23 ม.ค. เวลา 01:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

EP.17: สรุปภาวะตลาดและมุมมองการลงทุน โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) – มกราคม 2567

Monthly Investment Insights for AIA Unit Linked by AIAIMT – January 2024
สรุปภาวะตลาดและมุมมองการลงทุน สำหรับ AIA Unit Linked โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) – มกราคม 2567
📌 ภาพรวมตลาดในเดือนที่ผ่านมา – การเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ตามความคาดหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
• ในเดือนธันวาคม 2566 นักลงทุนให้ความสำคัญกับทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยในการประชุมคณะนโยบายการเงินเดือนธันวาคม 2566 สมาชิกหลายท่านปรับประมาณการดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไปลดลงเมื่อเทียบกับที่เคยประเมินไว้ โดยในรายงานประมาณการดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับลดลงไปที่ระดับ 4.6% ในปี 2567ละ 3.6% ในปี 2568 (เทียบกับระดับ 5.1% ในปี 2567 และ 3.9% ในปี 2568 ที่ประเมินไว้ก่อนหน้า) สะท้อนให้เห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายน่าจะอยู่ในระดับที่สูงที่สุดแล้ว
• การปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยบวกต่อทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้สหรัฐฯ โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4.42% ในเดือนธันวาคม 2566 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลดลงแรงเป็นเดือนที่สองติดต่อก่อน โดยปรับลดลงกว่า 0.45% ปิดสิ้นปีที่ระดับ 3.88%
• ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย ผลตอบแทนปรับลดลงตามตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกเช่นกัน โดยได้ปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากสภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินช่วงสิ้นปี ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.70% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันเพียง 0.20% เท่านั้น ส่วนตลาดตราสารทุนไทยได้ปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการเปิดกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) และการเข้าซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในช่วงปลายปี ทำให้ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 2.58% ปิดสิ้นปีที่ระดับ 1415.85 จุด
📌 ตลาดตราสารหนี้ :
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ยังคงปรับตัวลดลงแรง ประกอบกับสภาพคล่องส่วนเกินในระบบในช่วงปลายปี ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงต่อ โดยพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ปรับลดลง 0.27% ปิดที่ระดับ 2.70% ส่วนหุ้นกู้ภาคเอกชน ส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (credit spread) อายุ 5 ปี อันดับความน่าเชื่อถือ A ปรับกว้างขึ้นเล็กน้อย 0.02% ปิดที่ 1.11%
• สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลดลงต่อ 0.45% ปิดที่ระดับ 3.88% หลังจาก FED ส่งสัญญาณการสิ้นสุดของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้นักลงทุนมองต่อไปถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป ซึ่งบางส่วนเริ่มมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ทาง FED จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2567
📌 ตลาดตราสารทุน :
• SET Index ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 ปิดที่ระดับ 1,416 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.6% (หากเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า) โดยตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งแรกของเดือนปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี ที่ 1,357 จุด เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ด้วยมูลค่าซื้อขายที่เบาบาง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยพลิกฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือน ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) แรงซื้อของกองทุน Thai ESG จากทั้งสิ้น 16 บลจ. ด้วยมูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับลงต่ำกว่า 4% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ภายใต้ความคาดหวังว่าวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ สิ้นสุดลงแล้ว และ 3) แรงขายของกองทุนต่างชาติเดือนธันวาคม 2566 ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เหลือเพียง 200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565
📌 มุมมองการลงทุน
มุมมองการลงทุนตราสารหนี้:
มุมมองการลงทุนตราสารหนี้: แม้ว่าเรายังคงมุมมองต่อความเสี่ยงระยะข้างหน้าของเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อที่จะยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่อัตราผลตอบแทนของทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ปรับลดลงมาค่อนข้างมากตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ถึงปัจจุบันก็ได้สะท้อนมุมมองดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว
และหากปัจจัยระยะสั้นอย่างสภาพคล่องส่วนเกินจากช่วงสิ้นปีในตลาดการเงินไทยปรับลดลงไป อาจจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยกลับมาปรับเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งในระยะสั้น ทำให้ยังคงแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศเท่ากับตัวชี้วัด โดยหาจังหวะเข้าซื้อเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้น
มุมมองการลงทุนตราสารทุน :
มุมมองการลงทุนหุ้นในตลาดต่างประเทศ: ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกเดือนธันวาคม 2566 ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ (Nasdaq +5.5%, DJIA +4.8%, S&P +4.4%) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง มาสู่ระดับต่ำกว่า 4% จากที่เคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปีที่ 5% ในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นผลจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
มุมมองการลงทุนหุ้นในตลาดไทย: คาดว่า SET Index ในปี 2567 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,400-1,600 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ทั้ง Easy E-receipt และ Digital Wallet) และมาตรการสนับสนุนภาคท่องเที่ยว (Free Visa สำหรับนักท่องเที่ยวจีน) น่าจะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตมากขึ้นจากปีที่แล้ว
📌 คำแนะนำการลงทุน
ตราสารทุน : รักษาวินัยการลงทุน สะสมการลงทุนในตราสารทุนเพื่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาว โดยทยอยปรับสัดส่วนการลงทุนเข้าสู่เป้าหมายระยะยาว
ตราสารหนี้ : ตลาดยังมีความผันผวนสูง ควรรักษาสภาพคล่องเพื่อหาจังหวะทยอยลงทุนในตราสารทุน ในขณะเดียวกัน ยังควรถือตราสารหนี้เพื่อจำกัดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน
แหล่งข้อมูล: “สรุปภาวะตลาดและมุมมองการลงทุนประจำเดือนมกราคม 2567 โดย AIA Investments และ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2023
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป ผู้ใช้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ด้วยตนเอง
เริ่มวางแผนการเงินระยะยาว กับบริการผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลการลงทุน AIA InvestPro และ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย)
ผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ ที่เหมาะกับคุณได้แล้ววันนี้
ติดต่อตัวแทน เอไอเอ หรือดูรายละเอียดได้ที่ : https://www.aia.co.th/th/our-products/save-invest/unit-linked
คำเตือน:
• ผู้ขอเอาประกันภัยควรทำความเข้าใจรายละเอียด เงื่อนไข ความคุ้มครองและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย รวมทั้งศึกษาทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
• ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
• การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
• ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ติดตาม Community AIA Thailand ได้ที่ https://www.blockdit.com/aiathailand

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา