27 ก.ย. 2023 เวลา 13:17 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 08

หลู่จื้อเซิน สงฆ์ลงลาย (1) ลงลาย หรือ บุปผา
1
สงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซิน 花和尚鲁智深 กลุ่มเทพฟ้า เทียนกังลำดับที่ 13  หนึ่งในสิบแม่ทัพราบเขาเหลียงซาน ลำดับที่หนึ่ง และนายด่านทิศใต้ ด่านที่ 2 หลู่จื้อเซิน เป็นฉายาทางธรรม ก่อนออกบวชมีชื่อฆราวาสว่า หลู่ต๋า 鲁达
คำว่า 花 มีความหมายว่า ลวดลาย  หลู่จื้อเซินนั้นมีลายสักไปทั่วทั้งตัว จึงเป็นที่มาของฉายาวงนักเลงว่า สงฆ์ลงลาย 花和尚
คำว่า 花 ยังมีความหมายอีกว่า ดอกไม้ หรือบุปผา และในนัยนี้มีความหมายแฝงถึง การชื่นชมบุปผา ซึ่งมักใช้ในเชิงลบ คือ การขยี้บุปผา เช่น
1
เกาหยาเน่ย ผู้ชอบผิดลูกผิดเมียคนอื่น จึงมีฉายาว่า 花花太岁 ไท่สุ้ยบุปผา
หลวงจีนเผยหยูไห่ 裴如海 ที่คบชู้กับนางพานเฉี่ยวหยุน 潘巧云 หากว่าได้รับฉายา 花和尚 ก็เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเรียกว่า หลวงพี่บุปผา จากพฤติกรรมมั่วสีกา
3
แต่สำหรับหลู่จื้อเซินแล้ว หากเรียกว่าหลวงพี่บุปผานับเป็นการดูหมิ่นเพราะ ศีลทั้ง 5 ข้อนั้น หลู่จื้อเซินผิดศีลทุกข้อยกเว้นข้อ 3 กาเม ดังนั้น หลู่จื้อเซินจึงไม่ใช่ หลวงพี่บุปผา แต่เป็น หลวงพี่ลงลาย หรือ สงฆ์ลงลาย สักไว้เต็มตัว
กล่าวถึงสื่อจิ้นอำลาพวกเสธ.เทวะจูอู่ ลงจากเขาเส่าฮว่าเดินทางไปหาอาจารย์หวางจิ้น รอนแรมมาได้กว่าครึ่งเดือนถึงเมืองเว่ยโจว 渭州  ได้ฟังว่าที่เมืองนี้มีจวนจิงเลวี่ย 经略府 ที่อาจารย์เคยพูดถึง จึงคิดว่า ชะรอยจะเป็นจวนแห่งนี้ที่อาจารย์มาพึ่งพาอาศัย สื่อจิ้นเข้าเมืองมาแวะร้านน้ำชาที่ปากถนน เลือกที่นั่งเหมาะแล้วสั่งน้ำชากับบริกรที่เรียกว่า ฉาป๋อสื้อ 茶博士
3
สื่อจิ้นถามว่า “จวนจิงเลวี่ยไปทางไหน”
ฉาป๋อสื้อตอบว่า “ไปข้างหน้านี่ก็เจอแล้ว”
สื่อจิ้น “รบกวนถาม ที่จวนมีครูฝึกมาจากตงจิงชื่อหวางจิ้นไหม”
“ครูฝึกในจวนมีเยอะมาก ที่แซ่หวางก็มีอยู่สามสี่คน ไม่รู้ว่าคนไหนชื่อหวางจิ้น”
พูดไม่ทันจบก็มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ก้าวอาดๆ เข้ามาในร้าน ใบหน้ากลมใบหูใหญ่ จมูกตรงปากกว้าง สองแก้มมีเคราดกครื้ม สูงแปดฉื่อ เอวหนา
“ท่านลูกค้าจะถามหาครูฝึกหวาง ก็ลองถามถีเสีย 提辖 ท่านนี้ ท่านรู้จักทุกคนในจวน”
2
提辖 ถีเสียนี้มีหน้าที่คล้ายตำรวจรักษาความสงบเรียบร้อย ปราบจลาจล พ่วงกับเป็นครูฝึกทหาร
ถีเสียเห็นสื่อจิ้นมองมาก็นั่งยืดอกวางมาดสง่า สื่อจิ้นจึงเดินไปน้อมกายถามว่า “ผู้น้อยขอบังอาจถามนามท่านเจ้าพนักงาน”
“ส่าเจีย 洒家 เป็นถีเสียของจวนจิงเลวี่ย แซ่หลู่ เรียกชื่อว่า ต๋า แล้วพี่ท่านแซ่อะไร”
洒家 ส่าเจีย เป็นสรรพนามบุรุษที่ 1 เป็นคำแทนตนเอง ของคนแถวกวนซี 关西 ไม่ใช่คำสุภาพค่อนข้างยกตน อาจแทนว่า “ตัวกู”
“ผู้น้อยเป็นชาวเมืองฮว่าโจวอำเภอฮว่าอิน แซ่สื่อชื่อจิ้น ขอถามท่านเจ้าพนักงาน ผู้น้อยมีอาจารย์เป็นครูฝึกทหารองครักษ์แปดสิบหมื่น แซ่หวางชื่อจิ้น ไม่ทราบว่าในจวนจิงเลวี่ยมีคนชื่อนี้หรือไม่”
หลู่ถีเสียโพล่งว่า “ท่านคงไม่ใช่มังกรเก้าลาย สื่อต้าหลาง 史大郎 จากหมู่บ้านสกุลสื่อละมัง”
สื่อจิ้นคำนับรับว่า “ก็คือผู้น้อยเอง”
หลู่ถีเสียรีบคำนับตอบ “ได้ยินชื่อไม่เหมือนได้พบหน้า ได้พบหน้ายิ่งกว่าได้ยินชื่อ หวางจิ้นที่ท่านถามถึงคงเป็นคนที่ผิดใจกับเกาไท่เว่ยที่ตงจิง”
“คนนั้นนั่นแล”
“พี่ท่านนั้นไม่อยู่ที่นี่ ส่าเจียฟังมาว่า เขาอยู่ที่เมืองหยันอัน รับราชการกับนายท่านฉงจิงเลวี่ยผู้เฒ่า 老种经略相公 ที่เว่ยโจวเรานี่เป็นนายท่านฉงจิวเลวี่ยผู้เยาว์ 小种经略相公 รักษาเมืองอยู่  ในเมื่อท่านคือสื่อต้าหลางที่เคยได้ยินชื่อมานาน เราไปหาเหล้าดื่มกันเถอะ”
หลู่ถีเสียคว้ามือสื่อจิ้น จูงออกมานอกร้าน แล้วหันกลับไปบอกคนที่ร้านว่า “ค่าน้ำชา ไว้ส่าเจียค่อยมาจ่าย”
“ถีเสียเชิญตามสะดวก”
ทั้งสองคล้องแขนเดินกันมาได้สี่ห้าสิบก้าว ก็เห็นคนมุงกันแน่นอยู่ตรงที่ว่างริมถนน สื่อจิ้นอยากรู้อยากเห็นจึงชวนหลู่ต๋าว่า “พี่ท่าน เราไปดูกันหน่อย” แล้วแหวกจีนมุงเข้าไปเห็นคนผู้หนึ่งกำลังหอบกระบองราวสิบเล่มยืนอยู่กลางวง บนพื้นตั้งแผงวางจานใส่กอเอี๊ยะสิบกว่าแผ่น มีป้ายกระดาษปักอยู่ด้านบน เป็นคนรำกระบองเร่ขายยา
คนผู้นั้นคงเพิ่งแสดงรำกระบองเสร็จ เพราะคนมุงกันแน่น และกำลังจะนำจานมาเดินรับเงินน้ำใจรอบวง พร้อมทั้งขายกอเอี๊ยะด้วย
สื่อจิ้นเห็นเข้าก็จำได้ว่าเป็นอาจารย์คนแรกของตน ขุนพลสยบเสือหลี่จง 打虎将李忠  จึงตะโกนไปว่า
“อาจารย์ ไม่พบกันนาน”
“น้องเรา มาทำอะไรที่นี่” หลี่จงถาม
“ที่แท้ก็อาจารย์ของพี่สื่อ เช่นนั้นเราไปร่วมดื่มกันสักสามจอก” หลู่ถีเสียชักชวน
“รอผู้น้อยขายกอเอี๊ยะหาเงินใช้สักหน่อยก่อน เดี๋ยวจะตามท่านถีเสียไป”
“ใครจะทนรอ จะไปก็รีบไป” หลู่ต๋าว่า
“ผู้น้อยยังต้องหาค่ากับข้าว ไม่รู้จะทำอย่างไร ถีเสียท่านไปก่อนเถิด เดี๋ยวผู้น้อยจะตามไป” แล้วหันมาหาสื่อจิ้นว่า
“น้องเรา น้องกับท่านถีเสียไปกันก่อน”
หลู่ถีเสียนั้นใจร้อน เห็นคนยังมุงกันอยู่ ก็ทั้งผลักทั้งดันทั้งด่าไปด้วย “เจ้าพวกนี้ ยังไม่ย้ายก้นหลบไป ใครไม่ไป ส่าเจียจะชก” พวกจีนมุงต่างรู้จักหลู่ถีเสียผู้นี้ดี จึงแตกฮือกันไป
1
หลี่จงเห็นหลู่ต๋าดุร้ายปานนั้น โกรธได้แต่พูดไม่ได้ ได้แต่ยิ้มแล้วบอกว่า “ใจร้อนเสียจริง”
หลี่จงเก็บแผงกอเอี๊ยะ ฝากทวนกระบองเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตามกันมาสามคนเลี้ยวหัวมุมถนนมายังภัตตาคาร ณ บ้านพาน 潘家酒店 อันเลื่องลือที่เชิงสะพานเข้าเมือง
风拂烟笼锦旆扬,太平时节日初长。
能添壮士英雄胆,善解佳人愁闷肠。
三尺晓垂杨柳外,一竿斜插杏花旁。
男儿未遂平生志,且乐高歌入醉乡。
ลมพัดควันจางธงแพรสะบัด
ยามสงัดแดดอุ่นอรุณฉาย
อาจเติมขวัญแกร่งกล้าแก่ยอดชาย
ฤาระบายทุกข์ระทมแห่งสตรี
2
ธงสามคืบกระพือกางข้างหยางหลิ่ว
ไผ่ธงทิวเฉียงข้างกิ่งซิ่งฮวาชี้
หนุ่มมิทันลุจุดหมายแห่งชีวี
ชวนบันเทิงดนตรีในแดนเมา
ขุนพลสยบเสือหลี่จง 打虎将李忠 ดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 50 ลำดับรวมที่ 86 เป็นหนึ่งในสิบเจ็ดรองแม่ทัพราบเขาเหลียงซาน ลำดับที่แปด
หลี่จงเป็นชาวอำเภอติ้งหย่วน เมืองเหาโจว 濠州定远県 เป็นคนเล่นปาหี่ขายกอเอี๊ยะ หลี่จงเป็นอาจารย์คนแรกของสื่อจิ้น วิชากระบองที่ถ่ายทอดให้สื่อจิ้นนั้น หวางจิ้นเรียกว่า กระบองลีลา 花棒 ไว้แสดงดูสวยงามทะมัดทะแมงแต่ต่อสู้จริงไม่ได้ ฝีมือของหลี่จงจึงไม่สูงมาก ใช้ต่อสู้กับนักเลงอันธพาลได้ แต่สู้พวกยอดฝีมือไม่ได้
แม้กระนั้นฉายาขุนพลสยบเสือ 打虎将 นี้ตั้งตามบรรพบุรุษหลีกว่าง 李广 ขุนพลผู้ฆ่าเสือสมัยฮั่นผู้เคยอาศัยอยู่ป้าหลิง ความข้อนี้ซือไน่อันไม่ได้เขียนบอกไว้ตรงๆ แต่ไปปรากฎในบทกลอนวรรคหนึ่งตอนศึกพันธมิตรสามเขาว่า
1
打虎将军心胆大,李忠祖是霸陵生。
ขุนพลสยบเสือขวัญหาญกล้า
อย่าปรามาสหลี่จงเชื้อป้าหลิง
ตอนก่อนหน้า : เผาบ้านช่วยพวกพ้อง
ตอนถัดไป : สามหมัดดับเจิ้นกวนซี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา