9 ก.พ. เวลา 13:08 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 76

ค่ายชิงเฟิง (7) เวินโหวน้อย เทียบเหยินกุ้ย
ขบวนทัพที่ไปรับฉินหมิง หวงซิ่น ครอบครัวฮวาหยงกลับมาถึงเขาชิงเฟิง เจิ้งเทียนโซ่วก็ออกมาต้อนรับแล้วพากันไปยังโถงร่วมธรรม ที่นั่งก็จัดลำดับใหม่ โดยให้หวงซิ่นนั่งลำดับสี่ ถัดจากฮวาหยง ซ่งเจียงให้จัดที่พักสำหรับครอบครัวฮวาหยงแล้ว ก็ให้นำทรัพย์สินที่ยึดมาจากค่ายของหลิวเกานำมาจัดสรรปันส่วนให้พวกลิ่วล้อ ส่วนเมียหลิวเกานั้น เสือเตี้ยหวางพาไปซ่อนยังห้องของตน
เอี้ยนซุ่นถามว่า “เมียหลิวเกา ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
เสือเตี้ยหวางตอบว่า “ตอนนี้ก็ควรเป็นฮูหยินแม่ย่านางค่ายของผู้น้องแล้วละมัง”
เอี้ยนซุ่นว่า “เป็นน่ะเป็นได้ แต่เรียกตัวออกมาก่อน ข้ามีเรื่องคุยด้วย”
ซ่งเจียงว่า “ข้าก็มีเรื่องจะถาม”
เสือเตี้ยหวางจึงต้องเรียกนางมายังห้องโถง นางก็เอาแต่ร้องไห้ขอชีวิต
ซ่งเจียงตะคอกใส่ว่า “นางสารเลว ข้าช่วยเจ้าให้ลงเขาด้วยเจตนาดีเห็นว่าเจ้าเป็นถึงคุณนาย 恭人 ของขุนนางสำคัญ เจ้ากลับเนรคุณ วันนี้ถูกจับมาได้มีอะไรจะพูด”
เอี้ยนซุ่นโดดลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “กับนางแพศยานี่ มีอะไรต้องถามด้วย” แล้วชักมีดที่เอวฟันร่างนางขาดเป็นสองท่อน
เสือเตี้ยหวางเห็นนางถูกมีดฟันขาด ก็โกรธคว้าดาบจะเอาเรื่องกับเอี้ยนซุ่น พวกซ่งเจียงต่างพากันลุกขึ้นมาห้ามเอาไว้
ซ่งเจียงว่า “เอี้ยนซุ่นฆ่านางนั้นสมควรแล้ว น้องเรา ดูที่นางทำกับข้า ข้าช่วยนางเต็มกำลังให้นางได้กลับไปหาสามี แต่นางกลับแว้งกัดใส่ร้ายข้าต่อสามีนาง น้องเรา หากท่านเก็บนางไว้ข้างกายกลับเป็นโทษมากกว่าคุณ ไว้วันหน้าซ่งเจียงจะหาคนใหม่ที่คู่ควรให้เป็นศรีภรรยาท่าน”
เอี้ยนซุ่นว่า “น้องเรา ตรองให้ดีเถิด เก็บนางไว้ก็ไม่มีประโยชน์ วันหน้าจะเป็นภัยแก่ตัว”
เสือเตี้ยหวางฟังคำเกลี้ยกล่อมแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบ เอี้ยนซุ่นให้ลิ่วล้อลากศพนางไปทิ้ง แล้วให้ยกสุราอาหารมาเลี้ยงดูกัน
วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงและหวงซิ่นเป็นผู้ใหญ่ เอี้ยนซุ่น หวางอิง เจิ้งเทียนโซ่วเป็นพ่อสื่อ มาสู่ขอน้องสาวของฮวาหยงให้แก่ฉินหมิง สินสอดทองหมั้นตามธรรมเนียมนั้นซ่งเจียงและเอี้ยนซุ่นเป็นผู้จัดการ จัดโต๊ะเลี้ยงสุราอาหารกันห้าวัน
หลังงานสมรสผ่านไปราวเจ็ดวัน หน่วยสอดแนมมารายงานว่า เจ้าเมืองมู่หยงรายงานไปยังเมืองหลวงเรื่องที่ฮวาหยง ฉินหมิง และหวงซิ่นแปรพักตร์ มีการตระเตรียมกองกำลังจะเข้ามากวาดล้างเขาชิงเฟิง เหล่าผู้กล้าหารือกันแล้วเห็นว่า เขาชิงเฟิงเป็นค่ายเล็ก หากกองทัพใหญ่มาล้อม คงยากที่จะตั้งรับ
ซ่งเจียงว่า “ผู้น้อยมีอุบายหนึ่ง ไม่ทราบว่าจะตรงใจพวกท่านหรือไม่”
พวกเหล่านั้นว่า “ใคร่ขอฟังแผนการ”
ซ่งเจียงว่า “ทางใต้ของที่นี่คือ เขาเหลียงซาน มีชัยภูมิดี มีอาณาเขตโดยรอบราวแปดร้อยลี้ มีบึงน้ำล้อมรอบ มีเมืองป้อมตั้งอยู่กลางบึง โลกบาลเฉามีกองกำลังอยู่ที่นั่นราวห้าพันคน พวกทหารหลวงไม่กล้าไปตอแย พวกเราควรโยกย้ายกันไปขอเข้าเป็นพวก”
ฉินหมิงว่า “มีชัยภูมิเช่นนี้ย่อมดียิ่ง เพียงแต่ไม่มีคนนำพาเข้าไป เขาจะยอมรับพวกเราหรือ”
1
ซ่งเจียงหัวเราะแล้วเล่าเรื่องเจ็ดดาวชิงของขวัญวันเกิด จนกระทั่งหลิวถังนำหนังสือและทองคำมาขอบคุณตน จนเป็นเหตุให้ต้องสังหารหยันผอซี และมาเร่ร่อนอยู่ในวงนักเลงเช่นนี้
ฉินหมิงได้ฟังแล้วชอบใจว่า “เท่ากับว่าพี่ท่านเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา เช่นนั้นก็ไม่ควรรอช้า รีบเก็บของแล้วออกเดินทางกันเถิด”
เมื่อหารือกันเป็นที่ตกลงแล้ว ก็จัดแจงขนทรัพย์สินเงินทอง เสื้อผ้าข้าวของ และสัมภาระใส่รถบรรทุกสิบคัน ม้าทั้งหมดมีสองร้อยกว่าตัว ลิ่วล้อที่ไม่สมัครใจติดตามไปก็แบ่งทรัพย์สินเงินทองให้ เพื่อจะได้ไปหาส้องใหม่อยู่ พวกที่จะติดตามไปด้วยรวมกับทหารที่ฉินหมิงพามา รวมกันแล้วมีสี่ร้อยกว่าห้าร้อยคน ซ่งเจียงให้แบ่งเป็นสามกลุ่ม แต่งปลอมเป็นทหารหลวงยกทัพไปปราบปรามเขาเหลียงซาน อาคารต่างๆ บนเขาชิงเฟิงให้เผาทิ้งเสียให้ราบ
ขบวนเดินทางแบ่งออกเป็นสามขบวน
ขบวนแรก ซ่งเจียง ฮวาหยง นำพลเดินเท้าห้าสิบ ม้าห้าสิบ รถบรรทุกเหล่าครอบครัว และสัมภาระส่วนใหญ่รวมเจ็ดคัน
ขบวนที่สอง ฉินหมิง หวงซิ่น นำพลม้าเก้าสิบ และรถบรรทุกสัมภาระที่เหลือสามคัน
ขบวนที่สาม เอี้ยนซุ่น หวางอิง เจิ้งเทียนโซ่ว นำคนที่เหลือ เป็นพลเดินเท้าราวสองร้อย ม้าห้าสิบ
ขบวนแต่งเป็นทัพทหารหลวงชูธงปราบโจร จึงไม่มีใครขวาง เดินทางมาได้เจ็ดวัน ซ่งเจียงและฮวาหยง นำขบวนรถบรรทุกเจ็ดคันมีทหารม้าคุ้มกันนำหน้า พลที่เหลือตามหลังห่างราวยี่สิบลี้ ซ่งเจียงนำมาถึงตำบลหนึ่งเรียกว่า เขาเงาฉาย (ตุ้ยอิ่งซาน)对影山 มีเขาลักษณะเหมือนกันสองลูกตั้งขนาบเส้นทางกว้างใหญ่อยู่เหมือนเงาสะท้อนภาพกันและกัน
พลันมีเสียงม้าล่อและกลองดังขึ้นที่เขาเบื้องหน้า ฮวาหยงว่า “ข้างหน้ามีโจร” ตระเตรียมธนู สั่งรถบรรทุกหยุดรอ ให้ทหารควบม้าไปเร่งกองทหารที่ตามหลัง ซ่งเจียงและฮวาหยงนำทหารม้ายี่สิบนายขึ้นหน้ามาดูสถานการณ์
มาได้ราวครึ่งลี้ เห็นคนกลุ่มหนึ่งมีราวร้อยกว่าคน ชายหนุ่มผู้นำหน้าสวมมงกุฏทองสามยอดประดับหยก สวมเสื้อลายดอกไม้นานาพรรณ ใส่เกราะทองเกล็ดมังกร คาดเข็มขัดฝังปะการังสีแดง ม้าที่ขี่ใช้ไขมันชโลมจนมันขลับเหมือนม้ามังกร ใช้ทวนแดงฟางเทียนจี่ 方天戟 (ทวนมีคมรูปพระจันทร์เสี้ยวประกบด้านเดียวหรือสองด้าน แบบเดียวกับ ทวนของลิโป้) ผู้ติดตามล้วนใส่ชุดแดง ธงทิวก็เป็นสีแดง
ออกมาท้ารบกันกับอีกฝ่ายหนึ่ง มีไพร่พลร้อยกว่าคนเช่นกัน ชายหนุ่มผู้นำหน้าสวมมงกุฏสามยอดพู่ขาว สวมเกราะเงินสะท้อนแสงแดดแวววาว คาดเข็มขัดเงิน ขี่ม้าขาวใช้ทวนเหมือนอีกฝ่ายแต่สีเงิน ผู้ติดตามล้วนใส่ชุดขาว ธงทิวเป็นสีขาว
ทั้งสองควบม้าเข้าสู้กันกลางถนน หนึ่งแดงหนึ่งขาว
旗仗盘旋,战衣飘颺。
绛霞影里,卷几片拂地飞云;
白雪光中,滚数团燎原烈火。
故园冬暮,山茶和梅蕊争辉;
上苑春浓,李粉共桃脂斗彩。
这个按南方丙丁火,似焰摩天上走丹炉;
那个按西方庚辛金,如泰华峰头翻玉井。
宋无忌忿怒,骑火骡子奔走霜林;
冯夷神生嗔,跨玉狻猊纵横花界。
ลมสะบัดพัดธงทิว
กระพือพลิ้วชุดนักรบ
ใต้ฟ้าแดงแสงยามอาทิตย์อุทัย
หมอกขาวไล่เรี่ยพื้นอวลตลบ
กลางหิมะขาวเจิดจ้าเมินตาสบ
ยังพานพบลามทุ่งพระเพลิงผลาญ
บ้านเกิดกลางเหมันต์ในยามเย็น
ดอกชาเด่นเห็นเหมยตูมขาวสะอ้าน
กลางวสันต์ในราชอุทยาน
เหมยและเถาบานแดงแข่งประชัน
เพลิงปิ่งติงทางด้านทักษิณนี้
ดังอัคคีในเตาหลอมโอสถสวรรค์
ทองเกิงซินทางด้านประจิมนั้น
หยกอันขาวคว่ำครอบยอดภูผา
เซียนอัคคีซ่งอู๋จี้มีเคืองขัด
ขี่ล่อเพลิงลัดดงน้ำแข็งหนา
เทพวารีเฝิงหยีกริ้วโกรธา
ควบซวนหนีมาตลุยอุทยาน
南方丙丁火 ไฟคือธาตุทิศใต้ มีสีแดง
ปิ่งติง 丙 ปิ่งไฟหยาง 丁 ติงไฟยิน
西方庚辛金 ทองคือธาตุทิศตะวันตก มีสีขาว
เกิงซิน 庚 เกิงทองหยาง 辛 ซินทองยิน
宋无忌 ซ่งอู๋จี้ เซียนแห่งไฟ
冯夷神 เทพเฝิงหยี เทพแห่งแม่น้ำหวงเหอ
狻猊 ซวนหนี รูปร่างเหมือนสิงโตเป็นโอรสพญามังกร บ้างว่าเป็นองค์ที่ 5 บ้างว่าเป็นองค์ที่ 7
ทั้งคู่รบกันอยู่สามสิบกว่าเพลงไม่รู้แพ้ชนะ รบกันจนลงไปอยู่ในลำห้วย ฮวาหยงเหยาะม้าตามมาดู ทวนของทั้งคู่ต่างมีพู่ประดับที่คอทวน พู่หางเสือดาว 豹子尾 เกิดพันกับพู่ห้าสี 五色幡 ขึ้นมา ฉุดดึงไม่หลุด ทวนจึงมัดติดกันอยู่ สู้กันต่อไม่ได้ ฮวาหยงมือซ้ายคว้าคันธนูจากซองคันธนูมัจฉาเหิน 飞鱼袋 หยิบลูกธนูจากกระบอกศร 兽壶 พาดขึ้นสายน้าวยิงพู่หางเสือดาว 豹子尾 ขาด ทวนจึงหลุดออกจากกัน พวกทหารกองเชียร์ทั้งสองร้อยต่างโห่ร้องชื่นชม
1
คู่ต่อสู้ทั้งสองไม่สู้กันต่อแล้วควบม้ามาหยุดหน้าซ่งเจียงกับฮวาหยง ค้อมคารวะแล้วกล่าวว่า “เรียนถามนามท่านขุนพลเกาทัณฑ์เทพ”
ฮวาหยงตอบว่า “ท่านนี้คือ พี่ชายร่วมสาบานของข้า ยาซืออำเภอวิ่นเฉิง ฝนยามแล้งซ่งกงหมิง ส่วนข้าคือ ผู้กำกับค่ายชิงเฟิง หลีกว่างน้อยฮวาหยง”
ทั้งสองได้ฟังแล้วรีบลงม้ามาคุกเข่าคำนับกล่าวว่า “ได้ยินชื่อท่านมานาน”
ซ่งเจียงกับฮวาหยงรีบลงม้ามาพยุงทั้งสองให้ลุกขึ้นแล้วถามว่า “ขอถามนามท่านผู้กล้าทั้งสอง”
ชายชุดแดงกล่าวว่า “ผู้น้อยแซ่หลวี่ ชื่อฟาง เป็นชาวเมืองถานโจว 潭州 นิยมในท่านหลวี่ปู้ (ลิโป้) 吕布 จึงฝึกฝนทวนฟางเทียนจี่ 方天戟 เหมือนกับท่าน คนจึงเรียกผู้น้อยว่า เวินโหวน้อยหลวี่ฟาง 小温侯吕方 (เวินโหว 温侯 คือ บรรดาศักดิ์ของลิโป้)
เดิมผู้น้อยค้าขายสมุนไพรมาถึงซานตงนี้ ขาดทุนไม่มีเงินเดินทางกลับบ้าน จึงมาเป็นโจรปล้นชิงทรัพย์อยู่ที่เขาเงาฉาย 对影山 แห่งนี้
ไม่นานมานี้ ผู้กล้าท่านนี้จะมาชิงค่ายของข้า ข้าจึงแบ่งภูเขาให้อยู่อีกฟากหนึ่ง แต่เขาไม่ยอม จึงลงมาสู้กันอยู่ทุกวัน มิคาดว่าฟ้าลิขิตไว้ให้ได้มาพบกับพวกท่าน”
ทางด้านชายชุดขาวกล่าวว่า “ผู้น้อยแซ่กวอ ชื่อเสิ้ง เป็นชาวจยาหลิงเมืองซีชวน 西川嘉陵 เดิมค้าขายปรอท แต่มาเรือล่มในหวงเหอ จึงกลับบ้านไม่ได้
เมื่อครั้งอยู่จยาหลิงเคยฝึกทวนฟางเทียนจี่กับจางถีเสียจนชำนาญ คนจึงเรียกผู้น้อยว่า เทียบเหยินกุ้ยกวอเสิ้ง 赛仁贵郭盛 ระหว่างท่องอยู่ในวงนักเลง ฟังว่าที่เขาเงาฉายนี้มีนายส้องชำนาญเพลงทวนฟางเทียนจี่นี้เช่นกัน จึงตั้งใจมาประลองด้วย สู้กันมาได้สิบวันแล้วยังไม่รู้แพ้ชนะ วันนี้นับเป็นโชคที่ได้มาพบท่านทั้งสอง”
ซ่งเจียงจึงเล่าเรื่องของตนให้ฟังแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อโชควาสนานำพาให้มาพบกันแล้ว ก็ขอให้ท่านทั้งสองสงบศึกกันเถิด” ทั้งสองต่างก็ยินยอม
铜链劝刀犹易事,箭锋劝戟更希奇。
须知豪杰同心处,利断坚金不用疑。
โซ่ทองเหลืองเตือนดาบเคยว่ายาก
คมศรพรากคมทวนมิคาดฝัน
ยามวีรชนรู้ใจผูกสัมพันธ์
คมสะบั้นโลหะแกร่งมิแคลงใจ
 
(วรรคแรกอ้างถึง ดาวสัพพัญญูอู๋ย่งใช้โซ่ทองเหลืองสกัดดาบผีผมแดงหลิวถังกับเสือติดปีกเหลยเหิงมิให้สู้กัน)
เมื่อพวกทหารของซ่งเจียงที่เดินทางตามหลังยกมาถึง หลวี่ฟางก็เชิญขึ้นเขาจัดสุราอาหารเลี้ยงดู วันรุ่งขึ้นก็เป็นคราวของกวอเสิ้ง ซ่งเจียงชักชวนให้ทั้งสองไปขึ้นเขาเหลียงซานด้วยกัน ทั้งสองตอบตกลงและเตรียมเก็บของออกเดินทาง
1
ทว่า ซ่งเจียงบอกว่า “หากพวกเราไปกันหมดหลายร้อยคนนี้ ทางเขาเหลียงซานก็มีกองสอดแนม คงสำคัญว่าพวกเราจะยกเข้าโจมตีจริง ให้ข้ากับเอี้ยนซุ่นไปแจ้งให้รู้ความก่อน แล้วพวกท่านแบ่งเป็นสามขบวนทยอยตามไป”  ซ่งเจียงกับเอี้ยนซุ่นพาผู้ติดตามสิบคนไปแจ้งข่าวแก่ทางเหลียงซานก่อน
เวินโหวน้อยหลวี่ฟาง 小温侯吕方 กลุ่มมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 18 ลำดับรวมที่ 54 เป็นหัวหน้าทหารม้าองครักษ์ค่ายกลางของเหลียงซานคู่กันกับกวอเสิ้ง
เทียบเหยินกุ้ยกวอเสิ้ง 赛仁贵郭盛 กลุ่มมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 19 ลำดับรวมที่ 55
เซวียเหยินกุ้ย 薛仁贵 คือแม่ทัพใหญ่สมัยราชวงศ์ถัง มักสวมชุดขาว มีพละกำลังมหาศาล
ตอนก่อนหน้า : อุบายให้ร้ายอสนี
ตอนถัดไป : ข่าวร้าย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา