8 ต.ค. 2023 เวลา 13:48 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 18

หลินชง หัวเสือดาว (1) ไท่สุ้ยบุปผา
 
หัวเสือดาวหลินชง 豹子头林冲 กลุ่มเทพฟ้า เทียนกัง ลำดับที่ 6 เป็นหนึ่งในห้าแม่ทัพขุนพลพยัคฆ์ของเหลียงซาน ลำดับที่สอง และหัวหน้าค่ายบกทิศตะวันตก
หลินชงเป็นชาวเมืองตงจิง 东京 ใช้ทวน 丈八蛇矛 เป็นอาวุธ ใบทวนคดไปมาเหมือนงูเลื้อยหรือคล้ายใบกฤช
หลินชงมีศีรษะเหมือนเสือดาว หนวดเคราเหมือนเสือ ตากลมโปน กล่าวคือเหมือนจางเฟย หรือเตียวหุย จึงมีอีกฉายาว่า จางเฟยน้อย 小张飞
หลินชงร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับหลู่จื้อเซินแล้ว ก็ร่วมดื่มสุราอยู่ที่สวนผักไปได้สามจอก จิ่นเอ๋อ 锦儿 สาวใช้ซึ่งติดตามภรรยาไปแก้บนในศาลตงเยว่ ก็วิ่งเลิ่กลั่กมาตะโกนเรียกข้ามกำแพงว่า
“นายท่าน อย่ามัวนั่งอยู่เลย นายหญิงมีเรื่องกับคนในศาล”
หลินชงรีบถามว่า “ที่ไหน”
“ที่ใต้หออู่เยว่ 五岳楼 เจอพวกบ้ากาม ยุดตัวนายหญิงไว้ไม่ยอมปล่อย”
หลินชงหันมาลาจื้อเซิน “ศิษย์พี่ ไว้พบกันใหม่ ขออภัย ขออภัย”
แล้วรีบโดดข้ามรั้วตามจิ่นเอ๋อเข้าไปในศาล รุดมาถึงหออู่เยว่ ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่ง บ้างก็ถือหนังสะติ๊ก กล้องเป่าลูกดอก ไม้แหย่นก มุงกันอยู่ริมลูกกรง บนบันไดหอมีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนหันหลังกำลังสกัดภรรยาของตนไว้
“ขึ้นไปบนหอด้วยกัน ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”
ภรรยาของหลินชงหน้าแดงก่ำกล่าวว่า “อยู่ดีๆ ทำไมมาลวนลามกัน”
หลินชงมาถึงก็คว้าไหล่หนุ่มนั่นพลิกตัวกลับมา ตะคอกใส่ว่า “ลวนลามลูกเมียชาวบ้าน โทษผิดอย่างไร”
เงื้อหมัดขึ้นมาจะชกก็พลันชะงักเมื่อจำหน้าได้ว่าคือ เกาหยาเน่ย 高衙内 ลูกบุญธรรมของเกาไท่เว่ย 高太尉
เกาฉิว 高俅 ขึ้นมามีอำนาจใหม่ๆ ยังไม่มีลูกเมีย ไม่มีใครช่วยงาน จึงไปขอลูกชายของ เกาซานหลาง 高三郎 ผู้เป็นน้องชายมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เกาไท่เว่ยเอ็นดูให้ท้ายมาก เกาหยาเน่ยจึงเที่ยววางอำนาจบาตรใหญ่ เที่ยวข่มเหงลูกเมียชาวบ้าน จนชาวเมืองตงจิงต่างเอือมระอาตั้งฉายาให้ว่า ไท่สุ้ยบุปผา 花花太岁
ไท่สุ้ย 太岁 คือเทพที่กุมชะตามนุษย์ในแต่ละขวบปี แต่หากใครเจอไท่สุ้ยอย่างเกาหยาเน่ย ก็คงเป็นคราวชะตาตก
脸前花现丑难亲,心里花开爱妇人。
撞着年庚不顺利,方知太岁是凶神。
เห็นบุปผาตรงหน้ายากเด็ดดม
ใจยิ่งชมชื่นสาวหมายมั่นเหมาะ
ใครดวงตกชะตาจำมีเคราะห์
จึงรู้เพราะไท่สุ้ยสร้างทุกข์เข็ญ
หลินชงพลิกไหล่มาเห็นหน้าว่าเป็นเกาหยาเน่ยก็ลดหมัดลง
เกาหยาเน่ยไม่รู้ว่าสตรีนางนั้นคือภรรยาของหลินชง จึงกล่าวว่า “หลินชง เจ้าจะทำอะไร มายุ่งอะไรด้วย”
พวกที่มุงกันนั้นพอรู้เรื่องบ้าง จึงพากันปรามหลินชงไว้
“ขออภัยด้วยท่านครูฝึก หยาเน่ยไม่รู้จัก จึงมีเรื่องกัน”
หลินชงยังไม่หายเคือง จึงยังถลึงตาจ้องเกาหยาเน่ยอยู่ พวกที่เข้ามาปรามจึงช่วยกันพาตัวเกาหยาเน่ยออกไป
หลินชงพาภรรยาและสาวใช้เดินลงหอมาถึงระเบียงทางเดินก็พบหลู่จื้อเซินถือไม้เท้าพาสหายเหลือขอทั้งสามสิบตามมาในศาล
“ศิษย์พี่ จะไปไหนกัน”
“ก็ตามเจ้ามา จะช่วยเล่นงานไอ้หมอนั่น”
“ที่แท้ก็คือหยาเน่ยลูกบุญธรรมของเกาไท่เว่ย ไม่รู้จักภรรยาหลินชงจึงได้เสียมารยาท เดิมทีหลินชงก็คิดว่าจะสั่งสอนสักยกแต่เห็นแก่หน้าไท่เว่ย จึงปล่อยไปสักครั้ง”
จื้อเซินว่า “ถึงเจ้าจะกลัวไท่เว่ยที่เป็นนาย ส่าเจียต้องไปกลัวนกเขาไรด้วย ถ้าข้าเจอไอ้นกเขาหัวทู่ 撮鸟 นั่น ต้องสอนให้รู้จักไม้เท้าส่าเจียสักสามร้อยที”
หลินชงเห็นว่าจื้อเซินเมาแล้วจึงว่า “ศิษย์พี่พูดถูก พอดีมีคนมาห้ามหลินชงไว้ จึงยอมปล่อยไป”
จื้อเซินว่า “ถ้ามีเรื่องเมื่อไร ก็มาเรียกส่าเจียไปด้วย”
พวกสหายเหลือขอเห็นจื้อเซินเมาจึงเข้าพยุง “อาจารย์ พวกเรากลับกันเถิด พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
จื้อเซินว่า “อาซ้อ ขออภัยด้วย พี่ท่าน พรุ่งนี้เจอกัน”
หลินชงจึงพาภรรยาและจิ่นเอ๋อกลับบ้าน แต่ในใจนั้นหงุดหงิดไม่เป็นสุข
ทางด้านเกาหยาเน่ยนับแต่เห็นภรรยาหลินชงแล้ว ก็พะวักพะวนไม่เป็นสุข กลับถึงจวนก็เอาแต่นั่งซึม ผ่านไปสองสามวัน พวกปังเสียน 帮闲 (พวกเพื่อนกิน)มาหา ก็ยังเห็นหยาเน่ยนั่งซึมไม่พูดไม่จา จึงพากันกลับไป
แต่มีปังเสียนคนหนึ่ง เรียกว่า หัวนกเขาเหี่ยว ฟู่อัน 干鸟头富安 รู้ใจหยาเน่ย ย้อนกลับมาหาแล้วว่า
“หยาเน่ย ช่วงนี้สีหน้าท่านไม่ดี คงต้องมีเรื่องไม่สบายใจ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“ผู้น้อยเดาเอาก็รู้”
“เจ้าเดาถูกหรือว่าข้ากลุ้มเรื่องอะไร”
“หยาเน่ยคงคิดถึงไม้คู่นั้น” ‘双木’ ไม้คู่หมายถึงแซ่หลิน 林
“เจ้าทายถูก แต่ไม่มีทางได้มาน่ะสิ”
ฟู่อันว่า “หยาเน่ยเกรงฝีมือหลินชง ไม่กล้าตอแย เรื่องนี้ไม่ยาก เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างไรก็ไม่กล้าผิดต่อไท่เว่ย โทษเบาสักหน้าเนรเทศ โทษหนักถึงชีวิต ผู้น้อยมีอุบาย ช่วยให้หยาเน่ยสมหวัง”
เกาหยาเน่ยได้ฟังแล้วก็ว่า “นับแต่พบสตรีมา ไม่รู้เหตุใดจึงชอบนาง จิตใจว้าวุ่น พะว้าพะวังไม่เป็นสุข หากเจ้าช่วยให้ได้ตัวมา ข้ามีรางวัลอย่างงาม”
ฟู่อันว่า “คนใกล้ชิดของท่าน ลู่หวีโห้วลู่เชียน 陆虞侯陆谦 เป็นเพื่อนสนิทของหลินชง พรุ่งนี้หยาเน่ยท่านจงซ่อนตัวในห้องลับชั้นบนบ้านลู่เชียน 陆谦 จัดเตรียมสุราอาหารรอไว้ ให้ลู่เชียนไปเชิญหลินชงไปดื่มสุราที่ฝานโหลว 樊楼 (สถานบันเทิงมีชื่อ)
ผู้น้อยจะไปยังบ้านหลินชง บอกภรรยาหลินชงว่า “สามีท่านดื่มสุราอยู่กับลู่เชียนที่บ้านแล้วล้มลงหมดสติ ให้นายหญิงท่านไปดูโดยด่วน” พอนางมาถึงชั้นบน นางเป็นสตรีธาตุน้ำ พบผู้มีลีลาพลิ้วไหวอย่างท่านหยาเน่ย ก็ใช้วาจาอ่อนหวานกล่อมนาง นางคงยินยอม อุบายของผู้น้อยเป็นอย่างไร”
เกาหยาเน่ยชมว่า “อุบายดี เย็นนี้ให้คนไปตามลู่หวีโห้ว 陆虞侯 มาซักซ้อมกันให้ดี”
อันที่จริง บ้านของลู่หวีโห้วนั้นก็แค่อยู่ในซอยติดกับจวนเกาไท่เว่ย เมื่อซักซ้อมแผนกันดีแล้ว ลู่หวีโห้วก็ไม่มีปัญหา ขอเพียงหยาเน่ยพึงพอใจ เรื่องน้ำมิตรนั้นไว้ทีหลัง
ทางด้านหลินชงหงุดหงิดรำคาญใจมาหลายวัน ได้ยินคนมาร้องถามหาว่า “ครูฝึกอยู่ไหม”
หลินชงออกมาดูเห็นว่าเป็นลู่เชียนอ้างว่ามาเยี่ยม แล้วชวนกันไปดื่มสุรา ก่อนออกจากบ้านก็กล่าวว่า
“อาซ้อ ข้าพาท่านพี่ไปดื่มกันที่บ้านสักสามจอก”
ภรรยาหลินชงจึงว่า “ท่านพี่ ดื่มแต่น้อยแล้วอย่ากลับสาย”
หลินชงกับลู่เชียนเดินกันมาตามถนน ลู่หวีโห้วชวนว่า
“ท่านพี่ อย่าไปบ้านข้าเลย เราไปที่ฝานโหลวกันดีกว่า”
ทั้งสองจึงไปยังฝานโหลว หาห้องได้แล้วก็สั่งสุรารสเลิศมาสองขวด ผลไม้หายากมาแกล้มเหล้า คุยสัพเพเหระ แล้วอยู่ๆ หลินชงก็ถอนหายใจ
ลู่หวีโห้วถามว่า “ท่านพี่มีเรื่องอะไรจึงถอนหายใจ”
“น้องเราหารู้ไม่ เกิดเป็นชายมีความสามารถเสียเปล่า ไม่มีนายดี มาให้คนถ่อยกดขี่ จำทนรับเรื่องอัปรีย์น่าขุ่นเคือง”
“ในบรรดาครูฝึกทหารองครักษ์ขณะนี้ มีใครมีฝีมือดีไปกว่าท่าน ไท่เว่ยก็ยอมรับในเรื่องนี้ ท่านขัดเคืองผู้ใดกัน”
หลินชงจึงเล่าเรื่องเกาหยาเน่ยเมื่อวันก่อนให้ลู่หวีโห้วฟัง
ลู่หวีโห้วว่า “หยาเน่ยคงไม่รู้ว่าเป็นอาซ้อ ท่านพี่ก็อย่ามัวแต่ขัดใจ มาดื่มกันดีกว่า”
ดื่มไปได้แปดเก้าจอก หลินชงเกิดปวดปัสสาวะ จึงลุกขึ้นขอตัวไปห้องน้ำ
หลินชงเดินออกประตูจะเลี้ยวไปห้องน้ำก็ได้ยินเสียงจิ่นเอ๋อสาวใช้เรียกมา “นายท่าน หาแทบแย่ มาอยู่นี่เอง”
หลินชงรีบถาม “มีอะไรหรือ”
จิ่นเอ๋อว่า “นายท่านกับลู่หวีโห้วออกมาได้ไม่ถึงครี่งชั่วยามดี ก็มีชายคนหนึ่งลุกลี้ลุกลนมาหานายหญิงบอกว่า “ข้าเป็นเพื่อนบ้านของลู่หวีโห้ว เห็นครูฝึกดื่มเหล้าอยู่กับลู่เชียน แล้วอยู่ๆ ก็ล้มหมดสติ จึงมาตามนายหญิงให้รีบไปดู” นายหญิงจึงตามชายคนนั้นไปถึงบ้านหลังหนึ่งในซอยหน้าจวนไท่เว่ย พอขึ้นไปชั้นบนก็เห็นมีโต๊ะอาหารจัดไว้แต่ไม่เห็นนายท่าน พอจะลงมาจากชั้นบน ก็พบชายคนที่มาลวนลามนายหญิงที่ศาลเจ้าเมื่อวันก่อนบอกว่า “เมียจ๋า ผัวมาแล้ว”
จิ่นเอ๋อเที่ยวหานายท่านก็ไม่พบ มาเจอหมอจางคนขายยาบอกว่าเห็นนายท่านดื่มเหล้าอยู่กับใครคนหนึ่งที่ฝานโหลว จึงรีบมาที่นี่ นายท่านรีบไปกันเถิด”
หลินชงรีบวิ่งสามก้าววิ่งเป็นก้าวเดียวตรงมายังบ้านลู่หวีโห้ว ปราดขึ้นบันไดไปเห็นประตูห้องปิดอยู่ ได้ยินเสียงภรรยาว่า “อยู่ดีๆ มาขังลูกเมียชาวบ้านไว้ทำไม”
เสียงเกาหยาเน่ยว่า “เมียจ๋า เห็นใจข้าเถอะ ต่อให้พระอิฐพระปูน ยังยอมใจอ่อน”
หลินชงตะโกนเรียก “ซ้อใหญ่เปิดประตู”
ภรรยาหลินชงได้ยินเสียงสามีก็รีบมาเปิดประตู เกาหยาเน่ยตกใจรีบเปิดหน้าต่างกระโดดข้ามกำแพงหนีไป
หลินชงเข้าห้องไปไม่เห็นเกาหยาเน่ยแล้ว จึงถามภรรยาว่า “ยังไม่โดนย่ำยีละมัง”
ภรรยาตอบว่า “ยัง”
หลินชงพาภรรยาและจิ่นเอ๋อกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็ฉวยเอามีดพกสั้น 解腕尖刀 ย้อนกลับมายังฝานโหลว เที่ยวหาตัวลู่หวีโห้วก็ไม่พบ จึงไปรอที่หน้าบ้านอีกทั้งคืนก็ไม่กลับมา หลินชงกลับมาบ่นกับภรรยาว่า “ไอ้สัตว์ลู่เชียน ข้าคบกับมันเหมือนพี่น้อง กลับมาหลอกกันได้”
ลู่หวีโห้วนั้นหลบอยู่ในจวนเกาไท่เว่ยไม่ยอมกลับบ้าน หลินชงไปเฝ้าดักรอที่หน้าบ้านอีกถึงสามวัน แต่ไม่พบตัว คนที่หน้าจวนเห็นสีหน้าหลินชงไม่สู้ดี แต่ก็ไม่กล้าทัก
เข้าวันที่สี่ หลู่จื้อเซินมาถามหาหลินชงถึงบ้าน “ครูฝึก หายหน้าไปเสียหลายวัน”
“ผู้น้องมีงานยุ่ง จึงไม่ได้ไปหาศิษย์พี่ ต้องมาเองถึงบ้าน จะเชิญดื่มสักสามจอกก็ไม่ได้เตรียมเอาไว้ เช่นนั้น ศิษย์พี่ไปดื่มกันที่ตลาดสักสองจอกเถิด”
“ดีสิ” จื้อเซินว่า
นับแต่นั้น จื้อเซินก็มาชวนกันไปดื่มทุกวัน
丈夫心事有亲朋,谈笑酣歌散郁蒸。
只有女人愁闷处,深闺无语病难兴。
สามีกลัดกลุ้มยังมีเพื่อนรู้ใจ
ชวนไปเล่นหัวมัวเมาเคล้าเพลงคลอ
แต่ภรรยาถึงระทมตรมทุกข์หนอ
รันทดท้อสุดจะเอ่ยเอื้อนวาจา
ตอนก่อนหน้า : ก้มถอนต้นหยางหลิ่ว
ตอนถัดไป : หอพยัคฆ์ขาว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา