Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
25 มี.ค. เวลา 12:49 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 95
สร้างบารมี (4) หนังสือฟ้า
กลับจากเจียงโจวขึ้นเขามาวันที่สาม ระหว่างอาหารซ่งเจียงก็ลุกขึ้นกล่าวว่า “ผู้น้อยซ่งเจียง นับแต่ได้รับความช่วยเหลือจนขึ้นเขามาเสพสุขอยู่หลายวัน ไม่รู้ว่าพ่อเฒ่าทางบ้านเป็นอย่างไรบ้าง หากเรื่องที่เจียงโจวรายงานไปยังเมืองหลวงแล้ว คงต้องมีคำสั่งมาทางเมืองจี้โจว ให้ทางอำเภอวิ่นเฉิงจับกุมครอบครัวที่บ้าน เกรงว่าพ่อเฒ่าอาจมีอันตราย ซ่งเจียงคิดว่าจะไปรับบิดาขึ้นเขามาด้วย มิทราบว่าเหล่าพี่น้องจะยอมให้ข้าไปหรือไม่”
2
เฉาไก้ว่า “น้องเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของคนเรา ไม่ใช่ว่าพวกเราเอาแต่เสพสุข ทิ้งพ่อเฒ่าทางบ้านให้รับเคราะห์กรรม ย่อมต้องให้น้องเราไป เพียงแต่ว่าพวกพี่น้องเพิ่งเหน็ดเหนื่อยกันมา งานในค่ายยังไม่เรียบร้อย รออีกสักสองวันแล้วค่อยคัดคนไปรับตัวมา”
ซ่งเจียงว่า “พี่ท่าน เกรงว่าทางเจียงโจวจะแจ้งมายังจี้โจวแล้ว เรื่องนี้มิอาจชักช้า และไม่จำเป็นต้องนำคนไปมาก ลำพังซ่งเจียงไปก็พอ ทางบ้านยังไม่รู้เรื่องราว หากไปกันมากกลับทำให้แตกตื่น”
เฉาไก้ว่า “หากเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง จะไม่มีใครช่วยได้” แต่ไม่อาจรั้งซ่งเจียงได้ จึงพากันมาส่งยังหาดทรายทอง ซ่งเจียงข้ามฝั่งมายังร้านจูกุ้ยแล้วเร่งเดินทางแวะพักระหว่างทางหนึ่งคืน ถึงหมู่บ้านในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น
ซ่งเจียงไม่เข้าบ้านในทันที ซุ่มดูลาดเลาอยู่ตลอดวัน ตกเย็นค่อยเข้าไปเคาะประตูหลัง ซ่งชิงมาเปิดประตู พอเห็นว่าเป็นซ่งเจียงก็ตกใจถามว่า
“พี่มาได้อย่างไร”
ซ่งเจียงว่า “ข้ามารับพ่อกับเจ้า”
ซ่งชิงว่า “เรื่องที่พี่ทำที่เจียงโจว ที่นี่เขารู้กันหมด ทางอำเภอให้สองตูโถวแซ่เจ้ามาเฝ้าดูอยู่ทุกวัน ทำเอาพวกเราขยับตัวไปไหนไม่ได้ รอว่าหากมีหนังสือมาจากเจียงโจว ก็จะจับพวกเราสองพ่อลูกไปขังไว้ล่อจับพี่ มีทหารมาตระเวนอยู่ร้อยกว่าคนทั้งวันคืน พี่อย่าได้รอช้า รีบไปเขาเหลียงซานเชิญเหล่าหัวหน้ามารับพวกเราขึ้นเขาดีกว่า”
ซ่งเจียงได้ฟังแล้วเหงื่อแตกไม่กล้าเข้าบ้าน ต้องกลับหลังมายังเหลียงซาน แต่เนื่องด้วยคืนนี้ฟ้ามีเมฆมากแสงจันทร์ไม่กระจ่างประกอบกับต้องเดินตามทางน้อยเลี่ยงการพบเห็นจึงจำทางไม่แม่น เดินมาได้ราวหนึ่งชั่วยามเห็นมีแสงคบไฟเป็นกลุ่มตามมาด้านหลังราวหนึ่งถึงสองลี้ มีเสียงเรียกมาว่า “ซ่งเจียงอย่าหนี”
ซ่งเจียงเดินไปคิดไปว่า “เพราะไม่ฟังเฉาไก้จึงต้องเคราะห์ร้าย สวรรค์เมตตาช่วยข้าด้วยเถิด”
พลันมีลมหอบเมฆไป จันทร์โผล่พ้นเมฆมา ซ่งเจียงมองไปด้านหน้าร้องในใจว่าแย่แล้ว ด้วยจำได้ว่าที่เห็นแต่ไกลคือ หมู่บ้านทางกลับ (หวนเต้า) 还道村 รอบด้านเป็นเขาสูง ด้านล่างเป็นลำธาร มีทางเข้าออกเพียงเส้นทางเดียวไม่มีทางอื่น ซ่งเจียงยืนอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้านคิดจะกลับหลังก็มีแสงคบไฟสว่างดุจกลางวันสกัดทางอยู่ด้านหลัง ซ่งเจียงจำต้องเข้าไปหาที่หลบในหมู่บ้าน พอผ่านดงเข้ามาก็เห็นศาลเจ้าเก่าแห่งหนึ่ง
墙垣颓损,殿宇倾斜。
两廊画壁长苍苔,满地花砖生碧草。
门前小鬼,折臂膊不显狰狞;
殿上判官,无幞头不成礼数。
供床上蜘蛛结网,香炉内蝼蚁营窠。
狐狸常睡纸炉中,蝙蝠不离神帐里。
กำแพงถลอกโล้น
ตำหนักโงนเงนเอนเอียง
ตะไคร่เต็มระเบียง
อิฐทางเดินแทรกหญ้ารก
ผีน้อยหน้าประตู
แขนหักแลดูตลก
ตุลาหน้าพื้นยก
ไร้หมวกปรกไร้แบบอย่าง
ใยแมงมุมทอเหนือแท่นบูชา
หมู่มดมาทำรังในกระถาง
ที่เตาเผาจิ้งจอกมักมาพักค้าง
ค้างคาวห้อยไม่ห่างบังตาเทพ
ซ่งเจียงผลักประตูเข้าไปหาที่ซ่อนในศาล แต่หาทั้งหน้าตำหนักหลังตำหนักแล้วไม่รู้จะซ่อนที่ไหน ได้ยินเสียงด้านนอกว่า “คงเข้าไปในศาล” ซ่งเจียงจำได้ว่าเป็นเสียงเจ้าเหนิง 赵能 ขณะลนลานอยู่นั้นก็สังเกตเห็นบนตำหนัก ฐานที่ตั้งองค์เทพมีช่องพอหลบได้ จึงแหวกม่านเข้าไปขดตัวซ่อนอยู่ใต้ฐานองค์เทพ เอากระบองสั้นพิงไว้ ไม่กล้าหายใจเสียงดัง แอบมองออกไปเห็นเจ้าเหนิง เจ้าเต๋อ 赵得 พาคนมาราวห้าสิบคนถือคบไฟเข้ามาส่องหา
ซ่งเจียงคิดว่า “ข้าเข้าตาจนเสียแล้ว ผีสางเทวดาคุ้มครองข้าด้วยเถิด” คนจำนวนมากเดินผ่านไปมา ไม่มีใครมองมายังฐานองค์เทพเลยสักคน ซ่งเจียงคิดว่า “สวรรค์โปรดแท้ๆ”
เจ้าเต๋อถือคบไฟเดินมาส่องฐานตั้งเทพที่ซ่งเจียงซ่อนตัวอยู่ ซ่งเจียงคิดว่าแย่แล้ว เจ้าเต๋อใช้ดาบแหวกม่าน ยื่นคบไฟมาส่อง เกิดกลุ่มควันปะทะหน้าจนแสบตาทำคบไฟหล่นพื้น เจ้าเต๋อเอาเท้าเหยียบให้ดับ แล้วเดินกลับออกนอกตำหนักไปกล่าวกับพวกทหารว่า “หมอนั่นไม่อยู่ในศาล ที่อื่นก็ไม่มีทางไป จะหนีไปที่ไหนได้”
พวกทหารว่า “คงเข้าไปในดง แต่ไม่ต้องกลัวจะหนีไปไหน ที่นี่เรียกหมู่บ้านทางกลับ แม้มีป่าดงและเขาสูง แต่ไม่มีทางขึ้น เข้าออกได้ทางเดียว ตูโถวให้คนเฝ้าปากทางไว้ มีปีกก็บินหนีไม่พ้น พรุ่งนี้สว่างแล้วค่อยๆ ค้นใหม่”
ซ่งเจียงคิดว่าพ้นแล้ว ได้ยินเสียงทหารหลายคนบอกว่า “ตูโถว คงอยู่ที่นี่แหละ บนประตูมีรอยมือผลักใหม่ๆ อยู่ ต้องเข้าไปด้านในแน่”
เจ้าเหนิงว่า “พูดถูก ลองหาอีกรอบ” ต่างหากันใหม่ทั้งหน้าหลังตำหนักก็ไม่พบ
เจ้าเหนิงว่า “คงอยู่ใต้ฐาน เมื่อกี้น้องเราไม่ได้ดู” แล้วแหวกม่านขึ้น ทหารห้าคนยื่นหน้าเข้ามา ก็พลันมีลมหมุนออกจากใต้ฐานพัดเอาคบไฟดับ เหลือควันดำลอยตลบศาลมองกันไม่เห็น
เจ้าเหนิงว่า “แปลกจริง ลมทำไมพัดจากข้างในได้ คงเป็นองค์เทพแสดงอิทธิฤทธิ์ พวกเราเฝ้าปากทางไว้เถอะ รอสว่างค่อยมาดูใหม่”
เจ้าเต๋อว่า “ลองเอาทวนเขี่ยๆ ดูที่ฐาน”
เจ้าเหนิงว่า “ก็ดี”
พอจะเข้ามาตรวจ ก็เกิดลมพายุหมุนขึ้นหลังตำหนักแรงจนตำหนักสั่นไหว หอบเอาดินทรายขึ้นคละคลุ้ง รู้สึกหนาวเย็นจนขนลุก เจ้าเหนิงเห็นท่าไม่ดี จึงบอกเจ้าเต๋อว่า “ไปกันเถิด องค์เทพพิโรธแล้ว” จึงพากันเร่งหนีออกจากศาล ทหารบางคนโดนกิ่งไม้พันเสื้อไว้วิ่งไม่ได้ต้องช่วยแกะกันชุลมุน กว่าจะออกไปได้อย่างทุลักทุเล แล้วต่างก็แยกกันเฝ้าปากทางไว้
ซ่งเจียงคิดว่า “ถึงไม่ถูกจับ แต่ก็ออกจากหมู่บ้านไม่ได้” กำลังอับจนหนทางอยู่พลันมีเสียงคนมาจากหลังตำหนัก
ซ่งเจียงคิดว่าแย่แน่ มองไปเห็นเป็นเด็กสองคนใส่ชุดเขียวเดินมาอยู่ข้างแท่นบูชากล่าวว่า “ผู้น้อยรับพระบัญชาพระแม่เจ้ามาเชิญท่านประมุขดาว 星主 ไปสนทนา”
ซ่งเจียงไม่กล้าส่งเสียงและไม่ยอมออกมา จึงได้ยินอีกว่า “ท่านประมุขดาวซ่งอย่าได้รอช้า พระแม่เจ้าทรงรอนานแล้ว”
ซ่งเจียงฟังแล้วเสียงนั้นแหลมเล็กไม่ใช่เสียงผู้ชายจึงลอบมองดูเห็นเป็นเด็กหญิงสองคนใส่ชุดเขียว แล้วก็ได้ยินเสียงเตือนมาอีกว่า
“ท่านประมุขดาวซ่ง พระแม่เจ้าทรงเชิญ”
ซ่งเจียงจึงออกมาแหวกม่านดูเห็นเป็นเด็กหญิงเกล้าผมเป็นก้นหอยแต่งชุดเขียว งดงามราวเทพธิดา
朱颜绿发,皓齿明眸。
飘飘不染尘埃,耿耿天仙风韵。
螺蛳髻山峰堆拥,凤头鞋莲瓣轻盈。
领抹深青,一色织成银缕;
带飞真紫,双环结就金霞。
依稀阆苑董双成,仿佛蓬莱花鸟使。
หน้านวลแดงเปล่งปลั่งผมเผ้าเขียว
ฟันเรียบเรียงเรียวงามกระจ่างขาว
ดั่งฟูฟ่องล่องลอยไร้ราคีคาว
ดุจราวเซียนสมสง่ามีราศี
มวยผมเกล้าก้นหอยดุจดอยผา
รองบาทาหัวหงส์กลีบบัวคลี่
ปักดิ้นเงินผ้าพันคอทอเขียวขจี
ประคดเอวสีม่วงห่วงผมทอง
ผองเทพธิดาล่างย่วนดินแดนสรวง
ฤาเปรียบปวงเทวทูตเกาะเผิงไหล
(ล่างย่วน 阆苑 ที่สถิตของพระแม่ซีหวาง 西王母 หรือแดนสวรรค์ทางตะวันตก
เผิงไหล 蓬莱 ที่สถิตเหล่าเทพและเซียน เกาะสวรรค์ทางตะวันออก)
ซ่งเจียงกล่าวว่า “เทพธิดาน้อยท่านผิดไปแล้ว ข้าแซ่ซ่งชื่อเจียง หาใช่ประมุขดาวไม่”
“ไม่ผิดดอก ท่านประมุขดาวเชิญเถิด”
“พระแม่เจ้าองค์ใดกัน ยังมิเคยกราบบูชา จะไปได้อย่างไร”
“ท่านประมุขดาวไปถึงย่อมรู้ มิพักต้องถาม”
เทพธิดาชุดเขียวนำทางลงตำหนักมายังประตูมุมกำแพงด้านหลัง พอก้าวข้ามประตูก็เห็นฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวล้อมจันทร์ ดงไผ่และไม้ครึ้มงาม เดินต่อไปพบถนนกว้างลักษณะเป็นหลังเต่าขนาบด้วยต้นสนยักษ์ขึ้นเป็นระเบียบ จนซ่งเจียงแปลกใจที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีถนนใหญ่แถวนี้
เดินตามทางไปได้ไม่ถึงหนึ่งลี้ ได้ยินเสียงน้ำลำธารไหล เห็นสะพานศิลาเขียวลูกกรงแดงแห่งหนึ่ง บนตลิ่งมีไม้ดอกไม้พุ่มแปลกตา ต้นสน กอไผ่ ต้นหลิ่ว ท้อสวรรค์แซมสลับชะอุ่มงาม ใต้สะพานสายธารสีเงินยวงราวหิมะไหลรินเป็นระลอกหายเข้าไปในถ้ำ ข้ามสะพานไปสองข้างเป็นไม้พิสดารขนาบประตูหลิงซิง 棂星门 (ซุ้มประตูหลายช่องหลังคาลดหลั่นกัน) สีแดงขนาดใหญ่ เดินลอดประตูเงยหน้ามองเห็นราชวังแห่งหนึ่ง
ซ่งเจียงแปลกใจอีกว่า “ข้าเป็นคนวิ่นเฉิง ไม่เคยรู้เลยว่ามีสถานที่นี้”
เทพธิดาชุดเขียวนำทางผ่านประตูเข้าไปยังอุทยานมังกร ระเบียงสองด้านมีเสาสีแดงมีมู่ลี่แขวนอยู่สวยงาม ตรงกลางเป็นตำหนักใหญ่จุดตะเกียงสว่างไสว ซ่งเจียงขึ้นมายังชานชาลาหน้าตำหนัก เทพธิดาชุดเขียวที่อยู่ในตำหนักกล่าวว่า “พระแม่เจ้าเชิญท่านประมุขดาวเข้าด้านใน”
ซ่งเจียงก้าวเข้าในตำหนัก ขนพลันลุกซู่ ผิวเนื้อสั่นระริก บนพื้นปูอิฐลายหงส์มังกร เทพธิดาชุดเขียวกล่าวว่า “เชิญท่านประมุขดาวบนแท่น”
ซ่งเจียงก้าวขึ้นบนแท่นหน้าพระวิสูตร ก้มกราบคารวะ “ข้าพระองค์เป็นเพียงสามัญชน ยังหาได้รู้จักพระแม่เจ้า ขอทรงโปรดมีพระกรุณา”
มีพระบัญชาจากหลังพระวิสูตรให้นั่งได้ แต่ซ่งเจียงยังคงคุกเข่าไม่กล้าเงยหน้า จนเทพธิดาชุดเขียวสี่นางต้องมาพยุงให้ลุกขึ้นนั่งบนเบาะ แล้วเปิดพระวิสูตรขึ้น เห็นบนตำหนักล้วนเครื่องทองประดับหยก ตะเกียงมังกรเทียนหงส์สว่างไสว เทพธิดาชุดเขียวยืนเรียงรายอยู่สองข้างชูธวัชพัชนี พระแม่เจ้าประทับบนพระแท่นนวมังกรสัตตรัตน์ 七宝九龙床 ทรงประทานสุราและพุทราให้ซ่งเจียงถึงสามรอบ จนซ่งเจียงเกรงว่าจะเมาแล้วเสียการจึงทูลว่าดื่มต่อไม่ไหว ส่วนพุทราที่กินเหลือเมล็ดนั้น ซ่งเจียงไม่กล้าทิ้งเรี่ยราดจึงกำไว้
พระแม่เจ้าให้เทพธิดาชุดเขียวอัญเชิญอักษรสวรรค์สามม้วนประทานให้ซ่งเจียง ซ่งเจียงเห็นแต่ละม้วนยาวห้านิ้ว กว้างสามนิ้ว หนาสามนิ้ว จึงเก็บเข้าในแขนเสื้อยังไม่กล้าเปิดดู
พระแม่เจ้ามีรับสั่งว่า หนังสือฟ้าทั้งสามม้วนนี้ ให้ซ่งเจียงยึดหลัก
替天行道为主,全忠仗义为臣,辅国安民,去邪归正 。
ฐานะประมุขผดุงธรรมแทนฟ้า
ฐานะขุนนางซื่อสัตย์ภักดี
ปกป้องบ้านเมืองอนุบาลประชาชี
กำจัดพาลีคืนความยุติธรรม
พระแม่เจ้ามีรับสั่งประทานเทพทำนาย 天言 สี่วรรคให้ซ่งเจียงจดจำไว้ดำเนินชีวิตว่า
遇宿重重喜,逢高不是凶。
外夷及内寇,几处见奇功。
พบซู่ดีหนักหนา
ปะเกาหาร้ายไม่
ต่างด้าวและโจรใน
หลากหลายได้สัมฤทธิ์
สำหรับการใช้หนังสือฟ้าสามม้วน 三卷天书 นั้น พระแม่เจ้ารับสั่งว่า
“เทพจักรพรรดิหยก (เง็กเซียนฮ่องเต้) ทรงเห็นว่าท่านประมุขดาวยังมิทันละจิตมาร ด้วยปฏิบัติธรรมยังมิบรรลุ จึงลงโทษให้ไปจุติ อีกไม่นานคงได้กลับคืนสถาน แต่มิควรชะล่าใจ มิฉะนั้นหากพลัดสู่เฟิงตู 酆都 (เมืองผี) ข้าก็มิอาจช่วยท่านได้ อักษรสามม้วนนี้ ควรศึกษาจนคุ้นเคย และอาจให้ดาวเทียนจี 天机星 (หมายถึงอู๋ย่ง) ร่วมศึกษาได้ แต่ผู้อื่นนั้นต้องห้าม สำเร็จภารกิจวันใดให้เผาทิ้งเสีย อย่าปล่อยไว้ในพิภพ วาจากำชับนี้ ท่านจงจำให้ขึ้นใจ บัดนี้มีฟากฟ้ากั้น มิอาจรั้งท่านไว้นาน ท่านนั้นควรรีบกลับ”
ซ่งเจียงขอบพระทัยพระแม่เจ้าแล้วตามเทพธิดาชุดเขียวลงจากตำหนักผ่านประตูหลิงซิงมาถึงสะพานศิลา เทพธิดาชุดเขียวว่า “ก่อนหน้านี้หากพระแม่เจ้ามิช่วยไว้ ท่านคงถูกจับกุม แต่ถึงพรุ่งนี้ยามฟ้าสาง ท่านก็จะพ้นภัย ท่านเห็นมังกรสองตัวเล่นน้ำอยู่ใต้สะพานนี้ไหม”
ซ่งเจียงก้มลงมองก็เห็นมังกรสองตัวจริง เทพธิดาชุดเขียวผลักซ่งเจียงลงน้ำไป ซ่งเจียงร้องลั่นกระแทกเข้ากับด้านในฐานองค์เทพ ที่แท้แค่ฝันไป
ตอนก่อนหน้า : จัดลำดับแบบใหม่
https://www.blockdit.com/posts/65fd769747b8e09bf57427cd
ตอนถัดไป : กงซุนเสิ้งอำลา
https://www.blockdit.com/posts/66041bd1285d5d68de18a2bd
1 บันทึก
2
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย