29 มี.ค. เวลา 12:04 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 97

พายุหมุนดำ หลี่ขุย (1) พายุหมุนดำจำแลง
เมื่อหลี่ขุยออกเดินทางไปแล้ว เหล่าหัวหน้ากลับขึ้นมานั่งชุมนุมที่โถงร่วมธรรม ซ่งเจียงรู้สึกไม่วางใจกล่าวว่า “น้องหลี่ขุยผู้นี้ ไปครั้งนี้คงมีเรื่อง ในพวกพี่น้องเรา ใครเป็นคนบ้านเดียวกับเขา ว่าจะให้ตามไปฟังข่าวคราว”
ตู้เชียนว่า “จูกุ้ยเป็นคนอำเภออี๋สุ่ยเมืองอี๋โจว บ้านเดียวกัน”
ซ่งเจียงว่า “ข้าก็ลืมไป วันก่อนชุมนุมกันที่ศาลมังกรขาว หลี่ขุยจำได้เองว่าจูกุ้ยเป็นคนบ้านเดียวกัน”
ซ่งเจียงจึงให้ลิ่วล้อไปเชิญจูกุ้ยมาจากร้านอาหาร พอมาถึงก็ว่า “ตอนนี้ น้องหลี่ขุยกลับไปรับแม่เฒ่าที่บ้าน เพราะว่าเขาเป็นคนที่เมาแล้วมักอาละวาดจึงไม่กล้าใช้ใครไปด้วย กลัวจะไปก่อเรื่อง ทราบว่าน้องเราเป็นคนบ้านเดียวกัน จะให้ช่วยไปฟังข่าวดูสักหน่อย”
จูกุ้ยตอบว่า “ผู้น้องเป็นชาวอำเภออี๋สุ่ยเมืองอี๋โจว มีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าจูฟู่ 朱富 เปิดร้านอาหารอยู่นอกประตูเมืองทางตะวันตกของอำเภอ ส่วนหลี่ขุยอยู่หมู่บ้านไป่จ้าง ทางตะวันออกของร้านสกุลต่ง (ต่งเตี้ยนตง) 百丈村董店东 มีพี่ชายชื่อหลี่ต๋า 李达 รับจ้างทำนาปี หลี่ขุยมีนิสัยดุร้ายมาแต่เล็ก ตีคนตายจึงหนีไปท่องวงนักเลงไม่เคยกลับบ้านเลย ตอนนี้จะให้ผู้น้องไปฟังข่าวได้ไม่เป็นไร แต่จะให้ใครเฝ้าร้าน ผู้น้องเองก็ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว อยากกลับไปเยี่ยมสักหนเช่นกัน”
ซ่งเจียงว่า “ทางร้านไม่ต้องห่วง ข้าจะให้โหวเจี้ยน สือหย่งไปดูแลแทนชั่วคราว” จูกุ้ยจึงไปอำลาเหล่าหัวหน้า ฝากร้านให้โหวเจี้ยน สือหย่ง แล้วเดินทางไปยังอี๋โจว
ทางด้านหลี่ขุยเดินทางตามลำพังมายังอำเภออี๋สุ่ย งดเหล้ามาตลอดทาง มาถึงอี๋สุ่ยทางประตูตะวันตกเห็นคนมุงดูประกาศอยู่ก็ไปมุงด้วย ได้ยินคนอ่านให้ฟังกันว่า “โจรลำดับที่หนึ่ง ซ่งเจียง ชาวอำเภอวิ่นเฉิง โจรลำดับที่สอง ไต้จง พัศดีสองที่ว่าการเมืองเจียงโจว โจรลำดับที่สาม หลี่ขุย ชาวอำเภออี๋สุ่ย”
ทันใดนั้น มีคนรั้งเอวหลี่ขุยไว้กล่าวว่า “พี่จาง มาทำอะไรที่นี่” หลี่ขุยเหลียวมาดูเห็นเป็น ตะเข้ดอนจูกุ้ยจึงถามว่า “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
จูกุ้ยว่า “ท่านตามข้ามา”
ทั้งสองเข้ามาหาที่นั่งในร้านอาหารใกล้ประตูตะวันตก จูกุ้ยชี้หลี่ขุยว่า “ท่านใจกล้านัก ประกาศเขียนอยู่ว่ามีรางวัลนำจับซ่งเจียงหนึ่งหมื่นก้วน ไต้จงห้าพันก้วน หลี่ขุยสามพันก้วน ท่านยังกล้าไปยืนดู เจอคนหูตาไวหน่อยไปแจ้งจับจะทำอย่างไร พี่ซ่งกงหมิงกลัวท่านจะก่อเรื่องจึงไม่ให้ใครมาด้วย แต่อดห่วงไม่ได้ ให้ข้าตามหลังมาฟังข่าว ข้าลงเขาหลังท่านหนึ่งวัน แต่กลับมาถึงก่อนหนึ่งวัน ท่านหายไปไหนมา”
หลี่ขุยว่า “พี่เขาสั่งไม่ให้ข้าดื่มเหล้า ข้าถึงได้เดินทางช้า แล้วนี่ท่านรู้จักร้านนี้ได้อย่างไร ท่านก็เป็นคนที่นี่ บ้านอยู่ที่ไหน”
จูกุ้ยว่า “ร้านนี้คือบ้านของน้องชายข้า จูฟู่  ข้าเองก็เป็นคนที่นี่ ออกท่องวงนักเลง ค้าขายขาดทุน จึงไปเป็นโจรที่เขาเหลียงซาน เพิ่งจะได้กลับมาก็ครั้งนี้”
จูกุ้ยจึงเรียกจูฟู่มาทำความรู้จักกับหลี่ขุย แล้วให้จัดสุราอาหารมาเลี้ยง หลี่ขุยว่า “พี่เขาสั่งไว้ไม่ให้ดื่มเหล้าระหว่างเดินทาง นี่ข้ามาถึงบ้านแล้ว ดื่มสักสองชามจะเป็นไร”
1
คืนนั้นดื่มกันจนยามสี่ จึงหาอะไรกินรองท้องอีก พอยามห้าฟ้าสางหลี่ขุยก็จะเข้าเมือง
จูกุ้ยว่า “อย่าใช้ทางเล็ก เดินเลี้ยวต้นไม้นี่ใช้ทางใหญ่ตรงไปทางตะวันออก เดี๋ยวก็ถึงบ้านไป่จ้าง ต่งเตี้ยนตง รีบไปรับมารดาท่านขึ้นเขาไป”
หลี่ขุยว่า “ทางเล็กใกล้กว่า ทำไมต้องไปทางใหญ่”
จูกุ้ยว่า “ทางเล็กมักมีเสือผ่าน ทั้งยังมีพวกโจรดักปล้นชิงทรัพย์”
หลี่ขุยว่า “ข้าต้องกลัวนกเขามันหรือ”
หลี่ขุยสวมหมวกถือดาบอำลาจูกุ้ย จูฟู่ไปบ้านไป่จ้าง เดินมาได้ราวสิบลี้ ฟ้าสว่างแล้ว มีกระต่ายขาวตัวหนึ่งโผล่มาบนลานหญ้าแล้วออกวิ่งนำทางไปข้างหน้า หลี่ขุยออกวิ่งตาม หัวเราะว่า “เดรัจฉานนี่มานำทางข้าหรือ”
山径崎岖静复深,西风黄叶满疏林。
偶因逐兔过前界,不记仓忙行路心。
ทางภูเขาขรุขระเงียบสงัด
ลมประจิมพัดใบเหลืองปลิวเกลื่อนป่า
ให้เผอิญพบกระต่ายวิ่งนำหน้า
เร่งไล่ล่าหาได้ใส่ใจทาง
หลี่ขุยวิ่งอยู่นั้น เห็นดงไม้ด้านหน้ามีราวห้าสิบต้น พอมาถึงริมดง มีคนโผล่ออกมาตะคอกว่า “ทิ้งค่าผ่านทางไว้อย่าให้ข้าต้องไปชิง”
หลี่ขุยเห็นชายผู้นั้นโพกผ้าแดง สวมผ้าหยาบ ถือขวานคู่ เอาหมึกดำทาหน้า จึงตะคอกกลับไปว่า “เอ็งเป็นใคร กล้ามาดักชิงทรัพย์แถวนี้”
ชายผู้นั้นว่า “หากรู้ชื่อข้าคงกลัวจนขวัญหนี พ่อคือพายุหมุนดำ ทิ้งเงินและห่อผ้าไว้ จะไว้ชีวิตเจ้า”
หลี่ขุยหัวเราะลั่น “แม่งไม่มีโชคนกเขาหรอก เอ็งเป็นใครจากไหนวะ กล้าอ้างชื่อพ่อมาหากินแถวนี้”
หลี่ขุยเงื้อดาบวิ่งเข้าใส่ ชายผู้นั้นย่อมสู้ไม่ได้จะวิ่งหนี หลี่ขุยใช้ดาบฟาดหน้าแข้งล้มลง ตามเข้าเหยียบอกตะคอกใส่ “จำพ่อได้ไหม”
ชายผู้นั้นร้องว่า “พ่อไว้ชีวิตลูกด้วย”
หลี่ขุยว่า “ข้านี่แหละเว้ย พายุหมุนดำหลี่ขุยตัวจริงในวงนักเลง เอ็งบังอาจลบหลู่ชื่อพ่อ”
ชายผู้นั้นว่า “ผู้น้อยก็แซ่หลี่ แม้ไม่ใช่พายุหมุนดำตัวจริง แต่ชื่อพ่อท่านดังก้องวงนักเลง พออ้างชื่อ ผีสางต่างกลัว ผู้น้อยจึงอาศัยชื่อท่านพ่อออกดักชิงทรัพย์ ใครมาคนเดียว พอได้ยินพายุหมุนดำสามคำ ก็ทิ้งข้าวของหนีกันหมด ได้อาศัยหากินแบบนี้แต่ไม่เคยทำร้ายใครจริง ผู้น้อยมีชื่อจริงว่า หลีกุ่ย 李鬼 อาศัยอยู่หมู่บ้านข้างหน้านี้”
หลี่ขุยว่า “เจ้ามันบังอาจ แอบอ้างเป็นข้าคอยดักชิงทรัพย์ทำลายชื่อเสียงของข้า ใช้ขวานคู่เลียนแบบอีก ให้เจ้าเจอของจริงสักเล่มหนึ่ง” แล้วก็ชิงเอาขวานไปเล่มหนึ่งเงื้อขึ้น
หลีกุ่ยว่า “พ่อท่านฆ่าข้าหนึ่ง เท่ากับฆ่าสองคน”
หลี่ขุยยั้งมือไว้ว่า “ยังไงกัน ฆ่าหนึ่งเท่ากับฆ่าสอง”
หลีกุ่ยว่า “แต่แรกผู้น้อยก็ไม่คิดดักชิงทรัพย์ แต่ที่บ้านมีแม่เฒ่าอายุเก้าสิบไม่มีปัญญาเลี้ยง จึงต้องเอาชื่อพ่อท่านไปขู่ชาวบ้าน ชิงข้าวของไปเลี้ยงดูแม่เฒ่า แต่อันที่จริงยังไม่เคยทำร้ายใครเลย หากพ่อท่านฆ่าข้าตอนนี้ แม่เฒ่าก็ต้องอดตายไปด้วย”
หลี่ขุยแม้จะเป็นจอมมารที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา แต่พอได้ฟังก็สะท้อนตนเอง “ข้าเองก็กลับมารับแม่ จะฆ่าคนที่เลี้ยงดูแม่ เดี๋ยวฟ้าคงไม่ช่วยเหลือ พอ พอ ไว้ชีวิตไอ้หมอนี่ละกัน” จึงปล่อยหลีกุ่ยเสีย หลีกุ่ยทูนขวานเหนือหัวกราบคารวะ
หลี่ขุยว่า “มีแต่ข้าที่เป็นพายุหมุนดำ นับแต่นี้ห้ามทำข้าเสียชื่อ”
หลีกุ่ยว่า “ผู้น้อยรอดชีวิตครั้งนี้ กลับไปจะเปลี่ยนอาชีพ ไม่อ้างชื่อพ่อท่านไปปล้นชิงใครอีก”
หลี่ขุยว่า “เจ้ามีใจกตัญญู ข้าช่วยเจ้าสิบตำลึงเอาไปทำทุนตั้งตัวใหม่” หลี่กุ่ยรับเงินแล้วลาไป
หลี่ขุยหัวเราะกับตัวเองว่า “ไอ้หมอนี่มาตกอยู่ในมือข้า  ดีที่มันกตัญญู ควรไปเปลี่ยนอาชีพเสีย นี่ถ้าข้าฆ่ามัน คงผิดเจตนาฟ้า” หลี่ขุยรุดหน้ามาตามทางน้อย
李逵迎母却逢伤,李鬼何曾为养娘。
可见世间忠孝处,事情言语贵参详。
หลี่ขุยมารับแม่พบเรื่องแย่
หลีกุ่ยเคยเลี้ยงแม่เสียที่ไหน
เห็นอ้างว่ากตัญญูรู้คุณไซร้
ใช่หรือไม่ต้องตรองให้ถ่องแท้
เดินมาถึงยามสื้อ 巳牌 (10:00 น.) ทั้งหิวทั้งกระหาย รอบด้านมีแต่ป่าเขา ร้านรวงสักแห่งก็ไม่มี มองมองดูเห็นกระท่อมหญ้าสองหลังแต่ไกล หลี่ขุยรีบเดินตรงมาเห็นหญิงผู้หนึ่งเดินมาจากด้านหลัง ผมแซมดอกไม้ป่า หน้าพอกแป้ง หลี่ขุยวางดาบทักว่า “อาซ้อ ข้าผ่านทางมา หิวจนท้องกิ่วแล้ว แถวนี้ร้านอาหารก็ไม่มี วานท่านช่วยหาสุราอาหารให้ที ข้าให้หนึ่งก้วนจะได้ไหม”
หญิงผู้นั้นดูสารรูปหลี่ขุยแล้ว ไม่กล้าปฏิเสธ บอกว่า “เหล้าน่ะไม่มี แต่ข้าวทำให้ได้”
หลี่ขุยว่า “ก็ได้ แต่ช่วยทำเยอะหน่อย”
“ข้าวสักหนึ่งเซิง 升 (1,500 กรัม) น่าจะพอละมัง”
“เอามาสามเซิงเลย”
นางจึงไปก่อไฟในห้องครัว แล้วเอาข้าวสารไปซาวที่ลำธาร
หลี่ขุยเดินไปหลังบ้านจะไปล้างมือ แลเห็นชายผู้หนึ่งกะโผลกกะเผลกมาจากหลังเขา หลี่ขุยจึงหยุดแอบฟังที่หลังบ้าน หญิงผู้นั้นกำลังจะขึ้นเขาไปเก็บผักเห็นเข้าจึงทักว่า “พี่ใหญ่ ขาไปโดนอะไรมา”
ชายผู้นั้นตอบว่า “ซ้อใหญ่ ข้าเกือบไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีกแล้ว รู้ไหมข้าโชคร้ายจริง ไปดักรอคนที่เดินทางมาคนเดียว รออยู่ครึ่งค่อนเดือนเพิ่งเจอเข้าวันนี้ แล้วรู้ไหมใคร พายุหมุนดำตัวจริง แล้วข้าจะไปสู้อะไรเขาได้ มันเอาดาบฟาดข้าล้มแล้วจะฆ่าข้า ข้าเลยแกล้งบอกไปว่ามีแม่อายุเก้าสิบต้องเลี้ยงดู มิเช่นนั้นจะอดตาย ไอ้นกเขาลาโง่นั่นเชื่อว่าจริง จึงไว้ชีวิตข้า แล้วยังให้เงินข้าไปทำทุน เปลี่ยนอาชีพไปเลี้ยงแม่ ข้ากลัวมันจะนึกขึ้นได้แล้วไล่ตามมา เลยหลบไปนอนอยู่ในป่าเสียงีบหนึ่ง แล้วค่อยกลับมาทางหลังเขานี่แหละ”
หญิงผู้นั้นว่า “อย่าเสียงดังไป เมื่อกี้มีชายตัวดำคนหนึ่งมาที่บ้าน ให้ข้าช่วยหุงข้าว ดีไม่ดีจะเป็นเขา ตอนนี้นั่งอยู่หน้าบ้าน ท่านแอบไปมองมองดู ถ้าใช่ ข้าจะได้วางยาในผักให้เขากิน พอหมดสติแล้ว พวกเราก็จัดการเสียแล้วริบเงินทองที่มีย้ายเข้าเมืองไปค้าขาย ดีกว่ามาดักปล้นเขาแบบนี้”
1
หลี่ขุยแอบได้ยินก็คิดว่า “ไอ้หมอนี่ ข้าไว้ชีวิตมันแล้วยังให้เงินมัน มันกลับคิดจะแว้งกัดข้า” หลี่ขุยจึงเดินออกมาจากที่หลบอยู่ประจวบกับหลีกุ่ยเดินมา หลี่ขุยจึงจกมวยผมหลีกุ่ยไว้ หญิงผู้นั้นเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งหนีออกหน้าประตูไป หลี่ขุยจับหลีกุ่ยกดลงกับพื้น ชักดาบข้างเอวออกมาตัดหัวเสีย แล้วถือดาบออกมาหน้าประตู แต่ไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นวิ่งหนีไปทางไหนแล้ว จึงกลับเข้าค้นในบ้าน เจอตะกร้าใส่เสื้อผ้าเก่าๆ เศษเงินและกำไล เลยเก็บหมด แล้วกลับมาค้นเอาเงินสิบตำลึงที่ศพหลีกุ่ย เก็บทั้งหมดเข้าในห่อผ้า
หลี่ขุยไปดูในหม้อเห็นข้าวสามเซิงนั้นสุกแล้ว จึงตักมากิน กินกินไปแต่ไม่มีกับ แล้วก็ยิ้มนึกขึ้นมาได้ว่า “โง่จริง เนื้ออย่างดีอยู่ตรงหน้า ทำไมไม่กิน”
หลี่ขุยชักดาบมาเชือดเนื้อน่องหลีกุ่ยสองชิ้น นำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วเอาขึ้นย่างบนเตา ย่างไปกินไปจนอิ่ม แล้วลากเอาศพหลีกุ่ยเข้าไว้ในบ้าน จุดไฟเผาบ้านทิ้งเสีย คอนดาบพอเตา 朴刀 เดินไปตามทางภูเขา
ตอนก่อนหน้า : กงซุนเสิ้งอำลา
ตอนถัดไป : สังหารสี่พยัคฆ์ที่อี๋หลิ่ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา