Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
28 ก.ย. 2023 เวลา 13:33 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 09
หลู่จื้อเซิน สงฆ์ลงลาย (2) สามหมัดดับเจิ้นกวนซี
หลู่ถีเสียและพวกสามคนเข้ามาในภัตตาคาร ณ บ้านพาน เลือกได้ห้องที่บรรยากาศดีแล้วนั่งลง หลู่ถีเสียนั่งที่ประธาน หลี่จงนั่งตรงข้าม สื่อจิ้นนั่งถัดมา บริกรขานต้อนรับด้วยจำหลู่ถีเสียได้
“เจ้านายถีเสีย รับเหล้าเท่าไรดี”
“เอาเหล้ามาก่อนสี่เจี่ยว”
“กับแกล้มอะไรดี”
“ถามทำไม มีอะไรก็ยกมา กินเสร็จก็จ่าย หมอนี่ เซ้าซี้มากเรื่อง”
เหล้ามาแล้ว กับแกล้มก็มาจนเต็มโต๊ะ คุยกันออกรสทั้งสาระไร้สาระ แล้วพลันมีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาจากห้องด้านข้าง หลูต๋าฉุนกึก คว้าถ้วยชามปาลงกับพื้น เด็กร้านรีบวิ่งมาถามว่ามีอะไร
“พวกเจ้าก็รู้จักส่าเจียดี ค่าเหล้าก็ไม่เคยติด นี่อะไรปล่อยคนมาร้องไห้กระซิกกระซี้อยู่ข้างห้อง ทำเสียบรรยากาศดื่มเหล้า”
“เจ้านายอย่าเพิ่งโมโห ที่ร้องไห้คือสองพ่อลูกที่ร้องเพลงอยู่ที่ร้านนี้ ไม่ทราบว่าเจ้านายอยู่ข้างห้อง เลยร้องดังไปหน่อย”
“มาแปลก ไปเรียกตัวมาพบข้า”
ครู่หนึ่งสองคนก็มาถึง คนหนึ่งเป็นหญิงสาวอายุสิบแปดสิบเก้า อีกคนเป็นชายชราอายุหกสิบในมือถือกรับพวง หญิงสาวแม้จะไม่ถึงขนาดงามสะดุดตา แต่มีเสน่ห์ชวนมอง
鬅松云髻,插一枝青玉簪儿;
袅娜纤腰,系六幅红罗裙子。
素白旧衫笼雪体,淡黄软袜衬弓鞋。
蛾眉紧蹙,汪汪泪眼落珍珠;
粉面低垂,细细香肌消玉雪。
若非雨病云愁,定是怀忧积恨。
เกล้าพองสูงผมมวย
ปักด้วยปิ่นหยกเล่มเดียว
อ้อนแอ้นเอวบางเพรียว
กระโปรงลิ่วฝูผ้าแดงบาง
สวมเสื้อเก่าสีขาว
คลุมร่างราวหิมะพราง
ถุงเท้าสีเหลืองจาง
รองเท้าทรงธนูใส่
คิ้วโก่งมุ่นกระจุก
หยาดน้ำตามุกร่วงไหล
ก้มหน้าที่แต่งไว้
หอมจางอย่างหิมะละลาย
ฝนฟ้าพาป่วยไข้
หรือไม่คงทุกข์กังวล
(กระโปรงลิ่วฝู 六幅裙 กระโปรงบานธรรมดาของสตรี)
(รองเท้าทรงธนู หรือ รองเท้ากงเสีย 弓鞋 รองเท้าสตรีสมัยโบราณ พื้นและส้นสูง ปลายเท้างุ้มลง ดูด้านข้างคล้ายปลายคันธนู จึงเรียกรองเท้าทรงธนู)
หลู่ต๋าถามว่า “พวกเจ้าสองคนเป็นคนที่ไหน ทำไมมาร้องไห้”
หญิงสาวตอบว่า “เรียนท่านเจ้านาย พวกผู้น้อยพ่อแม่ลูกสามคนเป็นชาวเมืองตงจิง มาหาญาติที่เว่ยโจวนี่ แต่พวกเขาย้ายไปหนานจิงกัน พอดีแม่ที่มาด้วยป่วยเสียชีวิตไป เหลือสองพ่อลูกตกยากอยู่ที่นี่
ช่วงนั้นก็มีเศรษฐี ท่านเจ้านายเจิ้นกวนซีมาชอบพอผู้น้อย บังคับให้ไปเป็นเมียน้อย ทั้งยังให้ทำหนังสือขายตัวเป็นเงินสามพันก้วน เป็นเพียงสัญญาเปล่าไม่ได้จ่ายเงินให้จริง เอาผู้น้อยไปเป็นเมียน้อยยังไม่ได้สามเดือนดี เมียหลวงก็อาละวาดไล่ผู้น้อยไม่ให้อยู่ด้วย ต้องไปอยู่โรงเตี๊ยม เขาก็ให้เจ้าของโรงเตี๊ยมมาคอยทวงเก็บเงินสามพันก้วนทั้งที่ไม่เคยได้รับจริง แล้วจะให้เอาเงินที่ไหนมาคืน มิรู้จะทำเช่นไร
พ่อของผู้น้อยเคยสอนให้ร้องเพลงมาตั้งแต่เล็ก จึงมาร้องเพลงที่ร้านแห่งนี้ เงินที่หาได้แต่ละวันเกินกว่าครึ่งก็ต้องแบ่งไปใช้หนี้เขาเกือบหมด เหลือเล็กน้อยไว้พอกิน แต่สองวันนี้ลูกค้าน้อย จึงขาดส่ง นี่เดี๋ยวเขาก็คงมาทวงอีกให้ได้อาย
พวกเราสองพ่อลูกคิดแล้วก็ช้ำใจ ได้แต่ร้องไห้ จึงได้รบกวนท่าน ต้องขออภัยด้วยเถิด”
หลู่ถีเสียถามว่า “พวกเจ้าชื่อเรียงเสียงไร พักกันอยู่ที่ไหน แล้วไอ้เจ้าเจิ้นกวนซี เจ้านายที่พูดถึงนี่มันอยู่ที่ไหน”
ผู้เฒ่าตอบว่า “ข้าน้อยแซ่จิน เป็นคนที่สอง เรียกจินเอ้อ 金二 ส่วนลูกสาวชื่อว่า ชุ่ยเหลียน 翠莲
เจ้านายท่านเจิ้ง เปิดร้านขายเนื้ออยู่ที่เชิงสะพานจ้วงหยวนชื่อว่า เจิ้งถู 郑屠 ฉายา ผู้คุมกวนซี 镇关西 (เจิ้นกวนซี)
พวกเราสองพ่อลูกพักกันอยู่ที่โรงเตี๊ยมบ้านหลู่ที่ประตูตะวันออกข้างหน้านี่เองแหละ”
หลู่ต๋าได้ฟังก็ว่า “ถุย ! นึกว่าเจ้านายเจิ้งที่ไหน ที่แท้ก็ไอ้เจิ้งถู คนฆ่าหมู ไอ้โสโครก มาขออาศัยนายท่านฉงจิงเลวี่ยผู้เยาว์เปิดร้านขายเนื้อ กลับมาวางก้ามรังแกคน” แล้วหันมาหาสื่อจิ้นหลี่จงบอกว่า
“พวกท่านทั้งสองรออยู่ที่นี่ ส่าเจียไปฆ่าเจ้าเจิ้งถู เดี๋ยวมา”
สื่อจิ้นหลี่จงรีบฉุดรั้งห้ามเอาไว้
“พี่ท่าน เย็นไว้ เย็นไว้ พรุ่งนี้ค่อยไป”
หลู่ต๋าหันมาบอกว่า “ผู้เฒ่ามานี่ ส่าเจียให้ค่าเดินทางท่าน พรุ่งนี้กลับไปตงจิงเสียเป็นไง”
สองพ่อลูกบอกว่า “ถ้าได้กลับบ้าน ก็เหมือนได้เกิดใหม่ แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมคงไม่ยอมให้ไป มิเช่นนั้นเจ้านายท่านเจิ้งก็จะมาไล่เบี้ยเอากับเขาแทน”
หลู่ถีเสียว่า “เรื่องนั้นไม่ยาก ข้ามีวิธี” แล้วล้วงเอาเงินออกมาห้าตำลึงวางไว้บนโต๊ะ หันมาหาสื่อจิ้นว่า
“วันนี้ส่าเจียติดเงินมาไม่มาก เจ้ามีเงินเอามาให้ยืมก่อน ส่าเจียคืนให้พรุ่งนี้”
สื่อจิ้นว่า “เท่าไหร่กันเชียว ต้องให้พี่ท่านคืนด้วย” แล้วก็หยิบเอาเงินแท่งสิบตำลึงในกระเป๋าออกมาแท่งหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ
หลู่ต๋ามองดูหลี่จงแล้วว่า “ท่านด้วย เอามาให้ส่าเจียยืมหน่อย”
หลี่จงล้วงเงินติดตัวออกมาได้สองตำลึงวางไว้บนโต๊ะ
หลู่ต๋ามองว่าน้อยจึงว่า “นี่มันไม่เต็มใจให้”
แล้วหลู่ต๋าก็หยิบเงินเพียงสิบห้าตำลึงมอบให้จินเอ้อพร้อมกำชับว่า “ท่านพ่อลูกเก็บไว้เป็นค่าเดินทาง ไปเก็บของให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปส่ง ดูสิว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมจะกล้าขวางไหม”
ผู้เฒ่ากับลูกสาวก็ลากลับไป จัดเก็บสัมภาระ ชำระเงินค่าที่พักทั้งสิ้น และเตรียมหารถสำหรับเดินทางในวันรุ่งขึ้น
หลู่ต๋าหยิบเงินสองตำลึงบนโต๊ะโยนคืนให้หลี่จง แล้วทั้งสามก็นั่งดื่มกันต่อจนอิ่มหนำ พอออกจากร้านหลู่ต๋าก็ตะโกนบอกว่า
“เก้าแก่ ค่าเหล้าพรุ่งนี้ส่าเจียค่อยมาจ่าย”
“ตามสบายท่านถีเสีย กลัวแต่จะไม่มาอุดหนุน” เถ้าแก่ตอบ
ทั้งสามแยกทางกัน สื่อจิ้นหลี่จงต่างกลับโรงแรมที่พัก หลู่ต๋ากลับห้องของตนที่หน้าจวนจิงเลวี่ย พอถึงห้องก็เข้านอนทั้งที่หงุดหงิดกรุ่นอยู่
ยามห้าเช้ามืดวันรุ่งขึ้น หลู่ต๋าออกจากห้องพักเพื่อไปส่งผู้เฒ่าจินและลูกสาวเดินทางกลับเมืองหลวง เมื่อเดินมาถึงโรงเตี๊ยมบ้านหลู่ก็ตะโกนถามเสี่ยวเอ้อว่า “เสี่ยวเอ้อ เฒ่าจินพักห้องไหน”
ผู้เฒ่าจินได้ยินก็ออกมาต้อนรับ “เจ้านาย เชิญนั่งด้านใน”
“นั่งทำไม จะไปก็รีบไป มัวรออะไร”
ผู้เฒ่าจินหาบสัมภาระพาลูกสาวจะก้าวออกนอกประตู
เสี่ยวเอ้อรีบเข้ามายุดไว้ “เฒ่าจิน จะไปไหน”
“เขาค้างค่าห้องหรือไง” หลู่ต๋าถาม
“ค่าห้องเมื่อวานก็จ่ายเรียบร้อยแล้วขอรับ แต่หนี้ที่ค้างเจ้านายเจิ้งท่านยังไม่ได้จ่าย เจ้านายท่านให้คอยจับตาดูขอรับ”
“เงินของเจิ้งถู ส่าเจียจ่ายให้เอง เจ้ารีบปล่อยพ่อลูกกลับบ้านเสีย”
เสี่ยวเอ้อไม่ยอมปล่อย หลู่ต๋าโกรธจัด กางมือตบหน้าให้หนึ่งฉาด เลือดกบปาก ตามด้วยหนึ่งหมัด ฟันหลุดสองซี่ ล้มลง เสี่ยวเอ้อตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งหายไปหลบหลังร้าน เถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ผู้เฒ่าสองพ่อลูกรีบหาบของไปยังรถที่นัดแนะกันไว้ก่อนหน้า
หลู่ต๋าเกรงว่า เสี่ยวเอ้อจะวิ่งไปขัดขวางอีก จึงคว้าม้านั่งมานั่งขวางอยู่กลางโถง นั่งอยู่สองชั่วยามคะเนว่าพวกเฒ่าจินคงไปได้ไกลแล้วจึงลุกขึ้น เดินอาดๆ มายังสะพานจ้วงหยวน
ทางด้านเจิ้งถูเปิดร้านขายเนื้อ มีลูกมือชำแหละหมูอยู่สิบคน หลู่ต๋าเดินมาถึงก็ตะโกนเรียก “เจิ้งถู !”
เจิ้งถูเห็นหลู่ถีเสียก็รีบลุกออกจากโต๊ะบัญชีมาต้อนรับ แล้วหาม้านั่งมาให้ “ถีเสียท่าน เชิญนั่ง”
หลู่ต๋านั่งลงแล้วบอกว่า “มีบัญชาจากนายท่านจิงเลวี่ย เอาเนื้อแดงสิบชั่ง สับให้ละเอียด ห้ามติดมันให้เห็น”
“ได้เลย” แล้วหันไปสั่งลูกน้อง “เอ้า เลือกเนื้อสวยๆ มาสิบชั่ง”
หลู่ต๋าว่า “พวกนั้นมือสกปรก เจ้านั่นแหละ แล่เอง”
“พูดถูกต้อง ผู้น้อยลงมือเอง” แล้วคัดเอาเนื้อแดงไม่ติดมันอย่างดีมาลงมือหั่น
ทางด้านเสี่ยวเอ้อโรงแรมเอาผ้าพันหัว เดินมาจะฟ้องเจิ้งถู เห็นหลู่ต๋านั่งอยู่ก็ไม่กล้าเข้ามา ได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ
เสียเวลาไปร่วมชั่วโมง เจิ้งถูก็สับเนื้อเสร็จนำใบบัวมาห่อเรียบร้อยแล้วบอกว่า “ท่านถีเสีย เดี๋ยวให้คนเอาไปส่ง”
“ส่งอะไร รอเดี๋ยว เอามาอีกสิบชั่ง มันล้วนๆ ห้ามติดเนื้อ สับละเอียดเหมือนกัน”
เจิ้งถูตะหงิดๆ มาแต่แรกแล้ว จึงถามว่า “เนื้อแดงล้วน พอเข้าใจว่าใช้ห่อไส้เกี๊ยว มันล้วนนี่ใช้ทำอะไร”
หลู่ต๋าถลึงตาว่า “บัญชานายท่าน กำชับส่าเจียไว้ ใครกล้าไปถาม”
เจิ้งถูว่า “ของจำต้องใช้ ผู้น้อยจัดให้” เลือกเอามันล้วนมาสับเสร็จแล้วห่อใบบัวเรียบร้อย
1
หมดเวลาไปทั้งเช้า เสี่ยวเอ้อโรงแรมไม่กล้าเข้ามาฟ้อง ลูกค้าก็ไม่กล้าเข้ามาซื้อของ
“เสร็จแล้ว เดี๋ยวให้คนช่วยท่านถีเสียเอาของไปส่ง”
“เอากระดูกอ่อนอีกสิบชั่ง สับให้ละเอียด ห้ามมีเนื้อติด”
1
ชัดเจน เจิ้งถูไม่สงสัยอีก จึงหัวเราะแล้วถามว่า “คงไม่ได้มาล้อข้าเล่นละมัง”
หลู่ต๋ารอจังหวะนี้มาทั้งเช้า โดดผลุงขึ้นคว้าเนื้อทั้งสองห่อ ถลึงตาจ้องเจิ้งถู “ส่าเจีย ตั้งใจมาล้อเจ้าเล่นโดยเฉพาะ”
ว่าแล้วก็ฉีกเนื้อทั้งสองห่อขว้างโปะใส่หน้าเจิ้งถู เศษเนื้อกระจายร่วงพรูดังห่าฝน
เจิ้งถูโมโหจัด ความโกรธแล่นตรงจากส้นเท้าสู่กระหม่อม ไฟโทสะลุกโชนจนสุดกลั้น คว้าได้มีดถอดกระดูกจากเขียง กระโจนเข้าใส่
หลู่ถีเสียสาวเท้ามายืนรออยู่กลางถนน คนเดินถนนทั้งสองฝั่งหยุดยืนนิ่งสนิท เสี่ยวเอ้อโรงแรมกลัวจนยืนนิ่งเป็นท่อนไม้
1
เจิ้งถูกำมีดในมือขวา มือซ้ายหมายคว้าหลู่ต๋า แต่ถูกหลู่ต๋าจับกดไว้ แล้วถลันมาเตะใส่หน้าท้องเจิ้งถูกระเด็นไปกองอยู่กลางถนน หลู่ต๋าก้าวเข้ามาเอาเท้าเหยียบลงบนยอดอก ง้างหมัดดั่งค้อนทั่งกล่าวว่า
“ส่าเจียสมัยอยู่กับนายท่านฉงผู้เฒ่า ตะลุยมาทั่วกวนซี ยังไม่เคยอ้างตัวเป็นผู้คุมกวนซี 镇关西 แกไอ้คนแล่เนื้อขายหมู แค่หมาตัวหนึ่ง กล้าเรียกตัวเองว่าผู้คุมกวนซี ทำไมต้องหลอกบังคับจินชุ่ยเหลียน”
1
หมัดที่หนึ่งกระแทกปากจมูกเอียงไปข้างหนึ่ง เลือดพุ่งกบเต็มหน้า ชิมได้หลากหลายรสชาติ
เจิ้งถูเพิ่งรู้สาเหตุ มีดกระเด็นไปทางหนึ่ง นอนลุกไม่ขึ้น แต่ยังปากดี “ชกได้ดี”
“ไอ้สังวาสมารดา 直娘贼 ยังกล้าเถียงอีก” หลู่ต๋าด่าหยาบคายด้วยภาษาพ่อขุน
หมัดที่สองกระแทกเบ้าตาจนกระบอกตาแตก ลูกตาถลนออกนอกเบ้า แลเห็นหลากหลายสีสัน
จีนมุงสองฝั่งกลัวสยดสยอง ไม่มีใครกล้าออกหน้าห้าม เจิ้งถูทนไม่ไหว ร้องขอชีวิต
“เชอะ ! ไอ้ชาติชั่ว 破落户 ถ้ากล้าอีกนิด ส่าเจียอาจไว้ชีวิต นี่มาร้องขอชีวิต ส่าเจียไม่ไห้”
หมัดที่สามกระแทกใส่กกหู ได้ยินหลากหลายสรรพเสียงระเบิดขึ้นพร้อมกัน
หลู่ต๋าไม่ใช่มือใหม่หัดฆ่า เห็นเจิ้งถูนอนแน่นิ่ง มีแต่ลมออกไม่มีลมเข้า จึงแกล้งด่าว่า “ไอ้หมอนี่ยังมาแกล้งตาย เดี๋ยวโดนอีกหมัด” แล้วสาวเท้าเดินหนี หันกลับมาชี้หน้าด่าอีก
“ทำเป็นแกล้งตาย ส่าเจียค่อยกลับมาจัดการ” ด่าไปส่ายอาดๆ ก้าวไป ไม่มีใครกล้ารั้งตัวไว้
พอมาถึงห้องพัก ก็รีบเก็บเสื้อผ้าข้าวของเงินทองใส่ห่อผ้ามัดไว้ปลายกระบอง เอาพาดบ่า ออกมาทางประตูเมืองทิศใต้ ฝุ่นไม่ทันจางหนีหายลับไป
คนทางบ้านเจิ้งถูมาช่วยปฐมพยาบาลเป็นนาน อย่างไรก็ไม่ฟื้น เห็นว่าตายแน่จึงมาแจ้งความยังตุลาการ ตุลาการเห็นว่าผู้ถูกฟ้องเป็นถีเสียในสังกัดจวนจิงเลวี่ย จึงรีบขึ้นเกี้ยวมาปรึกษายังจวน ท่านฉงจิงเลวี่ยผู้เยาว์จึงว่า
“หลู่ต๋าผู้นี้เป็นคนวู่วาม ในเมื่อทำความผิดถึงฆ่าคนตาย ก็มิรู้จะปกป้องได้อย่างไร แต่อย่างไรเสียหลู่ต๋าผู้นี้เป็นทหารในสังกัดท่านฉงจิงเลวี่ยผู้เฒ่าบิดาของข้า ข้ายืมตัวมาเพราะที่นี่ขาดคน หากชำระความเป็นสัจต้องลงโทษอย่างไร ก็ต้องแจ้งแก่ท่านบิดา มิฉะนั้น ท่านมาทวงคนคืนจะไม่มีให้”
ตุลาการกลับมาออกหมายจับให้พนักงานสอบสวนไปกุมตัวหลู่ถีเสีย แต่พบว่าหนีไปเสียแล้ว จึงออกประกาศจับ แจ้งอายุ บ้านเกิด รูปพรรณสัณฐาน ตั้งรางวัลนำจับหนึ่งพันก้วน ส่งต่อไปยังเมืองอื่นๆ ด้วย
หลู่ต๋าสังหารเจิ้นกวนซีแล้วรีบหนีออกจากเว่ยโจวก็ไม่มีจุดหมาย เร่ร่อนไปหลายเมือง เจอคนก็คอยหลบหน้า
失群的孤雁,趁月明独自贴天飞;
漏网的活鱼,乘水势翻身冲浪跃。
不分远近,岂顾高低。
心忙撞倒路行人,脚快有如临阵马。
ห่านป่าพลัดหลงฝูง
เหินฟ้าสูงโดยแสงแข
ปลาเป็นรอดร่างแห
โลดคลื่นโดยกระแสน้ำ
ไม่แยกใกล้หรือไกล
ไยสนใจสูงหรือต่ำ
ปะคนจนใจจำ
เร่งเท้าดังม้าล่าไล่
ตอนก่อนหน้า : ลงลาย หรือ บุปผา
https://www.blockdit.com/posts/65142b6b8af874cccbc923df
ตอนถัดไป : บวชสงฆ์ลงลาย
https://www.blockdit.com/posts/6516cf0be1bc0d6d843eef1f
บันทึก
1
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย