18 พ.ย. 2023 เวลา 07:47 • คริปโทเคอร์เรนซี

xrp conspiracy ตอนที่ 4 มูลค่าของเหรียญในแต่ละชนชั้น

เนื่องจากตลาดคริปโตเป็นเรื่องใหม่ การวัดมูลค่าของแต่ละเหรียญจึงทำได้ยาก ผู้เขียนจึงใช้การวัดมูลค่าตามความยอมรับของแต่ละกลุ่มในพีระมิด
1.ประชาชน จะมีมูลค่าได้ระหว่าง 10,000-100,000 ล้าน USD
1
2.บริษัท จะมีมูลค่าได้ระหว่าง 100,000-1,000,000 ล้าน USD
3
3.ธนาคารพาณิชย์ จะมีมูลค่าได้ระหว่าง 1T - 10T USD
2
4.ธนาคารกลางประเทศ จะมีมูลค่าได้ระหว่าง 10T-100T USD
3
5.ธนาคารกลางโลก มีมูลค่าได้ระหว่าง 100T- infinity
1
ดังนั้นการจะมาเป็น one world currency ได้ เหรียญนั้นจะต้องมีมูลค่ามากกว่า 100T USD นั่นเอง เป็นเหรียญของธนาคารกลางโลก
5
อย่างปัจจุบันบิทคอยน์ถ้าราคาถึง 52,000 USD จะมีค่าถึง 1T ถึงในระดับที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มยอมรับ จึงเป็นที่มาของ bitcoin ETFs นั่นเอง มูลค่าต้องเกิน 52,000 USD ส่วน ETH น่าจะยังไม่ได้ มูลค่าไม่เพียงพอ
1
เหรียญ xrp สร้างโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และเริ่มได้รับการยอมรับจากธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ แล้ว มูลค่าจึงมากกว่า 10T++ USD ถ้าดูจากพีระมิด เพราะเริ่มต้นจากระดับธนาคารเลย จึงมีความเป็น centralised สูง run node โดยธนาคาร ไม่เหมือนบิทคอยน์หรือ dogecoin ที่เริ่มจากระดับประชาชน เริ่มต้นจาก 0 เป็น decentralised money
3
เป็นจุดกำเนิดเหรียญไม่ธรรมดาเลยสำหรับ xrp เป็น unique coin ที่แตกต่างจากทุกเหรียญในตลาด crypto currency เลย
3
เป็นคุณสมบัติที่คนส่วนมากไม่อาจทำความเข้าใจได้จริงๆ ในความเป็น centralised ขนาดนี้ ผู้เขียนยังใช้เวลาศึกษาอยู่ 2-3 ปี ที่ผ่านมานี้ กว่าจะเริ่มทำความเข้าใจได้
3
ถ้าใช้ทฤษฎีมาวัดมูลค่าเหรียญในตลาด crypto currency จะพบว่าเพดานของเหรียญต่าง ๆ คือ 1T USD นั่นเอง ยากที่จะเกินจุดนี้ไปได้ จะไป strike gold 14T USD แทบเป็นไปไม่ได้
3
แต่เรื่องชนชั้นก็เป็นสิ่งที่เราทำต้องความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ decentralised เป็นหลัก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมาก แบบแนว bitcoin maximalist ที่ปล่อยความเชื่อที่ผิด ๆ ออกมา ผู้เขียนก็ถูกกรอกหูมาแบบนั้น
1
เพราะระบบการเงินพอวิวัฒนาการขึ้นไปสูงขึ้น ความ decentralised จะหายไป สิ่งที่ได้มาคือความ centralised ที่มากขึ้น อำนาจรวมศูนย์ ซึ่งเป็นตัวทำให้ประหยัดเงินและเวลา มีความไวสูงใช้พลังงานน้อย ควบคุมระบบได้ดีขึ้น
1
เหมือนกับการออกกฏหมาย ถ้าต้องมาทำประชามติทุกข้อ ครั้งละ 3,000 ล้านบาท ออกปีละ 100 กฏหมาย 3 แสนล้านบาท ประเทศชาติคงล่มจมก่อน เพราะจำนวนประชากรทั้งประเทศเยอะมาก
1
ทางออกที่ดีก็ต้องสรรหาคนที่มีความรู้ความสามารถ มาทำหน้าที่ตรงนี้ จะได้ประหยัดและมีประสิทธิภาพสูงสุด แบบนี้อย่างไรก็ต้องเป็นระบบ centralised มีศูนย์กลาง เป็นทั้งการเมืองและการเงิน
2
ถ้าเปรียบเทียบอีกแบบก็คือ
decentralised = ชั้นประทวน
ก็คือประชาชน + บริษัท
2
centralised = ชั้นสัญญาบัตร
ก็คือ ธนาคารพาณิชย์ + ธนาคารกลางประเทศ
2
เป้าหมายคือ จอมพล = ธนาคารกลางโลก = one world currency
4
ถามว่าจากพลทหารขึ้นไปเป็นนายพลได้มั้ย ก็ทำได้ แต่ยากมาก โอกาสสัก 1% ชั้นประทวนก็ไปตันที่จ่าสิบเอก = 1T USD เป็นส่วนมาก ขึ้นชั้นสัญญาบัตรได้เล็กน้อย
2
แต่ถ้าถามว่าถ้าเริ่มจากนายร้อยไปเป็นนายพลได้หรือไม่ คำตอบคือ มีโอกาสมากกว่าเพราะเป็นเส้นทางของสายสัญญาบัตรอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ทุกคน
1
ถ้าใช้หลักการนี้ก็มีแค่ xrp เหรียญเดียวที่มีจุดกำเนิดจากธนาคารพาณิชย์ ก็คือเริ่มต้นจากชั้นสัญญาบัตรเลย ส่วนเหรียญอื่น ๆ ก็เริ่มจากพลทหารบ้าง นายสิบบ้าง ชั้นประทวนล้วน ๆ อนาคตจ่าสิบเอกทั้งนั้น
4
not financial advisor
เนื่องจากระบบเศรษฐกิจในปัจจุบันคือหุ้นและทองคำ กำลังจะถูกการ exchange ครั้งใหญ่ เพื่อเข้าสู่ยุค one world currency ดังนั้นการถือเหรียญของผู้เขียน จึงเน้นที่การกระจายความเสี่ยงเป็นหลักเท่านั้น เหรียญไหนดี ก็ถือเอาไว้บ้างส่วน ถือยาวว ไม่ได้ไปเป็นสายเน้นเก็งกำไรที่ราคาเหรียญแต่อย่างใด
5
แนวคิดคล้าย ๆ พวก gold bug คือถือทองคำเก็บเอาไว้ ไม่ว่าราคาจะแกว่งขึ้นลงอย่างไร ก็ไม่สนใจ รอการ exchange ของระบบนั่นเอง
4
แต่บอกได้เลยว่า กว่าผู้เขียนจะเข้าใจหลักการของ centralised and decentralised นี้ใช้เวลานานหลายปี ไม่ใช่เรื่องที่คิดขึ้นมาเองได้ง่าย ๆ เลย
3

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา