17 ก.พ. เวลา 02:49 • นิยาย เรื่องสั้น
Central Westville

ล่อเสือออกจากถ้ำ

เมอร์คิวเรียสยังคงมีความรู้สึกโกรธแม่ของลูซี่ไม่หาย จึงเลือกเดินกลับในเส้นทางที่อ้อมแทน เพื่อจะได้มีเวลาให้ความโกรธลดน้อยลง เมื่อเมอร์คิวเรียสเดินมาถึงตลาด มีแมวตัวหนึ่งเดินเข้ามาหาเมอร์คิวเรียสหมายจะมาเคล้าแข้งเคล้าเท้าขา แต่พอมันเข้ามาใกล้ มันสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตร มันจึงเดินหลบไป
เมื่อเมอร์คิวเรียสมาถึงบ้านนายกเทศมนตรี ก็พบว่าแวนลิวเวนฮอค เดินทางมาถึงเป็นคนแรก
นายกเทศมนตรีออกมาต้อนรับด้วยชุดแต่งตัวเต็มยศแตกต่างจากครั้งก่อนที่แต่งตัวตามสบาย
นายกเทศมนตรีจัดที่นั่งให้เมอร์คิวเรียสนั่งตรงข้ามกับแวนลิวเวนฮอค ทั้งสามนั่งพูดคุยกันในเรื่องทั่วๆไประหว่างรอเฟอร์เมร์ซึ่งยังมาไม่ถึง
“ถ้าอาจารย์เมอร์คิวเรียสบอกผมว่าอาจารย์จะไปสเคฟเวนนิงเกน ผมก็จะให้อาจารย์ยืมรถม้าไปใช้” นายกฯเทศมนตรีกล่าว
“ขอบคุณครับท่านนายกเทศมนตรี สาเหตุที่ผมไม่ได้รบกวนท่านก็เพราะว่ากว่าผมจะตัดสินใจไปที่นั่น ก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว อีกทั้งผมตั้งใจจะรีบออกเดินทางก่อนฟ้าสางอีกด้วยครับ
เวลาผ่านไปได้สักครู่เฟอร์เมร์ก็เดินทางมาถึงด้วยอาการเร่งรีบเหมือนเช่นเคย
เมอร์คิวเรียสสังเกตเห็นรอยเปื้อนสีรูปฝ่ามือเด็กติดอยู่ที่กางเกงด้านหลังของเฟอร์เมร์
นายกฯเทศมนตรีได้เริ่มประชุมหารือ โดยเมอร์คิวเรียสได้เล่าเหตุการณ์ที่ตนเองเจอมาตลอดวันนี้ให้ทุกคนทราบ
เมอร์คิวเรียสสังเกตว่าระหว่างที่ตนเองเล่าเรื่องอยู่นั้น แวนลิวเวนฮอคตั้งใจฟังเป็นพิเศษโดยไม่มีการพูดขัดจังหวะเลย
“อาจารย์ครับ ดูเหมือนว่าคนร้ายจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบริเอลล์ ผมเข้าใจความรู้สึกเศร้าโศกของบริเอลล์ดีต่อการสูญเสียทั้งภรรยาและลูกสาว
อันที่จริงเจ้าหน้าที่ที่เฮกน่าจะโกหกบริเอลล์ไปเลยว่าทั้งภรรยาและลูกสาวของเขาได้ตายไปแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้” แวนลิวเวนฮอคออกความเห็น
เมอร์คิวเรียสฟังแล้วอดคิดไม่ได้ว่า
‘การโกหกใครบางคนด้วยความปรารถนาดีต่อเขานั้นเป็นสิ่งถูกต้องจริงๆหรือ? การโกหกสีขาวเป็นที่ยอมรับของสังคมมานานแล้ว แต่เมอร์คิวเรียสกลับมองไม่เห็นว่าสิ่งนี้จะเป็นการยกระดับมาตรฐานทางศีลธรรมแต่อย่างใด
การที่หมอเลือกปริดชีพคนไข้เพื่อให้คนไข้พ้นจากความทรมานจากอาการเจ็บป่วยนั้นถูกต้องแล้วหรือ?
นักบุญออกัสตินแห่งฮิปโปได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการโกหกไว้สองเล่ม ท่านสอนว่าการโกหกทุกกรณีล้วนเป็นบาป ผู้มีศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าต้องไม่โกหก การโกหกถือเป็นการบิดเบือนคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า
หากผู้โกหกเป็นคนขี้เมา เราอาจรู้สึกเฉยๆ แต่ถ้าผู้กล่าวคำโกหกเป็นนักบวช เราจะรู้สึกเหมือนถูกทำร้ายจิตใจอย่างสาหัส
การโกหกบริเอลล์ว่าเมียและลูกสาวตายไปแล้วจะดีกว่าการบอกความจริงบริเอลล์ว่าลูกสาวยังไม่ตายแต่ได้อยู่กับผู้อุปการะอย่างมีความสุข ณ ที่ใดที่หนึ่งหรือไม่?’
นายกเทศมนตรีกล่าวขึ้นว่า
“ทุกท่านครับ แล้วตอนนี้เราสมควรดำเนินการอย่างไรต่อไปครับ?”
แวนลิวเวนฮอคได้เสนอความเห็นขึ้นว่า
“ผมขอเสนอให้เราประกาศออกไปว่า เรารู้ตัวแล้วว่าบริเอลล์คือคนร้าย และประกาศแจ้งให้บริเอลล์รีบมามอบตัวโดยเร็ว”
เมอร์คิวเรียสฟังข้อเสนอของแวนลิวเวนฮอคแล้วเห็นว่าเขาควรโต้แย้ง แต่ปรากฎว่าเฟอร์เมร์ได้พูดขึ้นก่อนว่า
“เรียนทุกท่านด้วยความเคารพ ถ้าบริเอลล์ได้เห็นประกาศนี้แล้ว ทุกท่านมั่นใจว่าเขาจะมอบตัว อย่างที่เราตั้งใจหรือครับ? ตอนนี้เขาได้ตัวลูกสาวแล้ว ถ้าเขามอบตัวแล้วเกิดถูกตัดสินลงโทษด้วยการแขวนคอแล้วล่ะก็ เขาก็ต้องพลัดพรากจากลูกสาวที่เขารัก ดังนั้นเขาอาจคิดว่าถ้าเขากำจัดเด็กหญิงที่ไม่ใช่ลูกไป เขาก็มีโอกาสหลบหนีการจับกุมไปพร้อมลูกสาวได้ง่ายขึ้น ถ้าเป็นอย่างนี้แมกดาเลนาก็จะตกอยู่ในอันตราย”
ความเห็นของเฟอร์เมร์ได้จุดประกายความคิดให้กับเมอร์คิวเรียสจนคิดอุบายได้อย่างหนึ่ง ซึ่งแม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่ก็เป็นอุบายที่น่าจะใช้การได้
“ทุกท่านครับ ผมคิดว่าความเห็นของเฟอร์เมร์เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ บริเอลล์อาจคิดว่าการหลบหนีไปพร้อมกับเด็กสาวสองคนจะเป็นอุปสรรคจนอาจถูกจับได้ สู้หนีไปพร้อมกับลูกสาวตัวเองน่าจะดีกว่า”
“แล้วเราจะปล่อยให้หนูแอนนาไปกับคนร้ายอย่างนั้นหรือครับ?” แวนลิวเวนฮอคถาม
“แล้วแมกดาเลนาล่ะ เราจะปล่อยให้เธอตายหรือครับ?” เฟอร์เมร์ถามขึ้นบ้าง
“เอาล่ะๆ พวกเราอย่าเพิ่งวิตกจนเกินไป มันเป็นเพียงการคาดการณ์ อีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้มันละเอียดอ่อน ผมว่าเราควรฟังความเห็นของอาจารย์เมอร์คิวเรียสให้จบดีกว่าครับ” นายกเทศมนตรีพูดตัดบท
เมอร์คิวเรียสพยายามรวบรวมความคิดก่อนที่จะบอกแผนการออกไปว่า
“ผมขอเสนอให้เราประกาศออกไปว่าตอนนี้ทางการรู้ว่าคนร้ายได้หลบหนีออกนอกเมืองไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตั้งด่านตรวจค้นอีกแล้ว ซึ่งตรงนี้เราจะต้องยกเลิกด่านให้ชาวบ้านเห็นจริงๆ อย่างไรก็ตามถึงแม้เราจะยกเลิกด่านตรวจค้น เราจะทดแทนด้วยการหาจุดสังเกตการณ์ในที่ลับตาคนแทน
เมื่อบริเอลล์รู้ข่าวนี้ผมเชื่อว่าเขาจะต้องรีบหาทางออกจากเมืองให้เร็วที่สุด โดยเลือกหลบหนีในเวลากลางคืน และเนื่องจากคืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ดังนั้นผมเชื่อว่าไม่คืนวันพรุ่งนี้หรือคืนวันมะรืนนี้เขาจะต้องหลบหนีออกจากเมืองแน่นอน”
“ถ้าหากคนร้ายสามารถกลบหนีออกไปได้จริงๆล่ะครับ เราจะทำอย่างไรต่อไป?” นายกเทศมนตรีถามด้วยความกังวล
“ผมเข้าใจดีครับว่าแผนการนี้มันเสี่ยง แต่ตอนนี้เราก็ยังคงไม่สามารถจับเขาได้ แม้ว่าจะมีการตั้งด่านตรวจอย่างละเอียดแล้ว ผมเชื่อว่าแผนการนี้สามารถล่อให้เขาออกมาจากที่ซ่อนได้ครับ นอกจากนี้ผมมั่นใจว่าบริเอลล์ไม่ได้เป็นคนฆ่าเกอร์ทรูย์ด ดังนั้นเขาก็จะไม่คิดทำร้ายแมกดาเลนาแน่นอน เหตุผลที่เขายังกักตัวเธอไว้ก็เพียงแต่ป้องกันไม่ให้เธอบอกที่ซ่อนให้คนอื่นรู้” เมอร์คิวเรียสพูดชี้แจง
“ตอนนี้ผมเข้าใจแผนของอาจารย์แล้วครับ อาจารย์กำลังใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำนี่เอง” เฟอร์เมร์กล่าว
“อาจารย์ครับ ผมยังมองไม่เห็นว่าแผนการนี้จะทำสำเร็จ ถ้ามันเกิดล้มเหลวมีหวังคุณแวนเสตเตนเล่นงานผมอ่วมแน่” นายกเทศมนตรีโอดครวญ
“พวกเราคงอ่วมกันยกแผงครับท่านนายกเทศมนตรี แต่ผมชอบแผนการนี้นะ ผมเองก็ยังนึกแผนการอื่นไม่ออก ถ้าเราไม่ยอมรับแผนการนี้เราก็คงไม่สามารถทำอะไรได้อีก” แวนลิวเวนฮอคพูดสนับสนุนแผนการของเมอร์คิวเรียส
เฟอร์เมร์เห็นสีหน้าวิตกกังวลของนายกเทศมนตรีแล้ว คิดอยากช่วยเหลือจึงพยายามคิดหาทางออก ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว จึงอดที่จะรีบพูดออกมาไม่ได้
“เอาอย่างนี้ไหมครับ ให้พวกเราเล่าแผนการนี้ให้คุณแวนเสตเตนฟัง โน้มน้าวให้เขาเห็นด้วยกับแผนการนี้ คุณแวนเสตเตนเป็นคนฉลาด ขนาดพวกเรายังเห็นว่าแผนการนี้มีโอกาสสำเร็จมากกว่าล้มเหลว ดังนั้นผมเชื่อว่าคุณแวนเสตเตนก็ต้องเห็นด้วยกับแผนการนี้แน่นอน”
ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของเฟอร์เมร์ นายกเทศมนตรีจึงสั่งให้แคลล์รีบไปหาคุณแวนเสตเตนเพื่อเชิญมาร่วมหารือ
ภายในครึ่งชั่วโมง แวนเสตเตนก็ได้เดินทางมาถึงบ้านนายกเทศมนตรี
“สวัสดีทุกท่าน ผมมา ที่นี่ตามคำเชิญครับ” แวนเสตเตนกล่าวทักทายขณะที่กวาดสายตาไปยังทุกคนในห้องด้วยความคาดหวัง
“ขอบคุณท่านมากที่สละเวลามาที่นี่ครับ” นายกเทศมนตรีกล่าวขอบคุณ จากนั้นได้พูดต่อไปว่า
“อาจารย์เมอร์คิวเรียสได้พบข้อเท็จจริงที่สำคัญและได้เสนอแผนการช่วยชีวิตเหยื่อพร้อมทั้งแผนจับคนร้าย ซึ่งพวกกระผมได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีโอกาสสำเร็จสูง แต่พวกเราคิดว่าท่านสมควรได้รับรู้แผนการนี้และร่วมสังเกตการณ์จะได้ให้ข้อแนะนำดีๆแก่พวกเรา”
เมอร์คิวเรียสอดชื่นชมนายกเทศมนตรีไม่ได้ที่ขอให้แวนเสตเตนเพียงแค่ออกความเห็นโดยไม่ได้ขอให้ร่วมตัดสินใจกับแผนการ
เมอร์คิวเรียสได้อธิบายเรื่องราวที่ตนได้ไปสืบหามาได้ให้แวนเสตเตนฟัง
“ตอนนี้เราพยายามหาความเชื่อมโยงระหว่างเด็กสาวทั้งสามคน ซึ่งมันจะทำให้เราสามารถอธิบายถึงสาเหตุการลักพาเด็กสาวทั้งสามคนครับ ผมต้องขอขอบคุณเฟอร์เมร์ที่มีส่วนช่วยเหลือจนเราคิดว่าเรารู้คำตอบแล้ว
คำตอบคือ…คนร้ายต้องการลักพาเฉพาะเด็กสาวอายุแปดขวบที่มีผมออกโทนสีแดง ทั้งนี้เพราะคนร้ายมีข้อมูลเกี่ยวกับเด็กสาวเพียงเท่านี้นั่นเอง”
“แล้วคนร้ายมันลักพาเด็กสาวเพื่ออะไรครับ?” แวนเสตเตนถามด้วยความสงสัย
“เพราะว่าคนร้ายมีลูกสาววัยแปดขวบที่มีผมสีแดงนะสิครับ คุณเฮนดริก มาเรีย บริเอลล์เป็นพ่อที่แท้จริงของแอนนาลูกสาวของท่านยังไงล่ะครับ แล้วตอนนี้เขาต้องการพาลูกสาวของเขากลับไป” เมอร์คิวเรียสพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
แวนเสตเตนตกใจมากที่รู้ว่าพ่อของแอนนายังไม่ตายถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งๆ และพยายามอดกลั้นไม่ให้แสดงออกมาทางสีหน้า
เมอร์คิวเรียสพูดต่อไปว่า
“ผมได้ไปสืบประวัติของแอนนาที่เฮก มีโบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่งในสเคฟเวนนิงเกนได้ทำพิธีแบบติสมาให้กับแอนนา ต่อมาคุณแวนเสตเตนได้พาแอนนาไปเข้าพิธีแบบติสมาอีกครั้งหนึ่งที่โบสถ์นิวเคิร์คในเดลฟท์ คุณแวนเสตเตนเข้าใจมาตลอดว่าพ่อแม่ของแอนนาตายหมดแล้ว แต่ความจริงพ่อของแอนนายังมีชีวิตอยู่ โดยเขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนเรือในท้องทะเลต่างหาก
อย่างไรก็ตามภรรยาคุณแวนเสตเตนเธอรู้ว่าพ่อของแอนนายังไม่ตายเพราะเธอเคยเผลอพูดกับคนใกล้ชิดว่าเธอรู้ว่าวันหนึ่งเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น ซึ่งหมายความว่า เธอรู้ว่าสักวันหนึ่งพ่อแท้ๆของแอนนาจะต้องพาแอนนากลับไป”
นายกเทศมนตรีอดที่จะตัดพ้อแวนเสตเตนไม่ได้
“การค้นหาแอนนาน่าจะทำได้ดีกว่านี้หากท่านแวนเสตเตนจะได้บอกข้อเท็จจริงเรื่องแอนนาให้พวกเรารู้ตั้งแต่แรก”
แวนเสตเตนโดนนายกเทศมนตรีพูดแบบนี้ถึงกับต้องกัดริมฝีปากตนเอง
“ผม..ผม ไม่ได้ตั้งใจปกปิดเรื่องนี้ ท่านนายกเทศมนตรีโปรดเห็นใจผมด้วย เพราะเรื่องแอนนาเป็นเรื่องภายในครอบครัวซึ่งผมและภรรยาร่วมกันปกปิดไม่ให้แอนนาและใครๆรู้มาตั้งนานแล้ว อีกอย่างหนึ่งผมไม่คิดว่าการปกปิดเรื่องนี้จะเกิดอันตรายกับแอนนา”
“ผมเข้าใจความรู้สึกของท่านตอนนี้ดีครับ” นายกเทศมนตรีกล่าวปลอบใจ
เมอร์คิวเรียสเห็นว่าจนถึงขณะนี้แวนเสตเตนก็ยังคงพูดแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองดูดี
“ท่านแวนเสตเตนครับ ผมคิดว่าเรายังพอมีเรื่องดีๆอยู่บ้างครับ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าคนร้านเป็นพ่อของแอนนา ดังนั้นเรามั่นใจได้ว่าแอนนายังคงปลอดภัย” แวนลิวเวนฮอคกล่าวให้ความหวัง
“และยังมั่นใจได้ว่านี่ไม่ใช่การลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่” เฟอร์เมร์พูดเสริม
เมอร์คิวเรียสเห็นว่านี่สิน่าจะเป็นคำพูดที่ช่วยให้แวนเสตเตนสบายใจขึ้น
“แล้วท่านนายกเทศมนตรีคิดจะทำอย่างไรต่อไปครับ?” แวนเสตเตนถามด้วยความอยากรู้
ทุกสายตาต่างมองมาที่เมอร์คิวเรียสเพื่อรอคำตอบ
“เรามีแค่สองทางเลือก ทางเลือกแรกคือเรายังคงทำตามแผนเดิมที่ใช้อยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงตรงที่หากแอนนาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา บริเอลล์คงไม่กล้าปรากฏตัวเพื่อแอนนาไปหาหมอ ซึ่งผมเห็นว่าแผนการนี้ยากที่จะประสบความสำเร็จ
ส่วนอีกแผนการหนึ่งผมเห็นว่าเรามีโอกาสประสบความสำเร็จ นั่นคือเราปล่อยข่าวออกไปให้เข้าหูบริเอลล์ว่าทางการเชื่อว่าคนร้ายได้หลบหนีออกจากเดลฟท์ไปแล้ว ซึ่งเราจะทำให้เขาเชื่อด้วยการยกเลิกด่านตรวจตามถนนและคลอง แต่เราจะส่งเจ้าหน้าที่ซึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบไปปะปนกับชาวบ้าน นอกจากนี้เราจะสังเกตการเคลื่อนไหวของคนร้ายตามแนวถนนและแนวคลองจากที่สูงแทนการตั้งด่าน”
“ทำไมไม่เปิดทางออกที่ไม่มีด่านตรวจแค่จุดเดียวครับ” แวนเสตเตนเสนความเห็น
“ไม่ควรทำเช่นนั้นครับ เราต้องการลวงให้คนร้ายเชื่อโดยสนิทใจว่าทางการคิดว่าเขาออกจากเมืองไปแล้วโดยยกเลิกด่านตรวจทุกด่านให้เขาเห็น นอกจากนี้ในคืนวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่คนร้ายจะสามารถออกจากเมืองได้อย่างสะดวกเพราะคืนวันนี้จะเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง” เมอร์คิวเรียสอธิบาย
“แล้วถ้าคนร้ายติดกับดีกแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรครับ?” แวนเสตเตนยังคงมีข้อสงสัย
ประเด็นนี้เมอร์คิวเรียสหาทางแก้ไขไว้เรียบร้อยแล้วจึงสามารถตอบแวนเสตเตนได้ทันที
“เราจะเตรียมตะเกียงใหญ่ไว้ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งประตจำอยู่บนระเบียงของโบสถ์นิวเคอร์กซึ่งสามารถมองเห็นข้างล่างได้ชัดเจนและทั่วถึง เราจะใช้รหัสสัญญาณไฟเพื่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ข้างล่าง”
แวนเสตเตนฟังแล้วรู้สึกพึงพอใจกับการเตรียมการของเมอร์คิวเรียส เขาหยุดคิดเพื่อตัดสินใจสักครู่หนึ่ง แต่ช่วงเวลาสั้นๆนี้กลับเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับนายกเทศมนตรีจนรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากที่ต้องลุ้นคำตอบของแวนเสตเตน
“ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมเห็นด้วยกับแผนการของอาจารย์เมอร์คิวเรียสครับ อย่างน้อยแผนการนี้ก็ทำให้พวกเรามีความหวังมากกว่าแผนการอื่น”
นายกเทศมนตรีดีใจอย่างมากที่ได้ยินแวนเสตเตนตอบเช่นนั้น
“ท่านไว้ใจพวกเราได้เลยครับ พวกเราจะทำอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือลูกสาวท่านให้ปลอดภัย ไม่ทราบว่าท่านจะอยู่กับพวกเราในการเตรียมการในรายละเอียดไหมครับ?”
“ไม่ล่ะครับ ผมขอตัวไปอยู่เป็นกำลังใจให้ภรรยาผมครับ”
เมื่อแวนสัตเตนเดินออกจากห้องไป ดูเหมือนว่าทุกคนจะอึ้งกับคำพูดของเขาไปชั่วขณะ
“ผมนึกว่าเขาจะอยู่ร่วมวางแผนกับพวกเราเพื่อช่วยลูกสาวเขาเสียอีก” แวนลิวเวนฮอคกล่าวอย่างประหลาดใจ
เฟอร์เมร์ส่ายหน้าพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า
"เขาคงมีความสุขในการจับปลาโดยไม่ต้องตกปลาด้วยตนเอง”
นายกเทศมนตรี เฟอร์เมร์ แวนลิวเวนฮอคและเมอร์คิวเรียสหันกลับมาร่วมกำหนดรายละเอียดของแผนการอีกครั้ง
นายกเทศมนตรีกำหนดที่จะประกาศข่าวว่าทางการได้ยกเลิกด่านตรวจทั้งหมด เพราะว่าคนร้ายได้หนีออกนอกเมืองไปแล้ว นอกจากนี้นายกเทศมนตรีจะให้ตำรวจปลอมตัวเป็นนักดนตรีเดินพาเรดไปทั่วตลาดเพื่อสังเกตการณ์เ และเมื่อถึงตอนเย็นเจ้าหน้าที่ทุกคนจะกลับมารวมตัวกันที่ศาลาว่าการแล้วเปลี่ยนชุดเป็นโทนสีดำและถือตะเกียงติดตัวแล้วไปประจำในจุดต่างๆซึ่งหัวหน้าตำรวจจะกำหนดอีกทีในวันพรุ่งนี้ และเรื่องสุดท้ายนายกเทศมนตรียังจัดให้มีคนนำสาร์นคอยวิ่งส่งข่าวให้กับเจ้าหน้าที่แต่ละกลุ่ม
เมอร์คิวเรียสถือโอกาสเสนอให้แคลล์และลูซี่ร่วมปฏิบัติการโดยประจำที่หอคอยบนโบสถ์นิวเคิร์ก การที่เมอร์คิวเรียสเสนอให้ลูซี่เข้าร่วมทีมนั้นทำให้ทุกคนเกิดความสงสัย
เมอร์คิวเรียสให้เหตุผลที่เลือกลูซี่เพราะว่าลูซี่มีความสามารถจดบันทึกได้ จึงจะให้เธอแปลงคำสั่งต่างๆให้เป็นข้อความ และตอนนี้เธอก็ว่างงานอยู่ เธอจึงสามารถพักในเวลากลางวันแล้วทำงานในเวลากลางคืนได้
นายกเทศมนตรีกล่าวขอบคุณทุกคนที่เสียสละเวลามาร่วมวางแผนจับคนร้ายและข่วยเหลือเหยื่อ
“ขอบคุณพระเจ้าที่เราไม่ต้องถึงกับเตรียมอาวุธออกไปจับคนร้าย” เฟอร์เมร์พูดขึ้นมาลอยๆด้วยเสียงอันแผ่วเบา ซึ่งนายกเทศมนตรีแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวรับมือกับปฏิบัติการตามแผนในวันพรุ่งนี้
เมอร์คิวเรียสอดคิดไม่ได้ว่า เพียงแค่ไม่กี่วันนับจากที่เขานั่งดื่มเบียร์อย่างเพลิดเพลินที่โรงแรมย่านแลงเกอร์บรุก ชีวิตเขาก็เปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว
จบตอนที่ 51
โปรดติดตามตอนต่อไป
โปรดกดติดตามและให้ความเห็นนะครับ
ขอบคุณทุกท่าน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
โฆษณา