8 มี.ค. เวลา 12:21 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 88

บทกวีขบถ (3) ไต้จงเดินสาส์น
ไต้จงได้รับบัญชาจากท่านเจ้าเมืองให้ไปจับกุมซ่งเจียงแล้วตกใจยิ่งนัก ออกจากจวนเจ้าเมืองมาคัดลูกน้องที่จะนำไปด้วยแล้วก็สั่งให้แยกย้ายไปตระเตรียมอาวุธแล้วกลับมาพบกันที่ศาลพระเสื้อเมือง 城隍庙 (เฉิงหวงเมี่ยว) ใกล้ที่อยู่ตน ตัวไต้จงเองพอกลับถึงบ้านก็เสกคาถาเทพเดินหน 神行法 รีบมายังแดนจำ ตรงไปยังห้องคัดหนังสือ เปิดประตูเข้าไปพบซ่งเจียงอยู่ในห้องกุลีกุจอออกมาต้อนรับพร้อมกล่าวว่า
“วันก่อนข้าเข้าเมืองไปหา หาน้องท่านที่ไหนก็ไม่พบ จึงออกไปนั่งดื่มเหล้าเองที่หอสวินหยาง สองวันนี้อาการไม่ค่อยดี คงยังเมาค้างอยู่”
ไต้จงว่า “พี่ท่าน วันก่อนไปเขียนอะไรไว้บนหอ”
ซ่งเจียงว่า “พอเมาแล้วก็เพ้อเจ้อ ใครจะไปจำได้”
ไต้จงว่า “เมื่อครู่ ท่านเจ้าเมืองเรียกข้าไปสั่งการให้นำคนมาจับกุมผู้ที่เขียนบทกวีขบถบนหอสวินหยาง นักโทษซ่งเจียงอำเภอวิ่นเฉิงไปเข้าพบ ผู้น้องได้ฟังแล้วตกใจ จึงสั่งให้ลูกน้องไปรวมกันที่ศาลพระเสื้อเมือง แล้วข้าก็รีบมาแจ้งข่าวแก่พี่ท่าน จะแก้ไขอย่างไรดี”
ซ่งเจียงว่า “คราวนี้ตายแน่”
ไต้จงว่า “ข้าพอมีวิธีแก้ไขหากพี่ท่านเห็นด้วย ผู้น้องคงไม่อาจถ่วงเวลา พอกลับมาอีกทีจำต้องพาคนมาจับพี่ท่าน ท่านต้องปล่อยผมเผ้าให้ยุ่งเหยิง ลงไปนอนคลุกอุจจาระปัสสาวะแกล้งทำเป็นเสียสติ พอข้าพาคนมาถึง ก็ทำเป็นพูดจาเลอะเทอะเหมือนคนบ้า แล้วข้าจะกลับไปรายงานท่านเจ้าเมืองเอง”
ไต้จงรีบลาซ่งเจียงกลับเข้าเมือง ตรงไปยังศาลพระเสื้อเมืองนำกำลังมุ่งมายังแดนจำ พอมาถึงก็แสร้งถามว่า “ซ่งเจียงนักโทษเนรเทศใหม่อยู่ที่ไหน”
เจ้าพนักงานนำทางมายังห้องคัดหนังสือ เห็นซ่งเจียงผมเผ้าเป็นกระเซิงล้มกลิ้งอยู่ในกองอุจจาระปัสสาวะ พอเห็นพวกไต้จงเข้ามาก็พูดว่า “พวกเจ้าเป็นนกเขาไร”
ไต้จงแสร้งตวาดลั่นว่า “จับตัวไอ้หมอนี่”
ซ่งเจียงเหลือกตา หวดมือไม้สะเปะสะปะแล้วว่า
“ข้าคือราชบุตรเขยของเง็กเซียนฮ่องเต้ ท่านพ่อตาสั่งให้ข้านำทัพสวรรค์หนึ่งแสนลงมาสังหารพวกเจ้าชาวเจียงโจว พญายมเป็นทัพหน้า ขุนพลอู่เต้า 五道将军 เป็นทัพหลัง พระราชทานตราทองคำหนักแปดร้อยกว่าชั่ง สังหารพวกมนุษย์หัวนกเขาอย่างพวกเจ้าให้สิ้น”
พวกเจ้าพนักงานว่า “ที่แท้ก็คนบ้าเสียสติ พวกเราจะจับไปทำไม”
ไต้จงว่า “พูดก็ถูก พวกเรากลับไปรายงาน หากจะให้จับค่อยกลับมาใหม่”
ไต้จงนำกำลังกลับมายังที่ว่าการรายงานท่านเจ้าเมืองไฉ้จิ่วว่า “ที่แท้ซ่งเจียงเป็นคนวิปลาส พูดจาเลอะเลือน คลุกอุจจาระปัสสาวะจนเหม็นคลุ้งไปทั้งตัว จึงไม่กล้าจับตัวมา”
หวงเหวินปิ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังฉาก โผล่ออกมารายงานเจ้าเมืองว่า
“อย่าได้ไปเชื่อ จากบทกวีที่แต่ง ลายพู่กันที่เขียน คนผู้นี้ไม่ได้วิปลาส เรื่องนี้มีเงื่อนงำ อย่างไรก็จับตัวไว้ก่อน ถึงเดินไม่ได้ก็ต้องหามมา”
ไฉ้จิ่วว่า “ทงพั่นกล่าวได้ถูกต้อง”
จึงสั่งให้ไต้จงกลับไปจับตัวมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร
ไต้จงจึงต้องนำคนกลับไปยังแดนจำ เอาตัวซ่งเจียงใส่ตะกร้าหามมายังที่ว่าการ ไฉ้จิ่วสั่งว่า
“นำตัวมันมา”
ซ่งเจียงไม่ยอมคุกเข่า ถลึงตาจ้องมาแล้วว่า
“เจ้านกเขา กล้าสอบสวนข้า ข้าคือราชบุตรเขยของเง็กเซียนฮ่องเต้ ท่านพ่อตาสั่งให้ข้านำทัพสวรรค์หนึ่งแสนลงมาสังหารพวกเจ้าชาวเจียงโจว พญายมเป็นทัพหน้า ขุนพลอู่เต้าเป็นทัพหลัง พระราชทานตราทองคำหนักแปดร้อยกว่าชั่ง เจ้าหลบไปเสีย มิเช่นนั้นต้องตายทั้งหมด”
ไฉ้จิ่วเห็นแล้วก็แยกแยะไม่ออก หวงเหวินปิ่งจึงว่า “เรียกผู้คุมกับเจ้าพนักงานแดนจำมาสอบถามว่า คนผู้นี้บ้าตั้งแต่รับตัวมาหรือว่าเพิ่งมาเป็น ถ้าเป็นตั้งแต่รับตัวมาคงบ้าจริง แต่หากเพิ่งเป็น ก็คงแกล้งบ้า”
ไฉ้จิ่วจึงให้ตามผู้กำกับแดนและผู้คุมมาสอบถาม ทั้งสองไม่กล้าปกปิดจึงว่า
“ตอนรับตัวเข้ามายังไม่เห็นวิปลาส เพิ่งมามีอาการเร็วๆ นี้”
ท่านเจ้าเมืองโกรธจัด สั่งให้โบยซ่งเจียงห้าสิบไม้ โบยซ่งเจียงจนกระทั่งยกหนึ่งประสูติ ยกสองนิพพาน 一佛出世,二佛涅槃 เนื้อหนังแตกปริ เลือดไหลซิบๆ ไต้จงเห็นแล้วก็หมดปัญญาช่วย ซ่งเจียงยังปากแข็งแกล้งบ้าในตอนแรก ตอนหลังก็ทนไม่ไหวต้องรับสารภาพว่า
“ข้าเองนั้นเมา จึงเขียนบทกวีขบถนั้นโดยไม่เจตนา”
ไฉ้จิ่วจึงให้ทำหนังสือรับสารภาพ สั่งให้ใส่คาประหารหนักยี่สิบห้าชั่งนำตัวไปขังยังคุกมหันตโทษ ซ่งเจียงถูกโบยจนสองขาเดินไม่ได้ต้องหามเข้าไป ไต้จงจึงไหว้วานพวกผู้คุมให้ช่วยดูแล ตนเองก็คอยส่งข้าวส่งน้ำ
เจ้าเมืองไฉ้จิ่วคุยกับหวงเหวินปิ่งหลังจากว่าการเสร็จว่า
“หากไม่ได้ทงพั่น ก็คงถูกหมอนั่นตบตาเสียแล้ว”
หวงเหวินปิ่งว่า “พระคุณท่าน เรื่องนี้มิอาจรอช้า ควรรีบรายงานไปยังท่านราชครู ทั้งยังได้แสดงให้เห็นว่าพระคุณท่านได้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ให้แก่บ้านเมือง และเรียนถามว่า ต้องการตัวไปเป็นๆ หรือไม่ จะได้จับใส่รถนักโทษส่งเข้าไปยังเมืองหลวง แต่หากไม่ต้องการตัวเป็นๆ หรือเกรงว่าจะมีข้อผิดพลาดระหว่างทาง ก็อาจตัดหัวเสียที่นี่ กำจัดเภทภัยเสีย”
ไฉ้จิ่วว่า “ทงพั่นกล่าวได้ถูกต้อง ข้าจะทำหนังสือส่งกลับไปทางบ้าน ทั้งจะได้เขียนเสนอผลงานของทงพั่นให้ท่านพ่อได้กราบทูลต่อโอรสสวรรค์ ท่านจะได้กลับเข้ารับราชการไปปกครองเมืองที่มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์โดยไว” แล้วจึงเขียนหนังสือและประทับลงตรา
หวงเหวินปิ่งถามว่า “พระคุณท่านจะส่งคนสนิทท่านใดไป”
ไฉ้จิ่วว่า “ที่เมืองนี้มีพัศดีสองที่ว่าการชื่อว่า ไต้จง มีคาถาเดินหน สามารถเดินทางได้วันละแปดร้อยลี้ ให้ไปส่งหนังสือ ไปกลับคงใชัเวลาไม่เกินสิบวัน”
“หากเร็วปานนั้น ดียิ่ง ดียิ่ง”
ไฉ้จิ่วให้จัดเลี้ยงรับรองหวงเหวินปิ่งในวันนั้น วันรุ่งขึ้นจึงเดินทางกลับอู๋เหวยจวิน
ไฉ้จิ่วจัดเตรียมกล่องสองใบบรรจุอัญมณีเครื่องทองของมีค่าแล้วผนึกไว้เรียบร้อย วันรุ่งขึ้น เรียกไต้จงมายังโถงชั้นในกำชับว่า
“ข้ามีของขวัญและหนังสือส่วนตัวฉบับหนึ่งจะให้ท่านส่งไปยังจวนราชครูที่เมืองหลวงเพื่ออวยพรวันเกิดท่านพ่อของข้าในวันที่สิบห้าเดือนหก ซึ่งก็ใกล้จะถึงวันแล้ว มีเพียงท่านที่สามารถไปได้ทันเวลา ท่านอย่าได้เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ช่วยไปส่งแล้วรอรับหนังสือตอบ ข้าจะมีรางวัลให้ท่านอย่างงาม กำหนดเวลาเดินทางของท่าน ข้าได้คำนวณไว้โดยอาศัยวิถีเทพเดินหน รอท่านกลับมา ท่านอย่าได้ชักช้าให้เสียการ”
ไต้จงรับกล่องของขวัญและจดหมายแล้วนำกลับไปเก็บที่บ้านก่อนแล้วแวะมาเยี่ยมซ่งเจียงในคุก กล่าวกับซ่งเจียงว่า
“พี่ท่านวางใจ ท่านเจ้าเมืองให้ข้าเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ไปกลับเพียงสิบวัน ไปถึงที่จวนท่านราชครูก็พอมีคนรู้จักที่อาจช่วยคดีพี่ท่านได้ เรื่องอาหารการกิน ข้าได้วานหลี่ขุยให้จัดส่งอย่าได้ขาด พี่ท่านอดทนสักไม่กี่วัน”
ซ่งเจียงว่า “หวังว่าน้องท่านจะช่วยข้าได้”
ไต้จงเรียกหลี่ขุยมากำชับต่อหน้าว่า “ท่านพี่เขียนบทกวีขบถจึงต้องคดี ข้าต้องไปราชการที่เมืองหลวง อาหารการกินของท่านพี่ต้องให้เจ้าดูแลอย่าให้บกพร่อง”
หลี่ขุยว่า “ท่องกวีขบถไปเดือดร้อนนกเขาไร เขาก่อขบถกันเป็นร้อยเป็นพันยังเห็นมียศศักดิ์ใหญ่โต พี่ท่านไปตงจิงสบายใจได้ ในคุกนี่ใครกล้าทำอะไร ทำไม่เข้าท่าข้าจะเอาขวามจามแม่ง”
ก่อนไป ไต้จงยังกำชับอีกว่า “น้องเราอย่ามัวแต่ดื่มเหล้าจนลืมเรื่องข้าวปลาอาการท่านพี่ ไม่ใช่ไปเมาเสียจนท่านพี่ต้องอด”
หลี่ขุยว่า “พี่ท่านวางใจไปเถอะ ถ้ายังระแวง ก็เอาเป็นว่า นับจากวันนี้ผู้น้องจะงดเหล้าจนกว่าท่านจะกลับมาค่อยดื่มใหม่ เช้าเย็นจะมานั่งเฝ้าพี่ซ่งเจียงในคุกนี่ ใครจะทำไม”
ตั้งแต่วันนั้นหลี่ขุยก็งดเหล้า ทำตามที่พูด เฝ้าซ่งเจียงอยู่แต่ในคุกไม่ยอมไปไหน
ไต้จงกลับมาจัดสัมภาระ พร้อมกล่องของขวัญและหนังสือออกมายังนอกเมือง นำผ้ายันต์ม้า 甲马 สี่แผ่นมาผูกขาไว้ข้างละสองแผ่น แล้วเสกคาถาเดินหน
仿佛浑如驾雾,依稀好似腾云。
如飞两脚荡红尘,越岭登山去紧。
顷刻才离乡镇,片时又过州城。
金钱甲马果通神,千里如同眼近。
มัวซัวเหมือนขี่หมอก
ดูหลอกว่าเหยียบเมฆา
สองขาเหินโลกา
ไต่หน้าผาขึ้นเขาไว
 
ชั่วครู่พ้นหมู่บ้าน
ไม่ทันนานผ่านเมืองใหญ่
พันลี้ดูดังใกล้
ยันต์อาชาเทพเดินหน
วันแรกไต้จงออกเดินทางจากเจียงโจว แต่เช้าจรดเย็น จึงหาที่พัก ถอดผ้ายันต์แล้วเผาเงินกระดาษเซ่นครูบา วันรุ่งขึ้น หลังอาหารเช้า ผูกผ้ายันต์เสกคาถาเดินทางต่อ สองหูแว่วแต่เสียงลม สองเท้าแทบไม่ติดดิน ระหว่างเดินทางกินแต่อาหารวิสุทธิ์ไม่แตะเนื้อ ดื่มซู่จิ่ว 素酒 (น้ำไม่มึนเมา) ตกเย็นหาที่พัก ผ่านไปอีกหนึ่งคืน
วันถัดมา ตื่นแต่ยามห้าอาศัยว่าแดดยังไม่ร้อน ผูกผ้ายันต์เดินทางมาได้ราวสามร้อยลี้ เป็นเวลายามสื้อ 巳牌 (10:00 น.) มองหาร้านอาหารที่สะอาด
เดือนหกอากาศร้อนจนเหงื่อไหลไคลย้อย ทั้งยังกลัวจะเป็นลมแดด ยังดีที่ขณะหิวกระหายเต็มที่ เห็นมีร้านอาหารแห่งหนึ่งหน้าดงไม้ริมทะเลสาบ ชั่วลัดนิ้วไต้จงก็มาถึงหน้าร้านดูสะอาดสะอ้าน มีโต๊ะอยู่ยี่สิบที่ โต๊ะและม้านั่งสีแดงชักเงา ไต้จงเข้าไปในร้านหาที่นั่งมุมสงบ วางกล่องของขวัญลง ถอดเข็มขัดและเสื้อออกคลายร้อน
บริกรเข้ามาถามว่า “เจ้านาย 上下 จะรับเหล้าเท่าไรดี เนื้อเราก็มีทั้งหมู แพะ และวัว”
ไต้จงว่า “เหล้าไม่ต้อง เอาเป็นข้าวมา”
“ที่นี่เราขายทั้งซู่จิ่วทั้งข้าว ยังมีหมั่นโถว หมี่น้ำ”
“ข้าไม่กินของคาว เจ้ามีพวกผักมากินกับข้าวไหม”
“รับเป็นเต้าหู้นึ่งกับหมาล่า 麻辣熝豆腐 ดีไหม”
“ดี”
ไม่นานนัก บริกรยกเต้าหู้นึ่งมาชามหนึ่ง ผักสองจาน เหล้าซู่จิ่ว (ไม่มึนเมา) มาสามชาม ไต้จงทั้งหิวและกระหาย จึงดื่มกินจนหมดแล้วนั่งรอข้าวอยู่ แต่โลกก็พลันหมุนคว้าง ตาลายล้มลงกองอยู่ข้างม้านั่ง
บริกรตะโกนว่า “ล้มแล้ว” จึงมีคนเดินออกมาจากหลังร้าน
臂阔腿长腰细,待客一团和气。
梁山作眼英雄,旱地忽律朱贵。
 
เอวคอดขายาวไหล่กว้าง
ท่าทางสุภาพโอนอ่อน
คือจูกุ้ยตะเข้ดอน
เป็นหูเป็นตาเหลียงซาน
จูกุ้ยว่า “เอากล่องไปเก็บข้างใน ค้นตัวดูว่ามีของอะไรอีกไหม”
ลูกน้องสองคนค้นตัวดูพบห่อกระดาษ ในห่อมีจดหมายฉบับหนึ่งจึงส่งให้หัวหน้าดู
จูกุ้ยรับมาดูเห็นเป็นจดหมายส่วนตัว ผู้ส่งลงชื่อ ไฉ้เต๋อจาง ส่งให้บิดา พอฉีกออกดูด้านในเป็นหนังสือมีข้อความว่า
“ขณะนี้จับได้บุคคลที่เขียนบทกวีขบถสอดคล้องกับบทเพลงกล่อมเด็ก ซ่งเจียงแห่งซานตง คุมขังอยู่ในคุก รอฟังคำบัญชา”
ตอนก่อนหน้า : บทเพลงพยากรณ์
ตอนถัดไป : อู๋ย่งแปลงสาส์น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา