน รวมทั้งการเตะลูกหนัง จึงเลี้ยงดูพวกปังเสียนไว้มาก
ในงานตวนอ๋องดื่มมากไปหน่อยจึงปลีกตัวไปนั่งพักในห้องหนังสือ แล้วก็เห็นที่ทับกระดาษเป็นหยกแกะสลักเป็นรูปสิงโตคู่หนึ่งงานประณีตมาก จึงหยิบขึ้นมาดู  หวางตูไท่เว่ยเห็นเข้าจึงบอกว่างานของช่างผู้นี้ยังมีแป้นพู่กันหยกที่ฝีมือประณีตเช่นกันเข้าชุดกันด้วย แต่ไม่ได้อยู่ที่นี่ขณะนี้ เมื่อทรงโปรดจะจัดไปถวายในวันรุ่งขึ้น
วันรุ่งขึ้นหวางตูไท่เว่ยก็เขียนหนังสือให้เกาฉิวนำสิงโตที่ทับกระดาษและแป้นพู่กันหยกไปส่งที่วังของตวนอ๋อง เมื่อไปถึงวังคนในวังก็แจ้งว่าตวนอ๋องกำลังเล่นเตะลูกหนังอยู่ในสวน ให้นำของไปถวายในสวนเถิด  เกาฉิวมาถึงริมสวนยืนดูตวนอ๋องเตะลูกหนังกับพวกมหาดเล็กอยู่
คนถึงคราดวงขึ้น  ลูกหนังเตะพลาดกลิ้งมายังที่เกาฉิวยืนรออยู่  เกาฉิวก็แสดงลีลาเดาะลูกหนังตามถนัดแล้วเตะส่งให้ตวนอ๋อง  ตวนอ๋องเห็นลีลาของเกาฉิวก็ชอบใจ ชวนให้ลงมาเตะลูกหนังด้วย เกาฉิวนี้เรื่องลูกหนังนี่เป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว
อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว 
แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดคงเกิดผล
อาจจะชักเชิดชูฟูสกนธ์
ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี
เกาฉิวเตะลูกหนังกับตวนอ๋องจนบ่ายคล้อย ตวนอ๋องก็บอกเกาฉิวว่าไม่ต้องกลับไปที่จวนหวางตูไท่เว่ยแล้ว วันนี้ก็ค้างคืนที่วังนี้เถิด วันรุ่งขึ้น ตวนอ๋องให้คนเตรียมอาหารแล้วให้ไปเชิญหวางตูไท่เว่ยมา  ระหว่างอาหารตวนอ๋องก็ขอตัวเกาฉิวให้มาอยู่ในวังด้วย  คนไม่เอาไหนอย่างเกาฉิวจึงกลายเป็นคนโปรดของตวนอ๋อง ไปไหนก็ติดสอยห้อยตามไปด้วยเป็นคนสนิท  ได้ดีเพราะเตะลูกหนังดีแต่อย่างเดียว
ต่อมาไม่ถึงสองเดือนดี พระเจ้าซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ทรงเสด็จสวรรคต ไม่มีองค์รัชทายาท ที่ประชุมขุนนางจึงทูลเชิญจิ่วต้าอ๋องขึ้นเถลิงราชย์เป็นพระเจ้าซ่งฮุยจงฮ่องเต้ 宋徽宗皇帝 พระองค์ทรงรอเวลาอยู่ประมาณหกเดือน ก็แต่งตั้งเกาฉิวคนสนิทของพระองค์ให้กินตำแหน่งสูงเป็น เตี้ยนส้วยฝู่ไท่เว่ย 殿帅府太尉 คุมกำลังทหารราชองครักษ์ทั้งสิ้นในเมืองหลวง จากคนเตะลูกหนังดีกลายมาเป็นกลาโหมใหญ่คับเมืองทีเดียว  บ้านเมืองที่คัดกรองแต่งตั้งผู้เป็นใหญ่แบบนี้คงเจริญยิ่งๆ ลงไป
เกาฉิวเลือกวันเวลาฤกษ์งามยามเหมาะเดินทางเข้ารับงานในหน้าที่เป็นวันแรก นายทัพนายกองในสังกัดมาต้อนรับแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า หรือเกือบถ้วนหน้า เกาฉิวตรวจสอบรายชื่อแล้วพบเหยื่อเข้าคนหนึ่งที่จะอวดศักดาได้ มีครูฝึกทหารราชองครักษ์แปดสิบหมื่นนายคนหนึ่งไม่ได้มารายงานตัวมีชื่อว่า หวางจิ้น 王进  เพื่อนร่วมงานรายงานว่าหวางจิ้นป่วย ตอนนี้ลาป่วยพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่เกาฉิวทำเป็นไม่เชื่อด้วยกำลังจ้องหาเหยื่ออยู่แล้ว  ใช้ให้คนไปกุมตัวหวางจิ้นมายังที่ว่าการ
หวางจิ้นนี้ยังเป็นโสด ไม่มีเมีย แต่มีแม่ชราอายุหกสิบกว่าปีแล้วต้องคอยดูแล หวางจิ้นเป็นคนกตัญญูมาก ในวันนี้หวางจิ้นลาป่วยจริงนอนพักอยู่ที่บ้าน  ทหารที่ใช้ให้มาตามก็เป็นลูกศิษย์ทั้งคู่ ทั้งขอร้องให้ไปรายงานตัวหน่อยเถิด คนมาตามจะได้ไม่เดือดร้อน  หวางจิ้นจึงต้องถ่อสังขารมาทั้งที่ยังป่วยอยู่  เมื่อมาถึงที่ว่าการก็กราบคารวะเกาไท่เว่ยตามอาวุโสในหน้าที่
เกาฉิวเป็นพวกแก๊งกวนเมืองเก่าอยู่แล้ว พอเห็นหน้าหวางจิ้นก็นึกชื่อบิดาออก
“นั่นใช่ลูกชายของครูฝึกหวางเซิง 王升 ไหม”
“ใช่ ขอรับ”
เกาฉิวตะคอกใส่ว่า “เจ้าหมอนี่ ! พ่อเจ้าเป็นคนรำหมัดหัดกระบองเร่ขายยาอยู่ข้างถนน มีฝีมือแค่ไหนเชียว เจ้าหน้าที่คนเก่าตาไม่มีแววรับเจ้าเข้ามาเป็นครูฝึกทหารองครักษ์ได้อย่างไร แล้วนี่ยังมาดูหมิ่นข้าฯ ทำเป็นนอนป่วยอยู่บ้าน”
“ผู้น้อยมิกล้า และก็ป่วยจริงยังไม่หายดี”
“ทหารโจร 贼配军 ถ้าป่วยจริง แล้วมานี่ได้อย่างไร” แล้วออกคำสั่ง “ เจ้าหน้าที่ นำตัวไปโบยทำโทษ”
พวกราชมัลก็ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของครูฝึกหวาง จึงช่วยกันขอโทษว่า “วันนี้เป็นวันดีที่ท่านไท่เว่ยเข้ารับตำแหน่งเป็นวันแรก อย่าทำให้เสียฤกษ์เลย เว้นโทษครั้งนี้เสียเถิด”
“ทหารโจร วันนี้เห็นแก่หน้าคนที่ช่วยร้องขอ จะเว้นโทษให้วันนี้ พรุ่งนี้ค่อยตามตัวมารับโทษใหม่”
หวังจิ้นกล่าวขอบคุณแล้วเงยหน้าขึ้นมองเกาฉิวเต็มตาก็นึกออกว่าใคร พอก้าวพ้นประตูที่ว่าการก็ถอนหายใจรำพึงว่า “ชีวิตเราคงยากรักษาไว้แล้ว คิดว่าไท่เว่ยที่ไหนแซ่เกา ที่แท้ก็เจ้าเกาเอ้อ พวกปังเสียน สโมสรไคเฟิงเอ็ฟซีนี่เอง เมื่อก่อนเคยหัดกระบอง ถูกพ่อเราฟาดจนน่วมนอนซมไปหลายเดือน ตอนนี้ได้ดีเป็นไท่เว่ย คงต้องแก้แค้นเอากับเราแน่”
พอกลับถึงบ้านหวางจิ้นก็เล่าเรื่องให้แม่ฟัง  แม่จึงบอกว่า “ลูกเอ๋ย สามสิบหกกลยุทธ์ หนีนับเป็นสุดยอดกลยุทธ์”
“แม่พูดถูก ลูกตรองดูแล้วก็นึกถึงนายท่านฉงจิงเลวี่ยผู้เฒ่า 老种经略相公 ที่กุมกำลังรักษาชายแดนอยู่ที่เมืองหยันอัน 延安 ที่นั่นต้องการทหารอีกมาก คงเป็นที่พึ่งได้”
แต่เกาฉิวส่งทหารสองนาย มาเฝ้าอยู่หน้าบ้าน จะทำอย่างไรดี
พลทหารทั้งสองนั้น หวางจิ้นรู้จักดีเพราะเป็นครูฝึกให้  พอโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ก็เรียกจางซานมาแล้วไหว้วานว่า “ตอนป่วย ข้าได้ไปบนไว้ที่ศาลเจ้าเยว่ 岳庙 ที่ประตูซวนเจ่า พรุ่งนี้เช้าจะไปแก้บน เจ้าช่วยไปบอกคนดูแลศาลเจ้าให้ช่วยเปิดประตูแต่เช้า แล้วนี่ก็ใกล้ค่ำ เจ้าก็พักรอข้าอยู่ที่ศาลเจ้านั่นรอพบกันพรุ่งนี้เช้าเถอะ”  แล้วหวางจิ้นก็เข้าบ้านเก็บข้าวของเตรียมไว้
พอถึงยามห้าใกล้รุ่ง ก็เรียกหลี่ซื่อมานำเงินมอบให้ไหว้วานว่า “เจ้าช่วยไปซื้อเนื้อซาแซ (เนื้อสัตว์สามอย่าง) เอาไปที่ศาลเจ้าต้มสุกรอไว้ เดี๋ยวข้าซื้อกระดาษเงินทอง ธูปเทียนแล้วจะตามไป”  
พอทหารลับตาไปแล้ว หวางจิ้นก็จัดแจงสัมภาระ พยุงแม่ขึ้นม้าแล้วลอบหนีออกจากเมืองมาทางประตูตะวันตกมุ่งสู่เมืองหยันอัน
用人之人,人始为用。
恃己自用,人为人送。
彼处得贤,此间失重。
若驱若引,可惜可痛。
คนรู้คุณค่าคน
มีคนยินดีให้ใช้ 
ดันทุรังรั้นไซร้
ขับคนหนีไกลย้ายยัก
 
ทางนั้นได้คนดี
ทางนี้กลับเสียหายหนัก
เดี๋ยวก็รั้งเดี๋ยวก็ผลัก
เสียดายนักจักเสียใจ
ตอนก่อนหน้า : 108 ขุนโจร
ตอนถัดไป : มังกรเก้าลายได้ครูดี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา