25 ต.ค. 2023 เวลา 07:56 • นิยาย เรื่องสั้น

ตอน เหตุการณ์ในคอนแวนต์

ในเมื่อแวนลิวเวนฮอคไม่อยู่รอเมอร์คิวเรียส เขาจึงตั้งใจใช้เวลาช่วงบ่ายพาอเลดิสบุตรสาวของเฟอร์เมร์ไปเยี่ยมชมคอนแวนต์ตามที่เคยรับปากกับเฟอร์เมร์ไว้
เมอร์คิวเรียสตั้งใจจะไปถึงคอนแวนต์บ่ายสามโมงครึ่งเพื่อจะได้ไม่รบกวนคอนแวนต์ช่วงเวลาสวดมนต์และไม่ต้องรบกวนอาหารมื้อเย็น
เมื่อเมอร์คิวเรียสเดินไปใกล้ถึงบ้านเฟอร์เมร์ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมง เฟอร์เมร์ซึ่งอยู่ในชุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีเกราะเหล็กสวมอยู่ที่หน้าอก และมีหมวกเหล็กครอบศีรษะ ในมือก็ถือหอกยาวสูงกว่าเกือบเท่าตัวกำลังวิ่งสวนทางกับเมอร์คิวเรียสพอดี
เฟอร์เมร์วิ่งไปก็บ่นพึมพำไป โดยไม่ทันสังเกตเห็นเมอร์คิวเรียส
"โยฮันเนส!" เมอร์คิวเรียสตะโกนเรียก
"สวัสดีครับอาจารย์" เฟอร์เมร์รีบหยุดวิ่งแล้วหันกลับมาทักทายเมอร์คิวเรียส
"สวัสดีครับโยฮันเนส จะรีบไปไหนหรือครับ?"
"ผมจะรีบไปหาตำรวจครับ ผมต้องขอโทษที่บ่นอะไรออกไปครับ"
"ไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะผมไม่ได้ยินอะไรเลย" เมอร์คิวเรียสพูดจบก็ยื่นสองมือช่วยขยับหมวกเหล็กของเฟอร์เมร์ให้เข้าที่
"ขอบคุณอาจารย์ครับ อ้อ! อาจารย์ครับตอนนี้อเลดิสกำลังรออาจารย์อยู่ที่บ้านครับ" เฟอร์เมร์พูดจบก็รีบขอตัวจากไป
วันนี้อเลดิสแต่งตัวเรียบร้อยเป็นพิเศษ เธอสวมหมวกบอนเนตสีกรมท่าดูสวยงามตามแบบแฟชั่นที่นิยมในยุคนั้น ที่มือทั้งสองก็สวมใส่ถุงมือเตรียมไว้สำหรับเข้าพิธีมิสซาล ระหว่างรอเมอร์คิวเรียสเธอก็พยายามฝึกวางท่าทางให้ดูเรียบร้อยสำรวม
Girl with Bonnet by Auguste Renoir
"อเลดิสจ๊ะ ฉันขอบอกหนูตามตรงว่าเด็กหญิงอายุเพียงสิบเอ็ดขวบนั้นยังเด็กเกินไปที่จะบวชตลอดชีวิต"
"ฟาเธอร์คะ แม่หนูน่าจะบอกอายุหนูให้ฟาเธอร์ผิดค่ะ จริงๆ แล้วหนูมีอายุใกล้ครบสิบสองขวบแล้วค่ะ"
"จริงซิ แต่ฉันก็ยังคิดว่าสิบเอ็ดหรือสิบสองมันก็ไม่ต่างกันเลยนะเมื่อเทียบกับอายุของฉัน อ้อ!หนูอย่าเรียกฉันว่าฟาร์เธอร์ได้ไหม? ฉันขอร้อง"
"ก็พ่อหนูบอกให้หนูเรียกท่านว่าฟาเธอร์นี่คะ หนูไม่เข้าใจผู้ใหญ่เลยว่าทำไมจะต้องปกปิดเรื่องบางเรื่อง ชาวคาทอริกไม่มีสิทธิ์ที่จะเปิดเผยความเป็นตัวเราหรือคะ? แม้แต่เรื่องที่หนูพร้อมอุทิศชีวิตเพื่อพระผู้เป็นเจ้า"
"เมื่อพูดถึงการอุทิศชีวิตให้พระผู้เป็นเจ้านั้น หนูไม่คิดบ้างหรือว่าบางทีพระผู้เป็นเจ้าอาจจะทรงโปรดให้พวกเรามีชีวิตอยู่มากกว่าอุทิศชีวิตให้พระองค์ เราสามารถอุทิศอย่างอื่นแทนการอุทิศชีวิตนะ"
"แล้วทีนักบุญลูซี่ท่านได้อุทิศดวงตาด้วยความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าโดยไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรม แล้วยังมีนักบุญอากาทาแห่งซิซิลีซึ่งปฏิเสธการแต่งงานกัยผู้สำเร็จราชการของโรมันจนถูกทรมานด้วยการตัดเต้านม หนูจะดีใจมากถ้าหนูสามารถอุทิศเต้านมของหนูให้แก่พระผู้เป็นเจ้าเพราะเมื่อหนูบวชแล้วหนูก๋ไม่มีความจำเป็นต้องใช้มัน"
"เมอร์คิวเรียสฟังเด็กคนนี้พูดจนตนเองรู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรจุกที่คอจนต้องเอามือจับลูกกระเดือก เขาคิดว่าจะต้องหาทางเปลี่ยนเรื่องคุยจะดีกว่า
"หนูอเลดิส หนูไม่ควรพูดแบบนี้กับฉันซึ่งเป็นผู้ชายนะ"
"แต่ท่านไม่ใช่ผู้ชาย ท่านเป็นนักบวช"
"ฉันเป็นทั้งผู้ชายและนักบวช เหมือนกับซีสเตอร์ก็เป็นทั้งผู้หญิงและแม่ชี หนูเข้าใจไหม?"
"เข้าใจค่ะฟาร์เธอร์"
"ฉันอยากเสนอว่าระหว่างที่เราเดิน เรามาสวดมนต์ในใจกันดีกว่า เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจไปพบซีสเตอร์ที่คอนแวนต์ สวดคนละสามจบดีไหม?"
"ก็ได้ค่ะฟาร์เธอร์"
.
.
.
"ฟาเธอร์คะหนูสวดเสร็จแล้วค่ะ"
"หนูสวดเสร็จเร็วจริงๆ เลย ฉันเพิ่งสวดจบแค่สองรอบเอง เรื่องสวดมนต์นี่เราไม่จำเป็นต้องแข่งกันนะว่าใครจะเสร็จก่อน" อเลดิสพยักหน้าตอบว่าเข้าใจ
เมื่อทั้งสองเดินถึงคอนแวนต์ ซีสเตอร์ได้ออกมาต้อนรับและพาทั้งสองไปพบกับแม่ชีอาวุโส อเลดิสคุกเข่าแสดงความเคารพ
"จงลุกขึ้นมาเถอะสาวน้อย" แม่ชีอาวุโสกล่าว เธอมีน้ำเสียงค่อนข้างต่ำแบบเสียงคอนแทรลโตที่ฟังดูไพเราะ จากนั้นเธอได้หันไปมองเมอร์คิวเรียสพร้อมทั้งกล่าวต้อนรับ
"คอนแวนต์ยินดีต้อนรับค่ะท่านอาจารย์"
"แม่ชีคะ ท่านไม่ใช่อาจารย์ค่ะท่านเป็นนักบวช" อเลดิสพูดแย้ง
แม่ชีมองเมอร์คิวเรียสด้วยสีหน้าสงสัย
"ก็ท่านแต่งกายแบบอาจารย์นี่จ๊ะ สาวน้อย"
"โปรดอภัยให้ผมด้วยครับ สาวน้อยกล่าวถูกต้องแล้วครับ ผมได้บวชกับบิสชอบโตรเยสที่ฝรั่งเศส ซึ่งท่านได้แนะนำให้ผมอย่าเปิดเผยเรื่องนี้เมื่อยู่ในเนเธอร์แลนด์เพื่อความปลอดภัย และนี่คือหลักฐานครับ" เมอร์คิวเรียสพูดพร้อมกับหยิบเอกสารในกระเป๋าส่งให้แม่ชีอาวุโสดู
"ดิฉันขออภัยท่านเป็นอย่างสูงที่เกิดความสงสัยท่าน" กล่าวจบเธอทำท่าจะคุกเข่า แต่เมอร์คิวเรียสห้ามไว้ทัน
"ถ้าไม่เป็นการรบกวน ดิฉันขอเชิญท่านร่วมฟังคำสารภาพบาปจากแม่ชีบวชใหม่ค่ะ"
"ด้วยความยินดีครับแม่ชี" เมอร์คิวเรียสตอบรับทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วการฟังคำสารภาพบาปเป็นเรื่องที่เขาอยากทำน้อยที่สุด
"หนูขอเข้าสารภาพบาปด้วยได้ไหมคะ?" อเลดิสถาม
เมอร์คิวเรียสคิดในใจว่า เด็กหญิงอายุเพียงสิบเอ็ดขวบจะมีเรื่องราวอะไรที่ต้องสารภาพบาป แต่ก็เอาเถอะในเมื่อเธอมีความตั้งใจก็คงจะขัดไม่ได้
"สาวน้อย แม่ชีอยากให้หนูได้พูดคุยกับพี่ๆ ที่เป็นแม่ชีบวชใหม่ หนูจะได้เรียนรู้ความเป็นอยู่ของพวกเราในคอนแวนต์ เอาไหมจ๊ะ?" แม่ชีกล่าว
"ก็ได้ค่ะแม่ชี"
ระหว่างที่อเลดิสแยกไปคุยกับพี่ๆ แม่ชี เมอร์คิวเรียสก็ได้มีโอกาสคุยกับแม่ชีอาวุโสก่อนที่จะไปฟังการสารภาพบาป
"ดิฉันขอถามท่านหน่อยได้ไหมคะว่าท่านมาทำธุระอะไรที่เดลฟท์?"
"ท่านนายกเทศมนตรีเชิญผมมาร่วมไขคดีเด็กสาวสามคนหายตัวไปในเวลาใกล้ๆ กัน และตอนนี้มีเด็กสาวหนึ่งในสามคนได้เสียชีวิตไปแล้ว ไม่ทราบว่าแม่ชีทราบข่าวนี้หรือไม่ครับ?"
"ถึงพวกเราจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในคอนแวนต์จนเหมือนมีโลกส่วนตัว แต่พวกเราก็พอจะรู้ข่าวคราวของเดลฟท์ เรื่องเด็กสาวสามคนนี้พวกเราได้ทราบข่าวแล้วก็รู้สึกเศร้าใจ ดิฉันคิดว่าพวกเราในคอนแวนต์จะร่วมกันสวดมนต์วิงวอนพระผู้เป็นเจ้าให้ค้นพบพวกเธอที่เหลืออย่างปลอดภัย"
"นั่นเป็นเรื่องประเสริฐแล้วครับ"
"ดิฉันขอทราบชื่อเด็กสาวทั้งสามได้ไหมคะ เพื่อจะได้ระบุชื่อพวกเธอเวลาสวดมนต์ค่ะ"
"เกอร์ทรูย์ด รีเวนส์ แมกดาเลนา คูจเปอร์ และแอนนา แวน เสตเตน ครับ"
พอแม่ชีได้ยินคำว่าแอนนา เธอรู้สึกตกใจถึงกับเอามือมาป้องที่ปาก
"แอนนา แวน เสตเตน? พวกเราไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเธอ หวังว่าเธอคงไม่ใช่เด็กสาวคนที่เสียชีวิตนะคะ"
"คนที่เสียชีวิตคือเกอร์ทรูย์ดครับ"
แม่ชีทำท่าโล่งอก แต่เธอก็นึกได้ว่าเธอแสดงอาการไม่เหมาะสม
"โปรดอภัยให้ดิฉันด้วยค่ะ ดิฉันไม่สมควรดีใจที่คนตายไม่ใช่หนูแอนนา"
"ไม่ทราบว่าแม่ชีรู้จักแอนนามากน้อยแค่ไหนครับ?"
"ก็รู้ไม่มากนักค่ะ เพียงแต่หนูแอนนาเธออยู่ในตระกูลเสตเตนที่เป็นตระกูลเก่าแก่และมีชื่อเสียง ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ก็เป็นสมบัติที่ตระกูลนี้มอบให้แก่คอนแวนต์เมื่อร้อยกว่าปีก่อนค่ะ"
"อย่างนี้ตระกูลเสตเตนก็เป็นคาทอลิกสิครับ"
"ใช่ค่ะ แต่นั่นเป็นสมัยเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วในยุคก่อนการปฏิรูปค่ะ เมื่อปีที่แล้วคุณแวน เสตเตนเคยถามคอนแวนต์ว่าจะขออนุญาตดูเอกสารการยกสถานที่ให้กับคอนแวนต์ ดิฉันเดาว่าคุณแวนเสตเตนคงคิดจะขอคืนหากทางคอนแวนต์ไม่มีเอกสารมาพิสูจน์ โชคดีที่คอนแวนต์เก็บรักษาไว้อย่างดี"
"เอกสารอยู่กับแม่ชีหรือครับ"
"ดิฉันเก็บมันไว้ที่สำนักงานปกครองค่ะ เพราะเรากลัวว่ามันจะถูกขโมย แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง หน้าต่างด้านหลังท่านถูกขโมยทุบแตกในคืนวันหนึ่ง ภายในห้องถูกรื้อค้นจนข้าวของเรี่ยราด แต่หัวขโมยก็ต้องผิดหวังกลับไป"
ซีสเตอร์คนหนึ่งเคาะประตูแล้วเข้ามาแจ้งว่าเหล่าแม่ชีบวชใหม่พร้อมแล้วที่จะสารภาพบาป
เมอร์คิวเรียสยังไม่เคยฟังการสารภาพบาปจากแม่ชีบวชใหม่เลย ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งที่เมอร์คิวเรียสต้องจดจำไปอีกนานเพราะเรื่องที่แม่ชีบวชใหม่สารภาพนั้น นอกเหนือจากคำสารภาพทั่วๆ ไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องการละโมบโกรธหลง อิจฉาริษยา โป้ปดมดเท็จ เกียจคร้านสันหลังยาว ซุบซิบนินทาแล้ว ปรากฏว่ามีการสารภาพเรื่องการประพฤติผิดในกาม
"หนูขอสารภาพว่าก่อนหนูเข้ามาบวชหนูเคยได้เสียกับลูกชายคนสวนค่ะ"
"พ่อขอถามลูกว่า ลูกคิดจะทำอะไรเพื่อการสำนึกบาปครั้งนี้?"
"ฟาเธอร์ท่านหนึ่งเคยแนะนำให้ลูกสวดมนต์สายประคำอย่างยาวให้จบค่ะ"
"พ่อคิดว่าการที่หนูกลับมาสารภาพบาปเรื่องเดิมอีกแสดงว่าจิตใจลูกยังทุกข์อยู่ ดังนั้นเพื่อให้การสำนึกบาปจบลงอย่างสมบูรณ์ พ่อขอแนะนำให้ลูกกลับไปสวดมนต์สายประคำใหม่จำนวนสองรอบ ตกลงไหม?"
แม่ชีวัยเยาว์ผู้นี้รู้สึกประหลาดใจกับคำแนะนำของเมอร์คิวเรียสมากแต่เธอยังคงตอบตกลงที่จะทำตามคำแนะนำ
ซีสเตอร์พาอเลดิสมาส่งให้เมอร์คิวเรียส ดูเธอมีความสุขมากที่ได้มาเยี่ยมคอนแวนต์ เมอร์คิวเรียสและอเลดิสกล่าวขอบคุณแม่ชีและซีสเตอร์
ระหว่างทางกลับบ้านเฟอร์เมร์ เมอร์คิวเรียสบอกให้อเลดิสคิดทบทวนเรื่องการบวชให้รอบคอบ เขาพยายามโน้มน้าวให้เธออดทนรอจนถึงอายุสิบหกปีแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง ซึ่งดูเธอก็ไม่ปฏิเสธข้อเสนอของเขา
เมอร์คิวเรียสกลับถึงโรงแรมด้วยความอ่อนเพลีย ตั้งใจว่าจะเข้านอนให้เร็วขึ้นแต่ก่อนนอนก็จะสวดมนต์และเตรียมคำพูดกับครอบครัวเกอร์ทรูย์ดในพิธีฝังศพพรุ่งนี้
ลูซี่เห็นเฟอร์เมร์กลับมาเธอจึงได้เตรียมอาหารเย็นแล้วขึ้นไปส่งให้เมอร์คิวเรียสในห้อง
เมอร์คิวเรียสเปิดฝาครอบก็เห็นว่าในชามมีทั้งเนื้อ ถั่ว เกี๊ยวราดด้วยเกรวี่ และขนมปัง แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งปกติเขาจะงดเนื้อสัตว์ แต่เพราะความหิวทำให้ในใจคิดจะหักล้างตัวเองทำให้มีการต่อสู้ทางความคิดจนวุ่นวาย
"อาจารย์พูดอะไรหรือเปล่าคะ?"
"เปล่านี่"
"แต่หนูได้ยินนะ"
"พูดก็พูด ฉันยอมหนูแล้ว ลูซี่ วันนี้ฉันเหนื่อยมาก คืนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว เอาอย่างนี้ฉันขอแค่ขนมปัง ที่เหลือฉันยกให้หนู"
เมอร์คิวเรียสนึกว่าเมื่อลูซี่หยิบถาดอาหารแล้วจะเดินออกไปจากห้อง แต่เธอกลับปิดประตูแล้วถือถาดอาหารไปนั่งกินอยู่ข้างเตียง
"หนูไม่สามารถอาหารไปนั่งกินนอกห้องให้คนอื่นเห็นได้ค่ะ" ลูซี่พูดเบาจนเหมือนกระซิบ
เมอร์คิวเรียสจึงนั่งกินขนมปังขณะที่ลูซี่นั่งกินอาหารที่เหลือ
"ลูซี่ ปากหนูเลอะน้ำเกรวี่แล้ว"
ลูซี่ยิ้มพร้อมกับเอามือเช็ดปากทันที
"อาจารย์คะ ที่อาจารย์ให้หนูพยายามฟังว่ามีใครพูดคุยเกี่ยวกับแอนนาจนป่านนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยค่ะ"
"ถึงมันจะไม่ก้าวหน้าแต่ฉันก็รู้สึกขอบใจหนูมากที่อุตส่าห์ช่วย"
"อาจารย์คะ หนูมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหน้าตาของแอนนาค่ะ"
"หนูลองบอกฉันมาซิว่าหนูสงสัยอะไร"
"หนูสังเกตเห็นว่าตาของแอนนาเป็นสีฟ้าแต่ตาของพ่อแม่เธอเป็นสีน้ำตาลเข้มค่ะ แล้วสีผมของแอนนาก็ไม่เหมือนกับพ่อแม่เลย"
ข้อสังเกตของลูซี่ช่างตรงกับข้อสังเกตของน้องสาวเวอเรลสท์เสียจริงๆ
"ลูซี่คืนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว ฉันจะต้องเตรียมตัวสำหรับพิธีฝังศพเกอร์ทรูย์ดพรุ่งนี้ แต่ฉันจะสวดมนต์ให้หนูด้วย"
"ขอบคุณอาจารย์มากคะ อาจารย์ใจดีกับหนูมาก"
ค่ำคืนนี้เมอร์คิวเรียสหลับไปพร้อมกับใบหน้าของแอนนาที่แตกต่างจากพ่อแม่ของเธอ
จบตอนที่ 40
โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากกดติดตามเพจ สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
และให้คอมเมนต์ด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกท่าน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
โฆษณา