8 เม.ย. เวลา 13:12 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 101

กวนสว่ออมโรค (1) ตุลาการหน้าเหล็ก
ไต้จงใช้ผ้ายันต์ม้าสี่ผืนเสกคาถาเดินหน เดินทางด้วยอาคมสามวันมาถึงอำเภออี๋สุ่ย ได้ฟังคนคุยกันว่า “วันก่อน พายุหมุนดำหนีไปได้ ทำร้ายคนไปจำนวนมาก แม้แต่ท่านตูโถวหลี่หยุนก็หายไปไร้ร่องรอย ตอนนี้ยังจับตัวไม่ได้” ไต้จงฟังแล้วแอบหัวเราะ
ในวันนั้นก็ออกเดินทางต่อ ระหว่างทางเห็นชายผู้หนึ่งแต่ไกลถือทวนเหล็กด้ามพู่กัน 浑铁笔管枪 เห็นไต้จงเดินเร็วประหลาดจึงหยุดยืนตะโกนเรียกว่า “จอมเวทเทพเดินหน”
ไต้จงได้ยินเรียกจึงหันมาเพ่งมองเห็นชายร่างใหญ่ ศีรษะกลมใบหูใหญ่ จมูกตรงปากกว้าง คิ้วและตาเรียว เอวคอดไหล่กว้าง ยืนอยู่ข้างทางเล็กบนลาดเขา ไต้จงหันกลับมาถามว่า “ท่านผู้กล้ายังไม่เคยคารวะทำความรู้จัก เหตุใดจึงเรียกชื่อข้า”
ชายผู้นั้นว่า “ใต้เท้าคือจอมเวทเทพเดินหนจริงด้วย” จึงทิ้งทวน ก้มคารวะกับพื้น ไต้จงรีบพยุงให้ลุกขึ้นแล้วคารวะตอบ สอบถามว่า “ใต้เท้ามีนามใด”
ชายผู้นั้นตอบว่า “ผู้น้องแซ่หยาง 杨 ชื่อหลิน 林 เป็นชาวเมืองจางเต๋อ 彰德府 ตอนนี้เป็นโจร วงนักเลงเรียกผู้น้องว่า เสือดาวขนแพรหยางหลิน 锦豹子杨林 หลายเดือนก่อน ได้พบท่านอาจารย์กงซุนเสิ้งในร้านอาหาร เล่าให้ฟังว่าท่านเฉาและซ่ง เขาเหลียงซาน ทรงคุณธรรม ผูกสมัครผู้มีความสามารถทั่วหล้า ท่านได้เขียนหนังสือให้ผู้น้องฉบับหนึ่งสำหรับนำไปขอสมัครเข้าเป็นพวก
ท่านอาจารย์กงซุนบอกว่าที่ปากทางเข้าหมู่บ้านสกุลหลี่ จูกุ้ยเปิดร้านอาหารเชิญชวนเหล่าผู้กล้า ในกลุ่มหัวหน้ามีผู้ที่เดินทางได้รวดเร็วเรียกว่า จอมเวทเทพเดินหนไต้ย่วนจ่าง วันหนึ่งอาจเดินทางได้แปดร้อยลี้ วันนี้เห็นท่านเดินต่างจากธรรมดาจึงลองทักท่านดู นับเป็นบุญได้พบโดยไม่คาดหมาย”
ไต้จงว่า “ผู้น้อยจะไปจี้โจวก็ด้วยเรื่องท่านอาจารย์กงซุนเสิ้งนี่แหละ ไม่มีข่าวคราวนานแล้ว ท่านพี่เฉาซ่งจึงมีบัญชาให้มาหาข่าวคราว และเชิญท่านกลับค่าย”
หยางหลินว่า “แม้ผู้น้องจะเป็นคนจางเต๋อ แต่แถวจี้โจวก็ไปมาทะลุปรุโปร่ง หากพี่ท่านไม่ว่ากระไร ผู้น้องจะขอตามไปด้วย”
“หากท่านจะไปด้วยก็นับว่าโชคดียิ่งนัก เมื่อพบท่านอาจารย์กงซุนแล้วจะได้ขึ้นเขาพร้อมกัน”
หยางหลินดีใจยิ่งและขอสาบานเป็นพี่น้องกับไต้จง ไต้จงถอดผ้ายันต์ม้าแล้วเดินทางปกติไปด้วยกัน จนกระทั่งเย็นหาที่พักแรมได้แล้ว หยางหลินก็ขอเลี้ยงสุราอาหาร ไต้จงบอกว่า “ข้าใช้คาถาเทพเดินหน มิอาจกินของคาว” ทั้งคู่จึงกินเป็นอาหารมังสวิรัติ
เช้าวันรุ่งขึ้น พอจะออกเดินทาง หยางหลินว่า “พี่ท่านใช้คาถาเทพเดินหนเดินทาง ผู้น้องจะตามทันได้อย่างไร เกรงว่าจะร่วมทางไม่ได้”
ไต้จงหัวเราะแล้วว่า “คาถาเทพเดินหนของข้านี้พาคนไปด้วยได้ ข้าผูกผ้ายันต์ม้าไว้ที่ขาท่านสองผืน เสกคาถาแล้วท่านก็เดินทางได้เช่นข้า เพียงแต่ข้าต้องกินอาหารมังสวิรัติเท่านั้น” ไต้จงจึงผูกผ้ายันต์ให้หยางหลินสองผืน ผูกของตัวเองสองผืนแล้วเสกคาถา ก็สามารถเดินทางได้เสมอกัน จะเร็วจะช้าสุดแต่ไต้จง เวลาเดินทางกันไปสนทนากันไปได้เหมือนคนเดินทางปกติ ไม่รู้ตัวว่าเดินทางได้ระยะทางเท่าไร
ทั้งสองเดินทางกันจนยามสื้อ 巳牌 ล่วงเข้าเขตหนึ่ง รอบด้านล้วนภูเขาสูง มีเส้นทางผ่านเพียงเส้นทางเดียว หยางหลินจำได้จึงบอกไต้จงว่า “พี่ท่านที่นี่เรียกว่า ธารให้น้ำม้า (อิ๋นหม่าชวน) 饮马川 ข้างหน้าเป็นเขาสูงมักมีโจรส้องสุมอยู่ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นเช่นไร ชัยภูมิที่นี่มีทั้งเขาและน้ำโอบล้อมอยู่จึงเรียกว่า ธารให้น้ำม้า”
ทั้งสองเพิ่งมาถึงข้างเขาก็ได้ยินเสียงกลองและม้าล่อดัง ลิ่วล้อราวสองร้อยคนออกมาขวางทางไว้ มีตัวนายสองคนถือดาบพอเตา 朴刀 ตวาดมาว่า “ผู้ที่มาจงหยุด เจ้าเป็นนกเขาไรจะไปไหนกัน ถ้ารู้ความก็ทิ้งค่าผ่านทางไว้ จะไว้ชีวิตเจ้า”
หยางหลินหัวเราะแล้วว่า “พี่ท่าน คอยดูข้าเก็บไอ้นกเขางี่เง่านี่” แล้วก็ควงทวนด้ามพู่กันพุ่งปราดเข้าไป
สองนายโจรเห็นชายผู้นั้นมาดุ แต่พอเข้ามาใกล้ นายโจรคนหน้าก็ตะโกนว่า “อย่าเพิ่งลงมือ นั่นไม่ใช่พี่หยางหลินหรอกหรือ”
หยางหลินมองอีกที ก็จำได้เช่นกัน นายโจรคนหน้าจึงกระทำเจี่ยนฝู 剪拂 (คารวะแบบวงนักเลง) กับหยางหลิน และเรียกนายโจรคนหลังมาเจี่ยนฝูด้วย หยางหลินจึงเชิญไต้จงมาพบนายโจรทั้งสอง “พี่ท่านมาทำความรู้จักสองท่านนี้เถิด”
“ผู้กล้าสองท่านนี้คือผู้ใด เหตุใดจึงรู้จักน้องเรา”
หยางหลินตอบว่า “คนที่จำผู้น้องได้นี้เป็นชาวเมืองเซียงหยางเมืองไก้เทียน 盖天军襄阳府 (府 และ 军 คือเมือง 府 ใหญ่กว่า 军) แซ่เติ้ง 邓 ชื่อเฟย 飞 เนื่องจากนัยน์ตาของเขาทั้งคู่แดงก่ำ (เพราะกินเนื้อคนเยอะ) จึงมีฉายาว่า ซวนหนีตาไฟ 火眼狻猊 ใช้โซ่เหล็กเป็นอาวุธ ใครก็เข้าใกล้ไม่ได้ เคยร่วมงานกัน แต่แยกกันมาห้าปีแล้ว ไม่คิดว่าจะได้พบกันวันนี้”
2
(ซวนหนี 狻猊 รูปร่างเป็นสิงโต เป็นราชบุตรองค์ที่ห้าของพญามังกร ชอบควันไฟ รูปสิงโตตามกระถางธูปคือ ซวนหนี)
เติ้งเฟยถามว่า “พี่หยางหลิน พี่ชายท่านนี้คือผู้ใด”
หยางหลินแนะนำว่า “พี่ท่านนี้คือ จอมเวทเทพเดินหนไต้จงแห่งเขาเหลียงซาน”
เติ้งเฟยว่า “ไต้ย่วนจ่างเมืองเจียงโจวที่เดินทางได้วันละแปดร้อยลี้น่ะหรือ”
ไต้จงตอบว่า “คือผู้น้อยเอง”
สองนายโจรกระทำเจี่ยนฝูว่า “เคยได้ยินแต่ชื่อ มิคาดว่าจะได้คารวะทำความรู้จักในวันนี้”
1
原是襄阳闲扑汉,江湖飘荡不思归。
多餐人肉双睛赤,火眼狻猊是邓飞。
 
เดิมอาศัยเกาะเขากินอยู่เซียงหยาง
เหยียบย่างยังวงนักเลงไม่ย้อนหลัง
กินเนื้อคนจนสองตาแดงเลือดคั่ง
เติ้งเฟยตั้งฉายาซวนหนีตาไฟ
1
นายโจรคนที่สองกระทำเจี่ยนฝูแล้ว ไต้จงถามว่า “แล้วผู้กล้าท่านนี้มีนามใด”
เติ้งเฟยว่า “พี่น้องท่านนี้แซ่เมิ่ง 孟 ชื่อคัง 康 เป็นชาวเมืองเจินติ้ง 真定州 ชำนาญการต่อเรือไม่ว่าลำใหญ่หรือเล็ก เคยต่อเรือใหญ่เพื่อจะขนหินประดับ 花石纲 แต่มีเรื่องกับขุนนางที่ควบคุมการต่อเรือ ถูกลงโทษว่าทำงานล่าช้า จึงฆ่าขุนนางผู้นั้นเสีย แล้วหนีมาเป็นโจรในวงนักเลงได้หลายปีแล้ว เนื่องจากสูงใหญ่ผิวพรรณดีสีขาว จึงมีฉายาว่า เสาตุงหยกเมิ่งคัง 玉幡竿孟康 (幡 ธงแนวตั้งอย่าง “ตุง” ทางภาคเหนือ)”
能攀强弩冲头阵,善造艨艟越大江。
真州妙手楼船匠,白玉幡竿是孟康。
อาจน้าวหน้าไม้แกร่งแซงออกหน้า
สามารถต่อเรือรบล่องละหาน
ในเจินติ้งต่อสำเภาชำนาญการ
ฉายาขานเสาตุงหยกเมิ่งคัง
หยางหลินถามว่า “ท่านทั้งสองมาชุมนุมอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว”
เติ้งเฟยว่า “ว่าตามตรงก็มีปีกว่าแล้ว แต่เมื่อครึ่งปีก่อนหน้านี้ ได้พบกับพี่ท่านหนึ่งแซ่เผย 裴 ชื่อเซวียน 宣 เป็นชาวเมืองจิงเจ้า 京兆府 เดิมเป็นตุลาการหกฝ่าย 六案孔目 (งานราชการท้องถิ่นแบ่งเป็นหกฝ่าย คือ 吏、户、礼、兵、刑、工  ตุลาการตัดสินได้ทุกฝ่าย) เก่งทั้งดาบและพู่กัน คือ เป็นคนฉลาดและซื่อตรง ไม่ยอมทิ้งหลักการทำผิดบิดเบือน จึงมีฉายา ตุลาการหน้าเหล็ก 铁面孔目 ทั้งยังรู้เพลงอาวุธกระบี่กระบองพลองดาบ ครบทั้งปัญญาและความกล้า 智勇足备
ราชสำนักแต่งตั้งเจ้าเมืองทุจริตมารับตำแหน่ง เผยเซวียนจึงถูกใส่ความจนต้องโทษเนรเทศไปยังเกาะซาเหมิน 沙门岛 ถูกคุมตัวผ่านมาทางนี้ พวกเราจึงจับผู้คุมฆ่าเสีย ช่วยเผยเซวียนมายังทึ่นี่ ค่ายเรามีคนราวสามร้อยคน เผยเซวียนถนัดใช้กระบี่สองมือ และมีอาวุโสสูงสุด พวกเราจึงยกให้เป็นหัวหน้าค่าย อย่างไรก็เชิญท่านทั้งสองไปยังค่าย จะได้ทำความรู้จัก”
แล้วก็บอกให้ลิ่วล้อนำม้ามาสองตัวให้ไต้จงและหยางหลินขึ่ขึ้นเขาไปด้วยกัน
ลิ่วล้อรุดไปแจ้งเผยเซวียนไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงออกมารอต้อนรับ
问事时巧智心灵,落笔处神号鬼哭。
心平恕毫发无私,称裴宣铁面孔目。
สอบสวนเปี่ยมไหวพริบและปัญญา
พิพากษาเทพครวญคร่ำผีร่ำไห้
ใจเที่ยงธรรมหาเห็นแก่ตนไม่
เผยเซวียนใช่ตุลาการหน้าเหล็ก
เผยเซวียนเชิญเข้าไปนั่งในโถงร่วมธรรม 聚义厅 ให้ไต้จงนั่งเก้าอี้ประธาน ลำดับต่อๆ มาคือ เผยเซวียน หยางหลิน เติ้งเฟย เมิ่งคัง เป็นการชุมนุมดาวมารดิน ตี้ส้า ที่ฟ้ากำหนดให้โคจรมาพบกัน
ตุลาการหน้าเหล็กเผยเซวียน 铁面孔目裴宣 กลุ่มดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 11 ลำดับรวมที่ 47 เป็นผู้พิจารณารางวัลความชอบ ลงโทษผู้กระทำผิดของเหลียงซาน ในบรรดาพี่น้องเหลียงซานทั้ง 108 คน ผู้ที่เที่ยงธรรมจริง มีเพียงเผยเซวียนผู้นี้เพียงคนเดียว
เสือดาวขนแพรหยางหลิน 锦豹子杨林 กลุ่มดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 15 ลำดับรวมที่ 51 เป็นหนึ่งในสิบหกนายทัพรองกองทัพม้าของเหลียงซาน อันดับที่สิบห้า
2
ซวนหนีตาไฟเติ้งเฟย 火眼狻猊邓飞 กลุ่มดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 13 ลำดับรวมที่ 49 เป็นหนึ่งในสิบหกนายทัพรองกองทัพม้าของเหลียงซาน อันดับที่สิบ
เสาตุงหยกเมิ่งคัง 玉幡竿孟康 กลุ่มดาวมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 34 ลำดับรวมที่ 70 เป็นผู้ชำนัญการพิเศษ ต่อเรือน้อยใหญ่ของเหลียงซาน
豪杰遭逢信有因,连环钩锁共相寻。
汉廷将相由屠钓,莫怪梁山错用心。
วีรชนมีเหตุให้มาพบนัด
ชะตามัดรัดเกี่ยวเที่ยวตามหา
เสนานายพลคนฆ่าสัตว์ตกปลา
แต่ทว่าเหลียงซานอาจใช้ผิดงาน
ในการชุมนุม ไต้จงกล่าวสรรเสริญคุณความดีของเฉาไก้และซ่งเจียง และเชิญให้เข้าร่วมกับเหลียงซาน พวกเผยเซวียนตอบตกลง ไต้จงจึงให้เก็บข้าวของตระเตรียมไว้สำหรับเดินทาง หลังจากที่ตนกับหยางหลินกลับจากภารกิจติดตามกงซุนเสิ้งแล้ว
จากนั้น ก็พากันย้ายไปนั่งดื่มต่อกันที่ศาลาต้วนจิน 断金亭 ร่ำสุราชมทิวทัศน์อันงดงามของขุนเขาลำธารให้น้ำม้า 饮马川
一望茫茫野水,周回隐隐青山。
几多老树映残霞,数片彩云飘远岫。
荒田寂寞,应无稚子看牛;
古渡凄凉,那得奚人饮马。
只好强人安寨栅,偏宜好汉展旌旗。
แลเวิ้งว้างลำธารห้วยละหาน
เขารอบด้านแลตะคุ่มชอุ่มเขียว
ไม้ใหญ่ทาบผีตากผ้ามากจริงเจียว
เมฆสีรุ้งเที่ยวท่องดอยล่องลอยทั่ว
ไร่รกร้างเงียบหงอย
ไร้ร่องรอยเด็กเลี้ยงวัว
ท่าข้ามดูหมองมัว
ไร้ชาวซีให้น้ำม้า
 
เหมาะตั้งค่ายเหล่าโจรา หลบเร้นกายา
เหล่าผู้กล้ามาชักธง
(ชาวซี 奚人 เป็นชนเผ่าตงหู 东湖 ทางตะวันออกเฉียงเหนือเผ่าหนึ่ง พวกชนเผ่าทางเหนือเหล่านี้มีอาชีพปศุสัตว์)
ไต้จงดื่มด่ำทัศนียภาพอันน่าอภิรมย์เอ่ยชมว่า “เขางามน้ำสวย รุ่มรวยรื่นรมย์นัก 好山好水 真乃秀丽 พวกท่านทั้งสองพบที่นี่ได้อย่างไร”
เติ้งเฟยว่า “เดิมทีมีโจรกระจอกมาอยู่ก่อนหน้า พวกเราแค่ชิงมา” ต่างพากันหัวเราะ
เผยเซวียนลุกขึ้นรำกระบี่ ร่วมบรรยากาศการร่ำดื่ม ไต้จงเอ่ยชมไม่ขาดปาก
คืนนั้นต่างพำนักกันบนเขา
ตอนก่อนหน้า : เสือหน้าเป็น เสือตาคราม
ตอนถัดไป : เจ้าสามเสี่ยงตาย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา