20 มี.ค. เวลา 10:23 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รีวิว ETF ตอนที่ 6 INDA ลงทุนผ่าน iShares MSCI India | by หนีดอย

💰 ETF แบบ Passive ลงทุนผ่าน iShares MSCI India ETF ลงทุนในหุ้นอินเดียขนาดกลางและขนาดใหญ่ครอบคลุม 85% ของบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นอินเดียจากหลากหลายอุตสาหกรรม
💰 รีวิว ETF ก่อนหน้านี้ ผมได้พูดถึง ETF ที่ลงทุนในดัชนี S&P500 อย่าง IVV ไปแล้วในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา หากใครสนใจสามารถตามอ่านกันได้ที่
💰ก่อนอื่นมาไล่ดูกันก่อนว่า Top 10 holdings ของ ETF กองนี้มีบริษัทอะไรกันบ้างครับ โดย 10 อันดับแรกของ ETF นี้จะกินสัดส่วนอยู่ที่ราวๆ 38% โดยจะมีทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน, การเงิน, ไอที, สื่อสาร, อุตสาหกรรม กระจายกันออกไปครับ
💰หากนำแต่ละอุตสาหกรรมมาตีเป็นตัวเลขตามสัดส่วน ก็จะพบว่ามีสัดส่วนทางการเงินสูงที่สุดราวๆ 1 ใน 4 และเป็นกลุ่ม IT , Consumer discretionary เป็นอันดับ 2,3 ตามลำดับลงมา
💰ข้อมูล ETF อื่นๆ อาทิเช่น
1. มูลค่า ETF ณ 19 มี.ค.​2024 มีมูลค่าอยู่ที่ $8,845,708,638
2. เริ่มจัดตั้งตั้งแต่ 2 ก.พ. 2012
3. มีปันผล
💰ข้อดีของ ETF passive index นี้ก็คือ
1. ค่าธรรมเนียม ( fee 0.65% ต่อปี) ด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่ากองทุนต่อปี ทำให้ผลตอบแทนเมื่อระยะเวลาผ่านไปนานๆ สูงขึ้นได้มาก เพราะถูกหัก%ค่าจัดการน้อย
2. ผลตอบแทนล้อตามดัชนี MSCI India ไม่ต้องพึ่งผู้จัดการกองทุน
3. ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นรายตัว กรณีหุ้นบางตัวมีปัญหา ก็มีผลกระทบน้อย
4. มีผลตอบแทนอดีตย้อนหลังที่นานให้ตรวจสอบ ระยะเวลามากกว่า 10 ปี
6. ผลตอบแทนโดยภาพรวมในระยะยาวเอาชนะเงินเฟ้อได้ (คิดที่เงินเฟ้อ 2% ต่อปี)
ผลตอบแทนตั้งแต่ระยะ 1,3,5,10 ปี และตั้งแต่จัดตั้งกองทุน
💰ข้อเสียและความเสี่ยงใน ETF passive index แบบนี้คือ
1. ยังคงผันผวนสูงเนื่องจากเป็นหุ้น
2. ลงทุนในประเทศเดียวเท่านั้น และเป็นประเทศตลาดเกิดใหม่
3. ผลตอบแทนอาจสู้บางกองทุน หรือ หุ้น ในระยะสั้นๆ หรือระยะกลางไม่ได้ เช่นหุ้นหรือกองทุนบางตัวสามารถทำผลงานได้หลายเด้งใน 1 ปี ในขณะที่ ETF ดัชนี อาจทำไม่ได้มากเท่านั้น
4. ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินดอลลาร์สหรัฐ และ เงินรูปีอินเดีย รวมไปถึงเงินบาทไทย เพราะเราต้องแลกจากเงินบาทไทยเป็นดอลลาร์ แล้วกองจะเอาดอลลาร์ไปแลกเป็นรูปีอีกที
เปรียบเทียบผลตอบแทน  1 ปี ระหว่าง INDA (ส้ม) และ ดัชนี NIFTY50 (น้ำเงิน)
💭 ETF นี้เหมาะกับใคร
1. คนที่เชื่อในประเทศอินเดีย ประเทศที่มีประชากรแซงจีนเป็นอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน และมีตัวเลข GDP ที่โตต่อเนื่อง รวมไปถึงมีประชากรวัยทำงานเป็นจำนวนมากที่เป็นปัจจัยส่งเสริมการเติบโต GDP ในอนาคตข้างหน้า
2. คนที่ไม่อยากให้พอร์ทการลงทุนผันผวนมากเกินไป รับความเสี่ยงได้สูงระดับหนึ่ง แต่ต้องการผลตอบแทนที่ดีคุ้มความเสี่ยงและชนะเงินเฟ้อได้
3. คนที่อยากได้หุ้นใหญ่ ที่มีความต้านทานได้ทั้งช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นขาลงในตลาดเกิดใหม่
4. คนที่ไม่ค่อยมีเวลาศึกษารายละเอียดเป็นหุ้นรายตัวมากนัก
💭 ช่องทางการลงทุน
1. เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศกับโบรกเกอร์ในไทย แบบนี้สามารถซื้อขายได้ทั้งหุ้นต่างประเทศ และ ETFs ต่างประเทศ เช่น Dime, Innovest X, Liberator ตอนนี้บางโบรกเกอร์สามารถซื้อได้ฟรีค่าคอมมิชชั่น 1 ไม้ต่อเดือน เช่น Dime, Liberator ครับ
2. เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศ หลักการคล้ายๆโบรกเกอร์ของไทย แต่ค่าธรรมเนียมการซื้อขายจะถูกกว่า ผมมีเขียนบทความเรื่องนี้ไว้เฉพาะสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนหุ้นต่างประเทศว่ามีตัวเลือกโบรคเกอร์อย่างไร
3. เปิดบัญชีซื้อขายเฉพาะ ETFs กับ Jitta Wealth โดย Jitta Wealth ไม่ใช่โบรคเกอร์ แต่ Jitta Wealth จะเป็น กองทุนส่วนบุคคลที่ลงทุนในหุ้น บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่ได้ถูกจัดเป็นโบรกเกอร์ จึงไม่มีรายชื่ออยู่ในลิสต์บริษัทหลักทรัพย์
สามารถตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้ที่ https://market.sec.or.th/public/idisc/th/companyprofile/Intermediaries/0000029621
💭หากใครสนใจลงทุนใน Jitta Wealth คลิกได้เลยที่ Link : https://link.jittawealth.co/6votzlub7h
หรือคลิกที่รูปด้านล่างเพื่อเปิดบัญชีลงทุน
โฆษณา