Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
•
ติดตาม
7 ต.ค. 2023 เวลา 06:45 • นิยาย เรื่องสั้น
ตอน ต้องเสน่ห์สาวงาม
เมอร์คิวเรียสเดินถึงบ้านของแวนรุจเวนพบว่าบ้านของแวนรุจเวนต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูกเพราะเมื่อมองจากภายนอกแล้วมันมีขนาดใหญ่ หลังคาแบบแกมเบรลอันเป็นทรงจั่วที่มีสันราดเอียงสองแนวทำให้เห็นถึงความกว้างใหญ่ ผนังอาคารและปล่องไฟก่อด้วยอิฐสีแดงอันเนื่องจากส่วนผสมของแร่เหล็กขับเน้นให้อาคารดูมีสีสันโดดเด่น
ภายในคฤหาสน์มีการตกแต่งอย่างสวยงามลงตัว จัดวางด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหรา ผนังห้องแต่ละด้านจะมีภาพเขียนแขวนไว้ ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด บ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของบ้านอย่างชัดเจน
1
แคลส์ผู้รอบรู้เคยเล่าว่าแวนรุจเวนช่างโชคดีที่ได้แต่งงานกับมาเรียเดอนัต ลูกสาวของคหบดีแห่งเมืองเดลฟท์ ไม่มีใครรู้ว่าแวนรุจเวนเคยทำงานอะไรมาก่อนแต่งงาน แต่ปัจจุบันนี้เขาโดดเด่นในสังคมชั้นสูง อีกทั้งยังได้เป็นสมาชิกเทศบาลอีกด้วย
แวนรุจเวนมาจากครอบครัวที่นับถือนิกายเรมอนสแตรนต์ซึ่งแยกมาจากโปรเตสแตนต์ ซึ่งเมอร์คิวเรียสอดสงสัยไม่ได้ว่าแวนรุจเวนคิดเห็นอย่างไรกับผู้ร้ายคดีนี้ เพราะนิกายนี้เชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ลงโทษผู้กระทำบาปทั้งหมด จนกว่าจะถึงวันพิพากษา ซึ่งหากใครไม่เชื่อเช่นนี้ จิตใจของเขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมานกับการรอคอยวันนั้น
เมื่อเมอร์คิวเรียสเข้าไปในบ้าน จัดแจงถอดเสื้อคลุมส่งให้สาวใช้ไปเก็บ ระหว่างรอเจ้าของบ้านเมอร์คิวเรียสถือโอกาสเดินชมภาพวาดที่ตกแต่งไว้ข้างฝาผนัง จนมาสะดุดตาตรงภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบขนาดเล็กภาพหนึ่งกว้างสิบห้านิ้วสูงสิบเจ็ดนิ้ว
ภาพวาดนี้เป็นภาพของหญิงสาวมีผ้าโพกผมสีน้ำเงินปล่อยปลายผ้าสีเหลืองทองห้อยลงมาถึงช่วงไหล่ เธอสวมเสื้อสีทองคอปกสีขาว แสงที่สาดส่องมาจากด้านซ้าย ทำให้ตุ้มหูไข่มุกสะท้อนแสงจนโดดเด่น เธอเหลียวหน้ามาหาคนดูภาพจนผู้ดูรู้สึกได้ ใบหน้าหญิงสาวดูสดใสร่าเริง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยเหมือนจะเอ่ยปากพูดกับผู้ดู ฉากหลังเป็นสีดำทำให้ใบหน้าหญิงสาวยิ่งโดดเด่น ที่มุมบนซ้ายเมอร์คิวเรียสมองเห็นชื่อจิตรกรปรากฏว่าผู้วาดรูปนี้คือเฟอร์เมร์เพื่อนรักของเขานี่เอง
"สวัสดีครับอาจารย์เมอร์คิวเรียส ผมขออภัยที่ปล่อยให้ต้องรอ" แวนรุจเวนเดินเข้ามาที่ห้องรับแขกพร้อมกับหญิงสาวสองคน
"ไม่เป็นไรครับท่านรุจเวน"
"ท่านผู้นี้คืออาจารย์เมอร์คิวเรียสจากมหาวิทยาลัยไลเดน อาจารย์ครับนี่คือมาเรีย เดอนัต ภรรยาผม และสาวน้อยผู้นี้คือลูกสาวสุดที่รักของผม แมกดาเลนา ครับ"
แมกดาเลนามีใบหน้ารูปวงรี มีคิ้วเข้มโค้งมน มีดวงตากลมโตแจ่มใส จมูกที่โด่งพอดี ทั้งหมดถูกจัดวางราวกับพระผู้เป็นเจ้าเนรมิตร เธอสวมใส่อาภรณ์สีแดงที่กระชับสัดส่วนขับเน้นทรวงอกและองเอวที่งดงาม
สายตาเมอร์คิวเรียสจ้องมองใบหน้าของแมกดาเลนาจนเธอรู้สึกเขินอาย เมอร์คิวเรียสยอมรับว่าเขาไม่เคยพบหญิงสาวที่ไหนงดงามเช่นนี้มาก่อน เขามองเธอนานจนเริ่มรู้ตัวว่าพ่อแม่ของสาวสวยผู้นี้ก็ยืนอยู่ด้วย จึงรีบหันมามองที่แวนรุจเวนแทน
"ช่างบังเอิญที่ลูกสาวผมมีชื่อเหมือนกับเด็กสาวที่หายไป ต่างกันเพียงลูกสาวผมอายุสิบหกปีแล้ว" แวนรุจเวนกล่าว
จากการที่เมอร์คิวเรียสและแวนรุจเวนได้พูดคุยกัน เมอร์คิวเรียสรู้สึกได้ถึงความสามารถในการเจรจาของเขาที่รู้จักเลือกใช้จังหวะจะโคนที่เหมาะสม บางช่วงก็ใช้ระดับเสียงที่ค่อย บางช่วงก็ใช้ระดับเสียงที่ดัง แต่ทุกคำพูดล้วนเลือกใช้คำที่กระชับและชัดถ้อยชัดคำราวกับเป็นนักเทศน์
ในระหว่างรับประทานอาหาร แวนรุจเวนได้แสดงความเป็นห่วงลูกสาวในการเลือกคู่ครอง เขากล่าวว่าชายหนุ่มที่เข้ามาพูดคุยกับลูกสาวของเขาต่างก็มุ่งหวังทรัพย์สมบัติ เขาปรารถนาที่จะได้ลูกเขยที่มีอนาคตสดใส มีจิตใจดีงาม รักลูกสาวเขาอย่างจริงใจ ไม่ได้หวังทรัพย์สมบัติ
"ดิฉันก็คิดเช่นเดียวกับสามีค่ะ" คุณนายรุจเวนยืนยัน
"พ่อคะ แม่คะ พวกท่านพูดเช่นนี้จะทำให้แขกของเรารู้สึกกระอักกระอ่วนนะคะ" แมกดาเลนากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสนจะไพเราะเสนาะหู
เมอร์คิวเรียสมองไปที่เจ้าของเสียง สังเกตเห็นแก้มของเธอออกสีแดงเพราะความเขินอาย
"ไม่มีอะไรที่อาจารย์จะต้องรู้สึกอย่างนั้นเลยลูก พ่อมั่นใจว่าอาจารย์ท่านเห็นโลกมามากแล้ว เรื่องอย่างนี้ท่านไม่ถือสาหรอก พ่อเชื่อว่าภรรยาที่ดีย่อมเป็นที่ปรารถนาของสามีทุกคนและนำมาซึ่งความสุขในครอบครัว" แวนรุจเวนกุมมือภรรยาแล้วยิ้มให้เธอด้วยสายตาที่บ่งยอกถึงความรัก
เมอร์คิวเรียสรู้สึกสับสนกับการแสดงออกของแวนรุจเวนเพราะมันขัดแย้งกับเรื่องราวที่เขาได้ฟังมาว่าแวนรุจเวนมีนิสัยเจ้าชู้ ชอบล่วงเกินสาวใช้ เมอร์คิวเรียสหันไปมองหน้าสาวใช้วัยกลางคนสองคนที่กำลังจัดวางจานบนโต๊ะ คิดว่าถ้าแวนรุจเวนชอบล่วงเกินสาวใช้จริงๆ มันน่าจะเกิดขึ้นในเวลากลางคืนอันมืดมิดจนไม่สามารถมองเห็นหน้าพวกเธอ
"อาจารย์เห็นด้วยกับผมไหมว่าสามีรูปงามกับภรรยาแม่ศรีเรือนถือเป็นคู่สร้างคู่สมกัน"
เมอร์คิวเรียสเห็นว่าในฐานะนักบวชเขาไม่สมควรตอบคำถามนี้ ดูเหมือนว่าแวนรุจเวนพยายามหว่านล้อมเขาให้เห็นดีเห็นงามว่าแมกดาเลนาเป็นหญิงสาวที่เพรียบพร้อมในการเป็นภรรยา
อันที่จริงถ้าหากเขาคิดจะปักหลักปักฐานมีครอบครัวที่เดลฟท์ก็นับว่ามีโอกาสอย่างมาก เพราะนายกเทศมนตรีได้บอกเขาว่าศาสนาจารย์ที่นิวเคิร์กใกล้เกษียณแล้ว และเขามีคุณสมบัติพร้อมที่จะรับตำแหน่งนี้ที่สุด
เมอร์คิวเรียสพยายามถามใจตัวเองว่า แล้วเขาคิดอย่างไรกับแมกดาเลนาล่ะ? นอกเหนือจากเรื่องความมั่งคั่งของเธอแล้ว รอยยิ้มที่มีลักยิ้มของเธอช่างมีเสน่ห์เย้ายวนใจขนาดที่หินพร้อมที่จะหลอมละลายได้ อีกทั้งผิวพรรณอันขาวเนียนไร้ตำหนิ ล้วนทำให้จิตใจเขาต้องหวั่นไหว
เขาอยากจะคุกเข่าลงต่อหน้าเธอแล้วขอจุมพิตมืออันอ่อนนุ่มของเธอซึ่งเขามั่นใจว่าเธอจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน เพราะเขาได้สาบานไว้แล้วว่าจะถือพรหมจรรย์ ทุกอย่างคงต้องจบเพียงแค่นี้ แล้วรอวันที่เขาจะสารภาพบาปต่อไป
หลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ คุณนายรุจเวนและแมกดาเลนาได้ขอตัวออกไป ปล่อยให้เมอร์คิวเรียสและแวนรุจเวนคุยกันสองต่อสอง แวนรุจเวนชวนเมอร์คิวเรียสย้ายไปนั่งคุยกันริมหน้าต่าง
"ลูกสาวผมคนนี้ เธอเป็นหญิงสาวที่ทั้งสวยและฉลาดนะครับ ไม่ทราบว่าอาจารย์มีคู่หมั้นคู่หมายหรือยังครับ?"
การตอบคำถามนี้มันง่ายมาก ถ้าเขาตอบว่าเขามีคู่หมั้นแล้วทุกอย่างก็จะจบลงทันที แต่นั่นหมายถึงเขาจะต้องพูดโกหก อีกอย่างหนึ่งเขาเริ่มสงสัยตัวเองแล้วว่าจิตใจเขายังคงหนักแน่นต่อคำสาบานที่จะรักษาพรหมจรรย์อยู่หรือไม่
"ไม่ครับ ผมยังไม่มีคู่หมั่นคู่หมายครับ ตอนนี้ผมมุ่งแต่เรื่องการสอนและการทำหน้าที่อีกหลายอย่าง"
"ดีแล้วครับ" แวนรุจเวนยิ้มอย่างมีความหวังเพราะเขาได้หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ในจิตใจเมอร์คิวเรียสเรียบร้อยแล้ว
"แล้วตอนนี้อาจารย์มีหญิงในดวงใจแล้วหรือยังครับ?"
ืเมอร์คิวเรียสถูกถามตรงๆอย่างนี้ ภาพใบหน้าลูซี่ก็ปรากฏขึ้นมาในหัวทันที ไม่สิฉันไม่เคยคิดอะไรอย่างนั้นกับลูซี่แน่นอน เมอร์คิวเรียสไม่ตอบแวนรุตเวนแต่ใช้วิธีเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
"ท่านครับ ท่านพอจะทราบคนที่ให้เช่าม้าไหมครับ?"
"ม้าหรือ? อาจารย์อยากขี่ม้าหรือครับ?"
"ใช่ครับ ผมต้องการเช้าม้าเพื่อขี่ไปกรุงเฮกพรุ่งนี้ครับ" เมอร์คิวเรียสเห็นแวนรุจเวนยังข้องใจจึงขยายความเพิ่ม
"อันที่จริงกรุงเฮกก็ไม่ไกลจากเดลฟท์เท่าใด ซึ่งสามารถเดินไปก็ได้เพียงแต่ผมอยากจะรีบกลับมาให้ทันพิธีถือศีลอดครับ"
ดูเหมือนแวนรุจเวนจะพึงพอใจกับคำอธิบายของเมอร์คิวเรียสซึ่งสังเกตได้จากสีหน้าของเขา
"อาจารย์ครับ ที่บ้านผมมีรถม้าครับ ผมจึงอยากอำนวยความสะดวกให้อาจารย์ครับ เอาอย่างนี้ไหมครับ พรุ่งนี้ผมจะให้คนใช้ผมขับรถม้าไปรับอาจารย์ที่โรงแรมแล้วไปส่งที่เฮก แล้วรับอาจารย์กลับมาส่งที่เดลฟท์"
"ท่านช่างมีจิตใจเอื้อเฟื้อมากเลยครับ ผมขอน้อมรับด้วยความขอบคุณครับ"
เมอร์คิวเรียสหวังว่าแวนรุจเวนคงไม่คิดเอาใจเขาในฐานะว่าที่ลูกเขยหรอกนะ
"ตกลงตามนั้นครับ เดี๋ยวผมขอตัวออกไปบอกลูกน้องก่อนนะครับ"
เมื่อแวนรุจเวนกลับเข้ามาเขาได้พาเมอร์คิวเรียสไปอีกห้องหนึ่ง ในห้องนั้นมาเรียเดอคนูจท์ภรรยาของเขากำลังช่วยขึงสะดึงปักผ้าให้แมกดาเลนา
"คุณเข้ามาพอดีเลย ฉันอยากจะขอให้คุณไปกับฉันเพื่อหาของบางอย่างหน่อยค่ะ"
"ได้เลยจ้า เดี๋ยวอาจารย์อยู่คุยกับแมกดาเลนาไปพรางๆก่อนนะครับ"
เมอร์คิวเรียสนั่งมองดูแมกดาเลนาปักผ้าจนเธอรูสึกเขินที่มีคนมาจ้องมอง
"อาจารย์เมอร์คิวเรียสเล่นดนตรีไหมคะ?"
"ก็พอจะเล่นให้ตัวเองฟังคนเดียวครับ" เขาไม่ได้โกหกเธอ เพราะเขาตีกลองได้เพียงอย่างเดียว
"พ่อแม่บอกน้องว่าความสามารถในการเล่นดนตรีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิงวัยรุ่น"
"ผมก็เชื่ออย่างนั้นครับ โชคดีที่ผมไม่ได้เป็นผู้หญิงและก็ไม่คิดจะเป็นผู้หญิงด้วย"
พอแมกดาเลนาได้ฟังเมอร์คิวเรียสพูดเข่นนี้เธออดขำไม่ได้ถึงกับต้องเอามือมาปิดปากแล้วหัวเราะออกมา
เมอร์คิวเรียสห้ามใจตนเองไม่ได้ที่รู้สึกพึงพอใจกับเสียงหัวเราะของเธอ จิตใจของเขาเริ่มปั่นป่วน ในหัวมีการต่อสู้กันระหว่างความปรารถนาของเพศชายกับความเป็นนักบวชของเขา จนในที่สุดเมื่อนึกถึงคำสาบานที่จะครองพรหมจรรย์เขาก็สามารถเรียกสติกลับมา
"ผมอยากถามหน่อยว่า น้องรู้จักแอนนาหรือเปล่าครับ?" เมอร์คิวเรียสพูดด้วยเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย
แมกดาเลนาหยุดหัวเราะแล้วมองเมอร์คิวเรียสด้วยความสงสัย เธอหยุดคิดสักครู่ก่อนที่จะตอบ
"น้องรู้จักเธอค่ะแต่เราไม่ได้สนิทกัน เธอมีอายุอ่อนกว่าน้องหลายปี พวกเราจะเจอกันก็เฉพาะเวลาที่พ่อแม่ของพวกเราเจอกันค่ะ ทุกครั้งที่น้องเจอเธอน้องรู้สึกว่าเธอดูไม่มีความสุข"
"หรือครับ แล้วทำไมน้องถึงรู้สึกอย่างนั้นครับ?"
"อันที่จริงน้องไม่สมควรวิจารณ์ผู้ใหญ่ แต่น้องรู้สึกว่าพ่อของแอนนาเป็นคนดุและไม่ค่อยแสดงความรักต่อแอนนาเลยไม่เหมือนพ่อของน้อง"
พอแมกดาเลนาพูดจบก็เป็นเวลาเดียวกับแวนรุจเวนเข้ามาพอดี
"ลูกพูดคุยอะไรกันอยู่หรือเล่าให้พ่อฟังได้หรือเปล่า?"
แมกดาเลนายังไม่ทันจะตอบเมอร์คิวเรียสชิงพูดขึ้นก่อน
"ลูกสาวท่านกำลังเล่าให้ผมฟังว่าท่านเป็นพ่อที่ใจดีกับเธอมากครับไม่เหมือนพ่อของแอนนา"
"อ๋อ! ครอบครัวเสตเตนช่างเป็นครอบครัวที่น่าเศร้าใจจริงๆครับ ผมเองก็รู้สึกว่าครอบครัวของแอนนาดูไม่ค่อยอบอุ่น คุณนายแมธธิวด์เป็นแม่ที่ดูเป็นห่วงแอนนามาก แต่คุณแวนเสตเตนดูไม่ค่อยเป็นคนใจดีเท่าใด ไม่ทราบว่าอาจารย์ได้พบคุณแวนเสตเตนหรือยังครับ?"
"เคยพบและพูดคุยกันแล้วครับ คุณแวนเสตเตนยังแสดงออกให้ผมเห็นว่าเขาปรารถนาที่จะได้ลูกสาวกลับมาอย่างปลอดภัยครับ"
แวนรุจเวนจับแก้วไวน์เอียงไปมาเพื่อดูแสงสะท้อนที่เปลี่ยนไปในแต่ละมุม
"ตอนที่อาจารย์คุยกับแวนเสตเตน อาจารย์สังเกตเห็นรูปปั้นจีนที่ทำจากหยกบนโต๊ะของเขาหรือเปล่าครับ?"
"ใช่ครับผมเห็นครับ เป็นรูปปั้นที่อยู่ในท่านั่ง"
"ผมคิดว่านั่นเป็นพระพุทธรูปปางขัดสมาธิครับ ผมสาบานได้เลยว่าถ้าพระพุทธรูปองค์นี้หายไป แวนเสตเตนจะต้องเสียใจมากกว่าลูกสาวหายไป"
เมอร์คิวเรียสไม่เชื่อเช่นนั้นแต่ก็ไม่อยากขัดใจแวนรุจเวน
.
.
.
ึ่ค่ำคืนวันนั้นเมอร์คิวเรียสนอนจ้องมองเพดานนึกถึงโอกาสความก้าวหน้าของตนเอง เขาพยายามจัดเรียงความคิดออกเป็นฉากๆ
'ตนเป็นทั้งอาจารย์และนักบวข แถมยังเป็นนักบวชทั้งสองนิกาย
โปปคัดค้านการที่นักบวชจะแต่งงาน
ถ้านักบวชจะแต่งงานเขาต้องละทิ้งคำสาบาน
หากตนถูกขับออกจากคริสตจักร เมื่อตนจากโลกนี้ไปแล้วคงไม่แคล้วต้องถูกทรมานในนรกอเวจี
แต่หากตนได้ใช้ชีวิตเคียงคู่กับแมกดาเลนาก็ถือว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว
แต่ว่าการที่จะได้อยู่กินกับเธอจะต้องมีสินสอดทองหมั้นเพื่อไปสู่ขอเธอ
มูลค่าสินสอดทองหมั้นนั้นสามารถเอาไปใช้ประโยชน์แก่ผู้ยากไร้ได้จำนวนมาก
ที่เดลฟท์มีคนรู้ว่าเขาเป็นคาทอลิกไม่กี่คน รวมถึงพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระองค์อาจทรงลืมไปแล้วก็ได้ แต่มีคนหนึ่งที่จะไม่ลืม ก็คืออเลดิส
ถ้าอเลดิสอยู่ตรงหน้าเขา แล้วเธอรู้ว่าเขามีจิตใจรักใคร่กับแมกดาเลนาแล้วล่ะก็ เธอจะต้องจับเขาตอนเป็นขันทีแน่ๆ เพื่อเขาจะได้ไม่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้อีกต่อไป
อเลดิสเคยบอกเขาว่าเธอยินดีที่จะสละเต้านมของเธอให้แก่พระผู้เป็นเจ้าเพราะเธอคิดว่าเธอไม่ต้องใช้มันอีกต่อไป
บางทีเธอคงคิดว่าของสงวนของนักบวชชายคงเป็นแค่เครื่องประดับสามารถสละทิ้งได้หากมันเป็นอุปสรรคต่อการทำตามอุดมการณ์
โอ้พระผู้เป็นเจ้า ตนจะตัดสินใจอย่างไรดี'
สุดท้ายเมอร์คิวเรียสก็ผลอยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
จบตอนที่ 42
โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากกดติดตามเพจ สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
และให้ความเห็นด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องเล่า ไขคดีปริศนาเมืองเดลฟท์( Death in Delft) ผลงานเกรแฮม แบรก
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย