4 ต.ค. 2023 เวลา 13:53 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 15

หลู่จื้อเซิน สงฆ์ลงลาย (8) เขาดอกท้อ
บนค่ายโจรเขาดอกท้อ เมื่อนายโจรรองควบม้ากลับมาถึงทั้งเสื้อขาดหลุดลุ่ย ผ้าโพกหัวหายไป เห็นนายโจรใหญ่กำลังสอบถามรายละเอียดกับลิ่วล้อที่หนีกลับมาถึงก่อน พอลงจากม้าก็ร้องบอกไปว่า
“ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย”
นายโจรใหญ่ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
นายโจรรองว่า “ผู้น้องลงเขาไปถึงหมู่บ้าน ตอนเข้าหอไปนั้น เจ้าลาเฒ่าก็เอาลูกสาวไปซ่อนเสียที่อื่น แล้วให้พระอ้วนมานอนบนเตียงแทน ข้าไม่ทันระวัง มัวคลำไปบนเตียงเลยถูกจับมัดมือแล้วระดมมือเท้าใส่จนระบมไปทั้งตัว พอพวกเราเข้ามาช่วย มันจึงปล่อยมือลากไม้เท้าออกไป ข้าจึงหลบเอาตัวรอดมาได้ พี่ช่วยแก้แค้นให้ข้าด้วย”
1
นายโจรใหญ่ได้ฟังแล้วจึงว่า “เจ้าก็นอนพักเสีย ข้าจะไปจับไอ้โจรหัวโล้นมาเอง” แล้วตวาดสั่งลิ่วล้อให้เตรียมม้า คว้าทวนยกพวกลงจากเขามา
ทางด้านหลู่จื้อเซินดื่มเหล้ารออยู่ที่หมู่บ้าน พอลูกบ้านมาแจ้งว่า “นายโจรใหญ่บนเขายกพวกมากันเยอะเลย”
จื้อเซินว่า “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวส่าเจียตีใครล้ม พวกเจ้าก็รอจับมัดเสีย รวมเอาตัวไปขึ้นรางวัลกับทางการ”
แล้วก็ถอดเสื้อครึ่งบนออก มัดท่อนล่างให้กระชับ สะพายมีดศีล แบกไม้เท้าก้าวย่างออกมากลางลานนวดข้าว แลเห็นตัวนายโจรใหญ่ยืนม้าอยู่กลางวงคบไฟที่หน้าประตูหมู่บ้านตะโกนลั่นมาว่า
“ไอ้ลาหัวเถิกอยู่ไหน มาสู้กันให้รู้แพ้ชนะ”
หลู่จื้อเซินโกรธจัด ด่าสวนมา “ไอ้โจรสารเลว ต้องสั่งสอนให้รู้จักส่าเจียบ้าง” แล้วลากไม้เท้าตรงเข้ามา
เพียงถูกด่าคำแรก นายโจรใหญ่ก็ยั้งทวนแล้วรีบร้องบอกว่า “หลวงพี่ยั้งมือก่อน เสียงท่านคุ้นหูนัก ท่านมีชื่อแซ่ไร”
“ส่าเจียใช่ใครอื่น เดิมเป็นถีเสียของนายท่านฉงจิงเลวี่ยผู้เฒ่า ตอนนี้ออกบวชมีฉายาหลู่จื้อเซิน”
นายโจรหัวเราะร่า ลงจากหลังม้าทิ้งทวนในมือ น้อมคารวะกล่าวว่า “พี่ท่าน จากกันมาสบายดี เจ้ารองถูกท่านเล่นงานนี่เอง”
หลู่จื้อเซินได้ฟัง ยั้งอาวุธก้าวถอยไปหลายก้าว เพ่งมองกลางแสงคบไฟก็จำได้ว่าหาใช่ใครอื่น ที่แท้คือ ผู้เล่นปาหี่ขายกอเอี๊ยะขุนพลสยบเสือหลี่จง
นักเลงคารวะกันแล้ว ไม่ต้องพูดมากให้เสียมาด ภาษานักเลงเรียกการคารวะกันนี้ว่า เจี่ยนฝู 剪拂
เจี่ยนฝูเสร็จหลี่จงก็เข้าพยุงหลู่จื้อเซินถามว่า “พี่ท่านเป็นอย่างไรจึงได้มาบวชพระ”
หลู่จื้อเซินว่า “เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังข้างใน”
หลิวไท่กงเห็นแล้ว ได้แต่ร้องแย่ “ที่แท้พระนี่เป็นพวกเดียวกับโจร”
1
หลู่จื้อเซินกลับเข้าห้องโถงสวมเสื้อท่อนบนแล้วนั่งลงยังที่ประธาน เห็นหลิวไท่กงหลบอยู่ไม่กล้าออกมาจึงกล่าวว่า
“ไท่กงไม่ต้องกลัว นี่พี่น้องกันเอง”
ก็เพราะพี่น้องกันเองนั่นสิ ถึงน่าเป็นห่วง แต่ก็จำใจต้องออกมา
หลู่จื้อเซินจึงเล่าเรื่องของตนนับแต่สังหารเจิ้นกวนซี หนีมายั่นเหมินได้พบเฒ่าจิน เจ้าสัวเจ้า จนได้ออกบวชแล้วเมาอาละวาด จนเจ้าอาวาสต้องเขียนหนังสือฝากฝังตนให้ไปที่วัดต้าเซี่ยงกว๋อ จึงผ่านมาทางหมู่บ้านนี้ แล้วถามหลี่จงว่า คนที่ตนทุบตีไปนั้นคือใคร แล้วหลี่จงทำไมจึงมาอยู่ที่นี่
หลี่จงเล่าว่า “ผู้น้องนับแต่แยกทางกับพี่ท่านที่ภัตตาคารเมืองเว่ยโจวแล้ว วันถัดมาก็ได้ข่าวพี่ท่านฆ่าเจิ้งถูตาย จึงว่าจะไปหารือกับสื่อจิ้น แต่เขาหนีไปเสียก่อนแล้ว ผู้น้องพอรู้ว่ามีหมายจับออกมา ก็รีบหนีเช่นกัน ผ่านมาทางเขาลูกนี้ก็พบคนที่พี่ท่านทุบไปเรียกว่า ป้าอ๋องน้อย โจวทง 小霸王周通 วันนั้นพาพวกลงเขามาได้ต่อสู้กับผู้น้อง ข้าเป็นฝ่ายชนะ เขาจึงรั้งไว้ให้เป็นนายค่าย ยกตำแหน่งที่หนึ่งให้ จึงได้มาเป็นโจรอยู่ที่นี่”
หลู่จื้อเซินว่า “ในเมื่อน้องเราอยู่นี่ เรื่องงานแต่งของทางหลิวไท่กงนั้น ก็อย่าได้จัดกันต่อเลย ผู้เฒ่าท่านมีบุตรสาวอยู่เพียงคนเดียว ท่านมาชิงตัวไปเสียแล้ว เขาก็จะไม่มีใครดูแลยามชรา”
หลิวไท่กงได้ฟังก็ยินดี จึงจัดสุราอาหารมาเลี้ยงทั้งสอง และจัดอาหารการกินให้พวกลิ่วล้อด้วย แล้วก็นำผ้าแพรและทองคำสินสอดมามอบคืน
หลู่จื้อเซินว่า “สินสอดนี้น้องเราก็รับกลับไป และช่วยเป็นธุระให้ด้วย”
หลี่จงว่า “ไม่เป็นปัญหา และก็ขอเชิญท่านพี่ไปพักที่ค่ายสักระยะหนึ่ง หลิวไท่กงท่านก็มาด้วย”
ไท่กงจึงให้ลูกบ้านเตรียมเกี้ยวสำหรับหลู่จื้อเซินและสัมภาระ หลี่จงขึ้นม้า ไท่กงนั่งเกี้ยวเล็ก ฟ้าสางพอดี พากันออกเดินทางขึ้นเขา
เมื่อทั้งสามขึ้นมาบนเขาดอกท้อแล้วก็ไปยังโถงร่วมธรรม 聚义厅 หลี่จงให้คนไปเชิญโจวทงออกมาพบ โจวทงออกมาเห็นเข้าก็นึกโกรธว่า “พี่เราไม่ช่วยแก้แค้น ยังไปเชิญพระนั่นขึ้นเขามานั่งที่ประธาน”
หลี่จงแนะนำว่า “หลวงพี่ท่านนี้คือผู้สังหารเจิ้นกวนซีที่พี่เคยพูดถึงบ่อยๆ”
โจวทงเอามือลูบหัวร้อง “ไอ้หยา” แล้วน้อมคำนับเจี่ยนฝู
หลู่จื้อเซินคำนับตอบกล่าวว่า “ขออภัยที่เคยล่วงเกิน”
จากนั้นหลู่จื้อเซินจึงกล่าวถึงเรื่องที่ขอให้ยกเลิกงานแต่งกับบุตรสาวของหลิวไท่กงพร้อมคืนสินสอดให้
โจวทงจึงว่า “ตามท่านพี่ว่า ผู้น้องไม่ไปจัดงานแล้ว”
หลู่จื้อเซินว่า “ลูกผู้ชายกล่าวแล้ว ย่อมไม่คืนคำ”
โจงทงจึงหยิบลูกธนูมาหักเป็นสัญญา หลิวไท่กงคารวะขอบคุณมอบสินสอดคืนแล้วกลับลงเขาไป
 
หลู่จื้อเซินพักอยู่บนเขาดอกท้อได้หลายวัน ก็สังเกตเห็นว่า ทั้งหลี่จงและโจวทงนั้นมิได้มีใจคอกว้างขวางนัก ออกจะตระหนี่ จึงไม่อยากอยู่นานใคร่จะเดินทางต่อ แต่ทั้งสองก็ยังพยายามรั้งตัวเอาไว้
“ข้าออกบวชแล้ว จะมาเป็นโจรได้อย่างไร”
“เมื่อพี่ท่านไม่ยินยอมเป็นโจร เช่นนั้นแล้ว รอพรุ่งนี้พวกข้าลงไปชิงทรัพย์ได้มาเท่าใดจะมอบให้พี่ท่านทั้งสิ้นเป็นค่าเดินทาง”
วันรุ่งขึ้น ทางค่ายก็ฆ่าแพะฆ่าหมูจัดปรุงอาหารเลี้ยงส่ง ข้าวของเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารล้วนทำจากทองคำและเงิน ก็พอดีมีลิ่วล้อมาแจ้งว่ามีรถสองคันเดินทางมาทางภูเขา มีผู้ติดตามขบวนมาด้วยราวสิบคน สองนายโจรจึงนำพวกลิ่วล้อลงเขา ทิ้งไว้คอยรับใช้หลู่จื้อเซินเพียงสองคนพร้อมทั้งกล่าวว่า
“พี่ท่านดื่มเหล้ารอสักพัก พวกข้าลงไปหาค่าเดินทางให้”
หลู่จื้อเซินมองดูเครื่องใช้ทองเงินบนโต๊ะ แล้วก็คิดว่า
“สองคนนี้ขี้เหนียวนัก ทรัพย์ก็มีมากอยู่กลับไม่ให้ส่าเจีย ต้องรอไปชิงของเขามาก่อน นี่ก็เปรียบเหมือนเอาของคนอื่นมาเป็นสินน้ำใจ 把官路当人情 ดูท่าส่าเจียจะต้องสั่งสอนเสียบ้าง”
หลู่จื้อเซินเรียกลิ่วล้อมารินเหล้าดื่มไปได้สองจอก ได้ทีก็ชกลิ่วล้อทั้งสองคนละหมัดสลบคามือ จับมัดแล้วเอาลูกวอลนัทยัดอุดปาก จากนั้นก็นำห่อสัมภาระของตนมาแก้ออก คัดของไม่จำเป็นทิ้ง เอาเครื่องใช้ทองเงินบนโต๊ะลงมาเหยียบให้แบนแล้วใส่ลงในห่อผ้า มัดแน่นหนา คว้าอาวุธ แล้วออกมาทางหลังเขา เนื่องจากเขาลูกนี้มีทางขึ้นลงเพียงทางเดียว โดยรอบล้วนเป็นหน้าผา หลู่จื้อเซินตริว่าหากลงเขาตามทางด้านหน้าคงต้องสวนทางกับพวกสองนายโจร จึงเลือกใช้ทางผาด้านหลัง
2
หลู่จื้อเซินเอามีดศีลมัดกับห่อสัมภาระโยนลงไปก่อน ตามด้วยไม้เท้า ท้ายสุดก็กลิ้งตัวหลุนๆ ลงมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อถึงตีนเขาก็เก็บข้าวของและอาวุธออกเดินทางต่อไป
ทางด้านสองนายโจรปล้นได้ทรัพย์สิ่งของกลับขึ้นเขามาเห็นลิ่วล้อสองคนถูกจับมัดไว้ เครื่องใช้ทองเงินบนโต๊ะหายไป โจวทงจึงว่า
“เจ้าโจรหัวโล้นนี่ไม่ใช่คนดี ป่านนี้ไม่รู้ไปถึงไหนแล้ว”
แล้วแกะรอยกันมาถึงหลังเขาเห็นรอยหญ้าลู่เป็นทาง โจวทงว่า
“เจ้าลาหัวเถิกนี่มันโจรเก่า ทางชันอันตรายอย่างนี้ ยังกลิ้งลงไปได้”
หลี่จงว่า “พวกเรารีบตามไป ทวงของคืนเอาให้ได้อายหน่อย”
โจวทงว่า “พอเถอะ โจรหนีพ้นด่านไปแล้ว จะตามไปทำไม ถึงตามทันก็ทวงของคืนไม่ได้ หากต้องสู้กันก็สู้ฝีมือมันไม่ได้ วันหน้าก็เข้าหน้ากันไม่ติด มิสู้ปล่อยไป วันหลังยังมองหน้ากันได้ พวกเรากลับไปแบ่งของที่ชิงกันมาได้เป็นสามส่วน ท่านกับข้าคนละส่วน อีกส่วนให้พวกลิ่วล้อ”
หลี่จงว่า “ข้าไม่ดีเองที่พามันขึ้นเขามา ทำให้เจ้าต้องเสียข้าวของจำนวนมาก ส่วนของข้ายกให้แก่เจ้า”
โจวทงว่า “พี่ท่าน พวกเราร่วมเป็นร่วมตายกัน อย่าได้กังวลเช่นนี้อีก”
นี่คือ ป้าอ๋องน้อยโจวทง
ป้าอ๋องน้อยโจวทง 小霸王周通 ดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 51 ลำดับรวมที่ 87 เป็นหนึ่งในสิบหกสมิงลาดตระเวนของเหลียงซาน ลำดับที่สิบหก
โจวทงเป็นชาวเมืองชิงโจว 青州 ใช้ทวนเป็นอาวุธคู่มือ เนื่องจากนิยมแต่งกายตามแบบฉู่ป้าอ๋องเซี่ยงหวี่ 楚霸王项羽 จึงได้ฉายาป้าอ๋องน้อย
หลู่จื้อเซินเดินทางข้ามเนินเขามาหลายลูกจนท้องหิว มาถึงป่าสนกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง เดินตามทางมาได้ราวครึ่งลี้ได้ยินเสียงระฆังลอยตามลมมาจากอารามใหญ่แห่งหนึ่ง อักษรบนป้ายชื่อวัดสีเริ่มเลือนเขียนว่า “วัดหว่าก้วน 瓦罐之寺” สภาพวัดทรุดโทรมมาก
钟楼倒塌,殿宇崩摧。
山门尽长苍苔,经阁都生碧藓。
释迦佛芦芽穿膝,浑如在雪岭之时;
观世音荆棘缠身,却似守香山之日。
诸天坏损,怀中鸟雀营巢;
帝释欹斜,口内蜘蛛结网。
没头罗汉,这法身也受灾殃;
折臂金刚,有神通如何施展。
香积厨中藏兔穴,龙华台上印狐踪。
พระวิหารล้มพัง
หอระฆังล้มลงกอง
ประตูผาตะไคร่นอง
หอไตรชื้นขึ้นเห็ดรา
วัชพืชงอกงามรก
คลุมปรกองค์พระปฏิมา
ไม้เลื้อยมีหนามหนา
รอบกายากวนอิมพัน
วิหคทำรังวาง
กลางอุราองค์เทวัญ
องค์อินทร์เอียงเฉียงหัน
โอษฐ์อุ้มแมงมุมชักใย
อรหันต์นั้นไร้เศียร
สังขารเวียนไม่พ้นภัย
เทพพิทักษ์แขนหักไซร้
ไร้มนตรารักษาตัว
กระต่ายทำรังในโรงครัว แท่นบูชาทั่ว
จิ้งจอกทิ้งรอยจงปลง
ตอนก่อนหน้า : เขยบ้านดอกท้อ
ตอนถัดไป : เผาวัดหว่าก้วน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา