19 ต.ค. 2023 เวลา 10:59 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 25

หลินชง หัวเสือดาว (8) สัญญาสามิภักดิ์
หลินชงเดินทางกลางหิมะมาสิบกว่าวัน วันหนึ่งใกล้ค่ำเห็นร้านอาหารอยู่ริมทะเลสาบ จึงตรงเข้าร้านไปหาที่นั่ง พิงง้าวปลดห่อสัมภาระลงแล้วสั่งเหล้ามาสองเจี่ยวเนื้อวัวจานใหญ่ นั่งดื่มไปได้สักพัก ก็เห็นชายร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่ง แก้มตอบ ไว้เคราสีเหลืองสามกระจุก เดินออกมาจากในร้านไปยืนเอามือไขว้หลังมองดูหิมะอยู่หน้าประตู
หลินชงถามบริกรว่า “จากที่นี่ไปเขาเหลียงซานอีกไกลไหม”
บริกรว่า “จากที่นี่ไปเขาเหลียงซานแค่ไม่กี่ลี้แต่ไปได้เฉพาะทางน้ำ ไม่มีทางบก หากจะไปก็ต้องจ้างเรือข้ามไป”
“ท่านช่วยว่าจ้างเรือให้หน่อย”
“หิมะหนักขนาดนี้ ฟ้าก็มืดแล้ว จะไปหาเรือที่ไหน”
“ข้าเพิ่มเงินให้ เจ้าช่วยว่าเรือข้ามฟากให้หน่อย”
“หาไม่ได้หรอก”
หลินชงจึงนั่งดื่มเหล้าต่อไปอีกหลายชามจนเริ่มตึง แล้วพลันเครียดคิดว่า “เมื่อก่อนอยู่เมืองหลวง นึกจะไปกินดื่มที่ไหนก็ไปได้ทุกวัน ใครจะไปคิดว่าจะโดนไอ้โจรเกาฉิวใส่ร้าย ถูกสักตราหน้า ระเห็จมาถึงที่นี่ มีบ้านก็กลับไม่ได้ ช่างว้าเหว่อะไรเช่นนี้”
หลินชงจึงยืมหมึกและพู่กันจากทางร้านมาเขียนกลอนระบายตามฤทธิ์เหล้าพาไปลงบนผนังร้านว่า
仗义是林冲,为人最朴忠。
江湖驰誉望,京国显英雄。
身世悲浮梗,功名类转蓬。
他年若得志,威镇泰山东。
เที่ยงธรรมคือหลินชง
คนซื่อตรงคงหลักฐาน
ชื่อเสียงก้องวงการ
สะท้านเมืองเรื่องหาญกล้า
ชีพเศร้าดั่งไม้ลอย
ดุจหญ้าฝอยอันด้อยค่า
แม้นสมหมายภายหน้า
คงลือชาไท่ซานตง
หลินชงวางพู่กันแล้วนั่งดื่มต่อ ชายเคราเหลืองที่ยืนหน้าร้านเดินมาคว้าเอวหลินชงไว้กล่าวว่า
“ท่านกล้ามากนะ ก่อเรื่องใหญ่ที่ชางโจว มาโผล่ที่นี่ ตอนนี้มีรางวัลนำจับสามพันก้วน เอาอย่างไรดี”
หลินชงถาม “ท่านว่าข้าคือใคร”
“ท่านไม่ใช่ หัวเสือดาวหลินชงหรือ”
“ข้าแซ่จาง”
ชายผู้นั้นหัวเราะ “ไม่ต้องเหลวไหล เห็นอยู่ชื่อที่เขียนบนกำแพงนั่น แล้วยังตราที่สักบนหน้า จะเฉไฉไปไหนได้”
“ท่านจะจับข้าหรือ”
ชายผู้นั้นหัวเราะ “ข้าจะจับท่านไปทำไม ตามข้ามา ไปคุยกันข้างใน”
ทั้งคู่เดินกันไปยังศาลาริมน้ำ คราวนี้ชายผู้นั้นสั่งสุราอาหารมาเลี้ยง แล้วถามว่า
“พี่ท่านถามทางจะไปเหลียงซานป๋อ ที่นั่นเป็นส้องโจร ท่านจะไปทำไม”
“บอกตามตรง ตอนนี้ทางการกำลังไล่จับข้า ไม่มีที่ไป จึงตั้งใจมาขอเข้าพวก”
“ถ้าเช่นนั้น คงมีคนแนะนำพี่ท่านมา”
หลินชงว่า “สหายเก่าที่ชางโจวเหิงไห่ 沧州横海 แนะนำมา”
“ท่านพายุหมุนน้อยไฉจิ้นละมัง”
“ท่านรู้จักด้วยหรือ”
“ท่านขุนนางใหญ่ไฉกับนายใหญ่หวางสนิทกัน มีหนังสือถึงกันเสมอ”
หลินชงจึงถามว่า “ข้ามีตาแต่ไร้แวว รบกวนถามท่านมีนามว่าอะไร”
“ผู้น้อยเป็นหูเป็นตาให้หัวหน้าหวาง แซ่จูชื่อกุ้ย ชาวอี๋โจวอำเภออี๋สุ่ย มีฉายาตะเข้ดอน 旱地忽律 ทางค่ายให้ผู้น้องมาเปิดร้านบังหน้าไว้ดูลาดเลาคนผ่านไปมา ใครมีทรัพย์ก็รายงานให้ทางค่ายรู้ ใครหลงมาคนเดียวถ้าไม่มีเงินก็ปล่อยไป ถ้ามีเงินก็วางยาปล้นแล้วจับเชือดเสีย เนื้อแดงก็ทำเป็นเนื้อแห้ง เนื้อติดมันก็เคี่ยวน้ำมันไว้จุดตะเกียง
เมื่อครู่พี่ท่านถามทางไปเหลียงซานป๋อ จึงไม่ได้ลงมือ พอเห็นเขียนกลอนบอกชื่อไว้ จึงรู้ว่ามาจากเมืองหลวงและเคยได้ยินชื่อเสียงท่านอยู่ นี่ยังมีจดหมายแนะนำตัวของท่านขุนนางใหญ่ไฉ หัวหน้าหวางคงมีงานใหญ่ให้ท่านเป็นแน่”
หลินชงถามว่า “แล้วจะหาเรือข้ามฟากได้ที่ไหน”
จูกุ้ยว่า “ที่นี่มีเรือของเราเอง พี่ท่านวางใจ คืนนี้พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ยามห้าค่อยไปด้วยกัน”
เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้าไม่ทันสาง จูกุ้ยเปิดหน้าต่างศาลายิงศรสัญญาณเสียงเล็งไปยังฝั่งตรงข้าม สักพักก็มีเรือฝ่าดงอ้อแขมออกมารับหลินชงและจูกุ้ยข้ามฟากไป
山排巨浪,水接遥天。
乱芦攒万队刀枪,怪树列千层剑戟。
濠边鹿角,俱将骸骨攒成;
寨内碗瓢,尽使骷髅做就。
剥下人皮蒙战鼓,截来头发做缰绳。
阻当官军,有无限断头港陌;
遮拦盗贼,是许多绝径林峦。
鹅卵石迭迭如山,苦竹枪森森似雨。
断金亭上愁云起,聚义厅前杀气生。
คลื่นลูกใหญ่เขาสูงต่ำหลั่นลด
ผืนน้ำจรดขอบฟ้าไกลสุดกู่
พงอ้อแขมแซมหอกดาบนับหมื่นคู่
ดงหมู่ไม้รายมีดทวนนับพันชั้น
1
ขวากเขากวางในคูโครงกระดูกปัก
กระบวยตักใส่กระโหลกแทนถ้วยขัน
ถลกหนังคนขึงหน้ากลองลั่น
ตัดเส้นผมมาปั่นฟั่นเชือกหนา
ตรอกซอยตัน ไม่จำกัด สกัดทหาร
ดงดอยกันดาร ต้านขวาง โจรมิจฉา
กรวดหินก้อนซ้อนเป็นเขาเลากา
ไผ่งาแซงแทงทึบดังฝนเจ้ากรรม
เมฆคุมแค้นแขวนศาลาบั่นโลหะ
ผงะสาบเข่นฆ่าหน้าโถงร่วมธรรม
(บั่นโลหะ 断金 มิตรภาพมีคมบั่นโลหะได้ คือ มิตรภาพมีค่ายิ่งกว่าทอง)
เมื่อถึงฝั่งจูกุ้ยพาเดินต่อขึ้นเขาไปยังโถงร่วมธรรม 聚义厅 มีชายสามคนนั่งอยู่ คนกลางคือ บัณฑิตชุดขาวหวางหลุน 白衣秀士王伦 ด้านซ้ายลูบคลำฟ้าตู้เชียน 摸着天杜迁 และด้านขวาปักหลั่นดั้นเมฆซ่งว่าน 云里金刚宋万
1
จูกุ้ยนำหลินชงคารวะอย่างเป็นทางการแล้วกล่าวแนะนำว่า
“ท่านผู้นี้คือครูฝึกทหารองครักษ์แปดสิบหมื่นแห่งตงจิง แซ่หลินชื่อชง ถูกเกาไท่เว่ยใส่ความต้องโทษสักตราหน้าเนรเทศสู่ชางโจว ยังต้องโทษซ้ำคดีเผาโรงฟางหญ้าของค่ายทหาร และฆ่าคนตายสามศพ หลบหนีทางการไปบ้านท่านขุนนางใหญ่ไฉ ด้วยนับถือกัน จึงมีหนังสือแนะนำตัวให้มาสมัครเข้าพวก”
1
หวางหลุนรับหนังสือแนะนำตัวมาอ่านแล้วก็เชิญหลินชงนั่งเก้าอี้ตัวที่สี่ จูกุ้ยนั่งตัวที่ห้า ให้ลิ่วล้อยกสุรามาและสนทนากันถึงท่านไฉจิ้น
หวางหลุนตรองว่า “ตัวข้าเป็นเพียงบัณฑิตสอบตก มาเป็นโจรอยู่ที่นี่กับตู้เชียนซ่งว่าน ตัวข้าไม่มีฝีมืออันใด ตู้เชียนซ่งว่านก็ฝีมืองั้นๆ ครูฝึกทหารองครักษ์ย่อมมีฝีมือดี ถ้าให้อยู่ด้วย พอรู้ฝีมือพวกเรา สักวันคงต้องคิดชิงตำแหน่งเป็นแน่ พวกเราก็ไม่มีทางสู้ ต้องหาข้ออ้างให้ลงเขาไปจึงไม่เป็นปัญหาภายหน้า แต่ต้องไม่ให้กลายเป็นว่าลืมคุณ ไม่ไว้หน้าท่านไฉจิ้นด้วย”
未同豪气岂相求,纵遇英雄不肯留。
秀士自来多嫉妒,豹头空叹觅封侯。
ไยต้องช่วยด้วยมิเคยร่วมเคียงบ่า
เก่งกาจกล้ารับไว้ได้หรือไฉน
จิตบัณฑิตริษยามาแต่ไร
เสือถอนใจไร้ที่ฝากฝีมือ
เลี้ยงดูกันอิ่มหนำสำราญแล้ว หวางหลุนให้ลิ่วล้อยกถาดใส่เงินแท่งห้าสิบตำลึงและผ้าไหมสองพับออกมา หวางหลุนลุกขึ้นยืนกล่าวว่า
“ท่านขุนนางใหญ่ไฉแนะนำท่านครูฝึกมา แต่ค่ายนี้ยังเล็กเสบียงน้อย โรงเรือนไม่พร้อม กำลังไม่มาก เกรงจะไม่สมศักดิ์ศรีท่าน จึงใคร่ขอมอบของกำนัลเล็กน้อย ได้โปรดรับไว้ ท่านจะได้หาค่ายใหญ่ที่เหมาะสมต่อไป”
หลินชงว่า “ท่านหัวหน้าทั้งสามได้โปรด ผู้น้อยตั้งใจเดินทางมาแต่ไกล ทั้งยังขอให้เห็นแก่หน้าท่านไฉจิ้นที่แนะนำให้มา หลินชงแม้ด้อยความสามารถแต่ก็หวังว่าท่านจะยอมรับเอาไว้ หากวันหน้ามีเหตุอันใดจะยอมพลีชีพออกหน้า ไม่ขอบิดพลิ้ว ขอเพียงมีที่พักอาศัย มิได้มุ่งหวังเงินทอง ขอได้โปรดพิจารณา”
จูกุ้ยจึงช่วยพูดว่า “ท่านพี่ อย่าว่าผู้น้องมากความ ค่ายเราแม้เสบียงน้อยก็ยังพอหยิบยืม(ปล้น)จากตำบลใกล้เคียง ส่วนโรงเรือนที่พัก เขานี้ออกกว้างมีที่ปลูกเรือนอีกสักพันยังเหลือ ท่านผู้นี้เป็นคนที่ท่านขุนนางใหญ่ไฉแนะนำมา หากให้ไปที่อื่น วันหลังท่านไฉมาเยี่ยมเยียน จะตอบท่านว่าอย่างไร ท่านผู้นี้ก็มีความสามารถเป็นกำลังให้แก่ค่ายเราได้”
ตู้เชียน และ ซ่งว่านก็ช่วยพูดขอร้องด้วย
1
หวางหลุนจึงว่า “พี่น้องเรายังไม่รู้ เขากล้าก่อคดีมหันต์ที่ชางโจว วันนี้ขึ้นเขามา ยากจะรู้ใจ หากเพียงมาดูลาดเลา จะทำอย่างไร”
หลินชงว่า “คดีที่ผู้น้อยมีล้วนโทษถึงตาย จึงมาขอพึ่งท่าน เหตุใดจึงยังสงสัย”
หวางหลุนว่า “เช่นนั้น หากสมัครใจจริง ต้องทำสัญญาสามิภักดิ์ 投名状”
หลินชงจึงว่า “ผู้น้อยพอรู้หนังสืออยู่ ใคร่ขอกระดาษและพู่กันเขียนให้ไว้”
จูกุ้ยหัวเราะแล้วว่า “มิใช่หรอกท่านครูฝึก ผู้กล้าที่จะมาเป็นพวกต้องทำสัญญาสามิภักดิ์ คือให้ครูฝึกท่านลงเขาไปฆ่าคนผู้หนึ่งแล้วตัดหัวนำมาส่งให้สิ้นสงสัย นี่จึงเรียกว่าสัญญาสามิภักดิ์”
หลินชงว่า “เรื่องนี้ไม่ยาก หลินชงเพียงลงเขาไปรอ กลัวแต่จะไม่มีคนผ่านมา”
หวางหลุนว่า “ให้เวลาสามวัน หากส่งมอบได้ตามสัญญาสามิภักดิ์ ท่านก็ได้เข้าเป็นพวก หากทำไม่ได้ในสามวัน ก็ต้องขออภัย”
愁怀郁郁若难开,可恨王伦忒弄乖。
明日早寻山路去,不知那个送头来。
ห่วงกังวลมึนงงยากเอื้อนเอ่ย
หวางหลุนเอยช่างน่าชังทำเฉไฉ
เช้าวันพรุ่งมุ่งตรงลงเขาไป
จะมีใครที่ไหนให้หัวมา
เช้าวันรุ่งขึ้นหลินชงสะพายมีด ถือดาบพอเตา 朴刀 ให้ลิ่วล้อคนหนึ่งนำทาง ลงเรือข้ามฟากไปซุ่มรอบนทางเปลี่ยวเส้นหนึ่ง เฝ้ารอตั้งแต่เช้าจนเย็นไม่มีใครมาสักคน จึงกลับมามือเปล่า พอข้ามฟากกลับมา หวางหลุนถามว่า “สัญญาสามิภักดิ์อยู่ไหน” หลินชงได้แต่ตอบว่า “วันนี้ไม่มีใครผ่านทางเลยสักคน”
เช้าวันที่สอง ลิ่วล้อนำทางก็บอกว่าไปดักที่ทางใต้ดู เฝ้ารอจนถึงบ่ายมีขบวนคนเดินทางมาเป็นกลุ่มราวสามร้อยคน หลินชงก็ไม่กล้าลงมือ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครผ่านมาอีก พอกลับมาเจอหวางหลุนถามหาสัญญาสามิภักดิ์ หลินชงไม่ตอบได้แต่ถอนหายใจ หวางหลุนจึงว่า
“คงไม่มีเหมือนเดิม ข้าให้เวลาสามวัน นี่วันที่สองแล้ว หากพรุ่งนี้ยังหาไม่ได้ ก็คงไม่ต้องกลับมาพบกันอีก ลงเขาไปหาที่อื่นอยู่ได้เลย”
เช้าวันที่สามหลังอาหารเช้า หลินชงเก็บข้าวของมัดใส่ห่อผ้าวางไว้ในห้อง แล้วข้ามน้ำมา ลิ่วล้อนำทางไปยังเส้นทางสายตะวันออก เฝ้ารออยู่จนเที่ยงวัน ตะวันตรงหัวก็ยังไม่เห็นใคร หลินชงบ่นว่า “คงไม่ได้เรื่องแล้ว อาศัยว่ายังเช้าอยู่ กลับไปเอาห่อผ้าแล้วไปหาที่อยู่ใหม่ก่อนฟ้ามืดท่าจะดี”
ลิ่วล้อชี้ว่า “นั่น มีคนมา”
ชายคนหนึ่งหาบของเดินขึ้นเนินมา หลินชงรอจนเข้ามาใกล้ก็ถือดาบออกมาดักหน้า ชายคนนั้นพอเห็นหลินชงก็ทิ้งหาบวิ่งหนีทันที หลินชงตามไม่ทัน
หลินชงว่า “ดูสิ เวรกรรมจริง รอมาสามวันจนมีมาคนหนึ่ง ก็หนีไปเสียแล้ว”
ลิ่วล้อว่า “ถึงฆ่าใครไม่ได้ ได้ของไปหาบหนึ่งก็พอแก้ตัวได้”
“เจ้าหาบของขึ้นเขาไปก่อน ข้าจะรอต่ออีกสักหน่อย”
ก็เพราะสัญญาสามิภักดิ์นั้นต้องได้หัวคน หลินชงจึงยังจำต้องรอ
แต่ก็ไม่ต้องรอนาน ชายคนหนึ่งเดินขึ้นเนินมา หลินชงว่า “สวรรค์ยังเมตตา”
ชายที่มาใหม่ถือดาบพอเตาตะโกนลั่นป่าว่า “โจรชั่ว ฆ่าไม่เคยหมด จะหาบของหนีไปไหน ส่าเจียต้องสั่งสอนเจ้าที่บังอาจมากระตุกหนวดเสือ” แล้ววิ่งปานพายุขึ้นเนินมา
ตอนก่อนหน้า : ภูมิศาสตร์เหลียงซาน
ตอนถัดไป : ดาบบรรพบุรุษ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา