Season 1 และ 2 อาจจะพูดได้ว่าหลอกคนดูให้ตายใจ ทำให้คิดว่าเป็นการ์ตูนสำหรับวัยรุ่นทั่วไปที่เน้นการพัฒนาตนเองสู้กับสัตว์ประหลาดทำนองมังงะโชเน็งที่มักมีการแทรกมุกตลก เพื่อไม่ให้เรื่องหนักจนเกินไป
ที่ไหนได้พอเริ่ม Season 3 ขึ้นไปเนื้อเรื่องดันสอดแทรกการเมือง เริ่มไม่เน้นฉากสู้และเป็นแนวปรัชญามากขึ้น เน้นไปที่ความคิดและความสัมพันธ์ของตัวละคร ความตึงเครียด สภาวะจิตใจ การเลือกข้าง ทำให้กลายเป็นอนิเมะสายดาร์ก การยอมทำทุกอย่างเพื่อเอเรนของมิคาสะถึงขนาดที่พูดว่า As long as I have you, I can do anything.
การบูลลี่ การทำตามอุดมการณ์ที่ตนเองยึดมั่นโดยไม่สนว่าจะถูกหรือผิด เกียรติยศ และเป้าหมายของตนเอง ถูกสอดแทรกได้อย่างแนบเนียน และเมื่อเราดูไปเรื่อยๆ แล้วจะให้ความรู้สึกว่าอาจารย์ฮาจิเมะยึดหลักการ All men must die เหมือนกับผู้เขียนนิยาย Game of Thrones ที่ไม่ว่าตัวละครนั้นจะดูเก่งกาจ สำคัญ และเป็นที่รักของคนดูขนาดไหนก็พร้อมจะตายได้ตลอดเวลา เหมือนกับชีวิตจริง