Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
•
ติดตาม
14 ต.ค. 2023 เวลา 01:22 • นิยาย เรื่องสั้น
ตอน ความจริงอันแสนเศร้า
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียก
“อาจารย์คะ หนูเอาอาหารเช้ามาส่งค่ะ” จากนั้นลูซี่ได้เปิดประตูเข้ามา
“สายป่านนี้อาจารย์ยังนอนอยู่อีกหรือคะ ตอนนี้รถม้ามาจอดรออาจารย์อยู่หน้าโรงแรมแล้วค่ะ” เธอพูดในขณะกำลังวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ
“โอ้พระเจ้า! ฉันหลับสนิทจนตื่นสายเลย ขอบคุณหนูมากที่มาปลุกฉัน”
อาหารเช้าวันนี้ไม่มีชิ้นเนื้อ สงสัยลูซี่จะรู้ว่าเมื่อคืนนี้เมอร์คิวเรียสไม่ได้สวดมนต์ให้เธอ ดังนั้นเมื่อลูซี่ออกจากห้องไป เมอร์คิวเรียสจึงได้สวดมนต์ให้เธอทันทีเป็นการชดเชย
1
เมอร์คิวเรียสรีบกินอาหารเช้าพร้อมกับโกนหนวดโกนเครา จากนั้นรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
“นายท่านจะให้ผมพาไปที่ไหนครับ?” คนขับรถม้าเอ่ยถาม
“ไปบินเนนฮอฟ ที่กรุงเฮกครับ” เมอร์คิวเรียสคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะสืบหาข้อมูลที่เขาสงสัย
บินเนนฮอฟเป็นที่ทำงานของรัฐบาลประกอบด้วยกลุ่มอาคารตั้งโอบล้อมสนามหญ้ากว้างใหญ่
ขณะเมอร์คิวเรียสนั่งอยู่ในรถม้าเขาอดคิดถึงแมกดาเลนาไม่ได้ เขามองเห็นเรือนร่างอันสวยงามของเธอนั่งอยู่บนที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วเธอก็ส่งยิ้มมาให้เขา
“เมอร์คิวเรียส! ลูกปล่อยให้เธอนั่งหันหน้าให้ก้นม้าไม่ได้นะ” เสียงพ่อพูดดังขึ้นในความคิด และมันทำให้เขาต้องรีบย้ายที่นั่งสลับที่กับแมกดาเลนาในจินตนาการทันที
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง รถม้าก็มาจอดอยู่หน้าบินเนนฮอฟ เมอร์คิวเรียสมีความเห็นว่ามีอยู่ตำแหน่งหนึ่งซึ่งทั้งมหาวิทยาลัยและที่ทำการรัฐบาลมีเหมือนกันนั่นคือตำแหน่งภารโรง ซึ่งคนที่ทำงานในตำแหน่งภารโรงมักจะเป็นคนที่รู้เริ่องราวภายในเป็นอย่างดี
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงสอบถามคนแถวนั้นว่าจะพบภารโรงได้ที่ไหน
ในที่สุดเมอร์คิวเรียสก็ได้พบภารโรงซึ่งขณะนั้นกำลังนั่งอยู่ใกล้กับเตาทำไอน้ำ เมื่อภารโรงเห็นว่ามีผู้มาหาจึงทำท่าจะลุกขึ้นยืนแต่เมอร์คิวเรียสรีบบอกให้เขานั่งต่อไป
เมื่อเมอร์คิวเรียสได้แนะนำตัวและบอกจุดประสงค์แล้ว เขาจึงถามภารโรงว่า
“ผมทราบมาว่าคุณแวนเสตเตนเคยทำงานที่นี่ถูกต้องไหมครับ?”
“ท่านถามถูกคนแล้วครับ หน้าที่อย่างผมทำให้ต้องรู้จักคนที่นี่ ผมจำคุณคนนี้ได้ดี เขาเป็นคนหนุ่มที่ดูภูมิฐาน”
“ผมคิดว่าการหายตัวไปของลูกสาวของเขาน่าจะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่เขาอาศัยอยู่ที่เฮกครับ บางทีลูกสาวเขาอาจถูกซ่อนตัวที่เฮกก็ได้ ไม่ทราบว่าคุณพอจะรู้ที่อยู่ของคุณแวนเสตเตนตอนนั้นได้หรือเปล่าครับ?”
“ที่พักของเขาอยู่ติดถนนใหญ่ นายท่านเดินตรงไปทางนี้แล้วเลี้ยวขวาตรงทางแยกแรก ไม่ไกลจากทางแยกจะเห็นตึกที่มีประตูสีแดงเข้ม ห้องที่เขาเคยพักอยู่ขั้นสองครับ”
“แล้วภรรยาเขามาพักอยู่กับเขาหรือเปล่าครับ?”
“ภรรยาหรือ? ผมไม่เคยเห็นภรรยาเขาเลยครับ”
หลังจากเมอร์คิวเรียสพูดคุยกับภารโรงพอสมควรแล้วเขาจึงได้กล่าวขอบคุณแล้วรีบเดินทางค้นหาโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆกับที่พักของแวนเสตเตน
ในที่สุดเขาก็เจอโบสถ์ที่น่าจะใช่ เขาจึงลองเข้าไปข้างในโบสถ์ ขณะนั้นศาสนาจารย์กำลังขึ้นเทศน์ให้เหล่าคริสตชนฟัง เมอร์คิวเรียสจึงนั่งรอจนท่านเทศน์จบ จากนั้นก็ได้เข้าไปแนะนำตัวและบอกจุดประสงค์ให้ท่านเข้าใจ
“วิลเฮลมัสแวนเสตเตนหรือ? พ่อจำเขาได้ดีแถมพ่อยังรู้จักกับคุณพ่อของเขาด้วย พ่อรู้สึกเสียใจจริงๆที่ลูกสาวเขาถูกลักพาตัวไป”
“ท่านพอจะนึกถึงช่วงเวลาที่คุณเสตเตนอยู่ที่เฮกเมื่อแปดปีก่อนได้ไหมครับ?”
“ก็พอจะจำได้ครับ พ่อรู้สึกว่าคุณเสตเตนไม่มีความสุขเลยที่ต้องมาอยู่ที่เฮก บางทีเขาอาจคิดถึงบ้านที่เดลฟท์หรือไม่เขาอาจไม่่ชอบงานรับราชการที่ต้องพบปะผู้คนหลายประเภทโดยเฉพาะชาวบ้านที่ไม่ค่อยมีฐานะ”
“แล้วภรรยาของคุณแวนเสตเตนเดินทางมาพักอยู่กับเขานานแค่ไหนกว่าเธอจะตั้งครรภ์ครับ?”
มันเป็นคำถามที่อาจไม่เหมาะสมที่จะให้นักบวชตอบแต่มันก็จำเป็นที่เขาต้องรู้ เมอร์คิวเรียสจึงกล่าวเพิ่มเติมว่า
“คำถามนี้อาจดูไม่เหมาะสมที่ถามท่าน แต่มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวลูกสาวของคุณแวนเสตเเตนครับ” เมอร์คิวเรียสกล่าวต่อไปว่า
“ถ้าหากลูกสาวของคุณแวนเสตเตนเกิดที่เฮก ผมสงสัยว่าอาจมีใครบางคนที่เฮกรู้จักเธอและลักพาเธอมาซ่อนไว้ที่เฮก”
“พ่อคิดว่าแอนนาไม่น่าจะคลอดที่เฮก เท่าที่พ่อจำได้ภรรยาของคุณแสนเสตเตนมาอยู่กับสามีเพียงช่วงเวลาที่สั้นมาก แม้พ่อจะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับสตรีก็ตามพ่อก็มั่นใจว่าผู้หญิงไม่สามารถตั้งครรภ์แล้วคลอดลูกได้ในช่วงเวลาสั้นๆแค่นี้”
“ท่่่านครับ แอนนาเกิดในปี 1662ครับ”
“ผมจำได้ว่าช่วงเวลาที่คุณแวนเสตเเตนมาอยู่ที่เฮกนั้นเป็นเวลาหลังจากการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์อังกฤษ คุณแวนเสตเตนมาอยู่ที่เฮกนานหนึ่งปีครึ่ง ส่วนภรรยาของเขามาพักอยู่กับเขาเพียงสองเดือนสุดท้าย ดังนั้นถ้าเธอตั้งครรภ์ช่วงนั้นเธอก็น่าจะคลอดลูกที่อื่นมากกว่าคลอดลูกที่เฮก”
เมอร์คิวเรียสคิดว่าคุณนายเสตเตนเดินทางออกจากเดลฟท์โดยไม่ได้ตั้งครรภ์ เธอไปใช้ชีวิตนอกเดลฟท์สักระยะหนึ่งแล้วจึงกลับมาเดลฟท์พร้อมกับลูกสาว แต่เมืองที่เธอไปพักก็คือเฮกซึ่งกลับไม่มีใครเคยเห็นว่าเธอตั้งครรภ์ ถ้าแอนนาไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากครรภ์ของเธอแล้วแอนนาเป็นลูกของใครกัน?
เมอร์คิวเรียสกล่าวขอบคุณศาสนาจารย์จากนั้นเขาขอให้คนขับรถม้าพาเขาไปย่านทีมีชื่อว่าเวสเตนด์ฃึ่งเขาจำได้ว่ามีคอนแวนต์เก่าๆอยู่แถวนั้น
เมื่อไปถึงคอนแวนต์เขาเห็นเด็กๆซึ่งต่างก็ใส่เสื้อสีขาวกำลังนั่งฟังเด็กคนหนึ่งซึ่งดูมีอายุมากกว่ากำลังอ่านพระคัมภีร์ให้ฟัง เมอร์คิวเรียสสั่นระฆังเรียก สักครู่หนึ่งก็มีหญิงสาวหน้าตาผ่องใสออกมาต้อนรับ เมื่อเธอทราบความประสงค์ของเขาก็ได้ขอตัวกลับไปเรียนผู้ดูแล สักครู่หนึ่งเธอก็กลับมาและได้เชิญเมอร์คิวเรียสเข้าไปพบผู้ดูแล
เมอร์คิวเรียสได้พูดคุยทำความรู้จักตามธรรมเนียมและบอกความประสงค์ของการมาเยือน เขารู้สึกว่าผู้ดูแลท่านนี้เป็นผู้มีจิตใจงามและมีน้ำใจ
“อาจารย์คิดว่าการที่เด็กสาวแปดขวบถูกลักพาตัวนั้นเกี่ยวข้องกับเวสเตนด์หรือครับ?” ผู้ดูแลเอ่ยถาม
“ก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องครับ มีบางเรื่องที่พ่อแม่ของเด็กที่ถูกลักพาตัวปกปิดไว้”
“จริงหรือนี่? พวกเขาไม่รู้หรือว่าการปกปิดเรื่องอาจทำให้ลูกสาวเขาอยู่ในอันตรายก็ได้”
“แน่นอนว่าพวกเขาไม่อยากให้ลูกสาวเกิดอันตรายแต่ว่าการกระทำของพวกเขากลับมีส่วนทำให้ลูกสาวได้รับอันตราย”
“ผมขอเชิญอาจารย์มาดูข้อมูลจากบันทึกของเรากันดีกว่าว่าจะมีข้อมูลของแอนนาหรือเปล่า?”
ผู้ดูแลพาเมอร์คิวเรียสเดินไปเข้าอีกห้องหนึ่ง และจากการที่ผู้ดูแลรู้ว่าเมอร์คิวเรียสยังไม่ได้ทานมื้อเย็น เขาจึงสั่งให้ลูกน้องเตรียมไก่ต้มและมันฝรั่งต้มพร้อมไวน์ให้กับเมอร์คิวเรียส
ผู้ดูแลเปิดสมุดทะเบียนให้เมอร์คิวเรียสดูทีละหน้าจนถึงหน้าที่เขียนวันที่ 6 ธันวาคม1662 เมอร์คิวเรียสก็ได้พบข้อมูลที่ต้องการ
ในบันทึกเขียนไว้ว่าในวันนั้นเวสเตนด์ได้รับเด็กกำพร้าเพศหญิงอายุเพียงแปดสัปดาห์มาอยู่ในความดูแล แต่ผ่านไปเพียงสัปดาห์เดียวก็มีผู้รับเด็กคนนี้ไปอุปการะในครอบครัวของวิลเฮลมัสและแมธธิลด์แวนเสตเตนนั่นเอง
ที่แท้แอนนาก็ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของแวนเสตเตน มิน่าเล่าเธอจึงมีหน้าตาไม่เหมือนพ่อแม่เลย และนี่เองคงเป็นเหตุผลที่ทำไมแวนเสตเตนถึงได้เย็นชากับแอนนานัก
ภรรยาที่ปรารถนาจะมีลูกของเธอเองแต่ก็ไม่ตั้งครรภ์สักที สามีที่ต้องการมีลูกเพื่อสืบต่อธุรกิจของตระกูล แน่นอนว่าเขาต้องการลูกชายมากกว่าลูกสาว
ดังนั้นเมื่อแวนเสตเตนมีความจำเป็นต้องไปรับราชการที่กรุงเฮก จึงใช้โอกาสนี้วางแผนให้ภรรยาออกจากเดลฟท์อย่างเปิดเผย แต่เมื่อเธออยู่ที่เฮกเขาพยายามไม่เปิดเผยให้ใครรู้ และเมื่อเขาสามารถหาเด็กทารกได้แล้วก็ให้ภรรยากลับเดลฟท์พร้อมกับเด็กที่อ้างเป็นลูกอย่างเปิดเผยเพื่อให้คนภายนอกเข้าใจว่าเธอคลอดลูกจากที่อื่น แต่เนื่องจากมีเวลาที่จำกัดไม่สามารถรอจนหาทารกเพศชายได้ เขาจึงจำใจต้องยอมรับทารกหญิงมาเลี้ยงเป็นลูก
สำหรับคุณนายเสตเตนแล้ว เธอไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย เธอก็ยังคงรักและทะนุถนอมดุจลูกของเธอจริงๆ แต่สำหรับแวนเสตเตนผู้สามีกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาไม่ได้มีจิตใจที่จะรักและทะนุถนอมเหมือนลูกของตนเองแต่อย่างใด
จบตอนที่ 43
โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากกดติดตามเพจ สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
และให้คอมเมนต์ด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกท่าน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
นวนิยายแปล
นวนิยาย
หนังสือ
1 บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องเล่า ไขคดีปริศนาเมืองเดลฟท์( Death in Delft) ผลงานเกรแฮม แบรก
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย