6 พ.ย. 2023 เวลา 11:52 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 35

เจ็ดดาวร่วมธรรม (8) พบเขาแล้วรวย
คืนนั้นหยางจื้อจึงพักที่บ้านเฉาเจิ้งคืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นขอยืมเงินค่าเดินทางแล้วก็มุ่งหน้ามายังเขาสองมังกร เดินทางวันหนึ่ง พอใกล้ค่ำ เห็นเขาตระหง่านอยู่เบื้องหน้าจึงคิดว่า นอนเสียที่ชายป่าคืนหนึ่งแล้วค่อยขึ้นเขาเช้าวันพรุ่ง
พอเดินเข้าดงมาก็ต้องสะดุ้งด้วยเห็นสงฆ์รูปหนึ่งร่างอ้วนใหญ่ บนแผ่นหลังมีรอยสักอยู่เต็ม นั่งแก้ผ้าล่อนจ้อนพิงต้นไม้หลบร้อนอยู่ สงฆ์รูปนั้นพอเห็นคนเดินมาก็โดดลุกขึ้นคว้าไม้เท้าตวาดถามว่า
“ไอ้นกเขาหัวทู่ 撮鸟 เอ็งมาจากไหน”
平将珠宝担落空,却问宝珠寺讨帐。
要投入寺里强人,先引出寺外和尚。
ตัวทำหาบแก้วมณีสูญหายแล้ว
จะไปวัดแก้วมณีหาทรัพย์ใหม่
ตั้งใจไปเข้าวัดเป็นโจรไพร
สงฆ์วัดไหนไม่รู้อยู่ต้นทาง
หยางจื้อฟังสำเนียงแล้วก็คิดว่า “พระนี่มาจากกวนซี 关西 คนบ้านเดียวกัน ลองถามดูหน่อย” จึงตะโกนถามไปว่า “พระท่านมาจากไหน”
สงฆ์รูปนั้นไม่ตอบ ควงไม้เท้าปรี่เข้ามา
หยางจื้อว่า “ไอ้โล้นไม่มีมารยาท เจอกันหน่อย” แล้วถือดาบพุ่งเข้าหา
两条龙竞宝,一对虎争飡。
禅杖起如虎尾龙筋,朴刀飞似龙髻虎爪。
翠肳萶萶,忽喇喇,天崩地塌,阵云中黑气盘旋;
恶狠狠,雄赳赳,雷吼风呼,杀气内金光闪烁。
两条龙竞宝,吓得那身长力壮仗霜锋周处眼无光;
一对虎争餐,惊的这胆大心粗施雪刃卞庄魂魄丧。
两条龙竞宝,眼珠放彩,尾摆得水母殿台摇;
一对虎争餐,野兽奔驰,声震的山神毛发竖。
สองมังกรชิงสมบัติ
สองพยัคฆ์แย่งอาหาร
ไม้เท้าชูง่าเงื้อ
ดุจหางเสือเอ็นมังกร
ดาบใหญ่สะบัดว่อน
กรงเล็บเสือหงอนมกรา
แสยะปากเขียวเกรี้ยวกราด
ตวาดขนลุกซู่ซ่า
ทลายดินถล่มฟ้า
เมฆดำหมุนวนคลุมโลก
ดุดันสยดสยอง
เสียงเสือร้องก้องฮากโฮก
ฟ้าคำรามลมกรรโชก
ไอฆ่าเข่นเป็นลูกไฟ
สองมังกรขย่มขวัญ
ร่างนั่นทรงพลังสูงใหญ่
ควงไม้เท้าหนาวใจ
โจวชู่จ้องตาไร้ประกาย
สองพยัคฆ์ข่มขวัญหนี
นี่ช่างทีท่าหยาบคาย
คมดาบหิมะฉาย
ทำเปี้ยนจวงขวัญผวา
สองมังกรชิงสมบัติ
ดังลูกปัดตาเจิดจ้า
ตำหนักพระแม่คงคา
ฟาดหางใส่ไหวสะท้าน
สองพยัคฆ์แย่งอาหาร
ฝูงสัตว์พล่านตะลีตะลาน
คำรามก้องกังวาน
รุกขเทวาขนตั้งชัน
(โจวชู่ 周处 ขุนพลใหญ่ยุคจิ้นตะวันตก ร่ำลือว่าเคยฆ่ามังกร เป็นบุตรของโจวฝาง 周鲂 แห่งตงอู๋ (สามก๊ก เรียก จิวหองแห่งต๋องง่อ) เป็นคนเสเพลในช่วงแรก ต่อมาได้เป็นขุนนางใหญ่
เปี้ยนจวง 卞庄 ขุนพลปราบเสือรัฐหลู่ ยุคชุนชิว แรกออกรบแพ้ทั้งสามครั้งจนคนดูถูก ภายหลังปราบรัฐฉีโดยรบชนะสามศึก)
ทั้งคู่ประมือกันได้ห้าสิบเพลง ไม่รู้ผลแพ้ชนะ
ระหว่างพันตูกันอยู่ สงฆ์ร่างอ้วนอาศัยจังหวะมีช่องโหว่กระโดดออกนอกวงตะโกนว่า “ช้าก่อน”
หยางจื้อก็หยุดมือและแอบคิดว่า “พระนี่มาจากไหนกัน ฝีมือดีทีเดียว ข้าแค่พอรับมือได้เท่านั้น”
สงฆ์รูปนั้นตะโกนถามว่า “ไอ้หน้าเขียว เจ้าเป็นใคร”
หยางจื้อตอบว่า “ส่าเจียคือหยางจื้อสื่อเมืองตงจิง”
“คนที่ขายดาบที่ตงจิงแล้วฆ่าไอ้อันธพาลหนิวเอ้อหรือ”
“ไม่เห็นตราที่สักบนหน้าข้าหรือ”
สงฆ์รูปนั้นหัวเราะแล้วว่า “มาเจอกันที่นี่เอง”
“ขอถามว่าหลวงพี่เป็นใคร ทำไมจึงรู้ว่าส่าเจียขายดาบ”
“ส่าเจียใช่ใครอื่น ก่อนนี้คือหลู่ถีเสียสังกัดนายท่านฉงจิงเลวี่ยผู้เฒ่าเมืองหยันอัน เพราะชกเจ้าเจิ้นกวนซีตายในสามหมัด จึงไปออกบวชที่เขาอู่ไถ คนเห็นบนหลังส่าเจียมีแต่รอยสัก เลยเรียกว่า สงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซิน”
หยางจื้อหัวเราะแล้วว่า “ที่แท้ก็คนบ้านเดียวกัน ในวงนักเลงข้าเคยได้ยินชื่อเสียงหลวงพี่อยู่ ฟังว่าไปอยู่ที่วัดต้าเซี่ยงกว๋อ แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่”
หลู่จื้อเซินว่า “เล่าแล้วยาว ส่าเจียไปดูแลสวนผักอยู่ที่วัดต้าเซี่ยงกว๋อได้รู้จักกับเจ้าหัวเสือดาวหลินชง ไปโดนเกาไท่เว่ยใส่ร้ายหมายให้ตาย ข้าเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมจึงตามไปส่งที่ชางโจว ระหว่างทางได้ช่วยชีวิตไว้ครั้งหนึ่ง ไม่คิดว่าเจ้าผู้คุมสองคนนั่นจะกลับมาฟ้องไอ้เกาฉิวว่า “พวกมันจะลงมือกำจัดหลินชงเสียที่ดงหมูป่า หลู่จื้อเซินวัดต้าเซี่ยงกว๋อไปช่วยเอาไว้แล้วตามไปส่งที่ชางโจว จึงหาทางลงมือไม่ได้”
ไอ้สังวาสมารดานั่นมันเกลียดส่าเจียมากจึงไปบอกเจ้าอาวาสไม่ให้ส่าเจียอยู่ที่วัด แล้วยังใช้คนมาจับส่าเจีย ก็ได้ไอ้พวกเหลือขอมาบอกข่าวให้รู้ก่อนจึงไม่ถูกจับ ข้าเลยเผาสำนักงานที่สวนผักทิ้งเสีย แล้วต้องมาเร่ร่อนอยู่ไม่รู้เหนือรู้ใต้
จนมาถึงลาดสี่แพร่งเมิ่งโจว 孟州十字坡 เกือบโดนนางเจ้าของร้านเหล้าวางยาฆ่าเสียแล้ว ดีว่าผัวมันกลับก่อน เห็นสารรูปกับอาวุธส่าเจียจึงเอายาถอนพิษให้ พอถามชื่อแซ่กันแล้วก็ให้ส่าเจียพักอยู่ด้วยหลายวัน ทั้งยังสาบานเป็นพี่น้องกับส่าเจีย ผัวเมียคู่นั้นพอมีชื่อเสียงในวงนักเลงอยู่ เรียกว่าคนสวนผักจางชิง 菜园子张青 ส่วนเมียเรียกนางยักษ์ซุนเอ้อเหนียง 母夜叉孙二娘 เป็นพวกมีน้ำใจอยู่
อยู่ได้ห้าวัน ฟังว่าที่วัดแก้วมณีเขาสองมังกรนี่มีที่พอซุกหัวได้ ส่าเจียจึงตั้งใจมาขอเข้าเป็นพวกเจ้าเติ้งหลง ไอ้เวรนั่นไม่ยอมรับส่าเจียขึ้นเขา เลยต้องสู้กัน มันสู้ส่าเจียไม่ได้จึงสั่งปิดด่านขึ้นเขาทั้งสามด่านเสีย เขานี้ก็มีทางขึ้นเส้นเดียว จะด่าเจ้านกเขาหัวทู่นั่นยังไง มันก็ไม่ลงมาสู้ด้วย ส่าเจียโมโหจนไม่รู้จะทำยังไงอยู่ ก็พอดีพี่ท่านมา”
หยางจื้อชอบใจนัก ทั้งสองกระทำเจี่ยนฝู 剪拂 (คารวะแบบนักเลง) แล้วนั่งคุยกันในดงทั้งคืน หยางจื้อเล่ารายละเอียดเรื่องที่ตนขายดาบแล้วไปฆ่าหนิวเอ้อ จนถึงเรื่องถูกปล้นของขวัญวันเกิดไป อีกทั้งเรื่องที่เฉาเจิ้งชี้ทางให้มาที่นี่ แล้วจึงกล่าวว่า “ในเมื่อมันปิดด่านไปแล้ว พวกเรารอกันที่นี่ มันก็ไม่ลงมาหาหรอก เรากลับไปที่บ้านเฉาเจิ้งหารือกันใหม่ดีกว่า”
หยางจื้อและหลู่จื้อเซินออกจากดงเดินทางกลับมายังร้านของเฉาเจิ้ง หยางจื้อแนะนำหลู่จื้อเซินให้รู้จัก เฉาเจิ้งจัดสุราอาหารมาเลี้ยงแล้วปรึกษากันเรื่องจะบุกเขาสองมังกร
เฉาเจิ้งว่า “หากปิดด่านทางขึ้นเขาเสียแล้ว อย่าว่าแต่ลำพังท่านทั้งสองเลย ต่อให้ยกทัพมานับพันก็ขึ้นเขาไม่ได้ เช่นนี้มีแต่ต้องใช้อุบาย ไม่อาจใช้แต่กำลัง”
หลู่จื้อเซินว่า “ไอ้นกเขาหัวทู่ทุเรศนั่น ตอนไปขอเข้าเป็นพวก มันก็ให้รอพบที่นอกด่าน พอไม่ยอมรับข้าไว้ ก็เลยถีบใส่ท้องน้อยมันทีหนึ่งจนจุกล้มลงไป พอจะตามเข้าไปฆ่ามัน ลูกน้องมันก็หิ้วตัวหนีขึ้นเขาไปก่อน แล้วปิดด่านนกเขานั่น จะด่ามันยังไงก็ไม่ยอมโผล่มาสู้ด้วย”
หยางจื้อว่า “ในเมื่อชัยภูมิดีเช่นนี้ ท่านกับข้าก็ควรยึดเอามาเสีย”
หลู่จื้อเซินว่า “ถ้าหาทางขึ้นเขาไม่ได้ ก็ทำอะไรมันไม่ได้”
เฉาเจิ้งว่า “ผู้น้อยพอมีแผนอยู่ ไม่ทราบว่าจะตรงใจทั้งสองท่านหรือไม่”
หยางจื้อว่า “อยากฟังแผนของท่านดู”
เฉาเจิ้งว่า “จื้อสื่อท่านต้องเปลี่ยนชุดมาแต่งตัวให้เหมือนพวกชาวบ้านเรา ผู้น้อยจะยึดไม้เท้าและมีดของอาจารย์ท่านนี้ไว้ ให้น้องเมียข้ากับพวกอีกหกคนคุมตัวไปยังตีนเขา เอาเชือกมัดอาจารย์ไว้ แต่จะผูกเป็นเงื่อนเป็น ไปตะโกนบอกที่ตีนเขาว่า “พวกเราเปิดร้านอาหารอยู่หมู่บ้านใกล้ๆ นี่ พระนี่มากินดื่มจนเมา เงินไม่ยอมจ่าย อีกทั้งยังคุยว่าจะไปตามคนมาบุกขึ้นเขา พวกเราอาศัยจังหวะที่เมาหลับจับมัดไว้แล้วนำตัวมาส่ง” พวกนั้นคงยอมให้เราขึ้นเขาไป
พอเข้าไปในค่ายได้แล้วพบหน้าเติ้งหลง ก็กระตุกเงื่อนแก้เชือกออก ผู้น้อยจะส่งไม้เท้าให้อาจารย์ พวกท่านทั้งสองลงมือพร้อมกัน หมอนั่นจะไปไหนพ้น เมื่อกำจัดมันได้ พวกที่เหลือก็ยอมจำนนเอง แผนนี้เป็นอย่างไร”
หลู่จื้อเซินและหยางจื้อว่า “เยี่ยม เยี่ยม”
乳虎称龙亦枉然,二龙山许二龙蟠。
人逢忠义情偏洽,事到颠危策愈全。
เสืออ่อนหัดดัดจริตคิดเป็นมังกร
เขาสองมังกรสถิตเพียงมังกรสอง
ผู้ทรงธรรมเสริมกันตามครรลอง
แผนการดีย่อมต้องมาคราคับขัน
ยามห้าเช้าวันรุ่งขึ้น พวกที่จะออกเดินทางกินอาหารเช้า ตระเตรียมอาหารแห้งติดตัว หลู่จื้อเซินฝากสัมภาระไว้ที่บ้านเฉาเจิ้ง แล้วออกเดินทางมายังเขาสองมังกร หลังเที่ยงก็มาถึงชายป่าตีนเขา หลู่จื้อเซินส่งอาวุธให้เฉาเจิ้งแล้วให้คนมัดตัวไว้โดยใช้เงื่อนเป็น หยางจื้อใส่เสื้อเก่าขาดสวมหมวกถือดาบพอเตา ชาวบ้านที่ตามมาเจ็ดคนถือกระบอง เดินกันต่อมายังหน้าด่านแรกตีนเขา เห็นหน้าไม้และธนูเรียงกันแน่นหนา พร้อมทั้งไม้และหินทิ้ง พวกลิ่วล้อมองเห็นคนจับพระมัดมาก็รีบรายงานขึ้นไป หัวหน้าสองนายขึ้นมาบนด่านถามว่า
“พวกเจ้ามาจากไหน มาทำอะไร แล้วไปจับพระรูปนี้มาจากไหน”
เฉาเจิ้งตอบว่า “พวกผู้น้อยเปิดร้านอาหารอยู่ที่หมู่บ้านใกล้เขาลูกนี้ พระอ้วนนี่มากินอาหารที่ร้าน เมาแล้วไม่จ่ายเงิน ปากก็ว่า “จะไปเขาเหลียงซานตามคนสักพันมาตีเขาสองมังกรนี่ กวาดล้างให้ราบคาบ” พวกข้าก็เลยมอมเหล้าต่อจนเมาหลับแล้วจับมัดเอาตัวมาส่งท่านอ๋องใหญ่ที่นี่ วันหลังจะได้อาศัยบารมีคุ้มครองบ้าง”
หัวหน้าสองนายจึงรีบนำข่าวขึ้นเขาไปแจ้งแก่เติ้งหลง 邓龙 ว่า พระอ้วนนั้นมีคนจับตัวไว้ได้แล้ว
เติ้งหลงชอบใจใหญ่ สั่งว่า “เอาตัวขึ้นเขามา ควักหัวใจมันมาแกล้มเหล้าระบายแค้นเสียหน่อย”
พวกลิ่วล้อถ่ายทอดคำสั่งต่อลงมาให้เปิดประตูด่านรับขึ้นเขา
หยางจื้อ เฉาเจิ้งและพวกจับตัวหลู่จื้อเซินเดินขึ้นเขามา สังเกตดูด่านทั้งสามล้วนตั้งในที่ลาดชัน เขานั้นโอบล้อมตัววัดเป็นสองชั้น ยอดเขาสูงตระหง่าน มีเส้นทางขึ้นระหว่างเขาเพียงเส้นทางเดียว ด่านทั้งสามมีท่อนไม้และหินใหญ่กองอยู่เต็ม ธนูและหน้าไม้เรียงราย ปักไม้ไผ่เหลาแหลมไว้แน่นหนา พอมาถึงตัววัดแก้วมณีซึ่งเป็นค่ายใหญ่ ด้านหน้าเป็นที่ราบ ประตูผามีลิ่วล้อยืนอยู่แปดคน พอเห็นหลู่จื้อเซินถูกจับมัดมาก็ชี้มือด่าว่า
“ไอ้ลาหัวเถิก ทำท่านอ๋องใหญ่บาดเจ็บ วันนี้ได้ตัวมาต้องค่อยๆ เชือดเป็นชิ้นๆ”
หลู่จื้อเซินไม่โต้ตอบอะไร พอเข้าไปในวิหารเห็นพระพุทธรูปถูกย้ายเก็บหมด มีเก้าอี้คลุมหนังเสือมาตั้งแทน ลิ่วล้อถือทวนกระบองตั้งแถวอยู่ทั้งสองด้าน
ครู่หนึ่ง ลิ่วล้อสองคนพยุงเติ้งหลงเดินออกมานั่งที่เก้าอี้ หยางจื้อ เฉาเจิ้งคุมตัวหลู่จื้อเซินที่ยังถูกมัดไว้เดินมายังข้างยกพื้น
เติ้งหลงว่า “ไอ้ลาหัวเถิก วันก่อนถีบท้องน้อยข้าจนวันนี้ยังบวมเขียวอยู่ วันนี้เป็นทีข้าบ้างละ”
หลู่จื้อเซินถลึงตาตวาดด่าภาษาพ่อขุนว่า “ไอ้นกเขาหัวทู่ไม่ต้องหนี”
ชาวบ้านสองคนที่ทำทีคุมตัวมากระตุกเงื่อนเป็นแก้เชือกออก หลู่จื้อเซินรับไม้เท้าจากเฉาเจิ้งควงปรี่เข้าใส่ หยางจื้อถอดหมวกทิ้งเงื้อดาบเข้ามา เฉาเจิ้งและพวกที่เหลือควงกระบองวิ่งกรูกันขึ้นหน้าเช่นกัน เติ้งหลงเห็นท่าไม่ดีจะรีบตั้งรับแต่ไม่ทัน หลู่จื้อเซินเข้าถึงตัวก่อน หวดไม้เท้าฟาดจนหัวแตกเป็นสองซีก เก้าอี้ที่นั่งก็พลอยถูกฟาดหักไปด้วย ลิ่วล้อห้าคนถูกหยางจื้อฟันล้มไปหมด
เฉาเจิ้งตะโกนบอกว่า “ยอมแพ้ให้หมด ใครไม่ยอม ฆ่าไม่ให้เหลือ”
พวกลิ่วล้อทั้งในวัดนอกวัดต่างตกตะลึง ทยอยกันมายอมจำนนจนสิ้นทั้งห้าร้อยคน
ร่างเติ้งหลงนั้นให้นำไปเผาทิ้งที่หลังเขา ตรวจสอบคลังเสบียงและบรรดาทรัพย์สิ่งสินประดามีแล้ว ก็จัดสุราอาหารเลี้ยงฉลอง หลู่จื้อเซินและหยางจื้อประกาศตั้งตนเป็นนายส้องใหญ่ พวกลิ่วล้อที่มีหน้าที่เดิมเช่นไรก็ให้คงไว้เช่นเดิมนั้น
เมื่อเรียบร้อยแล้ว เฉาเจิ้งและพวกก็ลาลงเขากลับบ้านไป เฉาเจิ้งนั้นก็ยังคงเปิดร้านอาหารของตนต่อไปตามเดิม โดยยังไม่ได้ขึ้นเขามาเป็นโจรในตอนนี้
古刹雄奇隐翠微,翻为贼寨假慈悲。
天生神力花和尚,弄棒磨刀作住持。
วัดเก่าเร้นขุนเขากลางสายหมอก
เมตตาหลอกลอกสลายกลายเป็นส้อง
สงฆ์ลงลายกำลังกายมีก่ายกอง
ตวัดพลองดาบปราบเป็นเจ้าสำนัก
สงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซินได้เป็นนายส้องใหญ่แห่งเขาสองมังกรครั้งนี้ คาถาวรรคที่สองที่หลวงพ่อจื้อเจินวัดอู่ไถให้ไว้ก็เป็นจริงแล้ว
遇山而富 พบเขาแล้วรวย
สัตว์หน้าครามหยางจื้อก็เป็นรองนายส้องวัดแก้วมณี
有智能深助智深,绿林豪客主丛林。  
降龙伏虎真同志,兽面谁知有佛心。
มีปัญญาช่วยผู้ทรงปัญญา
เป็นผู้กล้าป่าเขาเจ้าอาศรม
ปราบมังกรล้มพยัคฆ์จิตเกลียวกลม
ควรชื่นชมหน้าอสูรจิตพุทธะ
(จื้อเซิน 智深 แปลว่า ทรงปัญญาลึกซึ้ง
丛林 คือ วัด หรือ ป่า)
ตอนก่อนหน้า : ชิงของขวัญด้วยปัญญา
ตอนถัดไป : จับหนูกลางแดด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา