Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
•
ติดตาม
25 ต.ค. 2023 เวลา 06:03 • นิยาย เรื่องสั้น
ตอน ปริศนาชายสวมเสื้อคลุม
เมอร์คิวเรียสเดินเลาะไปตามทางเดินเลียบคลองอันแสนเฉอะแฉะ ต้องคอยเอามือจับปลายเสื้อคลุมให้ยกสูงขึ้นกันไม่ให้เลอะเศษดินที่กระเด็นขึ้นมา
ในที่สุดเมอร์คิวเรียสก็ไปถึงโรงงานทำอิฐซึ่งเป็นที่ทำงานของลีเวนส์พ่อของเกอร์ทรูย์ดตามที่แจนเน็ตจ์ได้บอกทาง โรงงานมีขนาดไม่ใหญ่โต เมื่อเมอร์คิวเรียสเดินเข้าไปเขาต้องใช้เวลาสักครู่ในการปรับสายตาเพราะข้างในมีแสงสว่างไม่มาก ฝ้าเพดานค่อยข้างต่ำทำให้เมอร์คิวเรียสต้องถอดหมวกไม่ให้ไปชนเพดาน
เมอร์คิวเรียสเห็นชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหลังโต๊ะซึ่งทำจากถังไม้ คลุมด้วยผ้าปูที่ทำจากผ้าไหมปักทอลวดลายอย่างงดงามแต่ดูยังไงก็ไม่เข้ากันเลย ข้างโต๊ะมีไม้ค้ำยันคนพิการวางพาดไว้
เมอร์คิวเรียสมองไปที่ชายคนนี้พบว่าเขามีขาเพียงข้างเดียว เขาพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับเมอร์คิวเรียส แต่เมอร์คิวเรียสรีบพูดห้ามไว้ว่าไม่จำเป็นต้องยืน
ชายพิการเห็นเมอร์คิวเรียสมองไปที่ผ้าคลุมโต๊ะจึงพูดขึ้นว่า
"ผ้าปูโต๊ะผืนนี้เป็นของขวัญจากภรรยาเจ้านายครับ เมื่อครั้งที่ผมสูญเสียขาข้างหนึ่งจากอุบัติเหตุระหว่างทำงาน นายท่านได้ให้ผมมาทำงานตรงนี้แทน ส่วนภรรยานายท่านได้อุตส่าห์ปักผ้าผืนนี้ให้ผม"
เมอร์คิวเรียสได้แต่พยักหน้าตอบ ในใจอดสงสัยไม่ได้ว่าผ้าผืนนี้ดูไม่สมราคากับการชดเชยขาของชายคนนี้เลย
"ประทานโทษครับ ผมมานี่เพื่อขอพบคุณลีเวนส์พ่อของเด็กหญิงที่เสียชีวิตครับ"
"นี่นับเป็นเรื่องที่สะเทือนใจจริงๆ พรุ่งนี้ก็จะมีพิธีฝังศพเธอแล้ว"
"ไม่ทราบว่าคุณจะไปร่วมพิธีฝังศพเธอที่โบสถ์นิวเคิร์กไหมครับ?"
"ผมก็อยากจะไปหรอกนะแต่มันอยู่ไกลจนผมเดินไปไม่ไหว"
"ไม่ต้องกังวลไปครับ ผมทราบมาว่าท่านนายกเทศมนตรีจะมีรถม้าหรือเกวียนมารับผู้ที่ต้องการไปร่วมพิธีครับ"
"ถ้าอย่างนั้นผมจะไปขออนุญาตเจ้านายดู"
"ไม่ทราบว่าคุณต้องทำงานทุกวันเลยหรือครับ?"
"ไม่ทุกวันครับ เราก็มีหยุดในวันพระผู้เป็นเจ้าครับ ส่วนการลาไปร่วมพิธีศพ เจ้านายคงอนุญาตให้ผมไปได้แต่ผมคงจะไม่ได้ค่าจ้างในวันนั้นเพราะไม่ได้ทำงานก็ดูสมเหตุสมผลดีใช่ไหมครับ?""
"ใช่ครับ เอ่อ..ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้านายของคุณครับ?" เมอร์คิวเรียสลองถามดูถึงแม้ว่าเมื่อรู้ชื่อแล้วเขาก็คงไม่รู้จักเจ้าของชื่ออยู่ดี
"วิลเฮลมัส แวน เสตเตน ครับ" มันไม่ใช่เสียงตอบจากชายพิการแต่เป็นเสียงตอบจากชายที่อยู่ในกลุ่มของคนงาน พอเมอร์คิวเรียสได้ยินชื่อนี้ทำให้เขาเริ่มเห็นความเขื่อมโยงบางอย่างที่เกี่ยวกับคนร้าย
ชายพิการชี้ไปที่เจ้าของเสียงแล้วพูดว่า
"คนนี้ล่ะครับคนที่ท่านถามหา"
เมอคิวเรียสหันไปมองชายเจ้าของเสียง เขามีสีหน้าบึ้งตึง ผมออกสีแดงดกหนาดูคล้ายสิงโตที่กำลังโกรธ
"สวัสดีครับคุณลีเวนส์" เมอร์คิวเรียสทักทาย แต่ไม่มีเสียงตอบจากลีเวนส์ เมอร์คิวเรียสจึงถือโอกาสแนะนำตัวเองและภารกิจที่นายกเทศมนตรีมอบหมาย
"เมียผมบอกว่ามีนักบวชมาหาและซักถามข้อมูลต่างๆ เป็นคุณเองหรือ?" ลีเวนส์ถาม
"ใช่ครับ และก่อนที่ผมจะมาที่นี่ผมก็ได้แวะไปคุยกับเธอและยังได้คุยกับหนูนิโค"
"คุยกับหนูนิโค? แต่เธอเพิ่งหัดพูดเองนะ"
ลีเวนส์กล่าวด้วยความสงสัย
"หนูนิโคได้บอกผมว่าเธอเห็นเกอร์ทรูย์ดเดินไปกับผู้ชาย"
"แล้วนิโคบอกรายละเอียดรูปร่างหน้าตาของคนร้ายหรือเปล่าครับ?" ลีเวนส์ถามด้วยความตื่นเต้น
"หนูนิโคไม่สามารถบอกได้ละเอียดขนาดนั้นแต่เธอก็ช่วยทำให้ผมรู้ว่าคนร้ายมันสวมเสื้อคลุมแบบมีหมวกแต่ไม่มีปอกแขน"
A Man in a Dark Cloak by Luca Cerlevarijs From Victoria and Albert Museum
"ข้อมูลแค่นี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ ผู้ชายในเดลฟท์ส่วนใหญ่ก็สวมเสื้อคลุมแบบนี้ ผมเองก็มีตัวหนึ่ง"
"ผมว่าเราไปคุยกันสองต่อสองที่อื่นดีไหมครับ?"
"ท่านสามารถคุยกับผมตรงนี้ได้เลย ที่นี่ทุกคนเป็นเพื่อนกันและไว้ใจได้ทุกคนครับ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร คุยกันตรงนี้ก็ได้ครับ ดีเสียอีกผมจะได้รับฟังความเห็นจากหลายๆ คน"
คนงานบริเวณนั้นต่างก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
"พูดถึงเรื่องเสื้อคลุมผมเองก็สังเกตเห็นว่าที่นั่มีคนใส่อยู่สองสามคน" เมอร์คิวเรียสเกริ่นขึ้นมาลอยๆ
"นี่ท่านกำลังสงสัยพวกเราหรือครับ?" หนึ่งในคนงานพูดขึ้นมา
"อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมเพียงตั้งใจจะถามว่า แล้วในวันอาทิตย์พวกเราที่นี่มีใครสวมเสื้อคลุมหรือเปล่าครับ?"
"อ๋อ! ถ้าเป็นวันอาทิตย์คงไม่มีใครสวมหรอกครับ ยกเว้นวันนั้นมีฝนตก เพราะว่าเสื้อคลุมที่เปียกฝนมันจะส่งกลิ่นเหม็นอับและเสื้อคลุมเองก็เลอะเทอะ" หนึ่งในคนงานออกความเห็น
"ถึงผมจะไม่ค่อยมีประสบการณ์การทำงานโดยสวมเสื้อคลุม แต่คิดดูแล้วเสื้อคลุมที่ไม่มีปอกแขนก็ช่วยให้สะดวกในการจับเครื่องมือและเคลื่อนไหวในการทำงานไม่ใช่หรือครับ?" เมอร์คิวเรียสออกความเห็น
"นั่นก็จริงครับ เวลาคนงานใส่เสื้อคลุมแบบนี้ทำงานมันสะดวกในการหยิบจับเครื่องมือ และไม่อุ้มน้ำเวลาเปียกฝน ซึ่งดีกว่าสวมเสื้อคลุมแบบหนังซึ่งหนักกว่าอีกด้วย" หนึ่งในคนงานให้ความเห็นสนับสนุน
"แล้วถ้าเผื่อมีคนที่ใส่เสื้อคลุมแบบนี้ในวันอาทิตย์ล่ะ พวกเราลองคิดซิว่าเขาจะใส่มันทำไม?" เมอร์คิวเรียสถามเหล่าคนงาน
คนงานต่างมองหน้ากันและกันก่อนที่จะมีคนงานคนหนึ่งออกความเห็นว่า
"คนนั้นอาจต้องทำงานในวันอาทิตย์หรือไม่เขาอาจไม่ต้องไปโบสถ์เพราะเขาเป็นพวกนอกรีด"
ดูเหมือนความเห็นนี้เป็นที่ยอมรับของคนงานทุกคน
"แล้วคนอาชีพไหนที่ต้องทำงานในวันอาทิตย์ครับ?"
"เกษตรกรยังไงหล่ะครับ" ลีเวนส์ตอบ
"อย่างเช่นคนเลี้ยงวัวต้องรีดนมวัว ส่วนชาวประมงต้องใช้ชีวิตขึ้นกับเวลาน้ำขึ้นน้ำลง อีกอย่างหนึ่งในวันอาทิตย์ที่ลูกสาวผมหายตัวไปนั้นวันนั้นท้องฟ้าโปร่ง อากาศค่อนข้างแห้ง เกษตรกรไม่น่าใส่เสื้อคลุม" ลีเวนส์ออกความเห็นเพิ่มเติม
"แต่บางทีชาวประมงอาจใส่เสื้อคลุมไม่ใช่หรือ?" คนงานคนหนึ่งออกความเห็น
"ใช่เลย ชาวประมงชอบใส่เสื้อคลุมในทุกสภาพอากาศเพื่อกันละอองน้ำเค็ม" คนงานอีกคนหนึ่งพูดสนับสนุน
ความเห็นนี้ได้จุดประกายความคิดของเมอร์คิวเรียสอย่างมาก จนรู้สึกดีใจ
"ท่านครับ ชาวประมงคนไหนก็ตามที่ยังไม่ได้ขนสินค้าออกจากเรือไปส่งผู้ซื้อพวกเขายังคงใส่เสื้อคลุมอยู่ แม้ว่าเป็นวันอาทิตย์พวกเขาก็ยังคงทำงาน พวกเขาต้องขนสินค้าไปส่งผู้ซื้อให้เสร็จเพื่อรับเงิน เพราะถ้ารอถึงวันจันทร์ก็ไม่ทันแล้ว" และนี้เป็นอีกหนึ่งความเห็นของคนงาน
เมอร์คิวเรียสคิดไม่ถึงว่าตัวเขาจะได้รับความเห็นดีๆ อย่างนี้จากคนงาน นับว่าเป็นความโชคดีอย่างมาก
"คุณลีแวนส์ ผมมีเรื่องอยากบอกคุณแม้ว่าคุณอาจไม่อยากฟัง คือว่าผมได้อยู่ในเหตุการณ์ชันสูตรลูกสาวคุณ"
"ลูกผมถูกล่วงละเมิดหรือครับ?" ลีเวนส์พูดเสียงดังโดยมีสีหน้าโกรธ
"ไม่ใช่ครับ โปรดอย่าเข้าใจผิด คือหมอได้บอกว่าคนร้ายพยายามช่วยชีวิตลูกสาวคุณโดยจับเธอที่แขนแล้วเขย่าตัวเธอ"
เมอร์คิวเรียสสังเกตเห็นสีหน้าลีเวนส์ดูเบิ่งตาโตขึ้นทันทีที่ได้ยินคำว่าเขย่าตัว
ลีเวนส์พูดพึมพำเบาๆ ว่า ทำท่าเหมือนคนหมดแรง
"โธ่! ลูกของพ่อช่างหน้าสงสาร ตอนนั้น ลูกคงทรมานจากอาการตัวสั่นอีกแล้ว"
"ตัวสั่น? คุณลีแวนส์หมายถึงอะไรครับ? ผมไม่เข้าใจ"
"ลูกสาวผมคงจะตัวสั่นก่อนที่จะเสียชีวิต อันที่จริงลูกสาวผมเธอป่วยเป็นโรค ยางครั้งเธอจะมีอาการตัวสั่นจนหมดสติพอฟื้นขึ้นมาเธอก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น บางครั้งการหมดสติของเธอนานจนดูเหมือนคนตาย" ลีเวนส์อธิบาย
"เธอเป็นแบบนี้บ่อยไหมครับ?"
ลีเวนส์ยกมือขึ้นมานับนิ้วก่อนจะพูดว่า
"ปีหนึ่งเธอจะเป็นอย่างนี้สองสามครั้งครับ ยิ่งเธอโตขึ้นอาการก็ดูแย่ลง"
"แล้วคุณลีเวนส์พอจะรู้สาเหตุของโรคไหมครับ?"
"ผมกับเมียไม่รู้สาเหตุหรอกครับ ลูกเคยเล่าว่าเธอคิดว่าอาจเป็นเพราะอากาศในบ้านอับ และเวลาเธอตกใจเธอก็จะเป็น"
"จากที่คุณเล่ามาเกอร์ทรูย์ดเป็นเด็กที่น่าสงสารมากที่ต้องป่วยเป็นโรคประหลาด ผมคิดว่าคนร้ายคงตกใจมากเช่นกันที่เห็นเธอตัวสั่นจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเธอ"
"ไม่ว่าคนร้ายจะช่วยลูกผมอย่างไรสุดท้ายลูกผมก็ตาย" ลีเวนส์พูดแบบหมดอาลัยตายอยาก
"ผมเข้าใจความรู้สึกคุณลีเวนส์ดีถึงการต้องสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักยิ่งของครอบครัว ยิ่งเธอป่วยเป็นโรคประหลาดยิ่งต้องมีคนช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด"
เมอร์คิวเรียสพูดยังไม่ทันจบประโยคน้ำตาของลีเวนส์ก็ไหลอาบสองแก้ม เมอร์คิวเรียสพูดต่อไปว่า
"ภรรยาและลูกสาวอีกคนของคุณลีเวนส์ยังต้องการเสาหลักอย่างคุณลีเวนส์ คุณจึงต้องเข้มแข็งเพื่อครอบครัว" เมอร์คิวเรียลสพูดจบตบไหล่ของลีเวนส์เบาๆเป็นการปลอบใจ
ก่อนที่เมอร์คิวเรียลสจะเดินออกจากโรงงาน ก็ได้หันหน้ากลับมาแล้วพูดกับลีเวนส์ว่า
"คุณลีเซนส์ครับผมอยากให้คุณลีเวนส์ร่วมมือกับทีมงานของนายกเทศมนตรีเพื่อจับคนร้ายมารับการลงโทษให้ได้"
"หากท่านเห็นว่าผมจะมีประโยชน์ผมก็จะทำอย่างเต็มที่ครับเพื่อลูกของผม"
จบตอนที่ 37
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณทุกท่าน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
นวนิยาย
นวนิยายแปล
หนังสือ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องเล่า ไขคดีปริศนาเมืองเดลฟท์( Death in Delft) ผลงานเกรแฮม แบรก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย