29 ต.ค. 2023 เวลา 12:00 • การ์ตูน

John Dilworth: แอนิเมเตอร์ผู้สร้างเสียงหัวเราะจากความกลัว

“เราจะขอคั่นรายการเพื่อนำท่านเข้าสู่ เคอเรจ เจ้าตูบ จอมขี้ขลาด นำแสดงโดย เคอเรจ เจ้าตูบจอมขี้ขลาด ลูกหมาที่ถูกทิ้ง ซึ่งเมอเรียล ไปพบเข้า เธออยู่ในเมืองโนแวร์ กับสามีของเธอที่ชื่อ ยูสเทส แบกก์ แต่เรื่องน่าขนลุก มักจะเกิดขึ้นในเมืองโนแวร์ เคอเรจก็ต้องปกป้องบ้านใหม่ไว้”
เสียงคำโปรยก่อนเริ่มเรื่องของการ์ตูน “เคอเรจ เจ้าตูบจอมขี้ขลาด”(Courage the Cowardly Dog) นับว่าเป็นอีกหนึ่งประโยคที่ค่อนข้างจะติดหูสำหรับเด็ก ๆ ที่เติบโตมาในยุคมิลเลนเนียม พร้อม ๆ กับการรับชมการ์ตูนผ่านช่องทีวีดาวเทียม ซึ่งสมัยนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นกล่องรับสัญญาณดิจิทัลกันหมด พร้อม ๆ กับความนิยมในการดูโทรทัศน์ที่น้อยลงไปทุกขณะ
สำหรับเรื่องราวของเคอเรจนับว่าเป็นอีกหนึ่งการ์ตูนที่หยิบยกเอาความสยองขวัญของสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้และคาดการณ์ได้มาทำให้เป็นเรื่องราวที่ “ตลก” ปน “สยอง” แต่สำหรับเด็ก ๆ ที่เติบโตมากับการ์ตูนเรื่องนี้อย่างผู้เขียนนั้นก็คงได้แต่ดูเอาความสนุกจนไม่ค่อยที่จะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของการ์ตูนเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ทำไมถึงหยิบเอาเรื่องสยองขวัญมาทำเป็นเรื่องตลก? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสยองขวัญที่ทำให้ตลกนั้นกลับเอามาให้เด็ก ๆ ดูเสียอย่างนั้น?
แต่การที่เราจะรู้จักถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในเรื่องราวของเคอเรจที่เริ่มต้นขึ้นมาจนกลายเป็นอีกหนึ่งการ์ตูนสยองขวัญที่ถูกกล่าวถึงได้นั้น เราก็ต้องไปทำความรู้สึกกับชายผู้สร้างเคอเรจขึ้นมาเสียก่อน โดยเคอเรจนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยแอนิเมเตอร์บ้าน ๆ คนหนึ่งอย่าง “จอห์น ดิลเวิร์ธ” (John Dilworth) ชายผู้ที่ทำการ์ตูนบ้าน ๆ แต่ดันได้เข้าชิงออสการ์เสียอย่างนั้น
📌ดิลเวิร์ธกับกระแสการตื่นตัวของอุตสาหกรรมแอนิเมชั่น
.
ไม่มีประวัติปรากฏว่าจอห์น ดิลเวิร์ธมีชีวิตในวัยเด็กอย่างไร เราทราบเพียงแค่ว่าเขาเกิดในนิวยอร์ก ปี 1963 และเข้าศึกษาในโรงเรียนวิจิตรศิลป์แห่งนิวยอร์ค ท่ามกลางกระแสของแอนิเมชั่นที่ค่อย ๆ ตื่นขึ้นในฝั่งตะวันตก
ดิลเวิร์ธเริ่มทำงานเก็บเงินและผลงานของเขาตั้งแต่สมัยเรียน โดยเขาฝึกงานกับแอนิเมเตอร์นาม โฮเวิร์ด เบคเคอร์แมน และรับงานโปรดิวเซอร์โดยมีรายรับราว ๆ 10-15 เหรียญต่อชั่วโมง และทำงานร่วมกับแอนิเมเตอร์และศิลปินหลายต่อหลายคน และหลายค่ายแอนิเมชั่นจนเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าหาที่ใดเปรียบได้
ดิลเวิร์ธจบการศึกษาในปี 1985 แน่นอนว่าในช่วงแรกเขาจบมาแล้วไม่ได้งานทำตรงสายเลยในทันที โดยเขาเริ่มต้นชีวิตจากการทำงานในสายโฆษณา และธุรกิจการพิมพ์ ก่อนที่ต่อมาจะสมัครเข้าไปทำงานกับดิสนีย์ เขาเลือกดิสนีย์ ทว่าดิสนีย์ไม่ได้เลือกเขา
📌ไก่จากนอกโลก และโลกการ์ตูนของดิลเวิร์ธ
ในระหว่างที่ดิลเวิร์ธทำงานในสายงานโฆษณานั้น เขาก็ได้ใช้เวลาว่างไปกับการทำภาพยนตร์สั้นบ้าง โดยใช้เงินทุนส่วนตัวของเขาในการทำงานให้กับสิ่งที่รัก จนกระทั่งในปี 1991 เขาก็ได้ตั้งสตูดิโอแอนิเมชั่นของตนเองขึ้นมาบ้างในนาม Stretch Studio และได้สร้างการ์ตูนธรรมดา ๆ ยาว 7 นาทีที่ดันได้เข้าชิงรางวัลออสการ์แบบงง ๆ
“ไก่จากนอกโลก” (Chicken from the outer space) คือชื่อของแอนิเมชั่นเรื่องนั้น โดยดิลเวิร์ธได้ไอเดียนี้ขึ้นมาในขณะที่เดินทางไปเยี่ยมบ้านของแฟนสาวในทางตะวันตก และในบ่ายแก่ ๆ วันหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังนั่งพักผ่อนก็พลันเหลือบไปเห็นวัตถุปริศนาบินได้ทรงกลม เขาจ้องมองมันจนกระทั่งมันหายลับไปก่อนที่จะถามแฟนว่า “อะไรนั่น” แล้วแฟนของเขาตอบกลับมาว่า “ใครจะไปรู้ล่ะ”
ความไม่รู้ในสิ่งที่เป็นปริศนานี้เอง ประกอบกับเรื่องราวของการพบเห็นยูเอฟโอ ทำให้ดิลเวิร์ธหยิบเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาผนวกเข้ากับจินตนาการแล้วสร้างมันขึ้นมาเป็นภาพของไก่ในฐานะของเอเลี่ยนจากต่างดาวที่เดินทางมายังโลกมนุษย์
เมื่อเขาได้ไอเดียเรื่องนี้มา เขาก็จัดทำสตอรี่บอร์ดและเดินทางไปยังฮอลลีวูดทันที เขาเอาความคิดสร้างสรรค์ของเขานำมาสร้างชุดนักบินอวกาศเล่น ๆ แล้วใส่จริง ๆ ขึ้นไปพรีเซนต์การ์ตูนของเขา ซึ่งมันได้รับผลตอบรับเกินคาด เพราะทุกคนในที่นั้นต่างรักในไอเดียความน่ากลัวจากสิ่งที่ไม่รู้นี้ ดิลเวิร์ธจึงจัดสร้างการ์ตูนสั้น 7 นาทีขึ้นมา และได้รับการเสนอเพื่อเขาชิงรางวัลออสการ์ให้กับความแปลกใหม่ในการ์ตูนของเขา และได้นำพาให้เขาเข้าสู่โลกแห่งการ์ตูนอย่างเป็นทางการผ่านค่าย “การ์ตูนเน็ตเวิร์ก”
📌เจ้าตูบจอมขี้ขลาดกับกุศโลบายของความกล้าและความกลัว
กระแสความนิยมของการ์ตูนสั้น 7 นาทีนับว่าดีมาก ๆ จนทางค่ายรบเร้าให้ดิลเวิร์ธเริ่มที่จะเอาเรื่องราวของไก่จากนอกโลกมาทำเป็นการ์ตูนซีรีส์ยาว ๆ สักที และนั่นทำให้เขาหยิบเอาตัวละครหมาน้อยสีชมพูจอมขี้ขลาดในเรื่องไก่จากนอกโลกนั้น มาสร้างเป็นการ์ตูนซีรีส์ที่ครองใจผู้คนยุคมิลเลนเนียมมาอย่างยาวนาน
เคอเรจ เป็นลูกหมาสีชมพูที่ถูกทอดทิ้งไว้จนกระทั่งเมอเรียลไปพบและเก็บมาเลี้ยง ซึ่งชื่อของเคอเรจนี้ก็ถูกตั้งโดยเมอเรียลเพราะอยู่คนเดียวจึงคิดว่าเคอเรจจะต้องกล้าหาญมากแน่ ๆ เธอจึงตั้งเขาไว้อย่างนั้น ซึ่งเมอเรียลอาศัยอยู่ในเมืองโนแวร์ที่มีบ้านอยู่แค่หลังเดียวในละแวกกับสามีของเธอ ยูสเทส ซึ่งมักจะรังแกและล้อเลียนเคอเรจอยู่เป็นประจำ ซึ่งเนื้อหาของการ์ตูนเคอเรจก็จะเต็มไปด้วยความตลกสนุกสนาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีเนื้อหาในบางตอนที่ชวนขนลุกขนพอง
ทำไมเคอเรจถึงชวนขนลุกทั้งที่เป็นเพียงการ์ตูนเด็กล่ะ? ถ้าใช้ทักษะการตีความเราจะสามารถตีความเคอเรจในฐานะของผู้ขี้ขลาดที่หวาดกลัว แต่เมื่อถึงในจุดหนึ่งแล้ว ผู้ขี้ขลาดนั้นก็แสดงถึงความกล้าออกมาเพื่อเอาชนะความกลัวและหลุดพ้นจากที่ตรงนั้น โดยอาจจะมีแรงผลักดันบางอย่างที่ทำให้เขาเอาชนะความขี้ขลาดและความกลัวของตนเองได้ เช่นเดียวกันกับเคอเรจที่เป็นเจ้าตูบจอมขี้ขลาดที่สุดท้ายเขาก็จะแสดงความกล้าออกมาขับไล่เจ้าสิ่งน่ากลัวเหล่านั้นที่มาลักพาตัวเมอเรียลของเขา
เรื่องราวของเคอเรจก็นับว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและติดอยู่ในความทรงจำของเด็ก ๆ หลายคนที่ตอนนี้น่าจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว โดยผลิตออกมาเป็นจำนวนทั้งหมด 4 ซีซันก่อนที่จะเลิกออกอากาศไปเนื่องจากงบประมาณ และดิลเวิร์ธเองตัดสินใจที่จะให้จบเพียงเท่านี้ ซึ่งเคอเรจได้รับทั้งคำวิจารณ์ในแง่บวกและแง่ลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความเหมาะสมว่าเป็นการ์ตูนเด็ก จริง ๆ หรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเป็นการ์ตูนขวัญใจผู้ชมเรื่อยมา
📌เพราะโลกนี้มันน่ากลัว คนจึงต้องน่ากลัวกว่า
กุศโลบายเรื่องความกลัวของดิลเวิร์ธที่ถ่ายทอดมาในเคอเรจนับว่าเป็นอีกหนึ่งมุมมองสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความกลัวของดิลเวิร์ธเอง จากชายที่จู่ ๆ ก็คิดเรื่องน่ากลัวได้จากความไม่รู้และไม่เข้าใจในสิ่งที่ปรากฏให้เห็นอย่างยูเอฟโอ ทำให้ดิลเวิร์ธตระหนักว่า เพราะโลกนี้ยังมีสิ่งต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่มากมายและเราอาจจะไม่รู้
เขาจึงคิดหาหนทางว่าเราจะสามารถอยู่รอดจากความกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ได้อย่างไร ซึ่งดิลเวิร์ธก็ได้คำตอบมาว่าทางเดียวที่เราจะอยู่รอดในโลกและชีวิตที่น่ากลัวนี้ได้คือเราต้องน่ากลัวกว่าหรือก็คือต้องรู้เท่าทันมัน จึงจะชนะได้นั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้จากการที่เขาเอาความน่ากลัวนั้นมาทำให้มันน่ากลัวน้อยลงนิดหน่อยโดยการอาศัยความตลก และนั่นก็ทำให้เขาสามารถนำความกลัวนั้นมาสร้างเป็นเงินได้ไม่ต่างจากบุคคลท่านอื่น ๆ ที่เราเคยกล่าวมาในช่วง Bnomics Blockdit Originals ตลอดเดือนแห่งฮาโลวีนนี้
ชีวิตมันน่ากลัว ทางเดียวที่จะอยู่รอดคือต้องน่ากลัวกว่า
John Dilworth
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
โฆษณา