30 ก.ย. 2023 เวลา 13:37 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 11

หลู่จื้อเซิน สงฆ์ลงลาย (4) โทษของสุรา
หลู่จื้อเซินอยู่บนเขาอู่ไถอย่างเรียกว่าสงบมาได้ห้าเดือนจนย่างเข้าสู่ต้นฤดูหนาว หลู่จื้อเซินสวมจีวรสีดำก้าวออกจากวัดเป็นครั้งแรก เดินเรื่อยมานั่งพักยังศาลาที่กิ่วเขา
“干鸟么 นกเขาฝ่อเอ๊ย” หลู่จื้อเซินสบถคำหยาบเป็นภาษาพ่อขุน
“แต่ก่อนเนื้อมีกินไม่ขาดปาก ให้ส่าเจียมาออกบวช หิวจนไส้กิ่วหมดแล้ว
เจ้าสัวเจ้าก็ไม่ส่งของดีมาให้กินบ้าง แล้วจะไปหาเหล้าได้ที่ไหนบ้างเนี่ย”
ขณะรำพึงถึงเหล้า ก็เห็นหนุ่มคนหนึ่งหาบอะไรมาสองถัง ในมือถือกระบวย เดินร้องเพลงขึ้นเขามา
九里山前作战场,牧童拾得旧刀枪。
风吹起乌江水,好似虞姬别霸王。
โพ้นดอยเก้าลี้มีสมรภูมิรบ
โคบาลพบศาสตราวุธแต่ก่อนเก่า
ลมกรรโชกกระแสธารอันทึมเทา
ดังฉากเศร้าหวีจีพรากจากป้าอ๋อง
หนุ่มมานั่งพักหาบที่ศาลาด้วยกัน หลู่จื้อเซินทักว่า
“เออ ไอ้หนุ่ม ในถังมีอะไร”
“เหล้าดี”
“ถังละเท่าไรล่ะ”
“หลวงพี่ ท่านล้อเล่นหรือเปล่า”
“ส่าเจียล้ออะไรเจ้าเล่น”
หนุ่มตอบว่า “เหล้านี่น่ะ ข้าหาบขึ้นไปขายพวกคนงานคนครัวในวัด เจ้าอาวาสเคยสั่งไว้ ห้ามขายให้สงฆ์
เดี๋ยวจะถูกลงโทษ ทวงเงินคืนแถมไล่ออกจากบ้าน เงินทุนนี่ก็ยืมมาจากวัด บ้านก็อาศัยที่วัดอยู่ ใครกล้าขายให้ท่าน”
หลู่จื้อเซินถามอีกว่า “ไม่ขายจริงน่ะ”
“ฆ่าให้ตายก็ขายไม่ได้”
“ส่าเจียไม่ฆ่าเจ้าหรอก แค่ขอซื้อเหล้ากิน”
หนุ่มเห็นท่าไม่ดี รีบหาบของหนี หลู่จื้อเซินตามมาคว้าไม้คานไว้สองมือแล้วยกเท้าถีบแค่ทีเดียว หนุ่มก็ล้มก้นกระแทกลุกไม่ขึ้น หลู่จื้อเซินหิ้วเหล้าทั้งสองถังไปยังศาลา เก็บกระบวยขึ้นมาเปิดฝาถังตักดื่มอย่างสาใจ พักเดียวก็หมดถังแรก แล้วก็หันมาบอกหนุ่มว่า
“ไอ้หนุ่ม พรุ่งนี้ค่อยมาเอาเงินที่วัด” ไม่ได้พกเงินมาเสียอีก
2
หนุ่มเพิ่งหายเจ็บ กลัวก็กลัวเจ้าอาวาส ใครจะกล้าไปทวงเงินค่าเหล้าที่วัด ลุกขึ้นได้ก็ตักเหล้าที่เหลือแบ่งเป็นสองถัง ฉวยกระบวยได้ รีบหาบหนีไปอย่างไว
หลู่จื้อเซินนั่งพักยังศาลาครึ่งค่อนวัน เหล้าประดังขึ้นมา เดินย้ายมานั่งที่โคนต้นสนอีกครู่ใหญ่ เหล้าขย้อนขึ้นมาอีกจึงลุกถอดสบงท่อนบนออกเอาแขนมาผูกไว้รอบเอว เห็นลายสักลายพร้อยทั้งหน้าหลัง เดินโยกไหล่มายังประตูซานเหมินของวัด 山门
1
ประตูซานเหมิน 山门 หรือประตูผา นี้เป็นประตูสำคัญของศาสนสถานในนิกายมหายาน คือประตูหน้าสุดของวัด มีสามช่องประตู จะเป็นเพียงซุ้มประตูที่มีหรือไม่มีบานประตู เป็นส่วนหนึ่งของกำแพง หรือยืนโดดๆ ก็ได้ หากเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงอาจมีหรือไม่มีโถงประตู ถ้ามีโถงประตู จะมีทวารบาลเป็นเทพนายประตู 2 องค์อยู่ด้านซ้ายและขวา
แต่แรกนั้น วัดมักตั้งตามป่าเขา ประตูหน้าจึงเรียกว่า 山门 ซานเหมิน เป็นประตูผา สำแดงว่าเริ่มเข้าสู่บริเวณวัด ต่อมา แม้วัดที่ตั้งในชุมชน ก็ยังคงเรียกประตูหน้าว่า ซานเหมิน หรือประตูผา ด้วย
เนื่องด้วยประตูนั้นทำเป็นสามช่อง จึงมีการตีความเป็นปริศนาธรรมว่า 山门 ก็คือ 三门 ซานเหมิน ออกเสียงใกล้เคียงกัน หมายถึง สามประตูแห่งการปลดปล่อย 三解脱 คือ 空、无相、无愿  จิตว่าง ว่างจากรูป ว่างจากความอยาก
ประตูซานเหมินของวัดพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ในท้องเรื่องนี้ จะเป็นประตูหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของกำแพง มีบานประตู และโถงประตู มีเทพทวารบาลซ้ายและขวา
ยามสองคนที่เฝ้าประตูวัดถือไม้ตะพดในมือคอยจ้องอยู่เดินมาขวางหลู่จื้อเซินไว้ตวาดว่า
“ท่านเป็นศิษย์พระพุทธองค์ ไยจึงเมามายถึงเพียงนี้ขึ้นเขามา หากตาไม่บอดคงเห็นประกาศของท่านเจ้าอาวาสว่า ภิกษุใดผิดศีลเสพของมึนเมา ต้องเฆี่ยนสี่สิบที แล้วไล่ลงเขา หากพวกข้าปล่อยท่านเข้าไป ก็ต้องโทษสิบที ท่านรีบลงเขาไปเสีย ข้าจะเว้นโทษเฆี่ยนให้”
หลู่จื้อเซินเพิ่งออกบวช สันดานเดิมยังไม่เปลี่ยน ถลึงตาด่าคำหยาบภาษาพ่อขุนว่า
“直娘贼 ไอ้สังวาสมารดา พวกเจ้ากล้าเฆี่ยนส่าเจีย ข้าก็เล่นด้วยสักตั้ง”
ยามคนหนึ่งเห็นท่าไม่ดีก็รีบวิ่งหนีไปรายงานสงฆ์ผู้ดูแลวัด ส่วนอีกคนเอาตะพดหวดใส่ หลู่จื้อเซินปัดไว้แล้วยกมือตบหน้าฉาดหนึ่งจนเซ แล้วตามเข้าชกอีกหมัดล้มลงคาประตู
“ส่าเจียไว้ชีวิตเจ้า” แล้วเดินซัดเซเข้าวัดไป
สงฆ์ผู้ดูแลวัดได้รับรายงานแล้วก็ตามคนงานมายี่สิบกว่าคนต่างถือไม้พลองพากันออกมา หลู่จื้อเซินแลเห็นก็คำรามเสียงดั่งฟ้าร้อง ย่างสามขุมเข้ามา พวกคนงานไม่เคยรู้ว่าหลู่จื้อเซินเป็นทหารเก่าแต่เห็นท่าทางดุดันก็พากันถอยไปหลบในหอไตร หลู่จื้อเซินพังประตูหอเข้าไป พวกคนงานถูกต้อนเข้ามุมก็หวนกลับมารุมสู้ สงฆ์ผู้ดูแลวัดรีบไปฟ้องเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสพร้อมพระอุปัฏฐากห้ารูปมาถึงก็ตวาดใส่ว่า
“จื้อเซิน อย่าเสียมารยาท”
หลู่จื้อเซินจำเสียงเจ้าอาวาสได้ ทิ้งไม้พลองลงพื้นหันมาคารวะเจ้าอาวาสแล้วกล่าวว่า
“จื้อเซินดื่มไปแค่สองชาม ไม่ได้ไปแหย่อะไรพวกมัน พวกมันกลับพากันมาตีส่าเจีย”
เจ้าอาวาสว่า “เห็นแก่หน้าอาตมา ไปนอนเสีย พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
“หากไม่เห็นแก่ท่านเจ้าอาวาส ส่าเจียจะต้องอัดเจ้าพวกลาหัวเถิก 秃驴 ให้ตาย”
เจ้าอาวาสให้พระอุปัฏฐากพยุงหลู่จื้อเซินไปจำวัดเสีย
เช้าวันรุ่งขึ้น หลวงพ่อจื้อเจินให้พระอุปัฏฐากไปตามจื้อเซินมา หลู่จื้อเซินยังไม่ตื่น พอถูกปลุกก็ตาลีตาเหลือกแต่งตัวแล้วเกิดปวดปัสสาวะ จึงยืนขับเสียที่หลังวิหาร แล้วลนลานมาพบท่านเจ้าอาวาส
เจ้าอาวาสว่า “จื้อเซินแม้เดิมทีเป็นนักรบ แต่เมื่อเจ้าสัวเจ้าพามาบวชกับอาตมาแล้ว ก็ต้องรักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัด หนึ่งห้ามฆ่าสัตว์ สองห้ามลักทรัพย์ สามห้ามผิดกาเม สี่ห้ามพูดปด ห้าห้ามเสพของมึนเมา
สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับผู้ออกบวชคือ ห้ามดื่มสุรา แต่เมื่อวาน กลับเมาจนขาดสติ ทุบตีผู้คน พังประตูหอไตร เอะอะโวยวาย ทำไมจึงประพฤติเช่นนั้น”
หลู่จื้อเซินว่า “ต่อไปมิกล้าแล้ว”
เจ้าอาวาสว่า “เมื่อออกบวชแล้ว ละเมิดศีลเสพสุรา ก้าวล่วงสิกขาบท หากมิใช่เห็นแก่หน้าท่านเจ้าสัวเจ้า คงต้องขับออกจากวัด วันหลังก็อย่าได้ประพฤติอีก”
从来过恶皆归酒,我有一言为世剖。
地水火风合成人,面曲米水和醇酎。
酒在瓶中寂不波,人未酣时若无口。
谁说孩提即醉翁,未闻食糯颠如狗。
如何三杯放手倾,遂令四大不自有!
几人涓滴不能尝,几人一饮三百斗。
亦有醒眼是狂徒,亦有酕醄神不谬。
酒中贤圣得人传,人负邦家因酒覆。
解嘲破惑有常言,酒不醉人人醉酒。
 
但凡饮酒,不可尽欢,常言:“酒能成事,酒能败事。”便是小胆的吃了,也胡乱做了大胆,何况性高的人?
1
หายนะล้วนจากสุรา   แต่ไหนไรมา
โปรดพิจารณาเอา
ดินน้ำลมไฟสร้างคนมีเลือดเนื้อ
แป้งเชื้อราน้ำผสมบ่มเป็นเหล้า
เหล้าอยู่ดีในขวดนั้นนิ่งเนา
คนไม่เมาไม่เผยพล่ามวาจา
ใครต่างรู้ทั้งเด็กแลแก่ขี้เหล้า
ไม่มึนเมาไม่มีล้มเหมือนหมา
แล้วไยยามร่ำสามจอกสุรา
ตามมาด้วยสี่แล้วลืมตัวตนไป
กี่คนที่สักหยดลิ้มมิได้
กี่คนไซร้ดื่มทีสามสี่ไห
บ้างยามสร่างก็ยังคลั่งเหลือใจ
บ้างก็เมามากไปเทพหน่ายเอา
ร่ำลือว่าในเหล้านั้นมีปราชญ์
แต่คนเสียชาติบ้านเมืองก็เพราะเหล้า
คำเตือนตัวเตือนตนแต่นานเนา
เหล้าไม่ทำคนเมา คนเมาเอง
ยามดื่มเหล้า ควรดื่มแต่พอประมาณ กล่าวกันว่า
“酒能成事,酒能败事。”
“สุราบรรลุกิจได้ สุราบรรลัยกิจได้”
คนขลาดเขลา กลับสำคัญตนว่าเก่งกาจ มิพักต้องพูดถึงคนที่อารมณ์รุนแรงอยู่แล้ว
ตอนก่อนหน้า : บวชสงฆ์ลงลาย
ตอนถัดไป : ไม้เท้า หรือ พลั่ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา