5 ก.พ. เวลา 12:44 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 74

ค่ายชิงเฟิง (5) อสนีบาต
สามนายโจรเขาชิงเฟิงนั้น นับแต่ซ่งเจียงอำลาไปค่ายชิงเฟิงแล้ว ก็ให้ลิ่วล้อคอยสอดแนมฟังข่าวคราวอยู่เสมอ พอได้รับรายงานเรื่องหวงซิ่นทิ้งจอกจับฮวาหยง ก็คุมคนลงมาซุ่มอยู่ระหว่างทางไปเมืองชิงโจว จึงช่วยซ่งเจียงและฮวาหยงไว้ได้ ทั้งยังได้ตัวหลิวเกา
กลับมาถึงค่ายบนเขาราวเวลายามสอง ทั้งหมดชุมนุมกันยังโถงร่วมธรรม 聚义厅 เชิญซ่งเจียงและฮวาหยงนั่งกลาง สามนายโจรนั่งข้าง จัดสุราอาหารมาเลี้ยงดูกันก่อน ส่วนพวกลิ่วล้อ เอี้ยนซุ่นก็ให้แยกย้ายไปกินอาหาร
ฮวาหยงกล่าวขอบคุณสามนายโจรว่า “ฮวาหยงและท่านพี่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้กล้าทั้งสามจึงรอดชีวิตมาได้ ทั้งยังได้ชำระแค้น นับเป็นพระคุณอย่างสูง แต่ฮวาหยงมีภรรยาและน้องสาวยังอยู่ในค่าย คงต้องถูกหวงซิ่นจับกุม ไม่รู้จะช่วยอย่างไร”
เอี้ยนซุ่นว่า “ท่านผู้กำกับวางใจ หวงซิ่นคงยังไม่กล้าจับกุมคุณนาย 恭人 ต่อให้จับตัวจริงก็ต้องผ่านเส้นทางเดิม พรุ่งนี้พวกเราสามพี่น้องจะลงเขาไปชิงตัวคุณนายและน้องสาวกลับมาให้ท่านผู้กำกับ” แล้วก็สั่งให้ลิ่วล้อไปสอดแนมฟังข่าว ฮวาหยงกล่าวขอบคุณ
ซ่งเจียงว่า “เอาตัวหลิวเกามาให้ข้า”
เอี้ยนซุ่นว่า “จับมันมัดไว้กับต้นกระบองเพชร 将军柱 ผ่าท้องควักหัวใจมันออกมาฉลองให้พี่ท่าน”
ฮวาหยงว่า “ให้ข้าลงมือผ่ามันเอง”
ซ่งเจียงด่าว่า “ไอ้หมอนี่ เจ้ากับข้าไม่เคยมีความแค้นกันมาก่อน กลับไปฟังนางหญิงสามานย์ใส่ร้ายข้า ถูกจับได้แล้วจะว่าอย่างไร”
ฮวาหยงว่า “พี่จะเสียเวลาถามมันทำไม” แล้วก็ใช้มีดคว้านหน้าอกหลิวเกา ควักเอาหัวใจออกมาวางไว้ตรงหน้าซ่งเจียง ลิ่วล้อลากศพไปไว้ด้านข้าง
ซ่งเจียงว่า “วันนี้ ถึงจะฆ่าไอ้โสโครกนี่ได้แล้ว ยังเหลือนางเมียแพศยาอยู่ ยังไม่หายแค้น”
เสือเตี้ยหวางว่า “พี่ท่านวางใจ พรุ่งนี้ข้าจะลงเขาไปจับนางมาเอง คราวนี้ข้าจะได้เอามาใช้งานเสียที” พวกต่างพากันหัวเราะ
วันถัดมา ในที่ประชุมหารือเรื่องบุกตีค่ายชิงเฟิง เอี้ยนซุ่นกล่าวว่า “เมื่อวาน พวกเด็กๆ เหนื่อยกันมาทั้งวัน วันนี้ให้พักสักวัน พรุ่งนี้ค่อยลงเขายังไม่สาย”
ซ่งเจียงว่า “เห็นด้วย ควรพักฟื้นฟูกำลังทั้งคนและม้าก่อน ยังไม่ต้องรีบ”
ทางด้านหวงซิ่น เมื่อหนีกลับไปถึงค่ายชิงเฟิงก็เกณฑ์คนขึ้นประจำหน้าที่รักษาค่ายคูไว้ให้มั่น แล้วทำหนังสือรายงานสถานการณ์ให้ทหารรีบถือไปรายงานท่านเจ้าเมืองมู่หยง
เจ้าเมืองรับหนังสือแล้ว รู้ว่าฮวาหยงแปรพักตร์ไปเป็นพวกโจรเขาชิงเฟิง เห็นว่าสถานการณ์คับขัน จึงให้คนไปเชิญ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ถ่งจื้อ 统制) เมืองชิงโจวมาหารือ คนผู้นี้เป็นชาวซานโห้วเมืองไคโจว 山后开州 แซ่ฉิน ชื่อหมิง เป็นคนเลือดร้อน พูดจาเสียงดังเหมือนฟ้าร้อง จึงได้ฉายาว่า อสนีบาตฉินหมิง 霹雳火秦明 เป็นเชื้อตระกูลทหาร ใช้กระบองเขี้ยวหมาป่า 狼牙棒 เป็นอาวุธ (กระบองมีด้าม ปลายเป็นไม้เนื้อแข็งฝังหนามแหลมไว้โดยรอบ)
เจ้าเมืองมู่หยงนำหนังสือของหวงซิ่นให้ฉินถ่งจื้ออ่านแล้ว ฉินหมิงโกรธว่า “เจ้าพวกหัวแดง (โจรโพกผ้าแดง) บังอาจ พระคุณท่านอย่าได้กังวล หากข้านำกำลังไปจับหมอนี่ไม่ได้ จะไม่กลับมาให้เห็นหน้า”
เจ้าเมืองมู่หยงว่า “ท่านขุนพลหากชักช้า เกรงหมอนี่จะชิงโจมตีค่ายก่อน”
ฉินหมิงว่า “เรื่องนี้ไม่กล้าชักช้า คืนนี้จะเตรียมกำลังให้พร้อม ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า”
1
ฉินหมิงกลับกองบัญชาการ คัดเลือกทหารม้าหนึ่งร้อย ทหารราบสี่ร้อย ให้ไปเตรียมตั้งขบวนรอที่นอกเมือง เจ้าเมืองมู่หยงให้คนไปตั้งครัวตระเตรียมเสบียงเลี้ยงปลอบขวัญทหารที่วัดนอกเมืองแต่ในคืนนั้น ทหารแต่ละนายจะได้รับเหล้าสามชาม หมั่นโถวสองลูก เนื้อหนึ่งชั่ง ตระเตรียมเสร็จพอดีเช้าเห็นทหารตั้งทัพ
烈烈旌旗似火,森森戈戟如麻。
阵分八卦摆长蛇,委实神惊鬼怕。
枪见绿沉紫焰,旗飘绣带红霞,马蹄来往乱交加。
乾坤生杀气,成败属谁家。
ธงทิวดุจเปลวเพลิงเริงสะบัด
แน่นขนัดปลายทวนเรียงประสาน
พยุห์แปดทิศอสรพิษแผ่พังพาน
ทแกล้วหาญเทพมารขวัญกระเจิง
 
ดงทวนประดับพู่
ธงทิวดูดังแถบเพลิง
กีบม้าคะนองเริง
เถลิงหล้า ใครคว้าชัย ?
เจ้าเมืองมู่หยงให้บรรเลงเพลงเฉลิมชัย 奏凯歌 ระหว่างแจกเสบียง เรียบร้อยแล้วให้ยิงปืนใหญ่อาณัติสัญญาน ฉินหมิงนำกองทหารเคลื่อนพลมุ่งมาช่วยค่ายชิงเฟิง ค่ายชิงเฟิงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองชิงโจว แต่หากตรงลงทิศใต้ผ่านเขาชิงเฟิงจะใกล้กว่า แล้วใช้ทางน้อยทิศเหนือเขาชิงเฟิง
ทางด้านนายโจรเขาชิงเฟิงตระเตรียมกำลังเอาไว้ว่าจะไปตีค่ายชิงเฟิง ลิ่วล้อมารายงานว่าฉินหมิงยกทัพตรงมาทางเขาชิงเฟิง จึงมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ฮวาหยงว่า “พวกท่านอย่าเพิ่งตระหนก การศึกเรื่องเร่งด่วน ย่อมต้องพลีชีพรับ ให้พวกลูกน้องกินอาหารกันให้อิ่มก่อน แล้วทำตามข้า เริ่มด้วยกำลัง ตามด้วยเล่ห์กล ดังนี้… …” แล้วฮวาหยงก็แจ้งอุบายของตนให้รู้
ซ่งเจียงว่า “วิเศษ เอาตามนี้”
ฮวาหยงเลือกชุดเกราะ คันธนู และทวนเหล็กที่เหมาะมือเตรียมพร้อมไว้
ฉินหมิงยกทัพมาถึงตีนเขาชิงเฟิง ให้ทหารตั้งค่ายห่างจากเขาสิบลี้ เช้าวันรุ่งขึ้น ยามห้าทหารกินอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ฉินหมิงให้ยิงปืนใหญ่เป็นสัญญาน ยกพลขึ้นเขาหาชัยภูมิที่เป็นลานกว้าง จัดวางกระบวนทัพแล้วให้รัวกลองสัญญาน บนเขามีเสียงม้าล่อรัวรับ ขบวนคนและม้าลงจากเขามา ฮวาหยงอยู่กลางขบวนลิ่วล้อ ลงมาถึงลาดเขา ตีสัญญานม้าล่อ ตั้งขบวนทัพประจันหน้า ฮวาหยงขี่ม้าถือทวนเหล็กมองมายังฉินหมิงแล้วขานคารวะ
ฉินหมิงตวาดว่า “ฮวาหยง บรรพบุรุษของเจ้าล้วนเป็นขุนพลคนสำคัญของราชสำนัก เจ้าจึงได้เป็นผู้กำกับค่ายปกครองพื้นที่ กินเบี้ยหวัดหลวง ราชสำนักมีผิดอันใดต่อเจ้าจึงได้แปรพักตร์ไปเข้ากับโจร วันนี้ข้ามาจับเจ้าโดยเฉพาะ หากรู้ตัวก็ลงม้ามาให้จับโดยดี อย่าให้ต้องเสียเลือดเนื้อ”
ฮวาหยงหัวเราะแล้วว่า “ท่านผู้บัญชาการโปรดฟัง ฮวาหยงมีหรือจะยอมแปรพักตร์จากราชสำนักหากมิใช่เพราะเจ้าหลิวเกาใช้ตำแหน่งหน้าที่มาชำระแค้นส่วนตัว ขุดหาเรื่องไม่มีมูลมาใส่ความ บีบบังคับฮวาหยงจนมีบ้านมิอาจกลับ มีเมืองมิอาจอาศัย ต้องหลบมาอยู่ที่นี่ ขอท่านผู้บัญชาการโปรดพิจารณา”
ฉินหมิงว่า “เจ้าก็ลงม้ามาให้จับสิ จะรออะไร มัวแต่เล่นคารม ปลุกปั่นขวัญทหาร” จึงสั่งให้ทหารรัวกลอง แล้วควงกระบองตรงเข้าหาฮวาหยง
ฮวาหยงหัวเราะว่า “ฉินหมิง เจ้าไม่รู้หรือว่าที่ถอยให้ก้าวหนึ่งนั้นก็แค่เห็นว่าเจ้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ไม่ใช่ว่ากลัวเจ้าหรอก” แล้วก็ถือทวนโผนม้าเข้าหาฉินหมิง
一对南山猛虎,
两条北海苍龙。
龙怒时头角峥嵘,
虎斗处爪牙狞恶。
 
爪牙狞恶,似银钩不离锦毛团;
头角峥嵘,如铜叶振摇金色树。
翻翻复复,点钢枪没半米放闲;
往往来来,狼牙棒有千般解数。
狼牙棒当头劈下,离顶门只隔分毫;
点钢枪用力刺来,望心坎微争半指。
使点钢枪的壮士,威风上逼斗牛寒;
舞狼牙棒的将军,怒气起如云电发。
 
一个是扶持社稷天蓬将,
一个是整顿江山黑煞神。
สองเสือภูผาใต้ 
สองมังกรในทะเลเหนือ
มังกรเชิดกิ่งเขาเงื้อ 
เสือคำรามกางเขี้ยวเล็บ
กางเขี้ยวเล็บ เงินยวงเฉี่ยวเกี่ยวหน้าขน
กิ่งเขาเงื้อ บนต้นทองผลัดใบใส่
ทวนเหล็กแทงผันผกฉกเพียงใกล้
พลองเขี้ยวหวดไล่ไปมาท่าพลิกพลิ้ว
กระบองเขี้ยวเฉี่ยวกระหม่อมเพียงองศา
ทวนเหล็กแทงเฉี่ยวหน้าอกเพียงเฉียดฉิว
ขุนทวนเสียบยะเยียบเย็นใจหวิวหวิว
ขุนพลองกวาดกริ้วโกรธาดังฟ้าผ่า
หนึ่งขุนพลเทพเทียนเผิงค้ำแผ่นฟ้า
หนึ่งขุนพลเทพเฮยส้าปรกแผ่นดิน
 
(天蓬元帅 ขุนพลเทียนเผิง เป็นเทพสวรรค์
黑煞神 เทพเฮยส้า ปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์ซ่งบูชาเป็นเทพประจำตระกูลเจ้า)
ฉินหมิงกับฮวาหยงประมือกันถึงห้าสิบเพลงยังไม่รู้แพ้ชนะ ฮวาหยงฉวยจังหวะมีช่องโหว่ ชักม้าหนีลงเขาไปตามทางน้อย ฉินหมิงโกรธควบม้าไล่ตาม ฮวาหยงเก็บทวนเข้าซอง หยุดยืนม้า คว้าคันธนูถือไว้ในมือซ้าย มือขวาหยิบลูกธนูพาดสายน้าวเต็มที่ เหลียวกลับหลังเล็งมายังหมวกของฉินหมิง ยิงตัดพู่แดงบนหมวกขาดกระเด็นเป็นการเตือน ฉินหมิงตกใจ ไม่กล้าตามต่อ ชักม้ากลับจะไปจัดการพวกลิ่วล้อ แต่พวกนั้นกรูกันกลับขึ้นเขาไปหมดแล้ว ฮวาหยงก็รีบกลับขึ้นเขาไปด้วย
ฉินหมิงเห็นคนหนีไปกันหมดยิ่งโมโหด่าว่า “ไอ้พวกโจรไร้ธรรมเนียม” สั่งให้ลั่นกลองรัวม้าล่อ บุกขึ้นเขา ทหารราบออกนำข้ามเขาได้สองสามลูก ถึงช่องทางคับขัน มีหินก้อน ท่อนไม้ ไหขี้เถ้า เหล็กหนามกระหน่ำลงมา พวกด้านหน้าล่าถอยไม่ทัน ล้มกันไปราวห้าสิบคน ที่เหลือจำต้องกลับลงเขามา
ฉินหมิงเป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่อดทนรอ พาทหารม้าเลาะตีนเขาหาทางขึ้น จนยามอู่ 午牌 (12:00 น.) มาถึงเขาด้านตะวันตกมีเสียงระดมตีม้าล่อ ที่ชายป่ามีคนโบกธงแดงอยู่สองผืน ฉินหมิงนำทหารมาถึง ม้าล่อเงียบเสียง ธงแดงล่องหน ทางนั้นไม่ใช่ทางด่านใหญ่เป็นเพียงทางเล็กสำหรับคนตัดฟืน ทั้งยังมีไม้หักล้มปิดปากทางไว้ ไม่ให้ใช้ขึ้น
ฉินหมิงกำลังจะสั่งให้ทหารรื้อไม้ที่ล้มปิดทาง ก็มีทหารมารายงานว่าทางเขาด้านตะวันออกมีเสียงม้าล่อ และคนโบกธงแดงปรากฎ ฉินหมิงรีบควบม้านำทหารมาถึง ม้าล่อเงียบเสียง ธงแดงล่องหน มีไม้หักล้มปิดเส้นทางคนตัดฟืนไว้เช่นกัน
หน่วยสอดแนมมารายงานอีกว่า “เชิงเขาด้านตะวันตก มีเสียงม้าล่อและธงแดง” ฉินหมิงนำทหารมาถึง ก็พบสภาพเช่นเดิม ไม่มีใคร ไม่มีธง ฉินหมิงขบกรามกรอด
คราวนี้มีเสียงม้าล่อดังสนั่นจากทางตะวันออก ได้ยินมาถึง ฉินหมิงรีบนำทหารมา พอถึง โจรก็ไม่มีธงก็ไม่เห็น ฉินหมิงแค้นแน่นอก จะสั่งทหารลุยขึ้นเขา ก็มีเสียงลั่นมาจากด้านตะวันตกอีก พอฉินหมิงมาก็ไม่มีใครทั้งบนเขาหรือเชิงเขา ฉินหมิงสั่งแยกทหารหาทางขึ้นเขาทั้งสองด้าน ทหารนายหนึ่งเสนอความเห็นว่า
“เส้นทางพวกนี้ล้วนไม่ใช่เส้นทางหลัก ขึ้นไปเกรงว่าจะต้องกล ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้มีทางใหญ่ขึ้นเขาได้” ฉินหมิงจึงสั่งให้รีบมายังเส้นทางอาคเนย์
พอมาถึงปากทาง คนและม้าต่างอ่อนล้า ฟ้าก็มืดแล้ว ฉินหมิงสั่งให้ตั้งค่ายหุงหาอาหาร แต่ยังไม่ทันไรก็มีเสียงรัวกลองตีม้าล่อดังสนั่น แสงคบเพลิงลุกโชติช่วงด้านบนเขา ฉินหมิงเดือดดาลพลุ่งพล่านอีกครั้ง ควบม้านำหน้าทหารห้าสิบนายขึ้นเขา ห่าลูกธนูระดมยิงจากแนวป่าบนเขาถูกทหารบาดเจ็บ ฉินหมิงจึงจำต้องถอยกลับ ฉินหมิงสั่งทหารหุงหาอาหารต่อไป พอเริ่มก่อไฟติด บนเขาก็มีแสงคบเพลิงราวเก้าสิบคบไหลกรูลงเขามา ฉินหมิงนำทหารไปตั้งรับ แสงคบเพลิงก็หายไป
แม้จะเป็นคืนเดือนหงายแต่เมฆทึบ จึงมองอะไรไม่ชัดนัก ด้วยความโกรธ ฉินหมิงสั่งทหารจุดไฟเผาต้นไม้จนสว่าง พลันมีเสียงขลุ่ยกลองบรรเลงเพลงดังขึ้น ฉินหมิงควบม้ามาดู เห็นคบเพลิงสิบกว่าคบสว่างอยู่บนยอดเขา ซ่งเจียงและฮวาหยงนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ ฉินหมิงกำลังหาที่ระบายอารมณ์จึงควบม้ามายืนด่าที่ตีนเขา
ฮวาหยงตอบลงมาว่า “ฉินถ่งจื้อ ท่านอย่าใจร้อน กลับไปนอนพักก่อน พรุ่งนี้ข้าค่อยมารบกับท่านใหม่ให้รู้แพ้ชนะ”
ฉินหมิงตะโกนว่า “โจรขบถ ลงมารบกับข้าสามร้อยเพลงแล้วค่อยถามหาเหตุผล”
ฮวาหยงหัวเราะว่า “ท่านผู้บัญชาการฉิน วันนี้ท่านเหนื่อยแล้ว ข้าชนะท่านได้ก็ไม่ปลื้ม ท่านกลับไปเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
ฉินหมิงยิ่งโมโหใหญ่ ก่นด่าอยู่ตีนเขา ครั้นจะหาทางขึ้นเขามาก็กลัวธนูของฮวาหยง จึงได้แต่ยืนด่า ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากค่ายของตนที่ตีนเขา ฉินหมิงควบม้ากลับมาดู เห็นลิ่วล้อสักสามสิบคนยิงธนูเพลิงออกมาจากเงามืด พวกทหารจึงแห่กันหนีไปหลบตามหลุมด้านไกล
ขณะนั้นเป็นเวลาราวยามสาม พวกทหารเอะอะกันอีก น้ำจากบนเขาทะลักลงมาท่วมคนและม้า ต้องพากันตะเกียกตะกายขึ้นตลิ่ง พวกที่ขึ้นมาได้ก็ถูกพวกลิ่วล้อเอาไม้ตะขอเกี่ยวจับเป็นเชลย พวกที่ขึ้นมาไม่ได้พากันจมน้ำตายสิ้น
ฉินหมิงโกรธจนทำอะไรไม่ถูก ควบม้าหนีมาตามทางน้อยขึ้นเขามาได้ห้าสิบก้าว ตกลงไปในหลุมที่ขุดดักเอาไว้ ไม้ตะขอราวห้าสิบอันยื่นมากดฉินหมิงไว้ ปลดอาวุธ ชุดเกราะ หมวก เสื้อของฉินหมิงแล้วจับมัด ช่วยม้าขึ้นจากหลุมแล้วนำตัวขึ้นเขา
เป็นแผนของฮวาหยงและซ่งเจียงที่หลอกให้ฉินหมิงวิ่งหัวปั่นทั้งวันจนหมดแรง เอากระสอบทรายกั้นน้ำในคลองไว้ พอตกดึกก็ต้อนทหารลงไปในคลองแห้งแล้วปล่อยน้ำท่วมเสีย ทหารของฉินหมิงทั้งห้าร้อยจมน้ำตายเสียกว่าครึ่ง ถูกจับเป็นหนึ่งร้อยเจ็ดสิบคน ม้าอีกแปดสิบตัว ฉินหมิงเองตกหลุมดักถูกจับเป็น
(อสนีบาตฉินหมิง 霹雳火秦明 กลุ่มเทพฟ้า เทียนกัง ลำดับที่ 7 เป็นหนึ่งในห้าขุนพลพยัคฆ์ของเหลียงซาน ลำดับที่สาม)
ตอนก่อนหน้า : ควบสามเขา
ตอนถัดไป : อุบายให้ร้ายอสนี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา