5 พ.ย. 2023 เวลา 14:16 • หนังสือ

รีวิวหนังสือ “Ego is The Enemy”

“อีโก้ของเราจะพยายามหลีกเลี่ยงการถูกวิพากษ์วิจารณ์ทุกวิถีทาง ใครกันที่จะยอมรับว่าตัวเองจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติม อีโก้ทำให้เราคิดว่าเรารู้อยู่แล้วว่าตัวเราเป็นใครหรือเป็นอย่างไร มันทำให้เราคิดว่าตัวเองวิเศษ สมบูรณ์แบบ เป็นอัจฉริยะ และมีความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง อีโก้ไม่ชอบความเป็นจริง แต่ชื่นชอบการคิดเอาเองมากกว่า“
Ryan Holiday
เล่มที่ 30
ผู้เขียนบอกว่า เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้
1.ตั้งปณิธานอย่างถ่อมตัว
2.ประสบความสำเร็จอย่างสง่างาม
3.ฟื้นตัวจากความล้มเหลว
ผู้เขียนเปิดบทนำมาให้เรารู้ว่าเราทุกคนต่างมีอีโก้อยู่ในตัว โดยบอกว่า “คุณอาจคิดว่า ไม่เคยมีใครบอกว่าฉันเป็นพวกอีโก้สูง สักหน่อย คุณอาจคิดมาตลอดว่าตัวเองค่อนข้างเป็นคนมีเหตุผล แต่คนที่ทะเยอทะยาน มีพรสวรรค์ มีความมุ่งมั่น หรือมีศักยภาพนั้นย่อมมีอีโก้อยู่ในตัวตามธรรมชาติ สิ่งที่ทำให้คนเรามีศักยภาพในการเป็นนักคิด นักปฏิบัติ ผู้มีความคิดสร้างสรรค์ และผู้ประกอบการรวมถึงผลักดันให้เราไปถึงจุดสูงสุดของแวดวงเหล่านั้นได้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราตกเป็นเหยื่อของด้านมืดในจิตใจของเราเองได้ง่ายเช่นกัน“
ซึ่งผู้เขียนยังบอกอีกว่า “แน่นอนว่าอีโก้เป็นประโยชน์กับบางคน ชายหญิงผู้มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์หลายคนเป็นที่เลื่องลือในเรื่องการยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ขณะเดียวกันอีโก้ก็เป็นต้นเหตุของความล้มเหลวที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย“
“เราทำเหมือนกับว่าตัวเองเข้าใจทะลุปรุโปร่งหมดทุกสิ่ง ซึ่งเราสามารถบำบัดรักษาได้ด้วยความถ่อมตัวและความเป็นจริง”
ส่วนหลักของหนังสือเป็นการเล่าเรื่องผ่านบุคคลสำคัญในอดีต ซึ่งหลายคนผู้เขียนก็ไม่ได้แนะนำเกี่ยวกับคนนั้สให้เรารู้จักก่อนว่าเขาเป็นใคร เสมือนหนึ่งว่าคนอเมริกันคนนั้นทุกคนบนโลกต้องรู้จักเขาอยู่แล้ว Ha Ha Ha (อ่านไปก็สงสัยว่า ใครวะ!) โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ต่างๆ ที่บุคคลเหล่านั้นกระทำแล้วใส่ความเห็นของผู้เขียนเข้าไปเพื่ออธิบายการกระทำเหล่านั้นเข้ากับคำว่า อีโก้ และความถ่อมตัว
และก็เช่นเคยกับสไตล์การเขียนแบบอเมริกันจะชอบยกตัวอย่างบุคคลในอดีตที่ทำตัวอย่างที่ไม่ดีไว้แล้วผู้เขียนก็จะนำมาโยงเข้ากับเรื่องที่ตัวเองจะสื่อ และผมก็ยังสงสัยเหมือนเดิมว่าเขาไม่กลัวถูกเจ้าตัวหรือญาติพี่น้องเขาฟ้องเหรอ และบางเรื่องก็สงสัยว่าไปรู้ลึกขนาดนั้นได้ยังไง ยังกับได้ยินความคิดในหัวของคนนั้น Ha Ha Ha
ในแต่ละบทจะมีคำคมของคนดังหรือบุคคลสำคัญสอดแทรกไว้ ซึ่งผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นคำคมที่ยอดเยี่ยมอะไร มันไม่ทัชใจเลย
แต่การให้แง่คิดสอดแทรกผ่านเรื่องเล่าทำได้ดี อย่างเช่นที่ผู้เขียนบอกว่า “เมื่อถึงทางเลือก จงเลือกว่าจะเป็นคนสำคัญหรือจะทำสิ่งสำคัญ “จะเป็นหรือจะทำ” หากเป้าหมายของเราคือการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง เช่น บรรลุเป้าหมายบางอย่างหรือพิสูจน์บางอย่างกับตัวเอง ทุกสิ่งจะทั้งง่ายขึ้นและยากขึ้นในทันที ง่ายขึ้นในแง่ที่ว่าเราจะรู้ว่าตัวเองควรทำสิ่งใดและสิ่งใดสำคัญสำหรับเรา ทางเลือกอื่นจะมลายหายไป…แต่ส่วนที่ยากขึ้นคือ โอกาสแต่ละครั้งที่ผ่านเข้ามาจำเป็นต้องประเมินด้วยหลักเกณ์อันเข้มงวด”
ซึ่งเรื่องนี้ผมว่าสามารถนำไปปรับใช้กับเป้าหมายในชีวิตของเราได้ เราต้องคอยถามตัวเองอยู่เสมอว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตนั้น หากเราเลือกเพื่อทำให้ตัวเรามีความสุขและสบายใจ ณ เวลานั้น หรือเพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่าเราเต็มที่กับคนอื่นเป็นคนสำคัญสำหรับคนอื่น มันจะทำให้เป้าหมายเราสำเร็จเร็วขึ้นหรือทำให้ล่าช้าออกไป ส่วนนี้ยากเหมือนกันนะครับ
แง่คิดของผู้เขียนดีๆ ยังมีอีกมากมาย เช่น บทที่ชื่อว่า ”จงเป็นนักเรียน“ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเคิร์ก แฮมเม็ตต์ นักกีตาร์ของวงเมทัลลิดา วงดนตรีชื่อดัง แฮมเม็ตต์ยังเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาแม้ว่าตัวเองจะเล่นกีตาร์เก่งแล้วก็ตาม โดยผู้เขียนสอดแทรกเรื่องอีโก้เข้ากับเรื่องนี้ไว้ว่า
“คนเรานั้นไม่ชอบคิดว่ามีคนอื่นที่เหนือกว่าตัวเราหรือคิดว่าเรายังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมาก เราอยากไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เราอยากจะพร้อมทันทีเพราะเรายุ่งวุ่นวายและมีงานท่วมหัว นี่เป็นสาเหตุที่การประเมินความสามารถของตัวเองอย่างถ่อมตัวเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำยากที่สุดในชีวิต
แต่การทำเช่นนี้ก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการบรรลุความเชี่ยวชาญทุกประเภท การแสร้งว่าตัวเองมีความรู้นั้นถือเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงที่สุดของคนเรา เนื่องจากมันขัดขวางไม่ให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นกว่าเดิม และยาสำหรับแก้โรคร้ายชนิดนี้ก็คือการประเมินตัวเองอย่างระมัดระวัง”
ผมเห็นด้วยกับผู้เขียนที่บอกว่า “โรคที่ร้ายแรงที่สุดที่เหล่าผู้บริหารสามารถเป็นได้จากการทำงาน คือ โรคอีโก้สูง ทำให้เขาเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าเขาไม่สามารถทำผิดพลาดได้ คิดว่าพิเศษ ดีกว่าคนอื่น ไม่จำเป็นต้องใช้กฎเกณฑ์เดียวกับคนทั่วไป” สิ่งนี้ก็ทำให้ผมต้องคอยเตือนสติตัวเองเหมือนกันว่าอย่ากลายเป็นคนมีอีโก้สูงเด็ดขาด
ซึ่งผมก็ได้ข้อคิดดีๆ จากหนังสือเล่มนี้มากมาย ได้รู้มุมมองใหม่ๆ ของคำว่าอีโก้ที่เราคาดไม่ถึง ได้รู้ว่าเราควรใช้อีโก้ให้ถูกที่ถูกเวลา และควบคุมมันให้ได้ เปลี่ยนมันเป็นพลังแล้วนำมาใช้ยามจำเป็น
และยังเห็นด้วยกับความคิดของผู้เขียนที่ให้เราทำตัวเป็นนักเรียนตลอดเวลา ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองมากขึ้น เรียนรู้สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ให้มากที่สุด เพราะเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เขียนที่ว่า ”ทุกวันนี้หนังสือราคาถูกเหลือเกิน ส่วนวิชาความรู้ต่างๆ ก็เรียนได้โดยไม่ต้องเสียเงิน เทคโนโลยีช่วยขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงครูอาจารย์ เราไม่มีข้อแก้ตัวที่จะไม่ศึกษาเล่าเรียนอีกต่อไป นอกจากนี้“
สุดท้ายยังได้คำพูดเตือนสติของผู้เขียนว่า “จงเลิกหมกมุ่นกับภาพลักษณ์ของตัวเองเลิกโกรธเกลียดผู้คนที่ด้อยกว่าหรือเหนือกว่า เลิกปรารถนาเครื่องแสดงสถานะทั้งหลายและการถูกปฏิบัติราวกับเป็นคนเด่นคนดัง เลิกเดือดดาลทะเลาะวิวาท ทะนงตัว เสแสร้ง ใช้อำนาจ วางท่า และตื่นเต้นกับความวิเศษหรือความสำคัญที่คุณคิดว่าตัวเองมี”
สรุป หนังสือมีเนื้อหาเยอะ จำนวนหน้ามากกว่าราคาขาย ข้อคิดบทเรียนมีมากมาย แม้เนื้อหาบางเรื่องจะยังไม่โดนใจ แต่ถือว่าคุ้มค่า ให้ 4 ดาว ⭐️⭐️⭐️⭐️
ผู้เขียน : Ryan Holiday
ผู้แปล : จารุจรรย์ คงมีสุข
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น
หมวด : จิตวิทยา พัฒนาตนเอง
จำนวนหน้า : 304 หน้า
ขนาดรูปเล่ม : 144 x 210 x 18 มม.
น้ำหนัก : 365 กรัม
เนื้อในพิมพ์ : ขาวดำ
ชนิดกระดาษ : กระดาษถนอมสายตา
ISBN : 9786162874734
หนังสือราคา 285 บาท มี 304 หน้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา