16 ก.พ. เวลา 13:07 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 79

เนรเทศเจียงโจว (2) สันเบิกตะวัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่ซ่งเจียงจะเดินทางต่อไปเจียงโจว อู๋ย่งกล่าวกับซ่งเจียงว่า “เรียนพี่ท่าน อู๋ย่งมีเพื่อนสนิทรู้ใจกันเป็นพัศดีอาวุโสสองที่ว่าการ 两院押牢节级 อยู่ที่เจียงโจว แซ่ไต้ 戴 ชื่อจง 宗 คนพื้นที่เรียกเขาว่า ไต้ย่วนจ่าง 戴院长 …”
พัศดีอาวุโสสองที่ว่าการ 两院押牢节级
ในสมัยซ่งมีหน่วยงานและตำแหน่งวุ่นวายซับซ้อนมาก ทั้งยังทับซ้อนกันด้วย หน่วยงานที่ปกครองเมือง 府州 แบ่งเป็นที่ว่าการฝ่ายพลเรือน 府州院 (ฝู่โจวย่วน) และที่ว่าการฝ่ายทหาร 司理院 (ซือหลี่ย่วน) แต่ในทางปฏิบัติ มีหลายเมืองที่มีที่ว่าการเพียงแห่งเดียวว่าการทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร จึงเรียกว่า สองที่ว่าการ 两院 (เหลี่ยงย่วน) ซึ่งเป็นสองแต่เพียงชื่อ แต่โดยแท้คือแห่งเดียว
เรือนจำนั้นขึ้นกับฝ่ายทหาร ผู้บัญชาการเรือนจำ 监狱长 หรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในเรือนจำ คือ  司理参军 หรือผู้ว่าการฝ่ายทหาร ตำแหน่งรองลงมาคือ ยาเหลาเจี๋ยจี๋ 押牢节级 ของไต้จง ส่วนพวกพัสดี คือ เจี๋ยจี๋ 节级
ดังนั้น ตำแหน่ง ยาเหลาเจี๋ยจี๋ 押牢节级 ของไต้จงนั้นอยู่ใต้ผู้บัญชาการ แต่อยู่เหนือ พัสดี จึงอาจเทียบเป็นพัสดีอาวุโส
คนแถวหูหนาน 湖南 จะเรียกพวกพัศดี 节级 ว่า ย่วนจ่าง 院长 จึงเรียกไต้จงว่า ไต้ย่วนจ่าง 戴院长 (ท่านผู้ว่าไต้)
(อู๋ย่งกล่าวต่อ) “… เขาเรียนรู้อาคมหนึ่ง สามารถเดินทางได้วันละแปดร้อยลี้ คนจึงให้ฉายาว่า จอมเวทเทพเดินหน 神行太保 คนผู้นี้เป็นผู้มีคุณธรรมน้ำใจยิ่ง เมื่อคืนนี้ ผู้น้อยได้เขียนหนังสือฉบับหนึ่งให้พี่ท่านนำติดตัวไปทำความรู้จักกับเขาเมื่อไปถึงที่นั่น ถ้าหากเกิดเรื่องอื่นใด ขอท่านพี่รีบแจ้งมายังเหล่าพี่น้องทางนี้”
( ไท่เป่า 太保 เป็นตำแหน่งขุนนางในยุคโบราณ ต่อมาถูกใช้ขยายความไปหมายถึง นักสู้ จนกระทั่ง หมอผี หมอเวทมนต์ หมอพิธีกรรม ในกรณีของไต้จงจึงเป็นความหมายหลังเพราะสามารถใช้มนต์คาถา ในตอนหลัง เมื่อจะไปว่าจ้างบัณฑิตหัตถ์เทวะ ก็แต่งตัวเป็นหมอพิธีกรรม 太保)
เหล่าพี่น้องเหลียงซานจัดเลี้ยงส่ง นำเงินยี่สิบตำลึงมอบให้สองผู้คุม แล้วช่วยกันถือสัมภาระลงมาส่งที่หาดทรายทอง อู๋ย่งกับฮวาหยงตามข้ามฟากมาส่งจนถึงถนนใหญ่ได้ยี่สิบลี้แล้วจึงกลับ
ซ่งเจียงกับสองผู้คุมเดินทางมุ่งเจียงโจวได้กว่าครึ่งเดือน มาถึงหน้าขุนเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง สองผู้คุมว่า “ข้ามสันเขาเบิกตะวัน (เจียหยางหลิ่ง) 揭阳岭 นี้ไป ก็เป็นแม่น้ำสวินหยาง 浔阳江 เส้นทางจากนั้นไปจะเป็นทางน้ำโดยตลอด อีกไม่ไกลก็ถึงเจียงโจวแล้ว”
ซ่งเจียงว่า “แดดยังอุ่นอยู่ พวกเรารีบข้ามสันเขาขณะยังวัน แล้วค่อยหาที่พัก”
เดินมาครึ่งวันข้ามยอดสันมาแล้ว เห็นมีร้านอาหารอยู่ที่ตีนเขา หลังอิงเขา หน้าร้านมีไม้ประหลาด มีกระท่อมหญ้าอยู่ทั้งหน้าหลัง
ซ่งเจียงว่า “ท้องหิวพอดี บนสันเขานี้มีร้านอาหารด้วย พวกเราไปดื่มกันสักชามแล้วค่อยเดินทางต่อ”
ทั้งสามเข้าร้านมาหาที่นั่ง สองผู้คุมเอาพลองน้ำไฟ 水火棍 (ไม้พลองข้างหนึ่งดำข้างหนึ่งแดงของพวกผู้คุม) พิงกำแพงไว้ นั่งอยู่เป็นนาน ไม่มีใครโผล่มาถามสักคน
ซ่งเจียงตะโกนเรียกว่า “เจ้าของร้านอยู่ไหม”
มีเสียงตอบจากหลังร้าน “มาแล้ว มาแล้ว”
赤色虬须乱撒,红丝虎眼睁圆。
揭岭杀人魔祟,酆都催命判官。
มังกรหนุ่มงอกเคราแดงสะเปะสะปะ
มองจะจะนัยน์ตาเสือแดงถลน
เบิกตะวันมีผีร้ายหมายฆ่าคน
ตุลาการปลิดชีพชนแห่งเฟิงตู
 
(酆都 เมืองผีเฟิงตู เชื่อว่าทางเข้าเมืองผีอยู่ที่เมืองเฟิงตู (ชื่อเดียวกัน) ที่ฉงชิ่ง 重慶)
“ลูกค้าจะรับเหล้าเท่าไรดี”
ซ่งเจียงว่า “พวกเราเดินทางจนหิว ท่านมีเนื้อขายไหม”
“มีเนื้อและเหล้าขาวขุ่น 浑白酒”
“ดี เอาเนื้อมาสองชั่ง เหล้าหนึ่งเจี่ยว”
ชายผู้นั้นกล่าวว่า “ขออภัยท่านลูกค้า บนเขานี่เวลาขายเหล้า ต้องขอเก็บเงินก่อน”
ซ่งเจียงว่า “ให้จ่ายก่อนแล้วค่อยกิน ข้าก็ชอบ รอเดี๋ยว ข้าเอาเงินให้”
ซ่งเจียงหยิบเงินปลีกจากห่อผ้าส่งให้ ชายผู้นั้นลอบมองเห็นห่อผ้ามีน้ำหนัก คาดว่ามีเงินเยอะก็ชอบใจอยู่แปดส่วน พอรับเงินจากซ่งเจียงแล้ว ก็ตักเหล้าหั่นเนื้อมาให้
ทั้งสามนั่งกินดื่มกันไป คุยกันไปว่า “เดี๋ยวนี้ในวงนักเลงคนร้ายเยอะ มีคนโดนเล่นงานกันมาก ไปกินอาหารตามร้าน ถูกวางยาเบื่อแล้วชิงทรัพย์ไป ฆ่าเอาเนื้อคนไปทำไส้หมั่นโถว แต่ข้าไม่ค่อยเชื่อ ว่ากันไปเรื่อย”
ชายขายเหล้าหัวเราะแล้วว่า “ท่านทั้งสามพูดเองนะ อย่าไปกิน เนื้อกับเหล้าในร้านของข้านี้ก็มียาเบื่อ”
ซ่งเจียงหัวเราะว่า “พี่ชายท่านนี้เห็นพวกเราคุยกันเรื่องยาเบื่อ ก็จับมาล้อเล่น”
สองผู้คุมว่า “พี่ชาย เอาแบบร้อนๆ มาสักชาม”
ชายผู้นั้นว่า “พวกท่านอยากดื่มร้อนๆ เดี๋ยวข้าอุ่นให้” ว่าแล้วก็จัดการอุ่นเหล้าแล้วยกมาให้สามชาม
ทั้งสามทั้งหิวทั้งกระหายอยู่ก็ซดกันไปคนละชาม สองผู้คุมตาเบิกโพลง น้ำลายย้อยออกทางมุมปาก มือไขว่คว้าอากาศแล้วล้มหงายหลัง
ซ่งเจียงโดดลุกขึ้นแล้วว่า “พวกท่านดื่มแค่คนละชามก็เมาแล้วหรือ” แล้วก้มลงจะพยุงคนหนึ่งขึ้นมาแต่กลับหน้ามืดตาลายล้มลงเสียเองอีกคน
ชายในร้านเหล้ารำพึงว่า “แย่จริง ไม่ได้ค้าขายเสียหลายวัน วันนี้ฟ้าส่งสินค้ามาให้สามหัว” ว่าแล้วก็ลากขาซ่งเจียงเข้าไปยังโรงเชือดที่ริมผา วางไว้บนเขียงมนุษย์ แล้วกลับมาลากอีกสองคนเข้าไป จากนั้นก็มานำห่อผ้าและสัมภาระไปเก็บในห้อง พอแก้ห่อผ้าออกดูเห็นมีแต่เงินทอง
“ข้าเปิดร้านมาตั้งหลายปี ไม่เคยเห็นนักโทษมีเงินมากมายขนาดนี้ นี่เหมือนหล่นจากฟ้ามาให้ข้า” แล้วก็ห่อเก็บขึ้น เดินออกมาหน้าประตูรอพวกลูกน้องกลับมาช่วยชำแหละ
ยืนรออยู่พักใหญ่ยังไม่เห็นลูกน้องคนไหนกลับ เห็นแต่ชายสามคนเดินขึ้นสันเขามา พอใกล้เข้ามา ก็จำได้จึงรีบออกไปต้อนรับ “พี่ใหญ่ ไปไหนมา”
หนึ่งในสามคนนั้นตอบว่า “พวกเราตั้งใจขึ้นเขามารอรับคนผู้หนึ่ง คาดว่าน่าจะมาถึงแล้ว ข้าออกมารอแถวตีนเขาอยู่ทุกวันก็ยังไม่เห็น ไม่รู้ว่าไปเสียเวลาอยู่ที่ไหน”
“พี่ท่านรอใครอยู่”
“ผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง”
“ผู้ยิ่งใหญ่ใครกัน”
“ท่านเองก็น่าจะเคยได้ยิน ซ่งยาซืออำเภอวิ่นเฉิงเมืองจี้โจว ซ่งเจียง”
“ที่วงนักเลงเรียกว่าฝนยามแล้งซ่งกงหมิงน่ะหรือ”
“เขานั่นแหละ”
“แล้วทำไมจะผ่านมาแถวนี้เล่า”
“เดิมทีข้าก็ไม่รู้หรอก พอดีมีคนรู้จักมาจากจี้โจวบอกว่า ซ่งยาซือต้องโทษถูกเนรเทศมาเจียงโจว ข้าดูแล้วคิดว่าต้องผ่านมาทางนี้ไม่มีทางอื่นไป จึงมาดักรออยู่สี่ห้าวันแล้วก็ยังไม่เห็นมีนักโทษผ่านมา วันนี้เลยชวนสองคนนี้ขึ้นเขามาดื่มเหล้าที่นี่ หมู่นี้ค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง”
“บอกตามตรง หลายเดือนมานี้ค้าขายไม่ดี แต่วันนี้สวรรค์โปรด ส่งสินค้ามาให้สามชิ้นมีข้าวของมาด้วย”
1
ชายฉกรรจ์จากตีนเขารีบถามว่า “สามคน ลักษณะท่าทางเป็นอย่างไร”
“เป็นเจ้าหน้าที่ทางการสอง นักโทษหนึ่ง”
“แล้วนักโทษนั่น เตี้ยดำและท้วมหรือเปล่า”
ชายร้านเหล้าว่า “ก็ไม่สูงนัก หน้าคล้ำหน่อย”
ชายฉกรรจ์ว่า “ยังไม่ได้ลงมือใช่ไหม”
“เพิ่งลากตัวเข้าไป รอลูกน้องอยู่ ยังไม่ได้เชือด”
“ให้ข้าดูก่อน”
1
ทั้งสี่เดินมายังโรงเชือดริมผา เห็นซ่งเจียงและสองผู้คุมนอนอยู่บนเขียงมนุษย์ห้อยหัวลงพื้น พอจ้องดูหน้าก็ดูไม่ออก ตราสักข้างแก้มก็ไม่ชัดเจน นึกขึ้นมาได้จึงว่า “เอาห่อผ้าพวกเจ้าหน้าที่มาดู ในหนังสือราชการเขียนไว้ว่าอย่างไร”
พอเปิดหนังสือออกดู ทั้งสี่ถึงกับต้องร้อง “ตายละวา”
ชายฉกรรจ์ว่า “ดีที่ฟ้าดลใจให้ขึ้นเขามา ยังไม่ได้ลงมือ ช้าอีกนิด พี่ข้าคงไม่เหลือ”
冤仇还报难回避,机会遭逢莫远图。
踏破铁鞋无觅处,得来全不费工夫。
ความแค้นตามทัน มิอาจเลี่ยงหลบ
ยามสบโอกาส มิทันวาดหวัง
เกือกเหล็กสึกแล้ว ไม่พบสักครั้ง
ครั้นคราสมหวัง ไม่เปลืองเรี่ยวแรง
ชายฉกรรจ์ตะโกนบอกว่า “รีบเอายาแก้มาช่วยพี่ข้าก่อน”
ชายเจ้าของร้านรีบผสมยาถอนพิษ ช่วยกันถอดคาออก พยุงขึ้นมากรอกยาลงไป แล้วทั้งสี่ก็ช่วยกันหามออกมาไว้ที่ห้องรับแขก ประคองไว้จนค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
ซ่งเจียงลืมตาขึ้นมาเห็นคนยืนออกันอยู่แต่ไม่รู้จัก ชายฉกรรจ์ให้อีกสองคนพยุงตนไว้แล้วคุกเข่ากราบคารวะ
ซ่งเจียงถามว่า “ใครกัน หรือข้าฝันอยู่”
ชายขายเหล้าคุกเข่ากราบคารวะด้วย ซ่งเจียงทำคารวะตอบแล้วว่า “พี่ชายทั้งสองเชิญลุกขึ้นเถิด ที่นี่ที่ไหนกัน พวกท่านมีชื่อเรียงเสียงใด”
ชายฉกรรจ์ตอบว่า “ผู้น้องแซ่หลี่ 李 ชื่อจวิ้น 俊 เป็นชาวเมืองหลูโจว 庐州 มีอาชีพพายเรือข้ามฟากอยู่ที่แม่น้ำหยางจื่อ 扬子江 (หยางจื่อเจียง ชื่อเรียกแม่น้ำฉางเจียง 长江 ช่วงจากหนานจิง 南京 จนออกทะเล เป็นที่มาของชื่อเรียก แม่น้ำแยงซีเกียง) เชี่ยวชาญทางน้ำ คนจึงเรียกว่า มังกรน้ำขุ่นหลี่จวิ้น 混江龙李俊
1
ผู้ที่เปิดร้านอาหารแห่งนี้เป็นคนที่สันเบิกตะวันนี่ ปล้นชิงเป็นอาชีพ เรียกกันว่า ตุลาการปลิดชีพหลี่ลี่ 催命判官李立 ส่วนสองพี่น้องนี้เป็นคนลุ่มน้ำสวินหยาง 浔阳江 มีอาชีพค้าเกลือเถื่อน มาค้าถึงที่นี่จึงมาขอพึ่งพาข้าหลี่จวิ้น ประดามีที่แช่น้ำลอยลำในมหานทีนี้ล้วนเป็นของสองพี่น้อง คนพี่มีฉายา มังกรทะลวงถ้ำถงเวย 出洞蛟童威 ส่วนคนน้อง มังกรตลบน้ำถงเหมิ่ง 翻江蜃童猛” ทั้งสองพี่น้องจึงคุกเข่าคารวะซ่งเจียงสี่กราบ
(蛟(เจียว) มังกรคุมน้ำและฝน 
蜃 (เสิ้น) งูใหญ่ในตำนาน)
ซ่งเจียงถามว่า “ข้าถูกวางยาสลบไป พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้าซ่งเจียง”
หลี่จวิ้นจึงเล่าให้ฟังตั้งแต่ตนกับถงเวยถงเหมิ่งมาดักรอจนมาพบที่โรงเชือดของหลี่ลี่ เปิดหนังสือราชการอ่านดูจึงรู้ แล้วถามว่า
“ขอเรียนถามพี่ท่าน ทราบว่าเป็นยาซืออยู่อำเภอวิ่นเฉิง เหตุใดจึงถูกเนรเทศมาเจียงโจว”
ซ่งเจียงเล่าเรื่องตั้งแต่สังหารหยันผอซี จนสือหย่งมาส่งหนังสือ กลับไปแล้วถูกเนรเทศมาเจียงโจว
หลี่ลี่ว่า “พี่ท่านทำไมไม่อยู่ด้วยกันเสียที่นี่ จะไปเจียงโจวให้ลำบากทำไม”
ซ่งเจียงว่า “ที่เหลียงซานก็จะรั้งตัวไว้เช่นกัน แต่ข้าไม่ยอม เกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนไปถึงบิดาผู้เฒ่าที่บ้าน แล้วจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
หลี่จวิ้นว่า “พี่ท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรม ไม่ยอมทำเรื่องเหลวไหล เจ้ารีบไปช่วยแก้สองผู้คุมนั่นทีเถิด”
หลี่ลี่สั่งให้ลูกน้องที่กลับกันมาแล้วไปหามสองคนนั้นออกมาแล้วกรอกยาถอนพิษให้ ทั้งสองพอฟื้นก็มองหน้ากันงงๆ แล้วว่า “คงเพลียจากการเดินทาง ทำไมเมาง่ายจริง” ทำเอาคนทั้งกลุ่มพากันขำ
เย็นนั้นหลี่ลี่ก็จัดอาหารเลี้ยงดูแล้วค้างคืนกันที่ร้าน วันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงกับสองผู้คุมก็ตามหลี่จวิ้น ถงเวย ถงเหมิ่งลงเขามาพักที่บ้านหลี่จวิ้นอยู่ได้หลายวัน ซ่งเจียงกับหลี่จวิ้นร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน วันออกเดินทาง หลี่จวิ้นมอบเงินให้สองผู้คุม ซ่งเจียงเอาคากลับมาใส่คอ แล้วอำลา หลี่จวิ้น ถงเวย ถงเหมิ่ง ออกจากสันเบิกตะวันมุ่งหน้ามาเจียงโจว
1
ตอนก่อนหน้า : แวะเยี่ยมเหลียงซาน
ตอนถัดไป : เสือลำบาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา