22 ธ.ค. 2023 เวลา 01:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

EP.16: สรุปภาวะตลาดและมุมมองการลงทุน โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) – ธันวาคม 2566

Monthly Investment Insights for AIA Unit Linked by AIAIMT – December 2023
สรุปภาวะตลาดและมุมมองการลงทุน สำหรับ AIA Unit Linked โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) – ธันวาคม 2566
📌 ภาพรวมตลาดในเดือนที่ผ่านมา – เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่อแววชะลอตัว อาจส่งผลปรับลดดอกเบี้ย ส่วนเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวน้อย
- ตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มชะลอตัว ทำให้นักลงทุนเห็นโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวเพิ่มสูงขึ้น และโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบันคาดว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2024 (เดิม มองว่าจะปรับลดลงในเดือนมิถุนายน 2024)
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลงนี้เอง เป็นปัจจัยบวกต่อทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ที่จะได้อานิสงส์จากทั้งนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการประเมินมูลค่าหุ้นที่ปรับดีขึ้น
- ตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤศจิกายนให้ผลตอบแทน -0.12% (เทียบกับ S&P 500 ที่ให้ผลตอบแทน +8.92%) เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ขยายตัวได้น้อย ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ยังไม่ชัดเจนและเห็นผลเท่าที่ควร ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับต่ำ สำหรับตลาดตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรฯ ปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% โดยมองว่าเป็นระดับที่ช่วยจำกัดความเสี่ยงต่อระบบการเงินและไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า
อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท. เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ประกอบกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวในระยะข้างหน้ามีมากขึ้น ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มคาดการณ์ว่า ธปท. อาจต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2024
📌 ตลาดตราสารหนี้ :
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกที่มีอัตราผลตอบแทนปรับลดลง จากความเสี่ยงเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ปรับลดลง 0.27% ปิดที่ระดับ 2.97% ส่วนหุ้นกู้ภาคเอกชน ส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (credit spread) อายุ 5 ปี อันดับความน่าเชื่อถือ A ปรับกว้างขึ้นเล็กน้อย 0.02% ปิดที่ 1.09% จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลงมามากกว่าเล็กน้อย
- สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลดลงถึง 0.60% ปิดที่ระดับ 4.33% จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว ทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
📌 ตลาดตราสารทุน :
- SET Index ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน ปิดที่ระดับ 1,380 จุด ปรับลดลงเล็กน้อย 0.1% (เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า) ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นโลกที่ปรับขึ้นเกือบทุกภูมิภาค แม้ว่านักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากประเด็นเรื่องอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี เริ่มปรับลดลงจากระดับสูงสุดที่ 3.4% เมื่อเดือนตุลาคม ลงมาต่ำกว่า 3% ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน ตามทิศทางเดียวกับสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ทำให้หลายสำนักวิจัยชั้นนำ (อาทิ ธปท., สภาพัฒน์ฯ) ต่างปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยลง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นไทยในเดือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังเห็นแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 มูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมากขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
📌 มุมมองการลงทุน
มุมมองการลงทุนตราสารหนี้ :
แม้ว่า AIA Investments ยังคงมุมมองต่อความเสี่ยงระยะข้างหน้าของเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่อัตราผลตอบแทนของทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ปรับลดลงมาค่อนข้างมากตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้สะท้อนมุมมองดังกล่าวไปแล้วระดับหนึ่ง ทำให้เราปรับลดมุมมองการลงทุนในตราสารหนี้ จากเดิมที่แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้มากกว่าตัวชี้วัด มาเป็นการแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้เท่ากับตัวชี้วัดแทน
มุมมองการลงทุนตราสารทุน :
- มุมมองการลงทุนหุ้นในตลาดต่างประเทศ : ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกในเดือนพฤศจิกายนฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ (Nasdaq +10.7%, S&P +8.9%, DJIA +8.8%) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี อ่อนตัวลงมาสู่ระดับ 4.3% ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน จากที่เคยขึ้นไปสูงสุดที่ 5% ในเดือนก่อนหน้า
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกปีหน้า เชื่อว่าแนวโน้ม GDP และเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยน่าจะใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว นอกจากนี้ ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่า น่าจะหนุนให้กระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเอเชีย
- มุมมองการลงทุนหุ้นในตลาดไทย: คาด SET Index เดือนธันวาคม จะได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีใหม่ Thai ESG ที่เริ่มทยอยเข้ามาหลัง บลจ. เริ่มเสนอขายตั้งแต่ 8 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป (คาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท)
📌 คำแนะนำการลงทุน
ตราสารทุน : รักษาวินัยการลงทุน สะสมการลงทุนในตราสารทุนเพื่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาว โดยทยอยปรับสัดส่วนการลงทุนเข้าสู่เป้าหมายระยะยาว
ตราสารหนี้ : ตลาดยังมีความผันผวนสูง ควรรักษาสภาพคล่องเพื่อหาจังหวะทยอยลงทุนในตราสารทุน ในขณะเดียวกัน ยังควรถือตราสารหนี้เพื่อจำกัดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน
แหล่งข้อมูล: “สรุปภาวะตลาดและมุมมองการลงทุนประจำเดือนธันวาคม 2566” โดย AIA Investments และ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป ผู้ใช้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ด้วยตนเอง
เริ่มวางแผนการเงินระยะยาว กับ AIA InvestPro บริการผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยดูแลการลงทุนจาก AIA และ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ ที่เหมาะกับคุณได้แล้ววันนี้
ติดต่อตัวแทน เอไอเอ หรือดูรายละเอียดได้ที่ : https://www.aia.co.th/th/our-products/save-invest/unit-linked
คำเตือน:
• ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจรายละเอียด เงื่อนไข ความคุ้มครองและข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัย รวมทั้งศึกษาทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงจากการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน
• ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
• ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ติดตาม Community AIA Thailand ได้ที่ https://www.blockdit.com/aiathailand

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา