29 ก.ย. 2023 เวลา 13:20 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 10

หลู่จื้อเซิน สงฆ์ลงลาย (3) บวชสงฆ์ลงลาย
หลู่ต๋าซัดเซอยู่เดือนกว่าสองเดือนก็มาถึงอำเภอยั่นเหมินเมืองไต้โจว 代州雁门县 เห็นตลาดคึกคักนักแม้เป็นเพียงอำเภอก็มีร้านรวงมากมายผู้คนขวักไขว่เหมือนกับตัวเมืองใหญ่
หลู่ต๋าเห็นที่สี่แยกมีคนมุงดูแผ่นกระดานกันอยู่แน่น
扶肩搭背,交颈并头。
纷纷不辨贤愚,扰扰难分贵贱。
张三蠢胖,不识字只把头摇;
李四矮矬,看别人也将脚踏。
白头老叟,尽将拐棒拄髭须;
绿鬓书生,却把文房抄款目。
行行总是萧何法,句句俱依律令行。
ไหล่เบียดไหล่บังหลัง
หัวสะพรั่งคอสลอน
เขลาฉลาดไม่ขาดตอน
มีหรือจนต่างยุดยื้อ
โง่อ้วนอย่างจางซาน
ส่ายหัวอ่านงงหนังสือ
เตี้ยม่อต้อหลี่สื้อ
เหยียบเขาดูแทบล้มทับ
ผู้เฒ่าผมหงอกขาว
ถือไม้เท้าหนวดเคราขยับ
บัณฑิตผมดำขลับ
จับข้อความบันทึกจด
เป็นแถวแถวล้วนตามกฎ   เซียวเหอกำหนด
เป็นคำคำตามกฎหมาย
 
(เซียวเหอ 萧何 อัครเสนาบดียุคบุกเบิกราชวงศ์ฮั่น)
1
หลู่ต๋าเดินแหวกฝูงคนเข้าไปดูก็เห็นประกาศจับติดอยู่แต่หลู่ต๋าอ่านไม่ออก หลายคนในฝูงชนก็อ่านไม่ออกเช่นกัน คนรู้หนังสือผู้หนึ่งอ่านออกเสียงให้ฟังใจความว่า
“ทางอำเภอยั่นเหมินรับประกาศต่อมาจากเมืองเว่ยโจวว่า มีหมายจับคนร้ายชื่อ หลู่ต๋า เป็นถีเสียของจวนจิงเลวี่ย ข้อหาฆ่าเจิ้งถูตาย หากผู้ใดช่วยเหลือให้ที่พักพิง ถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน ผู้ใดจับตัวได้หรือมีเบาะแสแจ้งแก่ทางการ มีรางวัลนำจับเป็นเงินหนึ่งพันก้วน”
พอฟังมาถึงนี่ ก็ได้ยินคนเรียกจากด้านหลัง
“พี่จาง มาทำอะไรที่นี่ “ พร้อมทั้งน้าวเอวดึงตัวออกจากสี่แยกไป
คนที่เรียกและฉุดตัวหลู่ต๋าก็คือผู้เฒ่าจินที่หลู่ต๋าช่วยไว้ที่เว่ยโจว
“ผู้มีพระคุณ ในประกาศนั่นเขียนรูปพรรณของท่านเอาไว้ ดีที่ผู้น้อยเห็นท่านก่อน หากพวกทางการเห็นเข้าคงมาจับท่าน”
หลู่ต๋าก็เล่าเรื่องที่ตนต้องระเหเร่ร่อนจนมาถึงที่นี่ เริ่มจากการช่วยเฒ่าจินสองพ่อลูก แล้วก็ถามว่าทำไมเฒ่าจินจึงไม่ได้กลับไปเมืองหลวง
1
เฒ่าจินเล่าให้ฟังว่า
“แต่แรกก็ตั้งใจจะกลับตงจิงอยู่ แต่กลัวว่าทางเจิ้งถูจะส่งคนไล่ตาม จึงเปลี่ยนเส้นทางขึ้นเหนือ ก็ให้เผอิญมาพบกับเพื่อนบ้านที่เมืองหลวงออกมาค้าขายและกำลังจะเดินทางมาที่ยั่นเหมินนี่ จึงอาศัยร่วมขบวนเดินทางมาด้วยจนถึงที่นี่
เขาก็ใจดีแนะนำเจ้าสัวแซ่เจ้า 赵员外 ที่เมืองนี้ให้รู้จักกับลูกสาว จึงได้มาเป็นอนุนอกบ้าน ความเป็นอยู่ก็สุขสบายขึ้น ทั้งนี้ล้วนเป็นบุญคุณของท่านผู้มีพระคุณ
ทางชุ่ยเหลียนก็เล่าให้สามีฟังบ่อยๆ ถึงเรื่องของท่านผู้มีพระคุณ เจ้าสัวเองก็เป็นคนรักการฝึกเพลงอาวุธ ยังเคยเปรยว่า ทำอย่างไรจึงจะได้พบผู้มีพระคุณท่านสักครั้ง
อย่างไรก็เชิญท่านไปพักที่บ้านก่อน แล้วค่อยหาลู่ทางกันต่อ”
เดินกันมาไม่ถึงครึ่งลี้มาถึงบ้านหลังหนึ่ง เฒ่าจินแหวกม่านประตูตะโกนบอกว่า “ลูกเอ๋ย ผู้มีพระคุณท่านอยู่นี่”
หญิงสาวแต่งหน้าหนา เครื่องประดับล้วนแต่งดงามมีราคาก้าวออกมาต้อนรับ
จินชุ่ยเหลียนนับว่ามีเสน่ห์ไม่เบา แยกทางกันไม่นานก็หาสามีเลี้ยงดูได้อู้ฟู่ ราศีต่างกับที่พบกันครั้งแรก
金钗斜插,掩映乌云;
翠袖巧裁,轻笼瑞雪。
樱桃口浅晕微红,春笋手半舒嫩玉。
纤腰袅娜,绿罗裙微露金莲;
素体轻盈,红绣袄偏宜玉体。
脸堆三月娇花,眉扫初春嫩柳。
香肌扑簌瑶台月,翠鬓笼松楚岫云。
ปิ่นทองเสียบวับแวมแซมเมฆดำ
ร่างงามขำในอาภรณ์เขียวปราณีต
ปากอิงเถาแต้มแต่งสีแดงซีด
หัตถ์กรีดกรายหน่อวสันต์อันชวนมอง
เอวอ่าองค์อ้อนแอ้นอรชร
กระโปรงโปร่งบางซ่อนปทุมสอง
รูปร่างแบบบางงามตาต้อง
ชุดแดงปักป้องกายหยกละม้าย
พักตราพริ้มปริ่มผกาคราเดือนสาม
คิ้ววาดงามใบหลิ่วพลิ้วฝนสาย
กายกรุ่นกลิ่นถึงเหยาไถขจรขจาย
ผมดำสยายปรกผาฉู่เขาวูซาน
(หอหยกเหยาไถ 瑶台 ที่อาศัยของเทพและเซียน)
(ขุนเขาแดนฉู่ 楚岫 คือ วูซาน 巫山 รมณียสถานของหนุ่มสาวตามตำนานเทพีวูซานกับฉู่อ๋อง)
จินชุ่ยเหลียนเชิญหลู่ต๋าเข้ามาในบ้านแล้วก็กราบคารวะหกครั้งกล่าวว่า
“หากไม่ได้ผู้มีพระคุณช่วยเอาไว้ ไหนเลยจะมีวันนี้”
หลังคารวะเสร็จก็กล่าวว่า “ขอเชิญผู้มีพระคุณขึ้นไปนั่งยังชั้นบนเถิด”
ห้องของหญิงสาวชั้นบนนั้นจัดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว การพาชายหนุ่มขึ้นไปนั้น อาจนำพาไปสู่ความเข้าใจผิดได้ แต่ในกรณีนี้จินชุ่ยเหลียนนับถือหลู่ต๋าว่าเป็นผู้มีพระคุณ
เฒ่าจินกับคนใช้ไปตลาดจับจ่ายของสด เหล้ายาปลาปิ้ง นำมาปรุงอาหาร จัดโต๊ะเลี้ยงดูหลู่ต๋าและคุยกันเรื่องสัพเพเหระ
กระทั่งถึงเวลาเย็น พลันได้ยินเสียงเอะอะที่ชั้นล่าง หลู่ต๋าเปิดหน้าต่างชะโงกดูชั้นล่างก็เห็นชายฉกรรจ์ยี่สิบกว่าสามสิบคน แต่ละคนล้วนถือกระบอง มีผู้นำขี่ม้าตะโกนบอกว่า
“ไปจับตัวลงมา อย่าให้โจรหนีไปได้”
เฒ่าจินโบกไม้โบกมือตะโกนบอกว่า “อย่าเพิ่งลงมือ” แล้วรีบวิ่งลงมาชั้นล่าง ตรงไปพูดอะไรกับชายที่ขี่ม้า คนผู้นั้นหัวเราะแล้วก็ไล่พวกที่ถือกระบองให้แยกย้ายกันไป
เฒ่าจินก็กลับขึ้นมาเชิญหลู่ต๋าลงไปชั้นล่าง ชายผู้นั้นลงจากหลังม้ามาคารวะหลู่ต๋ากล่าวว่า
“ได้ยินชื่อไม่เหมือนได้พบหน้า ได้พบหน้าเหนือกว่าได้ยินชื่อ ถีเสียท่านโปรดรับการคารวะ”
เฒ่าจินแนะนำว่า
“ท่านผู้นี้ก็คือเจ้าสัวเจ้า ได้ฟังว่าข้าน้อยพาชายหนุ่มเข้ามาในบ้านจึงพาคนมาดูให้เห็นกับตา ตอนนี้ให้คนพวกนั้นกลับไปแล้ว”
หลู่ต๋าจึงว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เรื่องนี้คงโทษท่านเจ้าสัวไม่ได้”
เจ้าสัวเจ้าเชิญหลู่ต๋ากลับขึ้นไปชั้นบนแล้วเชิญให้นั่งที่ประธาน หลู่ต๋าบ่ายเบี่ยงว่าจะได้อย่างไร
เจ้าสัวเจ้ายืนยันว่า “เป็นมารยาทในการพบหน้า ได้ยินภรรยาเล่าให้ฟังถึงความกล้าหาญของท่าน วันนี้ได้พบนับเป็นวาสนา” แล้วตั้งโต๊ะกินดื่มกันอีกรอบ เจ้าสัวเจ้าถามถึงเรื่องการจัดการกับเจิ้งถู แล้วคุยเรื่องอื่นกันต่อจนดึกดื่น
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าสัวเจ้าเห็นว่าที่บ้านหลังนี้ไม่เหมาะที่จะหลบภัย จึงเชิญหลู่ต๋าไปยังคฤหาสน์ของตน
“อยู่ห่างจากที่นี่ราวสิบลี้ เรียกว่า หมู่บ้านชีเป่า 七宝村”
หลู่ต๋าอำลาเฒ่าจินสองพ่อลูกขึ้นม้าขี่มากับเจ้าสัวเจ้ามุ่งสู่คฤหาสน์
หลู่ต๋าพักอยู่ที่บ้านชีเป่าราวหนี่งสัปดาห์ เช้าวันหนึ่งเฒ่าจินมีท่าทีเร่งรีบเข้ามาหาระหว่างที่หลู่ต๋ากำลังสนทนาอยู่กับเจ้าสัวเจ้า เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงบอกว่า
“ผู้มีพระคุณ อย่าหาว่าข้ามากเรื่อง วันก่อนที่เจ้าสัวพาคนไปยังบ้านนั้น เป็นที่ผิดสังเกต จึงมีคนนำเรื่องไปแจ้งต่อทางการ เมื่อวานนี้มีคนสามสี่คนมาหาข่าวแถวบ้าน คาดว่าเร็วๆ นี้คงจะตามมาจนถึงคฤหาสน์”
“เช่นนั้นแล้ว ส่าเจียควรไปเสียจากที่นี่” หลู่ต๋าว่า
 “ข้าคิดว่าพอมีทางหลบภัยได้ แต่เกรงถีเสียท่านจะไม่ยินยอม” เจ้าสัวเจ้ากล่าว
 “ส่าเจียสมควรตายอยู่แล้ว หากมีที่หลบภัย เหตุใดจึงจะไม่ยินยอม”
เจ้าสัวเจ้าจึงว่า “ห่างจากที่นี่ราวสามสิบลี้คือเขาอู่ไถ 五台山 บนเขามีอาศรมเหวินซู 文殊院 เป็นวิหารพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ 文殊菩萨 มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ราวเจ็ดร้อยรูป หลวงพ่อจื้อเจิน 智真长老 เจ้าอาวาสนั้นเป็นพี่น้องกับข้า นับแต่ปู่ข้าก็เป็นผู้อุปถัมภ์วัดแห่งนี้ ข้าเองเคยตั้งใจจะหาคนบวชอุทิศให้วัดนี้คนหนึ่งแต่ยังหาคนสมัครใจไม่ได้ เครื่องอัฐบริขารก็ล้วนจัดเตรียมไว้พร้อมแล้วทั้งสิ้น หากถีเสียท่านยินยอม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการออกบวชนั้นเป็นภาระข้าเอง มิทราบว่าถีเสียท่านยินดีปลงผมหรือไม่”
หลู่ต๋าตรองดูแล้วเห็นว่า หากไปจากที่นี่แล้วก็ต้องหลบหนีเรื่อยไป มิสู้เลือกเส้นทางนี้ จึงตอบว่า “สุดแล้วแต่ท่านเจ้าสัวจะเป็นเจ้าภาพ  ส่าเจียเต็มใจออกบวช”
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าสัวเจ้าให้จัดเกี้ยวสำหรับตนและหลู่ต๋า ให้คนแบกขึ้นเขาอู่ไถ เมื่อมาถึงวัดได้พบหลวงพ่อจื้อเจินเจ้าอาวาส
山门侵翠岭,佛殿接青云。
钟楼与月窟相连,经阁共峰峦对立。
香积厨通一泓泉水,众僧寮纳四面烟霞。
老僧方丈斗牛边,禅客经堂云雾里。
白面猿时时献果,将怪石敲响木鱼;
黄斑鹿日日衔花,向宝殿供养金佛。
七层宝塔接丹霄,千古圣僧来大刹。
ประตูผาท้ารุกบุกยอดดอย
พระวิหารสอยเมฆาบนฟ้าคราม
หอระฆังตั้งต่อจันทราราม
หอไตรตรงข้ามเทือกเขาประจัน
โรงครัวมีหนึ่งบ่อน้ำใส
กุฏิสงฆ์ไล้อาบฟ้าแดงแสงสวรรค์
เจ้าอาวาสจำเจอวัวชนสนั่น
หอสวดมนต์หมั่นเมามัวเมฆหมอก
ลิงหน้าขาวเฝ้าถวายผลไม้
นำหินเคาะดังไม้บักฮื้อตอก
เก้งกวางน้อยเฝ้าถวายมวลไม้ดอก
บรรจงบอกบูชาพุทธาทอง
เจดีย์เจ็ดชั้นแตะฟ้าต้อง   สงฆ์แปลกแหกผอง
กำลังมาสู่อาราม
หลวงพ่อพามายังห้องเจ้าอาวาสแล้วเชิญนั่ง หลู่ต๋านั่งลงยังที่นั่งเจ้าอาวาส ร้อนถึงเจ้าสัวเจ้าต้องมากระซิบบอกให้ลุก บรรดาสงฆ์อาวุโสที่อยู่ในห้องด้วยเห็นกริยาอาการของหลู่ต๋าเป็นแปลก เมื่อรู้ว่าเจ้าสัวเจ้าจะให้หลู่ต๋ามาบวชที่วัดจึงพากันเข้าพบเจ้าอาวาสคัดค้านว่า “ผู้ที่จะมาบวชนั้น ดูลักษณะท่าทางดุร้าย นานไปเกรงจะก่อปัญหาต่อวัดเรา”
เจ้าอาวาสว่า “เขาเป็นคนที่เจ้าสัวเจ้าให้มาบวชตามที่ตั้งปณิธาน ย่อมต้องเห็นแก่หน้าของท่านเจ้าสัว แต่ในเมื่อพวกท่านยังมีข้อสงสัย อาตมาก็จะตรวจสอบดู” แล้วก็จุดธูปเทียนเข้าฌานทำสมาธิ จนธูปหมดก้านจึงตอบแก่หมู่สงฆ์ว่า
1
“ให้เขาปลงผมเถิด คนผู้นื้คือดาวสวรรค์จุติ จิตใจเที่ยงตรง แม้จะมีลักษณะดุร้าย หนทางชีวิตสับสน แต่นานไปจะชำระล้างจนบริสุทธิ์ บรรลุธรรมไม่ธรรมดา แม้แต่พวกท่านก็ยังไม่บรรลุถึงขั้นนั้น จงจำคำอาตมาไว้ อย่าได้ขัดขวางเลย”
เจ้าอาวาสเลือกวันฤกษ์ดีทำพิธีปลงผม บวชให้หลู่ต๋า จดลงในใบสุทธิพระ 度牒 ให้ฉายาว่า จื้อเซิน 智深
วันรุ่งขึ้น หลังจากเสร็จพิธีแล้ว เจ้าสัวเจ้าเตรียมตัวกลับ หลังจากอำลาเจ้าอาวาส ก็ขอพบหลู่จื้อเซิน แล้วกำชับว่า
“น้องเรา นับแต่วันนี้ ชีวิตไม่เหมือนเดิม ต้องเคร่งครัดในศีล มิอาจทำสิ่งใดตามอำเภอใจ มิเช่นนั้น อาจไม่ได้พบกันอีก เสื้อผ้าเครื่องใช้หากมีขาดเหลือจะให้คนนำมาส่งให้”
1
หลังจากเจ้าสัวเจ้าลงเขาไปแล้ว หลู่จื้อเซินก็กลับเข้าจำวัดทันที ศิษย์วัดอื่นเห็นจึงมาปลุกบอกว่า ไม่ใช่เวลาจำวัด ยังต้องฝึกสมาธิเข้าฌาน หลู่จื้อเซินฟังคำพระต่างๆ ไม่รู้เรื่อง เข้าใจไปคนละอย่าง นับแต่อยู่ในวัด หลู่จื้อเซินไม่เคยสำรวม ซ้ำร้ายกว่านั้น แม้ยามปวดปัสสาวะ ก็ยังขับในโบสถ์หรือวิหาร เป็นที่อิดหนาระอาใจของพระลูกวัดอื่นๆ
1
หลู่จื้อเซินเองก็อิดหนา เหนื่อยหน่าย ขาดทั้งเหล้าทั้งเนื้อ เจ้าสัวเจ้าก็ไม่ส่งเนื้อและเหล้าที่ขาดเหลือมาให้
ตอนก่อนหน้า : สามหมัดดับเจิ้นกวนซี
ตอนถัดไป : โทษของสุรา
2

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา