16 ต.ค. 2023 เวลา 14:07 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 23

หลินชง หัวเสือดาว (6) หลุมพรางกลางหิมะ
门高墙壮,地阔池深。
天王堂畔,两行细柳绿垂烟;
点视厅前,一簇乔松青泼黛。
来往的,尽是咬钉嚼铁汉;
出入的,无非沥血剖肝人。
ประตูสูงใหญ่กำแพงหนา
อาณากว้างขวางคูคลองลึก
ข้างหอโลกบาลย้อย
ใบหลิ่วเรียวลอยดังควัน
หน้าโถงกำหนดทัณฑ์
หมู่สนเขียวครึ้มร่มใบ
ผู้คนผ่านไปมา
ล้วนนักเลงกล้าหัวไม้
คนเข้านอกออกใน
พวกใจไม้ไส้ระกำ
ต่งเชา เซวียป้า คุมตัวหลินชงมาส่งยังแดนจำชางโจว และรับเอกสารรับมอบตัวเดินทางกลับไปแล้ว หลินชงถูกจัดให้พักอยู่ห้องพักเดี่ยว เพื่อนต้องโทษมาดูลาดเลาผู้มาอยู่ใหม่
“ผู้กำกับแดน 管营 และผู้คุม 差拨 ที่นี่ร้ายกาจนัก มักแต่เงิน หากไม่มีเงินให้ ก็จับยัดคุกดินไม่ได้ผุดได้เกิด หากมีเงินให้ โบยรับน้องหนึ่งร้อยทีก็อ้างว่าป่วยไม่ต้องโดน หากไม่มีเงินให้ โบยร้อยทีก็เจ็บปางตาย”
ระหว่างคุยกันนั้น ผู้คุมก็เดินมาถามว่า “คนไหนที่มาใหม่”
หลินชงเดินขึ้นหน้าตอบว่า “ผู้น้อยเอง”
ผู้คุมเห็นมามือเปล่า สีหน้าเปลี่ยน ชี้หน้าด่าหลินชง “ไอ้ทหารโจร เจอข้ายังไม่กราบอีก ก่อเรื่องที่ตงจิง มาเจอข้ายังต้าล่าล่า 大剌剌 ทำไม่สนใจ ข้าดูหน้าเจ้าก็ฟ้องว่าผีหิวโซ ชาตินี้ไม่มีหัวได้โผล่ ดื้อด้านทุบก็ไม่ตาย กระดูกโจรอย่างเจ้า ตกถึงมือข้าจะบดให้เป็นผง ให้รู้ฤทธิ์ข้าเสียบ้าง”
หลินชงปล่อยให้ระบายเสียสุดๆ ก่อนจึงควักเงินห้าตำลึงออกมายิ้มแล้วมอบให้ “พี่ผู้คุม น้ำใจเล็กน้อย”
ผู้คุมมองแล้วถามว่า “นี่เหมารวมให้ทั้งข้าและท่านผู้กำกับ”
หลินชงว่า “นี่เฉพาะพี่ผู้คุม ยังมีอีกสิบตำลึงวานท่านพี่ส่งต่อให้ท่านผู้กำกับด้วย”
ผู้คุมเปลี่ยนเป็นยิ้มแล้วว่า “ครูฝึกหลิน ข้าก็เคยได้ยินชื่อเสียงท่านอยู่ว่าเป็นคนดี นี่คงถูกเกาไท่เว่ยยัดข้อหามา แม้เฉพาะหน้านี่อาจจะต้องลำบากบ้าง แต่คนดีมีชื่อไม่งอมืองอเท้าอย่างท่าน ต่อไปคงได้กลับไปเป็นขุนนางใหญ่”
หลินชงว่า “สุดแต่ท่านช่วยอนุเคราะห์” แล้วหลินชงก็นำหนังสือสองฉบับของไฉจิ้นส่งมอบให้
ผู้คุมว่า “หนังสือท่านไฉจิ้นมีค่าดั่งทอง เดี๋ยวหากต้องถูกโบย ท่านก็บอกว่าป่วย ข้าจะช่วยพูดให้”
1
ผู้คุมยักเงินเสียอีกห้าตำลึง นำหนังสือกับเงินห้าตำลึงส่งมอบให้ผู้กำกับพร้อมทั้งสรรเสริญว่าหลินชงเป็นคนดี ผู้กำกับแดนก็รู้ในทีให้เรียกหลินชงมาพบแล้วว่า
“ตามกฏขององค์ไท่จู่อู่เต๋อ ทหารต้องโทษเนรเทศมาอยู่ใหม่ต้องโบยหนึ่งร้อยที”
หลินชงว่า “ระหว่างเดินทางผู้น้อยเป็นหวัดไม่สบาย ยังไม่หายดี ขอผัดผ่อนด้วย” ผู้กำกับจึงผัดผ่อนให้
ผู้คุมรายงานว่า “ผู้ดูแล หอโลกบาล 天王堂 บัดนี้ครบกำหนดเวรนานแล้ว ควรให้ครูฝึกหลินไปผลัดเวรดูแลแทน”
หอโลกบาลนี้ มีประวัติว่า ในสมัยราชวงศ์ถัง รัชศกเทียนเป่า 天宝 ปีที่ 7 ผู้รักษาเมืองอันซี 安西 เห็นท้าวเวสสุวรรณ 毗沙门天王 โลกบาลทิศอุดร ลงมาช่วยรักษาเมือง จึงกราบทูลฮ่องเต้  นับแต่นั้น ก็มีการสร้างหอโลกบาลอยู่คู่ค่ายทหารสืบมา
งานดูแลหอโลกบาลนี้เป็นงานเบาที่สุดในแดนจำ ไม่ใช่เส้นใหญ่ไม่อาจได้หน้าที่นี้ แต่ละวันจุดธูปบูชาเช้าเย็นและปัดกวาดทำความสะอาด ที่เหลือก็มีเวลาว่างไปเตร็ดเตร่ได้ทั้งวัน หลินชงยังใช้เงินอีกสามตำลึงวานผู้คุมถอดคาที่คอไม่ต้องสวมไว้อีกต่อไปด้วย
เวลาผ่านไปห้าสิบวัน วันหนึ่งหลินชงเดินเล่นอยู่หน้าค่ายได้ยินเสียงคนทัก หันมาดูเห็นหลี่เสี่ยวเอ้อ 李小二 เคยอยู่ร้านเหล้าที่ตงจิง ไปขโมยเงินเจ้าของร้านแล้วถูกจับได้จะนำตัวส่งทางการ หลินชงช่วยเอาไว้จึงไม่แจ้งความ อีกทั้งยังให้เงินช่วยเหลือค่าเดินทางออกจากตงจิงด้วย
1
“เสี่ยวเอ้อ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“นับแต่ผู้มีพระคุณช่วยเอาไว้ ผู้น้อยก็เร่ร่อนไม่รู้จะไปที่ไหนจนมาถึงชางโจวนี่ ได้ไปของานทำกับเถ้าแก่ร้านอาหารแซ่หวาง เถ้าแก่เห็นว่าขยันขันแข็ง ทั้งยังปรุงอาหารได้ถูกปากลูกค้า ขายดิบขายดี จึงยกลูกสาวให้ ได้เป็นเขย ตอนนี้ทั้งพ่อตาแม่ยายต่างก็เสียหมดแล้ว เหลือผู้น้อยสองสามีภรรยาเปิดร้านอาหารอยู่หน้าค่ายแห่งนี้ วันนี้จึงได้พบผู้มีพระคุณ แล้วท่านทำไมมาอยู่ที่นี่”
หลินชงชี้ไปที่ใบหน้าของตนแล้วว่า “ข้ามีเรื่องกับเกาไท่เว่ย ถูกใส่ความต้องคดี ตราหน้าเนรเทศมาที่นี่ ตอนนี้ก็เฝ้าหอโลกบาลอยู่ ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่คิดว่าจะพบเจ้าที่นี่”
หลี่เสี่ยวเอ้อจึงเชิญหลินชงไปที่ร้านทำความรู้จักกับภรรยา จากนั้นหลินชงก็ไปมาหาสู่กับหลี่เสี่ยวเอ้อ ทั้งสองเห็นหลินชงเป็นผู้มีพระคุณ ทางหลินชงก็มักให้เงินเสี่ยวเอ้อไปทำทุนบ่อยครั้ง
ย่างเข้าฤดูหนาว วันหนึ่งมีชายสองคนเข้ามาในร้าน คนแรกแต่งชุดขุนนางทหาร คนหลังดูคล้ายคนใช้ แต่นั่งลงด้วยกัน แล้วนำเงินหนึ่งตำลึงส่งให้หลี่เสี่ยวเอ้อ ให้ยกเหล้ามาก่อนสามสี่ขวด ส่วนอาหารจะรอสั่งเมื่อแขกมาถึง
หลี่เสี่ยวเอ้อถามว่า “แขกนายท่านเป็นใครหรือ”
ชายชุดขุนนางว่า “รบกวนเจ้าไปที่ค่ายเชิญผู้กำกับและผู้คุมทั้งสองคนมาคุยด้วย ถ้าเขาถาม ก็บอกว่าขุนนางผู้หนึ่งเชิญมาปรึกษาธุระ”
ผู้กำกับและผู้คุมมาถึง หลี่เสี่ยวเอ้อจัดสุราอาหารวางเต็มโต๊ะแล้วยืนรออยู่
ชายผู้ติดตามลุกขึ้นอุ่นเหล้าเอามารินแล้วบอกว่า “เหล้าข้าอุ่นเอง ถ้าไม่ได้เรียกเจ้าก็ไม่ต้องเข้ามา พวกข้ามีเรื่องคุยกัน”
หลี่เสี่ยวเอ้อขานรับแล้วออกมาเรียกภรรยา “เจ๊ ข้าว่าสองคนที่มาใหม่นี่แปลกๆ”
“แปลกอย่างไร”
“สองคนนั่นสำเนียงเป็นชาวตงจิง ตอนแรกผู้กำกับก็ยังไม่รู้จัก พอข้ายกเหล้าเข้าไป ก็ได้ยินผู้คุมพูดว่า เกาไท่เว่ย สามคำ น่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวถึงท่านครูฝึกหลิน เดี๋ยวข้าดูหน้าร้านเอง เจ้าไปหลังห้องฟังดูว่าพวกเขาคุยอะไรกัน”
ภรรยาว่า “เจ้าไปหาครูฝึกหลินในค่ายให้ออกมาดูว่ารู้จักกันไหม”
“ไม่ได้ ครูฝึกหลินเลือดร้อน เกิดเป็นลู่หวีโห้วที่พูดถึงกันวันก่อน ท่านคงไม่ปล่อยไว้ เกิดเรื่องกันขึ้น ข้ากับเจ้าก็เดือดร้อน เจ้าไปฟังมาก่อนค่อยว่ากัน”
ภรรยาไปแอบฟังมาครู่ใหญ่ก็มาบอกว่า “พวกเขาซุบซิบกัน ฟังไม่รู้เรื่อง แต่เห็นคนชุดขุนนางล้วงเอาห่อผ้าส่งให้ผู้กำกับกับผู้คุม น่าจะเป็นเงินทอง แล้วผู้คุมก็บอกว่า ไว้เป็นหน้าที่ข้า อย่างไรเสียก็เอาให้ถึงตาย”
คนกลุ่มนั้นคุยกันอีกราวครึ่งชั่วยามแล้วก็เรียกคิดเงิน แยกย้ายกันออกจากร้านไป
谋人动念震天门,悄语低言号六军。
岂独隔墙原有耳,满前神鬼尽知闻。
แผนร้ายกาจอาจโยกประตูสวรรค์
สั่งการกันเสียงแผ่วแว่วหกหมู่
ข้างกำแพงเดิมทีมีหูรู้
ผีสางอยู่ต่อหน้ามาแอบฟัง
ลู่หวีโห้วก้าวพ้นประตูไปไม่นาน หลินชงก็เข้าร้านมา
“พี่เสี่ยวเอ้อ ค้าขายดีอยู่ไหม”
“ผู้มีพระคุณเชิญนั่ง เสี่ยวเอ้อว่าจะไปหาอยู่พอดี”
หลินชงถามว่า “มีอะไรสำคัญหรือ”
หลี่เสี่ยวเอ้อจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง แล้วหลินชงก็ถามถึงลักษณะของคนที่มา แล้วว่า
“ไอ้คนอายุสามสิบกว่านี่คือลู่หวีโห้วแน่นอน ไอ้โจรชั่วกล้ามาให้ร้ายข้าถึงนี่ อย่าให้เจอ ข้าต้องขยี้เจ้าให้แหลกคามือ”
1
หลินชงออกจากร้านมาก็หาซื้อมีดพกติดตัวแล้วเที่ยวเดินหาจากปากถนนถึงท้ายซอยกระทั่งเย็นไม่พบอะไร วันที่สองออกแต่เช้า หาทั้งนอกเมืองในเมืองซอกแซกตามตรอกซอยทั้งวันก็ไม่พบอะไร แต่เช่นนี้อยู่ห้าวัน หลินชงจึงพอจะเบาใจลงบ้าง
วันที่หก ผู้กำกับแดนก็เรียกหลินชงไปพบแล้วว่า
“ท่านมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว ข้ายังไม่ได้ช่วยส่งเสริมอะไรเลย เห็นแก่หน้าท่านไฉจิ้น ที่นอกประตูเมืองทางตะวันออก มีโรงหญ้าฟางใหญ่ของค่ายทหารอยู่ เดือนหนึ่งก็ส่งของมาใช้ในค่าย ถ้ามีเหลือก็เอาไปขายหาเงินใช้ได้ มีทหารชราเฝ้าอยู่คนหนึ่ง ข้าจะให้สลับหน้าที่กับท่านมาเฝ้าหอแทน ท่านไปอยู่ที่นั่นคงพอหาเงินใช้ได้บ้าง ท่านก็ไว้ไปกับผู้คุมรับมอบหน้าที่ใหม่”
หลินชงจึงนำความมาคุยกับหลี่เสี่ยวเอ้อสามีภรรยา
“วันนี้ผู้กำกับย้ายข้าไปโรงหญ้าฟาง ไม่รู้เป็นเช่นไรบ้าง”
หลี่เสี่ยวเอ้อว่า “หน้าที่นี้ดีไม่แพ้ดูแลหอโลกบาล คอยแต่รับหญ้าฟางมาเก็บ แล้วยังมีเหลือขายได้เงินใช้ ถ้าไม่มีเส้นสายก็ยากที่จะได้งานนี้”
“ไม่ให้ร้ายข้า แล้วยังมอบงานดี ไม่รู้มีเจตนาใด”
“ผู้มีพระคุณอย่าระแวงนักเลย ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เพียงแต่ที่นั่นห่างบ้านผู้น้อยไกลสักหน่อย ถ้ามีเวลาผู้น้อยจะแวะไปเยี่ยม”
2
โรงฟางหญ้ามีกระท่อมหญ้าอยู่แปดหลัง มีฟางหญ้าม้าเก็บอยู่เต็ม ตรงกลางมีห้องโถงหญ้าสองหลัง ผู้คุมนำหลินชงมาสับเปลี่ยนหน้าที่กับทหารชราซึ่งเฝ้าโรงฟางหญ้าเดิมไปอยู่ที่หอโลกบาล ทหารชรามอบกุญแจโรงฟางหญ้าให้หลินชงพร้อมกับทิ้งน้ำเต้าสำหรับใส่เหล้าเอาไว้ให้ด้วย และบอกหลินชงว่า หากต้องการซื้อเหล้าให้เดินตามทางหลวงไปทางตะวันออกสองลี้มีตลาดอยู่
1
凛凛严凝雾气昏,空中祥瑞降纷纷。
须臾四野难分路,顷刻千山不见痕。
银世界,玉乾坤,望中隐隐接昆仑。
若还下到三更后,仿佛填平玉帝门。
หมอกมัวซัวเยือกเย็นจนหนาวสั่น
โชคอันดีพากันร่วงจากเวหา
เพียงชั่วครู่ลู่ทางมัวทั่วอาณา
เพียงพริบตาไม่เห็นเขาแม้เพียงเงา
โลกเงินยวงฟ้าดินขาวราวหยก
แลลางเลือนปกคุนหลุนยอดขุนเขา
หากยังโปรยปรายหลังยามสามเข้า
คงท่วมเอาประตูอินทร์ถึงภินท์พัง
หลินชงนั่งผิงไฟสังเกตเห็นกระท่อมโดยรอบล้วนอยู่ในสภาพจะพังมิพังแหล่ ยิ่งลมเหนือที่กำลังพัดอยู่ทำให้กระท่อมสั่นไหว คิดในใจว่าไว้หิมะซาลง คงต้องตามช่างมาซ่อมแซมเสียบ้าง
หิมะลงหนักอากาศหนาวหลินชงจึงเอาน้ำเต้าผูกไว้กับทวนคอนเดินไปยังตลาดที่ทหารชราบอก  เดินมาได้ราวครึ่งลี้ เห็นมีศาลเจ้าโบราณอยู่หลังหนึ่ง หลินชงคุกเข่ากราบแล้วว่า
“เทพเจ้าโปรดคุ้มครอง วันหลังจะมาเผากระดาษเงินกระดาษทองถวาย”
เดินต่อมาอีกพักก็ถึงร้านดังกล่าว เจ้าของถามว่า “ท่านมาจากไหน”
หลินชงว่า “ท่านจำน้ำเต้าลูกนี้ได้ไหม”
เจ้าของร้านว่า “ของทหารผู้เฒ่าที่โรงฟางหญ้า”
“ถูกต้องแล้ว”
“ท่านพี่ผู้ดูแลโรงฟางหญ้า ข้างนอกหนาวนัก เชิญนั่งดื่มด้านในสักสามจอก หลบลมไปด้วย”
เจ้าของร้านหั่นเนื้อให้หนึ่งจาน อุ่นเหล้าหนึ่งกา หลินชงกินแล้วก็สั่งเนื้อและเหล้าเติมน้ำเต้า เอาเนื้อสองชิ้นเก็บในอกเสื้อแล้วเดินกลับ ยิ่งเย็นหิมะยิ่งหนัก
หลินชงเดินย่ำหิมะฝ่าลมเหนือกลับมาถึงโรงฟาง เปิดประตูเข้าไปก็เห็นห้องโถงหญ้าถูกหิมะถล่มพังเสียแล้ว จึงรีบสำรวจดูเตาและถ่านก็เห็นว่าดับอยู่ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลินชงวิตกว่า “ทำอย่างไรดี ตอนนี้ก็ไม่มีเตาก่อไฟผิงได้เสียแล้ว” จึงนึกถึงศาลเจ้าที่ห่างออกไปราวครึ่งลี้ได้ ฉวยเอาผ้าห่มนวมมาม้วน ผูกรวมกับน้ำเต้าไว้กับทวนคอนเดินย้อนกลับมาที่ศาลเจ้า
พอมาถึงปิดประตูแล้วเห็นหินใหญ่ก้อนหนึ่งจึงย้ายมาขัดประตูไว้ ถอดหมวกและเสื้อคลุมที่ชื้นเสียห้าส่วนออก นั่งลงเอาผ้าห่มห่มเสียครึ่งตัว แล้วนำเนื้อออกมากินแกล้มเหล้าในน้ำเต้า สักพักก็ได้ยินเสียงอีกทึกด้านนอก
雪欺火势,草助火威。
偏愁草上有风,更讶雪中送炭。
赤龙斗跃,如何玉甲纷纷;
粉蝶争飞,遮莫火莲焰焰。
初疑炎帝纵神驹,此方刍牧;
又猜南方逐朱雀,遍处营巢。
谁知是白地里起灾殃,也须信暗室中开电目。
看这火,能教烈士无明发;
对这雪,应使奸邪心胆寒。
หิมะลดแรงไฟ
แต่ฟางช่วยให้เพลิงโหม
น่ากังวลคือลมโลม
ส่งถ่านกลางหิมะมา
มังกรแดงโผผก
เกล็ดหยกขาวระนาวหนา
ผีเสื้อไฟเหินนภา
ทั้งบัวเพลิงเริงไฟสิ้น
แรกระแวงว่าหยันตี้
ขี่อาชาหาหญ้ากิน
ฤาพญาหงส์ทักษิณ
ถิ่นทำรังเที่ยวค้นหา
ใครรู้ได้แดนขาวมีพิบัติภัย
เชื่อได้ว่าห้องลับมีฟ้าผ่า
เพลิงนี้นำวีรชนพ้นอวิชชา
หิมะนี้พาคนพาลหนาวซ่านทรวง
ตอนก่อนหน้า : พายุหมุนน้อย
ตอนถัดไป : ภูมิศาสตร์เหลียงซาน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา