Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
14 ก.พ. เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 78
เนรเทศเจียงโจว (1) แวะเยี่ยมเหลียงซาน
ซ่งเจียงเร่งเดินทางกลับบ้านทั้งวันทั้งคืน มาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านเป็นยามเซิน 申牌 (16:00 น.) มานั่งพักที่ร้านอาหารของ เส้อจ่าง 社长 (ประธานชุมชน) แซ่จาง 张 ที่ตั้งอยู่ตรงปากทาง จางเส้อจ่าง 张社长 คุ้นเคยสนิทสนมกับครอบครัวของซ่งเจียงดี เห็นสีหน้าซ่งเจียงอมทุกข์นักจึงทักว่า “ยาซือไม่ได้กลับบ้านมาปีครึ่งแล้ว วันนี้กลับมาก็น่าจะดีใจ แต่ทำไมสีหน้าดูไม่ดี มีอะไรไม่สบายใจหรือ เรื่องคดีมีการอภัยโทษแล้ว โทษก็น่าจะเบาลง”
ซ่งเจียงว่า “ท่านอาพูดถูก คดีน่ะบรรเทา แต่บิดาบังเกิดเกล้าสิ้นบุญ ทำไมจะไม่เป็นทุกข์”
จางเส้อจ่างหัวเราะลั่นว่า “ยาซือก็เหลือเกิน รู้จักล้อเล่น ไท่กงท่านมาดื่มเหล้าที่นี่เพิ่งกลับไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี ทำไมมาพูดอย่างนี้”
ซ่งเจียงว่า “ท่านอาอย่าล้อผู้หลานเล่น” แล้วหยิบหนังสือส่งให้ดู “น้องซ่งชิงเขียนไว้ชัดเจนว่าบิดาท่านเสียไปเมื่อต้นเดือนอ้ายปีนี้ รอข้ากลับมาจัดงาน”
จางเส้อจ่างอ่านดูแล้วว่า “มีเรื่องนี้ที่ไหนกัน ก็เมื่อราวๆ เที่ยงนี่ยังมานั่งดื่มอยู่กับหวางไท่กงบ้านตะวันออกเพิ่งกลับไป ข้าจะไปโกหกทำไมกัน”
ซ่งเจียงฟังแล้วงงไม่เข้าใจ นั่งอยู่จนเย็นแล้วลากลับ
พอย่างเท้าเข้าบ้านก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ บ่าวมาคำนับทักทาย ซ่งเจียงจึงถามว่า “พ่อข้ากับชายสี่อยู่ไหม”
บ่าวว่า “ไท่กงตั้งตารอยาซือท่านอยู่ทุกวัน วันนี้ท่านกลับมา คงจะดีใจ ท่านไปดื่มกับท่านประธานหวางบ้านตะวันออกที่ร้านท่านประธานจางหน้าหมู่บ้านเพิ่งกลับมา ตอนนี้นอนอยู่ในห้อง”
ซ่งเจียงฟังแล้วตะลึง ทิ้งกระบองสั้นในมือ เดินตรงมายังโถงมุงหญ้า ซ่งชิงเห็นก็เดินมาคำนับทักทาย ซ่งเจียงเห็นน้องชายไม่ได้ไว้ทุกข์ก็โกรธจัดชี้หน้าด่าซ่งชิงว่า
“ไอ้สัตว์นี่ มีที่ไหนกัน ท่านพ่อยังอยู่กลับเขียนหนังสือไปแหย่ข้าเล่น ทำเอาข้าแทบตายไปสามหน ร้องไห้สลบไปรอบ ไอ้ลูกอกตัญญู”
ซ่งชิงยังไม่ทันตอบ ซ่งไท่กงก็ก้าวออกมาจากบังตาด้านหลังตะโกนมาว่า
“ลูกเอ๋ย อย่าเพิ่งใจร้อน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับน้องชายเจ้า ข้าคิดถึงเจ้าอยู่ทุกวัน อยากเห็นหน้าจึงให้สื้อหลาง 四郎 เขียนไปบอกว่าข้าตายแล้ว เจ้าจะได้รีบกลับ ข้ายังฟังมาอีกว่าแถวเขาพยัคฆ์ขาวพวกโจรเยอะ ก็กลัวเจ้าจะพลาดพลั้งไปเป็นพวกโจรทำเรื่องอกตัญญูไม่รู้คุณ จึงเขียนจดหมายไปเรียกเจ้ากลับ พอดีได้สือหย่งมาจากบ้านท่านขุนนางใหญ่ไฉ อาสาไปส่งหนังสือ เรื่องพวกนี้ข้าเจ้ากี้เจ้าการเองไม่ใช่สื้อหลาง เจ้าไม่ต้องไปโทษเขา นี่ข้าก็เพิ่งกลับมาจากร้านจางเส้อจ่าง ฟังว่าเจ้าก็กลับมาแล้ว”
ซ่งเจียงคุกเข่ากราบคำนับทั้งดีใจทั้งกังวลถามว่า “ไม่ทราบว่าหมู่นี้เรื่องคดีไปถึงไหน มีการอภัยโทษ โทษควรจะบรรเทาลง”
ซ่งไท่กงว่า “ก่อนหน้าซ่งชิงน้องเจ้าจะกลับมา ก็ได้จูถงกับเหลยเหิงช่วยเหลือ นับจากที่มาตรวจจับครั้งสุดท้ายแล้วก็ไม่มีเรื่องอีกเลย ส่วนที่ตามเจ้ากลับมาครั้งนี้ก็เพราะมีพระราชทานอภัยโทษทั่วแผ่นดินในโอกาสแต่งตั้งองค์รัชทายาท โทษหนักก็เป็นเบา แม้โทษประหารก็เหลือเพียงเนรเทศ”
ซ่งเจียงถามอีกว่า “จูเหลยสองนายกองยังแวะมาที่บ้านบ้างหรือไม่”
ซ่งชิงว่า “วันก่อนฟังมาว่า ทั้งสองย้ายไปแล้ว จูถงย้ายไปตงจิง ส่วนเหลยเหิงไม่รู้ย้ายไปไหน ตอนนี้มีคนแซ่เจ้าสองคนย้ายมารับหน้าที่แทน”
ซ่งไท่กงว่า “ลูกเราเดินทางมาไกล ไปพักผ่อนก่อนเถิด”
ฟ้าค่ำลง พระจันทร์ขึ้นพ้นขอบฟ้าตะวันออก เวลาราวยามหนึ่ง คนในบ้านหลับหมดแล้ว มีเสียงเรียกประตูดังขึ้น รอบด้านมีแสงคบไฟล้อมอยู่สว่างไสว ซ่งไท่กงนำบันไดมาพาดปีนกำแพงมองออกไปดู เห็นมีคนร้อยกว่าคนนำมาโดยผู้มารับหน้าที่ใหม่ทั้งสองคือ เจ้าเหนิง 赵能 และ เจ้าเต๋อ 赵得
ทั้งสองตะโกนมาว่า “ซ่งไท่กง มอบตัวซ่งเจียงออกมาแต่โดยดี หากไม่ออกมา คงต้องจับผู้เฒ่าท่านไปด้วย”
ซ่งไท่กงว่า “ซ่งเจียงกลับมาเมื่อไรกัน”
เจ้าเหนิงว่า “ท่านอย่ามาเหลวไหล มีคนเห็นว่าไปดื่มเหล้าที่ร้านจางเส้อจ่างที่ปากทางแล้วกลับ พอตามมาก็เห็นมาที่นี่ จะแก้ตัวอย่างไร”
ซ่งเจียงยืนอยู่ข้างบันไดกล่าวกับบิดาว่า “ท่านพ่อไม่ต้องต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขาหรอก ลูกออกไปมอบตัวเอง ไม่เป็นไร คนที่อำเภอก็ล้วนแต่คุ้นเคยกัน ทั้งยังมีการพระราชทานอภัยโทษมาแล้ว โทษย่อมลดลง ขอเจ้าสองคนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกมันแค่มาวางก้ามว่าเป็นนายกอง ทั้งยังไม่เคยรู้จักข้า ขอไปก็ไม่ได้ความ”
ซ่งไท่กงร่ำไห้ว่า “ข้าทำให้เจ้าเดือดร้อน”
ซ่งเจียงว่า “ท่านพ่อไม่ต้องกังวล โดนคดีนี่กลับนับว่าโชคดี หากลูกเร่ร่อนหลบซ่อนอยู่ในวงนักเลง คบหากับพวกปล้นชิงวางเพลิง ก็คงไม่อาจกลับมาพบท่านพ่อได้อีก แต่หากถูกเนรเทศไปไหนก็ตาม ก็ยังมีกำหนดพ้นโทษ วันหน้ายังกลับมารับใช้ท่านพ่อได้”
ซ่งไท่กงว่า “เมื่อเจ้าว่าอย่างนี้ ข้าก็จะช่วยวิ่งเต้นให้เขาส่งไปยังที่ที่ไม่ลำบากนัก”
ซ่งเจียงปีนบันไดขึ้นไปตะโกนบอกว่า “พวกท่านไม่ต้องวุ่นวายนัก โทษของข้านี้ มีพระราชทานอภัยโทษแล้ว อย่างไรก็ไม่ถึงตาย เชิญนายกองทั้งสองเข้ามาดื่มสักสามจอก แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปมอบตัวด้วยกัน”
ซ่งเจียงลงบันไดมาเปิดประตูรับ ให้เชือดไก่ห่านปรุงอาหารรับรอง จัดสุราอาหารให้พวกทหารทั้งร้อยกว่าคนด้วย แล้วมอบเงินให้สองนายกองยี่สิบตำลึงเป็นสินน้ำใจ พวกทหารก็ได้ไปด้วยคนละเล็กละน้อย
都头见钱便好,无钱恶眼相看。
因此钱名好看,只钱无法无官。
พอนายกองเห็นเงินแล้วหวังดี
ไม่มีเงินมองหน้าประสงค์ร้าย
เงินจึงชื่อหวังดีสื่อความหมาย
มีเงินจ่ายไร้กฎหมายไร้คดี
สองนายกองจึงค้างคืนที่บ้านซ่งเจียง พอเช้าวันรุ่งขึ้นยามห้า ก็พากันมารอยังหน้าอำเภอ
พอนายอำเภอขึ้นว่าการแล้วเห็นสองนายกองพาซ่งเจียงมามอบตัวก็ยินดียิ่งนัก ให้ซ่งเจียงทำหนังสือรับสารภาพเรื่องที่สังหารนางหยันผอซีซึ่งซ่งเจียงก็เขียนให้โดยดี นายอำเภอให้นำตัวซ่งเจียงไปจำขังไว้แต่ไม่ต้องใส่คา เนื่องด้วยมีเจตนาจะช่วยเหลือซ่งเจียงอยู่แต่แรกแล้ว ซ่งไท่กงก็จ่ายเงินวิ่งเต้น ซ่งเจียงจึงไม่ได้ทุกข์ยากอะไรระหว่างถูกคุมขัง ถึงตอนนี้ยายหยันก็ถึงแก่กรรมไปแล้วครึ่งปี จางซานก็หมดเยื่อใยกับนางโลมนั้นไปนานแล้ว คดีไม่มีเจ้าทุกข์ เพียงรอเวลาให้ครบกำหนดหกสิบวันแล้วส่งตัวไปฟังคำตัดสินที่เมืองจี้โจว
ทางเมืองจี้โจวเห็นว่ามีอภัยโทษจึงลงโทษสถานเบาให้โบยหลังยี่สิบที เนรเทศไปยังแดนจำเมืองเจียงโจว 江州 牢城 ที่ซึ่งตัวเจ้าเมืองคุ้นเคยกับซ่งเจียงดี จึงคงไม่มีความยากลำบากใด อีกทั้งซ่งเจียงนั้นมีเงินติดตัวไปใช้สอยด้วย โบยแล้วจึงให้ใส่คา ทำหนังสือส่งมอบตัวให้ผู้คุมสองนายคือ จางเชียน 张千 กับ หลี่ว่าน 李万 นำตัวไปส่ง
สองผู้คุมพาตัวซ่งเจียงออกมาหน้าที่ว่าการ ซ่งไท่กงกับซ่งชิงก็พาสองผู้คุมไปเลี้ยงดูและมอบเงินสินน้ำใจให้ ซ่งไท่กงคุยกับซ่งเจียงลับๆ ว่า
“ข้ารู้ว่าเจียงโจวนั้นอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ จึงวิ่งเต้นให้เจ้าได้ไปที่นั่น เจ้าวางใจได้ ข้าจะให้สื้อหลางหมั่นไปเยี่ยม เงินค่าใช้จ่ายจะส่งไปให้ประจำไม่ต้องห่วง แต่ว่าเส้นทางที่จะไปเจียงโจวนี้ต้องผ่านเขาเหลียงซาน ถ้าพวกเขาพากันลงมาช่วยเจ้าแล้วชวนไปเป็นพวก เจ้าก็อย่าได้ยอม ผู้คนจะติฉินว่าอกตัญญูไม่รู้คุณ เรื่องนี้เจ้าต้องจำใส่ใจให้จงดี เดินทางไม่ต้องเร่งรีบ หากฟ้าปราณีคงให้ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพ่อลูกพี่น้องในเร็ววัน”
ซ่งเจียงเดินทางมากับสองผู้คุมโดยราบรื่น จางเชียน หลี่ว่านได้รับเงินมาจึงบริการซ่งเจียงอย่างดี เย็นวันนั้นพอเข้าที่พัก ซ่งเจียงกล่าวกับผู้คุมว่า
“บอกพวกท่านตามตรงว่า วันนี้พวกเราเข้าใกล้เหลียงซานแล้ว ผู้กล้าบนเขารู้ว่าข้าผ่านมาคงต้องลงมาชิงตัวเป็นแน่ พรุ่งนี้พวกเราต้องออกเดินทางเช้าหน่อยและใช้เส้นทางเล็ก แม้จะอ้อมไกลสักหน่อย”
สองผู้คุมว่า “ยาซือ หากท่านไม่บอก พวกเราก็คงไม่รู้ พรุ่งนี้เราใช้ทางเล็กจะได้ไม่ต้องเจอพวกเขา”
ยามห้าวันรุ่งขึ้น หลังอาหารแล้วรีบออกเดินทางมาตามทางเล็กได้ราวสามสิบลี้ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาขวางทางอยู่ที่ลาดเขา ผีผมแดงหลิวถังนำลูกน้องมาด้วยห้าสิบคนจะเข้ามาฆ่าสองผู้คุม จางเชียน หลี่ว่าน พากันคุกเข่าลงกับพื้น ซ่งเจียงตะโกนมาว่า
“น้องเรา อย่าเพิ่งฆ่าเขา”
หลิวถังว่า “พี่ท่าน ไม่ฆ่าเจ้าสองคนนี้ จะมัวรออะไร”
ซ่งเจียงว่า “ไม่ต้องถึงมือเจ้า เอาดาบมาให้ข้าลงมือเอง”
สองผู้คุมได้แต่ร้องว่า “คราวนี้แย่แล้ว”
หลิวถังส่งดาบให้ซ่งเจียง
有罪当官不肯逃,逢人救解愈坚牢。
存心厚处生机巧,不杀公人却借刀。
แม้ต้องโทษมอบตัวไม่ยอมหนี
พอมีคนมาช่วยจากต้องขัง
กลับมุ่งหมายวางอุบายเป็นที่ตั้ง
ไม่สังหารด้วยดาบแค่ขอยืม
ซ่งเจียงรับดาบไปแล้วก็ถามหลิวถังว่า “ท่านจะฆ่าพวกเขาไปทำไม”
หลิวถังตอบว่า “รับบัญชาจากท่านพี่ที่อยู่บนเขา ให้คนมาฟังข่าวพี่ท่านรู้ว่าต้องคดี จึงคิดจะมาปล้นคุกอำเภอวิ่นเฉิง มารู้อีกทีว่าไม่อยู่ในคุกแล้ว คราวนี้ได้ข่าวอีกว่าถูกเนรเทศไปเจียงโจว เกรงว่าระหว่างทางอาจเกิดเรื่อง จึงให้พวกพี่น้องแยกกันไปเฝ้าตามเส้นทาง หากพบก็จะได้เชิญท่านขึ้นเขา ส่วนเจ้าสองคนนี่ ไม่ฆ่าแล้วจะเก็บไว้ทำไม”
ซ่งเจียงว่า “พวกท่านพี่น้องทำเช่นนี้ไม่ได้ช่วยส่งเสริมข้าซ่งเจียง แต่กลับเป็นการให้ร้ายว่ากลายเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณ เท่ากับบีบคั้นข้า ข้ามิสู้จบชีวิตตนเองเสียดีกว่า” ว่าแล้วก็เอาดาบพาดคอทำท่าจะเชือดคอตัวเอง
หลิวถังจึงรีบยุดไว้ว่า “พี่ท่าน ค่อยๆ หารือกันดีกว่า” แล้วก็ชิงเอาดาบกลับไป
ซ่งเจียงว่า “พวกท่านพี่น้องหากเห็นใจซ่งเจียง ก็ปล่อยให้ข้าไปแดนจำเจียงโจว ครบกำหนดโทษแล้วข้าจะกลับมาพบกับพวกท่านใหม่”
หลิวถังว่า “พี่ท่าน เรื่องนี้ผู้น้องคงตัดสินใจเองไม่ได้ เสนาธิการอู๋ย่งและผู้กำกับฮวาหยงรอท่านอยู่บนทางข้างหน้านี้ ข้าจะให้คนไปตามมาหารือ”
ซ่งเจียงว่า “ข้าก็พูดเพียงเท่านี้ แล้วแต่พวกท่านจะหารือกัน”
ลิ่วล้อไปรายงานไม่นาน อู๋ย่งและฮวาหยงก็ควบม้ามาพร้อมผู้ติดตามอีกสิบคน พอทักทายกันตามธรรมเนียมแล้ว ฮวาหยงก็ว่า “ทำไมไม่ถอดคาให้พี่ท่าน
ซ่งเจียงว่า “น้องเรา ไยกล่าวเช่นนั้น นี่กบิลเมืองใครกล้าแตะต้อง”
อู๋ย่งหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจความหมายของพี่ท่าน ไม่ยาก พวกเราไม่บังคับให้พี่ท่านอยู่บนเขาก็แล้วกัน ท่านหัวหน้าเฉาไม่ได้พบพี่ท่านนานแล้ว มีความในใจอยากคุยกับพี่ท่านไม่กี่คำ เชิญที่ค่ายสักหน่อยเถิด แล้วค่อยส่งท่านเดินทางต่อ”
2
ซ่งเจียงจึงว่า “มีแต่อาจารย์ท่านที่รู้ใจข้า”
แล้วซ่งเจียงก็พยุงสองผู้คุมให้ลุกขึ้นพร้อมทั้งกล่าวว่า
“พวกท่านวางใจ ซ่งเจียงยอมตาย แต่ไม่ยอมให้ใครทำอะไรพวกท่าน”
สองผู้คุมว่า “ชีวิตพวกเราขึ้นอยู่กับท่านยาซือ”
ทั้งหมดเดินออกจากถนนใหญ่ฝ่าดงแขมมายังริมตลิ่ง มีเรือรอรับอยู่พาข้ามฟากมายังหาดทรายทอง มีเกี้ยวมารับขึ้นไปพักยังศาลาต้วนจินถิง 断金停 ลิ่วล้อไปรายงานเหล่าหัวหน้าให้ทราบและลงมารับขึ้นไปยังโถงร่วมธรรม
เฉาไก้กล่าวว่า “นับแต่ได้รับความช่วยเหลือที่วิ่นเฉิงจนพาพี่น้องรอดชีวิตมาอยู่ที่นี่ ก็รำลึกถึงพระคุณอยู่เสมอ เมื่อไม่นานมานี้ยังได้แนะนำผู้กล้ากลุ่มใหญ่ขึ้นเขามาช่วยสร้างความเกรียงไกรให้กับค่าย ยิ่งไม่รู้จะแทนคุณได้อย่างไร”
ซ่งเจียงตอบว่า “นับแต่ผู้น้อยแยกทางกับท่าน ได้สังหารหญิงแพศยาทำให้ต้องเร่ร่อนในวงนักเลงอยู่ปีครึ่ง เดิมจะเดินทางขึ้นเขามาพบพี่ท่าน แต่บังเอิญได้พบสือหย่งนำหนังสือจากทางบ้านมาแจ้งข่าวบิดาถึงแก่อสัญกรรม ที่แท้บิดาท่านเกรงว่าซ่งเจียงจะมาเข้าร่วมกับพวกท่าน จึงทำอุบายใช้หนังสือมาเรียกตัวกลับบ้าน
แม้จะต้องคดี แต่ได้รับความช่วยเหลือจึงไม่ได้รับความทุกข์ยากสาหัสใด เพียงถูกเนรเทศไปยังเจียงโจวซึ่งไม่ใช่แดนกันดาร บัดนี้ได้มาพบหน้าท่านแล้ว แต่การเดินทางมีเงื่อนเวลาจำกัดอยู่ ไม่อาจอยู่นาน จำต้องขออำลาเลย”
เฉาไก้ว่า “แม้จะต้องรีบ ก็เชิญนั่งพักสักครู่เถิด”
ทั้งสองจึงนั่งลงกลางห้องโถง ซ่งเจียงให้สองผู้คุมนั่งลงด้านหลังตน ไม่ยอมให้คลาดสายตา
เฉาไก้ให้บรรดาหัวหน้าคารวะซ่งเจียงแล้วนั่งเรียงทั้งสองฝั่ง ผลัดกันเชิญซ่งเจียงดื่มเริ่มจากตน อู๋ย่ง กงซุนเสิ้งไปจนถึงไป๋เสิ้ง ครบคนแล้ว ซ่งเจียงจะขออำลา
เฉาไก้จึงว่า “แม้พี่ท่านจะไม่ยอมให้ทำร้ายสองผู้คุม เราก็ให้เงินเขาไป ให้ไปรายงานว่าทางเหลียงซานชิงตัวพี่ท่านมา พวกเขาคงไม่ถูกลงโทษ”
ซ่งเจียงว่า “พี่ท่านอย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย นั่นไม่ใช่ช่วยเหลือซ่งเจียง แต่เป็นการทำร้าย ซ่งเจียงไม่เคยอยู่แสดงความกตัญญูต่อบิดาที่อยู่ทางบ้านแล้วยังจะมาขัดคำสอนให้ท่านเดือดร้อนอีก เดิมก็คิดจะมาอยู่ที่นี่ แต่ฟ้าดลให้พบกับสือหย่ง ชี้นำให้กลับบ้านไปพบกับบิดาชี้แจงแสดงเหตุให้ยอมรับข้อหาจนถูกเนรเทศ
ก่อนออกเดินทาง ท่านยังกำชับไว้หนักหนาว่าอย่าได้เห็นแก่ความสุขส่วนตนจนสร้างปัญหาให้ทางบ้าน ทำให้บิดาต้องวิตกกังวล หากผู้น้อยไม่เชื่อฟัง เท่ากับฝืนลิขิตฟ้า ขัดคำสอนบิดา กลายเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณ อยู่ต่อไปจะมีประโยชน์ใด หากไม่ให้ซ่งเจียงลงเขาแล้ว ก็ขอให้สังหารเสียจะดีกว่า”
แล้วก็ร่ำไห้คุกเข่าคารวะ
เฉาไก้ อู๋ย่ง กงซุนเสิ้ง ช่วยกันพยุงให้ลุกขึ้น พวกพี่น้องจึงกล่าวว่า “แม้พี่ท่านจะยืนกรานขอไปเจียงโจว อย่างไรก็อยู่พักสักคืนหนึ่ง แล้วค่อยลงเขาในวันพรุ่งนี้เถิด”
ซ่งเจียงจึงยินยอมอยู่ค้างแรม แต่ไม่ยอมให้ถอดคาออก และไม่ยอมให้สองผู้คุมคลาดสายตาไม่ว่าจะนั่งหรือนอน
ซ่งเจียงต้องโทษคราวนี้ เพียงถูกเนรเทศไปเจียงโจวที่ไม่ใช่แดนกันดาร อีกทั้งยังมีคนรู้จักที่เจียงโจวคอยช่วยเหลือ รอครบกำหนดโทษก็ใช้ชีวิตได้อย่างเสรี ไม่ต้องรีบหนีคดีมาเป็นโจร อีกทั้งยังมีเวลาสร้างบารมีหาพวกพ้องอยู่ภายนอก หากรีบขึ้นเขามา กลับไปไหนต่อไหนไม่ได้ แล้วยังต้องอยู่ใต้อาณัติของเฉาไก้ ซ่งเจียงจึงไม่ยอมขึ้นเขาในเวลานี้
ตอนก่อนหน้า : ข่าวร้าย
https://www.blockdit.com/posts/65ca19d3a699f6f63fbd350b
ตอนถัดไป : สันเบิกตะวัน
https://www.blockdit.com/posts/65cf5e18bd0854ddb1285398
1 บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย