Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
2 ต.ค. 2023 เวลา 13:46 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 13
หลู่จื้อเซิน สงฆ์ลงลาย (6) เมาสุราป่วนเขาอู่ไถ
หลู่จื้อเซินออกจากร้านตีเหล็กแล้วเดินมาได้ยี่สิบกว่าก้าวก็เห็นป้ายร้านเหล้าแพลมอยู่ใต้ระเบียงจึงเดินไปพลิกม่านขึ้น ก้าวเข้าไปในร้านหาที่นั่งแล้วเอามือเคาะโต๊ะตะโกนว่า
“เอาเหล้ามา”
เถ้าแก่ร้านเหล้าบอกว่า
“ขออภัยด้วยท่านอาจารย์ ร้านของผู้น้อยอยู่ในเขตวัด เงินทุนก็อาศัยวัด ท่านเจ้าอาวาสสั่งไว้ว่า ห้ามขายเหล้าให้สงฆ์ที่วัด มิฉะนั้นจะต้องคืนเงินและย้ายออกไป ต้องขออภัยด้วย”
“หลับหูหลับตาขายให้หน่อย ส่าเจียไม่เอ็ดไปหรอก”
“หลับหูหลับตาไม่ได้หรอก ท่านอาจารย์ลองหาที่อื่นดูเถิด ขออภัย ขออภัยจริงๆ”
หลู่จื้อเซินจึงจำต้องลุกขึ้นแต่ยังหันมาบอกว่า
“ส่าเจียไปหาที่อื่นก็ได้ เดี๋ยวค่อยกลับมาคุยกัน”
ถึงร้านเหล้าจะมีเยอะ แต่หลู่จื้อเซินเข้าร้านไหนก็ถูกปฏิเสธทุกร้าน ไม่ว่าจะตี๊ออย่างไรก็ไม่ยอมขายเหล้าให้ ผ่านไปแล้วห้าร้าน หลู่จื้อเซินจึงคิดว่าหากไม่ใช้อุบายคงอดเหล้าแน่ แลไปสุดท้ายตลาดเห็นยังมีอีกร้านซอมซ่อสักหน่อย
傍村酒肆已多年,斜插桑麻古道边。
白板凳铺宾客坐,须篱笆用棘荆编。
破瓮榨成黄米酒,柴门挑出布青帘。
更有一般堪笑处,牛屎泥墙尽酒仙。
ร้านเหล้าเปิดข้างหมู่บ้านมานานปี
เอียงเอนที่หว่างหมู่หม่อนริมทางเก่า
ม้าไม้ขาวไว้ลูกค้าอุดหนุนเหล้า
รอบรั้วเอาไม้หนามเลื้อยคลุมทำ
ไหแตกแตกหมักได้เหล้าข้าวทอง
ผ้าม่านเขียวต้องใช้ไม้ยันค้ำ
ทั้งยังมีอีกเรื่องที่น่าขำ
รอบกำแพงมูลวัวล้วนเซียนเมา
หลู่จื้อเซินเข้าไปในร้านเลือกที่นั่งริมหน้าต่างแล้วตะโกนว่า
“เถ้าแก่ มาขายเหล้าให้พระหน่อย”
เจ้าของร้านมองแล้วมองอีกถามว่า “หลวงพี่ ท่านมาจากไหน”
“ข้าเดินเท้าผ่านมาทางนี้ เลยแวะหาเหล้าดื่มสักชาม”
“หลวงพี่ หากท่านเป็นพระอาจารย์บนเขาอู่ไถ ข้าขายให้ไม่ได้นา”
“ส่าเจียไม่ได้เป็น เจ้ารีบไปเอาเหล้ามาขาย”
เถ้าแก่เห็นหลู่จื้อเซินหน้าตาพิกล สุ้มเสียงก็แปลกถิ่น จึงถามว่า
“ท่านจะรับเหล้าสักเท่าไรดี”
“ไม่ต้องถามว่าเท่าไร ตักมาชามใหญ่ๆ”
ดื่มไปได้ราวสิบชาม จื้อเซินก็ถามว่า “เนื้อล่ะ เอามาจานหนึ่ง”
เถ้าแก่ว่า “ตอนแรกก็พอมีเนื้อขายอยู่หรอก แต่ตอนนี้หมดแล้ว”
จื้อเซินได้กลิ่นเนื้อจึงตามกลิ่นออกมานอกร้าน เห็นริมกำแพงมีสุนัขต้มอยู่ในหม้อดิน จึงกล่าวว่า
“ที่ร้านก็มีเนื้อหมาอยู่ ทำไมไม่ขาย”
“ข้าเกรงว่าท่านเป็นผู้ออกบวช คงไม่กินเนื้อหมา จึงไม่ได้ถาม”
“ส่าเจียมีเงินอยู่นี่” แล้วก็โยนเงินให้เถ้าแก่ไป “เจ้าก็แบ่งเอามาให้ครึ่งตัว”
เถ้าแก่แบ่งเนื้อสุนัขมาพร้อมน้ำจิ้ม หลู่จื้อเซินฉีกกินอย่างหนำใจจนปากมันแผล็บ แกล้มเหล้าไปอีกสิบกว่าชาม จนเถ้าแก่ต้องร้องบอก “หลวงพี่ เพลาๆ หน่อย”
“ส่าเจียไม่ได้กินของเจ้าเปล่าๆ ยุ่งอะไรด้วย เอาเหล้ามาอีกหนึ่งถัง”
ชั่วครู่เดียวเหล้าถังนั้นก็หมดไป จื้อเซินคว้าน่องสุนัขที่เหลือยัดใส่อกเสื้อ ก่อนก้าวออกจากร้านหันมาบอกว่า
“เงินที่จ่ายเกิน พรุ่งนี้ค่อยมากินใหม่”
เถ้าแก่ร้านตาเหลือกใบ้กิน รู้ว่าพลาดไปแล้ว ได้แต่มองตามจื้อเซินเดินขึ้นเขาอู่ไถไป
จื้อเซินเดินมาถึงศาลากลางเขานั่งพักได้ครู่หนึ่ง เหล้าก็เอ่อขึ้นมา จึงกระโดดลุกขึ้นแล้วว่า “ไม่ได้ออกไม้ออกหมัดบ้าง มันให้เมื่อยล้านัก ส่าเจียมาแก้ขัดยอกสักยกสองยก”
กำแขนเสื้อไว้กระชับในมือทั้งสอง แกว่งแขนขึ้นลงรวบรวมพลังอยู่พักหนึ่งแล้วก็ใช้ไหล่กระแทกเข้าใส่เสาศาลา ได้ยินเสียงไม้ปริลั่นอยู่พักหนึ่ง เสาก็หักลง ศาลาล้มเอียงไปข้างหนึ่ง เสียงดังไกลไปถึงครึ่งลี้
ยามเฝ้าประตูวัดทั้งสองได้ยินเสียงผิดปกติบริเวณกลางเขา มองลงมาก็เห็นหลู่จื้อเซินเดินล้มๆ ลุกๆ ขึ้นเขามา
“แย่แล้ว ไอ้สัตว์นี่เมาเละอีกแล้ว รีบปิดประตูลงกลอนเสีย” แล้วแอบมองลอดช่องประตูก็เห็นหลู่จื้อเซินมาถึงประตูแล้วแต่เห็นปิดอยู่ จึงใช้กำปั้นทุบเรียกประตูอยู่พักหนึ่ง ไม่มีใครตอบ จึงบิดตัวมาด้านซ้ายแลเห็นรูปปั้นทวารบาลยืนชูกำปั้นอยู่
“ไอ้หัวนกเขานี่” จื้อเซินด่าคำหยาบเป็นภาษาพ่อขุน “ไม่ช่วยเคาะประตู แล้วยังมาชูกำปั้นขู่ส่าเจีย ข้าไม่กลัวเอ็งหรอก”
หลู่จื้อเซินกระโดดขึ้นไปบนฐานรูปปั้น เอื้อมมือถอนเสารั้วมาหนึ่งต้น หวดกระหน่ำใส่ขาของทวารบาล ปูนและสีแตกร่วงกราวซู่ซ่า นิ่งครู่หนึ่งก็หันไปตวาดใส่ทวารบาลทางด้านขวาว่า
“ไอ้หมอนี่ก็แหกปากเสียกว้างหัวเราะเยาะส่าเจีย”
แล้วกระโจนขึ้นไปบนฐาน ฟาดขารูปปั้นสองที ยินเสียงดังโครมสนั่น รูปทวารบาลล้มครืนลง จื้อเซินชูไม้หักในมือขึ้นหัวเราะอย่างสาใจ
ยามทั้งสองวิ่งมาฟ้องเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสกล่าวว่า “อย่าไปแหย่เขา พวกเจ้าแยกย้ายไปเถิด”
เหล่าสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ก็พากันมารายงานเจ้าอาวาสว่า “เจ้าแมวป่าวันนี้เมาไม่น้อย พังศาลาและทวารบาลเสียหายหมดแล้ว จะทำเช่นไรดี”
เจ้าอาวาสว่า “แต่ไรมา โอรสสวรรค์ยังต้องหลีกทางให้คนเมา 自古天子尚且避醉汉 อย่าว่าแต่สงฆ์ชราอย่างอาตมาเลย ทวารบาลที่เสียหายไป ก็ให้เจ้าสัวเจ้าโยมอุปัฏฐากของเขามาสร้างองค์ใหม่ ศาลาที่ล้มไปก็ให้เขาซ่อมแซมเสีย แล้วแต่เขาเถิด”
1
เหล่าสงฆ์ว่า “ทวารบาลเป็นเทพนายประตู จะเอาองค์ใหม่มาเปลี่ยนได้อย่างไร”
เจ้าอาวาสว่า “อย่าว่าแต่ทวารบาลเลย แม้จะทำลายองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลางวิหารไปก็จะเป็นไรมี ขอเพียงทำให้กลับใจได้ พวกท่านเห็นการก่อกรรมในภายหน้าหรือ”
เหล่าสงฆ์ออกจากกุฏิเจ้าอาวาส ต่างว่า “ช่างเป็นเจ้าอาวาสไผ่บ้องตันโดยแท้”
“ยามประตู อย่าได้เปิดประตู รออยู่ด้านในนี่แหละ”
จื้อเซินอยู่ด้านนอกตะโกนด่าด้วยภาษาพ่อขุนมาเป็นชุด
“ไอ้พวกสังวาสมารดาลาหัวเถิก ถ้าไม่ให้ส่าเจียเข้าวัด ก็จะเผาประตูนี่ทิ้ง เผาทั้งไอ้วัดหัวนกเขานี่ด้วย”
เหล่าสงฆ์ได้ฟังก็จำต้องสั่งให้ยามถอดกลอนประตูเสีย มิฉะนั้นวัดคงถูกเผาจริง
หลู่จื้อเซินผลักประตูวัดเข้ามาแล้วก็เสียหลักล้มลง ลุกขึ้นมาได้เอามือลูบหัวไปมา แล้วตรงไปยังหอปฏิบัติธรรม พอถึงข้างอาสนะก็ก้มลงอาเจียนเต็มพื้นเหม็นคละคลุ้ง หลู่จื้อเซินปีนขึ้นนั่งบนอาสนะฉีกสบงออก คว้าเอาน่องสุนัขออกมาว่า “ดีดี กำลังหิวอยู่” แล้วก็ฉีกเนื้อสุนัขกิน
พวกพระลูกวัดอื่นต่างยกแขนเสื้อบังหน้า สองรูปกำลังเดินหนี หลู่จื้อเซินฉีกเนื้อถามรูปหนึ่งว่าจะกินไหม แล้วหันมาเอาเนื้อยัดใส่ปากอีกรูปหนึ่ง อีกสี่ห้ารูปพยายามเข้ามาห้าม หลู่จื้อเซินปาเนื้อในมือทิ้ง ใช้กำปั้นปั่นหัวพวกพระเล่น ต่างแตกฮือกันออกนอกหอไปหลบที่ระเบียง ก็พอดีสงฆ์ผู้ดูแลตามคนงานวัดมาร้อยกว่าคนต่างถือไม้พลองมาถึง
1
หลู่จื้อเซินจึงย้อนกลับเข้าหอไปล้มโต๊ะบูชา หักขาโต๊ะมาสองขาต่างอาวุธ เข้าตะลุมบอนกับพวกคนงาน หวดซ้ายป่ายขวาอุตลุดจนเจ็บระนาวไปตามๆ กัน
เจ้าอาวาสมาถึงตวาดใส่ว่า “จื้อเซิน อย่าได้เสียมารยาท ศิษย์ทั้งหลายได้โปรดหยุดมือ”
หลู่จื้อเซินตอนนี้สร่างเมาแล้วถึงเจ็ดแปดส่วน ทิ้งขาโต๊ะในมือแล้วตะโกนว่า “ท่านเจ้าอาวาส ช่วยชำระความให้ส่าเจียด้วย”
เจ้าอาวาสกล่าวว่า “จื้อเซิน เจ้าทำให้อาตมาลำบากใจอีกแล้ว ที่เมาสุราก่อกวนไปครั้งก่อน อาตมาได้แจ้งความแก่ท่านเจ้าสัวเจ้า ท่านมีหนังสือมาขออภัยต่อเหล่าสงฆ์ มาครั้งนี้ยังคงเมามายล่วงเกินสิกขาบถ ทำให้ศาลาและรูปทวารบาลเสียหาย ก็คงเป็นท่านเจ้าสัวอีกที่ต้องมาชดใช้ เจ้าทำร้ายผู้คนมีบาปไม่น้อย ศาสนสถานพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ณ เขาอู่ไถแห่งนี้ เป็นแดนธรรมอันสงบร่มเย็นมานับร้อยพันปี คงปล่อยให้เจ้าย่ำยีไม่ได้ เจ้าจงไปอยู่ในกุฏิเดียวกับอาตมาสักสองสามวัน อาตมาคงต้องจัดแจงหาที่พำนักใหม่ให้เจ้า”
วันรุ่งขึ้น เจ้าอาวาสจื้อเจินทำหนังสือเล่าความที่เกิดให้คนนำไปส่งให้เจ้าสัวเจ้า เจ้าสัวมีหนังสือตอบมาว่า ศาลา ทวารบาล และสิ่งของที่เสียหายนั้นตนจะเป็นผู้ชดใช้ให้ สำหรับจื้อเซินนั้นให้ท่านเจ้าอาวาสจัดการตามที่เห็นสมควร
เจ้าอาวาสเห็นหนังสือตอบแล้วก็เรียกหลู่จื้อเซินมาพบ มอบเครื่องบริขารชุดใหม่ให้แล้วกล่าวเท้าความถึงเรื่องที่จื้อเซินก่อไว้และหนังสือตอบของเจ้าสัวเจ้า แล้วกล่าวต่อว่า
“จื้อเซิน เจ้าคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว อาตมามีศิษย์ผู้น้อง ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดต้าเซี่ยงกว๋อ 大相国寺 ที่ตงจิง 东京 ฉายาท่านอาจารย์จื้อชิง 智清 อาตมาได้เขียนหนังสือฉบับนี้ฝากฝังเจ้าไว้แก่เขาแล้ว
เมื่อคืนนี้ อาตมาได้ตรองดูแล้ว มีคาถา 偈子 สี่คำที่ขอมอบให้เจ้า ควรจดจำเอาไว้ให้ดี และดำเนินตามไปตลอดชีวิต”
หลู่จื้อเซินกราบคารวะแล้วกล่าวว่า “ส่าเจียเต็มใจรับฟังคาถา”
คาถา ในเมืองจีนนั้นมี 2 ประเภท
1 คาถาทั่วไป 通偈 มาจากคาถาภาษาบาลีที่ใช้เป็นบทสวดมนต์หรือ 偈颂
2 คาถาจำแนก 别偈 มักมี 4 คำ แต่ละคำอาจมี 4-7 อักษร ใช้อธิบาย หรือตีความข้อธรรม
เจ้าอาวาสกล่าวคาถาว่า
“遇林而起,遇山而富,遇水而兴,遇江而止。”
“พบดงแล้วเริ่ม พบเขาแล้วรวย พบน้ำแล้วรุ่ง พบนทีแล้วร้าง”
หลู่จื้อเซินรับฟังคาถาแล้วกราบคารวะเก้าคำรบ เก็บหนังสือแนะนำตัวขึ้น จัดแจงสัมภาระ กล่าวลาเหล่าสงฆ์ อำลาเขาอู่ไถ
ตอนก่อนหน้า : ไม้เท้า หรือ พลั่ว
https://www.blockdit.com/posts/651978a5b20cb9285b4ce51a
ตอนถัดไป : เขยบ้านดอกท้อ
https://www.blockdit.com/posts/651c1c7b3408156bd6c3fc63
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย