11 ต.ค. 2023 เวลา 14:07 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 20

หลินชง หัวเสือดาว (3) หนังสือหย่า
คำให้การของหลินชงต่อศาลไคเฟิงมีว่า
“เมื่อวันที่ยี่สิบแปดเดือนก่อน หลินชงกับภรรยาไปแก้บนที่ศาลเจ้าเยว่ ได้พบเกาหยาเน่ยมาลวนลามภรรยา ผู้น้อยจึงไล่ไป ต่อมาเกาหยาเน่ยใช้ให้ลู่หวีโห้วมาหลอกชวนผู้น้อยไปดื่มสุรา อีกด้านก็ใช้ให้ฟู่อันมาหลอกภรรยาหลินชงไปยังบ้านของลู่หวีโห้วแล้วลวนลาม ผู้น้อยไปทันขับไล่ไป แล้วได้ทุบทำลายข้าวของในบ้านลู่หวีโห้ว นับเป็นสองครั้งที่ลวนลามไม่สมประสงค์ ล้วนมีพยานรู้เห็น
วันถัดมา หลินชงซื้อมีดเล่มนี้มา วันนี้ไท่เว่ยให้ทหารรับใช้มาตามหลินชงให้นำมีดมาเปรียบมีดที่จวน ดังนั้น หลินชงจึงได้ตามคนทั้งสองไปยังหอว่าการ ทหารทั้งสองเข้าไปในหอ คิดไม่ถึงว่าท่านไท่เว่ยกลับเข้ามาจากภายนอก เป็นแผนใส่ร้ายหลินชง ขอใต้เท้าได้โปรดพิจารณา”
เจ้าเมืองไคเฟิง 开封府尹 ในยุคนี้ไม่ใช่เปาบุ้นจิ้น แต่เป็นบุคคลากรยุคหลังเกือบครึ่งศตวรรษ เจ้าเมืองไคเฟิงคนปัจจุบันแซ่เถิง 滕府尹 ให้ใส่คาหลินชงไว้แล้วนำตัวไปขังระหว่างพิจารณาสำนวนคดี
คนทางบ้านหลินชงมาส่งข้าวส่งน้ำ พ่อตาของหลินชงเป็นครูฝึกทหารเช่นเดียวกับหลินชงมีแซ่จาง ครูฝึกจาง 张教头 วิ่งเต้นช่วยคดีหลินชงอยู่ จนได้รับการแนะนำให้พบกับตุลาการซุนติ้ง 孙定 ซึ่งเป็นผู้มีความเที่ยงตรง มักช่วยเหลือคน จนได้รับฉายาว่า พระพุทธาซุน 孙佛儿
ซุนติ้งเห็นชัดว่าข้อกล่าวหาในคดีนี้มีเงื่อนงำจึงรายงานต่อเจ้าเมืองว่า
“คดีนี้หลินชงถูกปรักปรำ ต้องหาทางช่วยเหลือ”
เจ้าเมืองเถิงว่า “เกาไท่เว่ยกำชับให้วินิจฉัยว่า เป็นการนำอาวุธบุกรุกหอว่าการเพื่อสังหารตน จะช่วยเหลือได้อย่างไร”
ซุนติ้งว่า “ศาลไคเฟิงนี้เป็นของราชสำนัก หรือของบ้านเกาไท่เว่ย”
เจ้าเมืองว่า “เหลวไหล”
ซุนติ้งว่า “ใครต่างก็รู้ว่าเกาไท่เว่ยนั้นวางอำนาจบาตรใหญ่ มีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง มีใครทำอะไรผิดเล็กน้อยก็ส่งมายังศาลไคเฟิง อยากฆ่าก็ฆ่า อยากเชือดก็เชือด นี่มิใช่ศาลประจำบ้านหรอกหรือ”
เจ้าเมืองว่า “ตามความเห็นท่าน คดีหลินชงนี้ควรตัดสินเช่นไร”
ซุนติ้งว่า “จากคำให้การของหลินชงเห็นได้ว่าไม่มีความผิด แต่ทหารรับใช้สองนายนั้นหาตัวมาขึ้นศาลไม่ได้ ดังนั้น จึงให้หลินชงมีความผิดพกพาอาวุธบุกรุกหอว่าการ โทษโบยยี่สิบที สักตราหน้าเนรเทศเมืองทหารสาหัสไกล 远恶军州”
เจ้าเมืองเถิงเข้าพบเกาไท่เว่ยรายงานความคืบหน้าของคดี เกาฉิวนั้นพอรู้ความลำบากของเจ้าเมืองจึงจำต้องผ่อนปรนตาม ในวันนั้นเจ้าเมืองเถิงจึงกลับมาเบิกตัวหลินชงแล้วตัดสินให้ลงโทษโบยยี่สิบไม้ ให้ช่างสักตราข้างแก้ม คะเนระยะทางตามโทษแล้วเห็นควรเนรเทศไปยังแดนจำชางโจว 沧州牢城 ให้สวมคาหนักเจ็ดชั่งครึ่ง มีผู้คุมสองนายถือหนังสือนำตัวไปส่ง
แดนจำ 牢城 (เหลาเฉิง) คือแดนเนรเทศ ไม่ใช่เรือนจำหรือคุก มีลักษณะเป็นค่าย 营 ตั้งอยู่นอกเมือง แรกมีในสมัยถัง ผู้ดูแลแดนจำจึงเป็น ผู้กำกับแดน 管营 (ก่วนอิ๋ง) ไม่ใช่พัศดี 节级 แรกเริ่มในสมัยถังมีลักษณะเหมือนค่ายทหารป้องกันเมือง แม้สิ้นราชวงศ์ถัง ผ่านยุคห้าราชวงศ์ แดนจำยังคงมีอยู่จนเข้าสู่สมัยซ่ง บทบาทของแดนจำเปลี่ยนไป กลายเป็นค่ายควบคุมนักโทษเนรเทศซึ่งมักเป็นข้าราชการที่กระทำความผิดไปใช้แรงงาน
การเนรเทศใกล้หรือไกลพิจารณาจากความผิดหนักเบา อีกทั้งที่ตั้งแดนจำ หากอยู่ตามชายแดนหรือที่คับขันมีอันตราย จะรองรับนักโทษหนัก ซึ่งหน้าที่หลักยังคงป้องกันเขตแดน แต่แดนจำชั้นใน มักมีงานอันตรายน้อย ประเภทงานโยธา แดนจำแต่ละแห่งจึงรองรับนักโทษเนรเทศต่างประเภทความผิดกัน แม้หัวหน้ายังคงเป็นผู้กำกับแดน แต่พัศดีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แดนจำไม่ปรากฏในยุคหลังต่อๆ มา
ผู้คุมทั้งสองคือ ต่งเชา 董超 และ เซวียป้า 薛霸 รับมอบหนังสือแล้วคุมตัวหลินชงออกมาจากศาลไคเฟิง ครูฝึกจางพ่อตาของหลินชงและเพื่อนบ้านมารอกันอยู่หน้าศาล ครูฝึกจางเชิญผู้คุมทั้งสองและหลินชงไปยังร้านเหล้าที่เชิงสะพาน
หลินชงบอกพ่อตาว่า “ได้รับความกรุณาจากท่านตุลาการซุน โดนโบยไม่หนักนัก ยังเดินไหว”
ครูฝึกจางนำเงินมอบให้สองผู้คุมเป็นค่าเดินทางและช่วยดูแลหลินชง
หลินชงจับมือพ่อตาแล้วกล่าวว่า
“ท่านพ่อตา เคราะห์หามยามร้าย ได้มาพบเกาหยาเน่ยจึงต้องคดี วันนี้อยากจะเรียนท่านพ่อตาว่า นับแต่ท่านได้กรุณาให้บุตรสาวแต่งเป็นภรรยาผู้น้อยมาได้สามปี แม้จะไม่มีบุตรด้วยกัน แต่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง หรือก่อเรื่องให้ขุ่นเคืองกัน
มาวันนี้ผู้น้อยต้องโทษตราหน้าเนรเทศสู่แดนจำชางโจว ไม่รู้เป็นตายร้ายดี ภรรยาอยู่ทางนี้ ไม่อาจวางใจเกรงเกาหยาเน่ยจะมาข่มเหงรังแกนางอีก อีกทั้งนางก็ยังสาวไม่ควรหมดอนาคตไปกับหลินชง
ด้วยเหตุนี้หลินชงจึงสมัครใจไม่มีใครบังคับ ขอให้เพื่อนบ้านที่อยู่ในที่นี้ช่วยเป็นพยาน ขอทำหนังสือหย่า เพื่อให้นางสามารถแต่งงานใหม่โดยไม่มีข้อแม้ ดังนี้แล้วหลินชงจึงวางใจว่าเกาหยาเน่ยจะไม่อาจให้ร้ายใดได้อีก”
ครูฝึกจางว่า
“เขยรัก กล่าวอะไรเช่นนี้ โชคชะตาไม่เข้าข้าง จึงพบเรื่องร้าย เจ้าเองไม่ใช่ผู้ก่อ วันนี้ก็เพียงลี้ภัยไปอยู่ชางโจว ช้าหรือเร็วฟ้าย่อมเมตตาให้ได้กลับมาอยู่กินกันฉันสามีภรรยาอีก บ้านผู้เฒ่าเองก็พอมีฐานะที่จะรับนางรวมทั้งจิ่นเอ๋อกลับไปเลี้ยงดูได้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นสามปีห้าปี และจะไม่ให้นางออกไปไหนให้เกาหยาเน่ยหาพบ เจ้าวางใจให้เป็นภาระผู้เฒ่า ข้าจะคอยส่งข่าวคราวและของใช้ไปให้ที่แดนจำชางโจว เจ้าก็อย่าได้คิดฟุ้งซ่าน”
หลินชงว่า “ขอบคุณท่านพ่อตา แต่หลินชงมิอาจทำใจ เกรงจะเป็นการรอที่เสียเวลาเปล่า ขอได้โปรดเมตตาอนุญาตตามคำขอ แม้ตายก็นอนตาหลับ”
ครูฝึกจางไม่ยินยอม อีกทั้งพวกเพื่อนบ้านก็ยังช่วยกันว่ากล่าว
หลินชงจึงว่า “หากท่านไม่อนุญาต แม้หลินชงจะดิ้นรนกลับมาได้ ก็ขอสาบานว่าจะไม่กลับมาอยู่ร่วมกับนางอีก”
ครูฝึกจางจึงว่า “เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าจะเขียน ข้าก็แค่ไม่ให้นางแต่งกับใครอีกก็แล้วกัน”
จากนั้นจึงตามผู้รู้หนังสือมาเขียนหนังสือหย่าตามที่หลินชงบอก มีใจความดังนี้
“หลินชงครูฝึกทหารองครักษ์แปดสิบหมื่นแห่งตงจิง ต้องโทษคดีอุกฉกรรจ์ถูกเนรเทศสู่ชางโจว ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีเช่นไรในวันหน้า มีภรรยาแซ่จางที่ยังเยาว์ จึงสมัครใจทำหนังสือหย่าฉบับนี้ ให้นางแต่งงานใหม่ได้โดยไม่คัดค้าน หนังสือนี้ทำโดยสมัครใจไม่มีผู้ใดบังคับ เพื่อใช้เป็นหลักฐานป้องกันปัญหาในวันหน้า
ลงวัน เดือน ปี ”
หลินชงอ่านทวนดูแล้ว ก็ยืมพู่กันมาลงชื่อ และประทับลายนิ้วมือ ใต้วันที่
ขณะกำลังทำหนังสือมอบให้พ่อตาเก็บไว้นั้น ภรรยาก็ร่ำไห้สะอึกสะอื้นมาถึงพร้อมกับจิ่นเอ๋อสาวใช้นำห่อเสื้อผ้ามาให้ หลินชงลุกขึ้นกล่าวกับนางว่า
“น้องนาง ข้าได้บอกกล่าวท่านพ่อตาแล้วว่า เคราะห์ภัยของหลินชงครานี้ต้องลี้ไกลไปชางโจวไม่รู้เป็นตายร้ายดี เกรงจะเป็นเหตุให้เจ้าต้องสูญเสียวัยเยาว์โดยเปล่าประโยชน์ จึงได้ทำหนังสือนี้หวังว่าเจ้าจะยินดีหย่า เพื่อว่าวันหน้าพบคนดีจะได้มีโอกาสแต่งงานใหม่ ไม่ให้หลินชงเป็นอุปสรรคโดยมิบังควร”
ภรรยาได้ฟังก็ร่ำไห้ว่า “สามี ข้ามิเคยทำผิดสิ่งใด ทำไมท่านจึงมาขอหย่า”
หลินชงว่า “น้องนาง ข้าทำไปด้วยหวังดี”
ครูฝึกจางว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าวางใจ แม้ลูกเขยจะยืนกราน ข้าก็คงไม่ให้เจ้าแต่งงานใหม่ ให้เขาไปตามทางเขา ถึงไม่กลับมาอีก ข้าก็มีให้เจ้าเลี้ยงตัวได้ตลอดชีวิต เจ้าจะรักษาตัวไว้ก็สุดแต่ใจเจ้า”
未知五脏如何,先见四肢不动。
ห้าอวัยวะภายในมิรู้ได้
สี่แขนขานั้นไซร้นิ่งไปก่อน
นางได้ฟังคำบิดา ได้เห็นหนังสือหย่า ก็ได้แต่ร่ำไห้จนหมดสติไป
荆山玉损,可惜数十年结发成亲;
宝鉴花残,枉费九十日东君匹配。
花容倒卧,有如西苑芍药倚朱栏;
檀口无言,一似南海观音来入定。
小园昨夜东风恶,吹折江梅就地横。
หยกจิงซานล้ำค่าแหลกสลาย
เสียดายสิบฤดูคู่เสน่หา
บุปผาในคันฉ่องต้องโรยรา
ตุนาหงันเสียเปล่าเก้าสิบวัน
เจ้าดวงหน้ามาลามานอนเศร้า
ดอกเสาเหย้าซบรั้วแดงในสวนขวัญ
ปากแดงน้อยไร้ถ้อยร้อยจำนรรจ์
กวนอิมฉันมารดาพาเข้าฌาน
ลมบูรพาคลั่งในอุทยาน เมื่อราตรีผ่าน
ล้มเจียงเหมยเกลื่อนกลาดลาน
(หยกจิงซาน 荆山玉 หยกงามมีชื่อเสียงแต่โบราณมักมีกำเนิดที่เขาจิงซาน
เสาเหย้า 芍药 ดอกไม้ตระกูลโบตั๋น
เจียงเหมย 江梅 ดอกเหมยป่าชนิดหนึ่ง)
เมื่อหลินชงรู้ว่าเกาหยาเน่ยคือผู้ที่ลวนลามภรรยาตนในครั้งแรกนั้น หลินชงยั้งมือโดยเห็นแก่หน้าเกาไท่เว่ย หลินชงมีฝีมือแต่ไม่ใช่คนบุ่มบ่ามลุแก่โทสะไม่สนใจฟ้าดินเหมือนเช่นหลี่ขุย หรือตามเอาเรื่องโดยไม่สนใจผลที่ตามมาเช่นหลู่จื้อเซิน หรือตามเอาเรื่องจนถึงที่สุดแล้วค่อยหาทางหนีทีไล่เช่นอู่ซง หลินชงมีความอดกลั้น ต่อผู้ที่มีสถานะเหนือกว่าตนสามารถให้คุณให้โทษต่อหน้าที่การงานได้ เมื่อเปลี่ยนเป็นลู่เชียนซึ่งมีสถานะต่ำกว่า หลินชงกลับตามเอาเรื่องจนถึงที่สุด
หลินชงรู้ดีว่าเกาหยาเน่ยนั้นหมายมั่นในตัวภรรยาของตนอย่างไม่ยอมวางมือ เกาฉิวก็พร้อมจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อกำจัดตนแล้วชิงเอาภรรยาไปให้เกาหยาเน่ย จนเป็นเหตุให้ตนต้องถูกเนรเทศ จึงดูเหมือนว่าหลินชงจำต้องหย่าภรรยา เพื่อให้อิสระนางได้มีโอกาสแต่งงานใหม่ตามข้ออ้างที่ตนกล่าวกับพ่อตาและภรรยา
ทว่า หลินชงควรรู้ว่าเกาหยาเน่ยย่อมไม่ยอมเลิกราไม่ว่าจะมีหนังสือหย่าหรือไม่ ดังนั้นหนังสือหย่าจึงไม่ใช่เอกสารรับรองความปลอดภัยให้กับภรรยาได้แต่อย่างใด จะมีใครกล้าตอแยกับเกาฉิว มาแต่งกับภรรยาตน แล้วไปมีเรื่องกับเกาหยาเน่ย เว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นจะมีศักดิ์หรืออำนาจวาสนามากกว่าจนเกาฉิวไม่อาจรังควาน
1
หนังสือหย่าฉบับนี้แท้จริงแล้วไม่ได้ทำขึ้นเพื่อภรรยา แต่ทำขึ้นเพื่อเป็นสัญญาสามิภักดิ์ต่อเกาไท่เว่ย เพื่อหวังเอาตัวเองให้รอด ยอมยกภรรยาให้เกาหยาเน่ย และหากได้กลับมายังหวังจะได้รับราชการต่อและเกาไท่เว่ยจะไม่หาเรื่องตนอีก แต่หลินชงคาดการณ์ผิด เกาฉิวยังคงตามรังควานเอาชีวิตตนจนต้องหนีไปพึ่งเขาเหลียงซานในที่สุด ส่วนภรรยาก็ถูกเกาหยาเน่ยรังควานจนต้องฆ่าตัวตาย
ตอนก่อนหน้า : หอพยัคฆ์ขาว
ตอนถัดไป : ดงหมูป่า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา