18 มี.ค. เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 92

สร้างบารมี (1) ศาลมังกรขาว
จางซุ่นยืนอยู่บนหัวเรือตวาดมาว่า “พวกเจ้าเป็นใคร บังอาจมาชุมนุมที่ศาลมังกรขาว”
ซ่งเจียงยืดกายขึ้นออกมายืนหน้าศาลบอกว่า “น้องเราช่วยข้าด้วย”
จางซุ่นพอเห็นซ่งเจียงก็ตะโกนว่า “ดีแล้ว”
เรือสามลำรีบเหินเข้าเทียบฝั่ง สามหย่วนพี่น้องก็ว่ายน้ำกลับมาด้วย คนบนเรือพากันขึ้นบกตรงมาหน้าศาล เรือลำแรกจางซุ่นมากับชายฉกรรจ์สิบกว่าคน เรืออีกลำจางเหิง พามู่หง มู่ชุน เซวียหย่ง และลูกบ้านสิบกว่าคนมา เรือลำที่สาม หลี่จวิ้น พาหลี่ลี่ ถงเวย ถงเหมิ่ง และพวกค้าเกลือเถื่อนสิบกว่าคนมา
จางซุ่นเห็นซ่งเจียง ยินดีดังสวรรค์โปรด ก้มทำคารวะแล้วว่า “นับแต่พี่ท่านต้องคดี ผู้น้องก็อยู่ไม่เป็นสุข ไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร เร็วๆ นี้ได้ฟังว่าไต้ย่วนจ่างก็ถูกจับ พี่หลี่ก็ไม่เห็นหน้า ข้าจึงไปหาพี่ชายข้า พากันไปบ้านท่านมู่ไท่กงระดมพวกที่รู้จัก ตั้งใจว่าวันนี้จะบุกเจียงโจวแหกคุกพาพี่ท่านออกมา ไม่คิดว่าจะมีเหล่าผู้กล้าช่วยพี่ท่านออกมาถึงที่นี่ ขอบังอาจถามว่า พวกท่านเหล่านี้คือโลกบาลเฉาแห่งเขาเหลียงซานใช่หรือไม่”
ซ่งเจียงชี้ไปยังคนที่ยืนหน้าว่า “นี่แหละพี่เฉาไก้ พวกท่านเข้ามาคุยกันในศาลเถิด”
พวกจางซุ่นเก้าคน พวกเฉาไก้สิบเจ็ดคน ซ่งเจียง ไต้จง หลี่ขุย ทั้งสิ้นรวมยี่สิบเก้าคนพากันเข้าไปชุมนุมกันในศาลมังกรขาว เรียกว่า “การชุมนุมย่อยศาลมังกรขาว 白龙庙小聚会”
พอต่างคนต่างคารวะทำความรู้จักกันตามธรรมเนียมแล้ว ลิ่วล้อก็เข้ามารายงานว่า “ในเมืองเจียงโจวมีเสียงกลองและม้าล่อ พวกทหารกำลังยกมาทางศาลมังกรขาวนี้”
หลี่ขุยคว้าขวานคู่ส่งเสียงคำรามแล้วออกไปหน้าศาลเจ้า เฉาไก้ตะโกนว่า
“เมื่อลงมือแล้วต้องให้ถึงที่สุด ผู้กล้าทั้งหลายช่วยกันสังหารทหารเจียงโจวให้สิ้นก่อนกลับเขาเหลียงซาน”
ลิ่วล้อรวมพวกมาสมทบใหม่ราวหนึ่งร้อยห้าสิบคนจึงกรูกันตามหลี่ขุยไป ทางด้านหลิวถัง จูกุ้ย พาซ่งเจียง ไต้จง ขึ้นเรือไปก่อน หลี่จวิ้น จางซุ่น และสามหย่วนพี่น้อง พากันตระเตรียมเรือพร้อมไว้
บนตลิ่งริมน้ำ กองทัพเคลื่อนออกจากเมืองมีกำลังนับพัน กองหน้าสุดล้วนสะพายธนู มือถือทวน ตามมาด้วยทหารราบ โบกธงโห่ร้องมา หลี่ขุยควงขวานนำหน้าวิ่งเข้าหา ตามมาด้วยฮวาหยง หวงซิ่น หลวี่ฟาง กวอเสิ้ง
ฮวาหยงเห็นพวกทหารกองหน้าล้วนใช้ทวนยาวเกรงหลี่ขุยจะเสียทีจึงหยิบธนูพาดสาย น้าวยิงไปยังนายทัพที่ขี่ม้านำหน้าจนตกจากหลังม้า เหล่าทหารม้าที่นำหน้าตกใจชักม้าหันกลับหนีไปปะทะเหล่าทหารราบจนเสียขบวน พวกทางนี้วิ่งเข้าไปถึงพอดีจึงไล่ฟันจนแตกกระเซอะกระเซิง ตามฆ่าจนเลือดไหลนองไปถึงเชิงกำแพงเมือง พวกทหารบนกำแพงทิ้งหินและท่อนไม้ลงมาสกัดไว้เปิดประตูรับพวกทหารเข้าเมืองได้แล้วรีบปิดประตูไม่เปิดอีกหลายวัน
1
พวกเหลียงซานกำลังน้อยกว่าไม่อาจเข้าตีเมือง จึงต้องลากตัวหลี่ขุยกลับไปลงเรือที่ศาลมังกรขาว เฉาไก้ตรวจตรากำลังพลว่ากลับมาครบแล้ว ก็ให้แบ่งกันลงเรือใหญ่ทั้งสามลำแล่นออกแม่น้ำไป เรือกางใบแล่นมายังคฤหาสน์ของมู่ไท่กง พอถึงท่าก็ตั้งแถวเดินกันมายังคฤหาสน์ มู่หงเชิญเหล่าหัวหน้ามายังโถงด้านในคฤหาสน์ มู่ไท่กงออกมาพบแล้วก็ให้แยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อน
วันนั้น มู่หงให้ล้มวัวหนึ่งตัว หมู แพะ เป็ด ไก่ ห่าน ปลา นับสิบ จัดโต๊ะเลี้ยงดู ระหว่างกินเลี้ยง เฉาไก้กล่าวว่า “หากไม่ได้พี่รองนำเรือไปช่วย พวกเราทั้งหมดอาจต้องถูกตีตรวน”
มู่ไท่กงว่า “แล้วทำไมพวกท่านถึงเลือกมาทางนั้นล่ะ”
หลี่ขุยว่า “ข้าแค่เลือกมาทางที่มีคนให้ฆ่าเยอะ พวกเขาตามข้ามาเอง ข้าไม่ได้เรียก”
พวกได้ฟัง ต่างพากันหัวเราะ
ซ่งเจียงลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “ผู้น้อยซ่งเจียง หากไม่ได้เหล่าผู้กล้ามาช่วยเหลือ ชีวิตของข้ากับไต้ย่วนจ่างคงสิ้นแล้ว พระคุณครั้งนี้ลึกล้ำดังมหาสมุทร มิรู้จะตอบแทนเช่นไร แต่ยังแค้นใจที่ยังไม่ได้ขุดรากถอนโคนหวงเหวินปิ่งที่ลอบกัดพวกเรามาหลายครั้ง จึงใคร่ขอแรงเหล่าผู้กล้าสร้างผลงานสะท้านฟ้าดินอีกสักครั้ง เข้าตีเมืองอู๋เหวยจวิน สังหารหวงเหวินปิ่งชำระแค้นก่อนกลับ ดีหรือไม่”
ซ่งเจียงรู้ดีว่าครั้งนี้ตนคงต้องขึ้นเขาเหลียงซานไม่มีทางเลี่ยง ถึงแม้ตนจะพาผู้มีฝีมือติดตามไปด้วยเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังเป็นหมายเลขสอง ที่ได้รับบุญคุณความช่วยเหลือให้รอดชีวิต การเลือกเข้าปล้นเมืองอู๋เหวยจวินอันเป็นเมืองเล็กไม่มีค่ายคูประตูหอรบแข็งแรงโดยไม่ทันให้ตั้งตัวด้วยกำลังน้อย ย่อมมีโอกาสสูง ต่างกับการเข้าตีเจียงโจวที่เป็นไปไม่ได้เลย ทั้งยังได้สังหารหวงเหวินปิ่งที่ใช้เป็นข้ออ้าง เป็นการเริ่มสร้างฐานอำนาจและบารมีของตนบนเขาเหลียงซาน
เฉาไก้ว่า “การลอบโจมตีหรือปล้นค่ายนั้นทำได้ครั้งเดียว จะลงมืออีกหนได้อย่างไร ในเมื่อพวกโจรชั่วมีการตระเตรียมป้องกันแล้ว มิสู้กลับค่ายไปเตรียมทัพใหญ่มาพร้อมสองท่านอาจารย์เสวียจิวและกงซุน หลินชงและฉินหมิง ค่อยมาล้างแค้นยังไม่สาย”
ซ่งเจียงว่า “หากกลับค่ายแล้วคงยากที่จะได้กลับมา ข้อหนึ่งคือหนทางไกล ข้อสองคือทางเจียงโจวคงถวายรายงานไป เมืองต่างๆ คงมีการระวังป้องกันเข้มแข็ง ควรฉวยโอกาสนี้ลงมือก่อนที่ฝ่ายนั้นจะมีการเตรียมพร้อม”
ฮวาหยงว่า “พี่ท่านกล่าวได้ถูกต้อง เพียงแต่ว่า ไม่มีใครรู้เส้นทางและชัยภูมิของที่นั่น ควรส่งคนเข้าเมืองไปสอดแนมดูก่อนว่าทางอู๋เหวยจวินมีการตระเตรียมป้องกันหรือไม่ระดับใด ที่อยู่ของหวงเหวินปิ่งอยู่ตำแหน่งไหน แล้วค่อยลงมือ”
เซวียหย่งลุกขึ้นกล่าวว่า “ผู้น้องเที่ยวท่องวงนักเลง เมืองอู๋เหวยจวินนี้ก็พอคุ้นเคยอยู่บ้าง ข้าจะไปสอดแนมดู”
ซ่งเจียงว่า “ได้น้องท่านไปนับว่าดียิ่ง”
ซ่งเจียงกับพวกอยู่ที่บ้านมู่หงตระเตรียมสรรพาวุธและเรือ สองวันถัดมา เซวียหย่งกลับมาพร้อมชายผู้หนึ่ง
 
เซวียหย่งแนะนำว่า “คนผู้นี้แซ่โหว 侯 ชื่อ เจี้ยน 健 เป็นชาวเมืองหงตู 洪都 เป็นช่างตัดเสื้อมือหนึ่ง ฝีเข็มประณีตไร้ที่ติ ทั้งยังสามารถใช้ทวนกระบอง เคยคารวะเซวียหย่งเป็นอาจารย์ คนเห็นว่า แคล่วคล่องผอมคล้ำ จึงเรียกฉายาว่า วานรแขนยาว 通臂猿 ปัจจุบันเข้าไปทำงานอยู่ในบ้านของหวงเหวินปิ่งที่เมืองอู๋เหวยจวิน ผู้น้องไปพบเข้า จึงเชิญมาที่นี่”
ซ่งเจียงยินดียิ่งนัก เชิญให้นั่งลงหารือกัน
(วานรแขนยาวโหวเจี้ยน 通臂猿侯健 กลุ่มมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 35 ลำดับรวมที่ 71 เป็นผู้ชำนัญการพิเศษงานตัดเย็บผ้าทั้งเสื้อผ้าและผืนธงของเหลียงซาน)
เซวียหย่งเล่าถึงเรื่องที่ไปสอดแนมมาว่า
“ท่านเจ้าเมืองไฉ้จิ่วตรวจดูจำนวนทหารและชาวบ้านที่ล้มตายในเหตุการณ์ที่ผ่านมามีถึงห้าร้อยกว่าคน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก จึงทำเรื่องรายงานไปยังราชสำนัก ประตูเมืองจะปิดทันทีหลังอาทิตย์ตก ตรวจตราผู้เข้าออกอย่างเข้มงวด สำหรับเรื่องที่พี่ท่านถูกใส่ร้ายนั้นไม่ใช่ความคิดของท่านเจ้าเมือง แต่เป็นการยุยงของหวงเหวินปิ่ง หลังจากการปล้นแดนประหาร ทางเมืองก็มีการวางกำลังป้องกันอย่างดีทั้งกลางวันกลางคืน ผู้น้องจึงข้ามมายังเมืองอู๋เหวยจวิน ก็พอดีพบโหวเจี้ยนออกมากินข้าว จึงได้ทราบรายละเอียด”
โหวเจี้ยนเล่าว่า “ผู้น้อยรักการฝึกเพลงอาวุธมาแต่เด็กจึงได้กราบท่านเซวียหย่งเป็นอาจารย์ จึงมิอาจลืมพระคุณ ไม่นานมานี้ หวงทงพั่นให้ผู้น้อยเข้าไปทำงานตัดเย็บในบ้าน จึงได้พบกับท่านอาจารย์ กล่าวถึงพี่ท่านและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ผู้น้อยใคร่ทำความรู้จักกับพี่ท่านอยู่แล้ว จึงตั้งใจมาแจ้งรายละเอียดให้ทราบ
หวงเหวินปิ่งผู้นี้มีพี่ชายแท้ๆ ร่วมมารดาเดียวกันชื่อว่า หวงเหวินเย่ 黄文烨 หวงเหวินเย่เป็นผู้ชอบทำบุญกุศล สร้างถนนหนทาง ทำบุญเลี้ยงพระ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ชาวบ้านในเมืองอู๋เหวยจวินจึงเรียกท่านว่า พุทธาหวง 黄佛子 ส่วนหวงเหวินปิ่งนั้นกลับชอบให้ร้ายคน ชาวเมืองจึงเรียกกันว่า เหล็กไนต่อ 黄蜂刺 สองพี่น้องแยกกันอยู่คนละบ้านแต่อยู่ซอยเดียวกัน ข้างประตูเมืองทางทิศเหนือ หวงเหวินปิ่งอยู่ด้านในติดกำแพง หวงเหวินเย่อยู่ติดถนนใหญ่
ตอนที่ผู้น้อยทำงานอยู่ในบ้าน ได้ฟังหวงทงพั่นกลับมาบ้านพูดว่า “ท่านเจ้าเมืองไฉ้จิ่วถูกข้าตบตาแล้ว ข้ายุให้ประหารก่อนแล้วค่อยถวายรายงาน” หวงเหวินเย่พอรู้เข้าก็ด่าลับหลังว่า “ทำแต่เรื่องอายุสั้นเที่ยวให้ร้ายผู้อื่น ไม่ได้รู้จักกันแต่กลับใส่ความเขา ฟ้ามีตา กรรมคงสนองเข้าสักวัน” สองวันนี้ฟังว่ามีการปล้นแดนประหาร จึงตกใจมาเฝ้าฟังข่าวและปรึกษากับท่านเจ้าเมืองอยู่ที่เจียงโจว ยังไม่ได้กลับ”
ซ่งเจียงถามว่า “บ้านของหวงเหวินปิ่งอยู่ห่างจากบ้านพี่ชายไกลไหม”
โหวเจี้ยนว่า “เดิมเป็นบ้านเดียวกัน แบ่งแยกกันออกมามีเพียงแปลงสวนผักคั่นอยู่”
“ครอบครัวหวงเหวินปิ่งมีสักกี่คน”
“ชายหญิงรวมกันราวห้าสิบคน”
ซ่งเจียงว่า “สวรรค์ให้โอกาสข้าล้างแค้นแล้ว จึงส่งท่านผู้นี้มา แต่อย่างไรยังต้องอาศัยเหล่าพี่น้องทั้งหลายช่วยเป็นกำลัง”
“พวกเรายินดีช่วยพี่ท่านล้างแค้น”
“เพียงแต่จะเล่นงานเฉพาะหวงเหวินปิ่งเท่านั้น ทหารและชาวบ้านอู๋เหวยจวินนั้นไม่เกี่ยวข้องด้วย พี่ชายของเขาก็ผู้มีใจบุญสุนทาน ไม่ควรทำร้าย พี่น้องทั้งหลายอย่าได้ทำอันตรายชาวบ้าน ข้ามีแผนการอยู่ หวังว่าพวกท่านจะช่วยเหลือ”
“พี่ท่านโปรดว่ามา”
ซ่งเจียงว่า “ต้องรบกวนท่านมู่ไท่กง ขอกระสอบสักเก้าสิบใบ กกร้อยกว่ามัด ใช้เรือใหญ่ห้าลำ เรือเล็กสองลำ วานจางซุ่นและหลี่จวิ้นประจำเรือเล็กทั้งสองลำ จางเหิง สามหย่วน ถงเวยนำผู้เชี่ยวชาญทางน้ำประจำเรือใหญ่ทั้งห้า”
มู่หงว่า “กก น้ำมัน กระสอบ คนว่ายน้ำเป็นในบ้านข้ามีครบ สุดแต่พี่ท่านจะเรียกใช้”
1
ซ่งเจียงกล่าวต่อว่า “พี่โหวพาเซวียหย่งและไป๋เสิ้งไปซ่อนตัวในเมืองก่อน พรุ่งนี้เวลาสามยามสองเตี่ยน 三更二点 ให้ฟังเสียงกระพรวนผูกนกพิราบที่จะปล่อยที่หน้าประตู ให้ไป๋เสิ้งขึ้นไปปักแพรขาวเป็นสัญญานใกล้บ้านหวงเหวินปิ่งเป็นจุดที่จะปีนกำแพง ให้สือหย่ง ตู้เชียนปลอมเป็นขอทานไปซ่อนอยู่ริมประตูเมือง พอเห็นสัญญานไฟให้สังหารทหารยามเฝ้าประตู ให้จางซุ่น หลี่จวิ้น ตระเวนเรืออยู่ในแม่น้ำรอสัญญาณ”
แบ่งหน้าที่เสร็จ เซวียหย่ง ไป๋เสิ้ง โหวเจี้ยน ล่วงหน้าไปก่อน สือหย่ง ตู้เชียนเปลี่ยนชุดเป็นขอทานซ่อนอาวุธแล้วตามไปเป็นชุดที่สอง พวกที่อยู่ช่วยกันนำทรายบรรจุกระสอบแล้วนำขึ้นเรือพร้อมไม้แห้ง แล้วแบ่งกำลังกันดังนี้
เหล่าหัวหน้า ให้เฉาไก้ ซ่งเจียง ฮวาหยง ซ่อนไปในท้องเรือถงเวย
เอี้ยนซุ่น เสือเตี้ยหวาง เจิ้งเทียนโซ่ว ไปกับเรือจางเหิง
ไต้จง หลิวถัง หวงซิ่น ไปกับเรือหยวนเสี่ยวเอ้อ
หลวี่ฟาง กวอเสิ้ง หลี่ลี่ ไปกับเรือ หยวนเสียวอู่
มู่หง มู่ชุน หลี่ขุย ไปกับเรือ หยวนเสี่ยวชี
จูกุ้ย กับ ซ่งว่าน ให้คงอยู่ที่บ้านท่านมู่ไท่กงคอยฟังข่าวคราวทางเจียงโจว
ให้ถงเหมิ่งนำเรือหาปลาลำเล็กล่วงหน้าไปสำรวจเส้นทาง
พวกลิ่วล้อให้กระจายกำลังกันลงประจำท้องเรือทั้งห้า
1
ทั้งหมดพากันออกเดินทางมุ่งอู๋เหวยจวินในคืนนั้น ซึ่งเป็นช่วงปลายเดือนเจ็ด ราตรีสงัดลมสงบ จันทร์ขาวนวลบนผืนน้ำใส
 
洪涛滚滚烟波杳,月淡风清九江晓。
欲从舟子问如何,但觉庐山眼中小。
 
คลื่นซัดเป็นระลอกไร้หมอกเคียง
เหนือจิ่วเจียงสายลมโลมโสมส่องใส
เหนือนาวาใคร่ปุจฉาว่าเหตุใด
หลูซานในสายตาจึงกระจ้อย
 
(九江 จิ่วเจียง คือ เจียงโจว
庐山 หลูซาน เทือกเขาสำคัญในจิ่วเจียง)
ตอนก่อนหน้า : ปล้นแดนประหาร
ตอนถัดไป : จุดจบเหล็กไนต่อ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา