25 ต.ค. 2023 เวลา 07:26 • นิยาย เรื่องสั้น

ตอน คว้าน้ำเหลว

แวนลิวเวนฮอคชวนเมอร์คิวเรียสและแคลส์ไปทดสอบข้อสมมุติฐานในสถานที่จริง แวนลิวเวนฮอคเดินนำอย่างรวดเร็วจนเมอร์คิวเรียสและแคลส์ต้องรีบเดินตามให้ทัน
ตลอดเส้นทางที่ทั้งสามเดินไปนั้นเต็มไปด้วยโคลนเฉอะแฉะทำให้เป็นการเดินที่ทุลักทุเลมาก เมอร์คิวเรียสอดคิดไม่ได้ว่าทำไมหนออาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างเขาต้องมาทำอะไรอย่างนี้ด้วย
ทั้งสามเดินมาถึงทางเลี้ยวแรกด้านซ้ายมือ แวนลิวเวนฮอคยื่นไม้เท้าชี้ไปข้างหน้าบอกให้ทุกคนเร่งเดินให้เร็วขึ้น จนถึงทางเลี้ยวที่สองซึ่งอยู่ทางขวามือ แวนลิวเวนฮอคจึงหยุดเดิน
"แถวนี้ดูเต็มไปด้วยกองขยะทำให้การหลบหนีล่าช้า เราลองเดินต่อไปตรงทางเลี้ยวข้างหน้าดีกว่า" แวนลิวเวนฮอคออกความเห็น
เมื่อทั้งสามเดินไปถึงก็ได้เดินตัดผ่านเข้าไปบริเวณบ้านพักอาศัยย่านแบสชั่น
"จากตรงนี้คนร้ายสามารถจะไปทางไหนก็ได้ทั้งนั้น และตอนนี้เราไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะตั้งสมมติฐานใหม่ต่อไปได้อีก" แวนลิวเวนฮอคกล่าวเสียงดัง
"เราไม่สามารถหยุดค้นหาคนร้ายเพียงแค่นี้นะครับ" เมอร์คิวเรียสพูดขัด
"แต่เราก็ไม่รู้จะใช้หลักวิทยาศาสตร์อะไรได้มากกว่านี้ ยกเว้นเราจะหาหลักฐานใหม่เพิ่มขึ้นอีก เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะมุ่งไปทางเหนือ อาจารย์มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ส่วนแคลร์ให้มุ่งหน้าไปทางใต้ตลอดแนวกำแพง จากนั้นพวกเรากลับไปเจอกันที่ศาลาว่าการ" แวนลิวเวนฮอคพูดจบก็เดินไปทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบจากเมอร์คิวเรียสและแคลส์
เมอร์คิวเรียสรู้สึกว่าแวนลิวเวนฮอคพูดราวกับออกคำสั่งให้เขาและแคลส์ต้องทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
ตั้งแต่เติบโตมาเมอร์คิวเรียสไม่เคยถูกใครสั่งให้ทำโน่นทำนี่แบบนี้เลย ถ้าจะเปรียบเทียบใครสักคนที่จะเหมือนกับแวนลิวเวนฮอคก็น่าจะเป็นอาร์คบิชอบที่สั่งตอนเด็กชายผู้ทำหน้าที่ร้องเพลงในโบสถ์เพื่อรักษาคุณภาพเสียงร้องก่อนที่จะแตกหนุ่ม ถ้าการกระทำอย่างนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กเหล่านั้นจริง ทำไมเราจึงไม่ตอนผู้ที่จะมาเป็นอาร์คบิชอบบ้าง
เมอร์คิวเรียสและแคลส์ต่างแยกย้ายไปตามทิศทางที่แวนลิวเวนฮอคกำหนด. โดยเมอร์คิวเรียสพยายามยึดแนวคลองเป็นหลักเพื่อไม่ให้หลงทาง เมื่อเดินไปใกล้ป้อมกำแพงเมืองก็เห็นบ้านเล็กหลายหลังในบริเวณนี้ บ้านเหล่านี้อยู่ใกล้ถนนสามารถได้ยินเสียงพูดคุยภายในบ้านได้จึงไม่น่าเป็นที่หลบซ่อนตัวได้
ขณะนั้นมีลมหนาวพัดปะทะเมอร์คิวเรียสอย่างแรงจนเขารู้สึกหนาวจับจิต ทำให้เมอร์คิวเรียสอดเป็นห่วงเด็กสาวทั้งสองไม่ได้ว่าพวกเธอจะเป็นอย่างไรภายใต้อากาศหนาวเช่นนี้
เมอร์คิวเรียสรีบหาที่หลบลมหนาวจนมาเจอโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปข้างในก็ได้สั่งเบียร์สั่งขนมปังพร้อมชีสมาประทังความหิว
ขณะเมอร์คิวเรียสกำลังนั่งลงบนเก้าอี้ อยู่ดีๆ ก็นึกถึงเรื่องวิลเฮลมัสแวนเสตเตนเป็นนายจ้างของเกอร์ริตไลเวนพ่อของเกอร์ทรูย์ด ทำให้เมอร์คิวเรียสรู้เลยว่าลูกจ้างคนไหนที่ไปร่วมงานฝังศพเกอร์ทรูย์ดจะต้องโดนหักเงินค่าจ้างในวันนั้นแน่นอน
เมอร์คิวเรียสนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่เคยได้พูดคุยกับคุณนายเสตเตนเลย แต่เขายังจำเรื่องที่น้องสาวเวอเรลสท์คนสวนเคยบอกเขาว่าแอนนามีหน้าตาไม่เหมือนแวนเสตเตน และคุณนายเสตเตนเคยหลุดคำพูดทำนองว่าเธอรู้ล่วงหน้าว่าวันหนึ่งเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น
เมื่อเมอร์คิวเรียสพักจนหายเหนื่อยแล้วจึงออกเดินต่อไปจนถึงท่าเรืออุสปอร์ต เขามองเห็นมีเรือจอดอยู่หลายลำ เรือลำไหนที่จะแล่นออกจากท่าเรือจะต้องมีการตรวจสอบก่อนจึงจะออกจากท่าเรือได้
เสียงระฆังดังขึ้น เตือนให้เมอร์คิวเรียสต้องรีบกลับศาลากลางเพื่อไปเจอแวนลิวเวนฮอคและแคลส์ตามที่ได้นัดหมาย แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าแวนลิวเวนฮอคกลับไปแล้ว อาจเป็นเพราะเขาคิดว่าเมอร์คิวเรียสคงจะคว้าน้ำเหลวจึงไม่คิดจะอยู่รอพบ แต่สำหรับเมอร์คิวเรียสแล้วเขาคิดว่าตอนนี้เขาเริ่มมองเห็นแสงสว่างเพิ่มขึ้นแล้ว
จบตอนที่ 39
โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากกดติดตามเพจ สุธีร์@อ่านเอาเพลิน และให้ความเห็นด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกท่าน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
โฆษณา