12 เม.ย. เวลา 12:51 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 103

กวนสว่ออมโรค (3) พานเฉี่ยวหยุน
หยางสยงและสือสิ้วร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว กำลังนั่งดื่มร่วมกันอยู่นั้น พานกง 潘公 พ่อตาของหยางสยง พาผู้ติดตามมาเจ็ดคนเดินเข้ามาหาในร้าน
หยางสยงลุกขึ้นกล่าวว่า “ไท่ซาน (泰山 พ่อตา) ท่านมาด้วยเรื่องใด”
พานกงว่า “ข้าได้ยินว่าเจ้ามีเรื่องต่อยตีกัน จึงตั้งใจมาหา”
หยางสยงว่า “ต้องขอบคุณน้องชายผู้นี้ที่มาช่วยจนเจ้าจางเป่าหนีกระเจิงไม่เห็นเงา นี่ข้าก็เพิ่งร่วมสาบานกับน้องสือสิ้ว”
พานกงว่า “ดี เช่นนั้นมาร่วมดื่มกับน้องเจ้าสักหน่อย”
1
หยางสยงสั่งเหล้ามาดื่มคนละสามชาม แล้วนั่งลงสนทนากัน พานกงเห็นท่วงทีสือสิ้วองอาจก็พอใจถามว่า “ท่านอาเคยค้าขายอะไรไหม”
สือสิ้วว่า “บิดาผู้ล่วงลับเคยเป็นคนฆ่าสัตว์”
พานกงว่า “แล้วท่านอาฆ่าสัตว์เป็นหรือไม่”
สือสิ้วว่า “เกิดในครอบครัวคนฆ่าสัตว์ ทำไมจะฆ่าไม่ได้”
พานกงว่า “ผู้เฒ่าเมื่อก่อนก็เป็นคนฆ่าสัตว์ พอแก่ตัวลงก็ทำไม่ไหว ลูกเขยข้าผู้นี้ก็รับราชการ จึงต้องทิ้งงานนี้ไป”
ทั้งสามให้คิดเงินค่าสุราแล้ว ก็พากันเดินกลับมายังบ้านหยางสยง พอถึงบ้าน หยางสยงตะโกนเรียกว่า “ซ้อใหญ่ มาทำความรู้จักท่านอาหน่อย”
หลังม่านมีเสียงสตรีขานมาว่า “พี่ใหญ่ มีท่านอามาแต่ไหน”
“อย่าเพิ่งถามเลย ออกมาพบกันก่อน”
สตรีนางหนึ่งแหวกม่านเดินออกมา สตรีผู้นี้เกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด จึงตั้งชื่อว่า เฉี่ยวหยุน 巧云 เคยแต่งงานกับข้าราชการท้องถิ่น 吏员 ชาวเมืองจี้โจว 蓟州 เรียกว่า หวางยาซือ 王押司 เสียชีวิตไปเมื่อสองปีที่แล้ว จึงแต่งงานใหม่กับหยางสยงได้ยังไม่ถึงหนึ่งปี สือสิ้วเห็นนางเดินออกมาจึงเชิญนางนั่งเพื่อจะได้กราบคารวะ
1
นางกล่าวว่า “ผู้น้อยอายุยังน้อย จะกล้ารับได้อย่างไร”
สือสิ้วว่า “วันนี้ข้าร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับท่านพี่ ท่านเป็นพี่สะใภ้ สมควรรับการคารวะตามธรรมเนียม”
คารวะเสร็จก็จัดเตรียมห้องหับให้สือสิ้ว วันรุ่งขึ้นสือสิ้วกลับไปเก็บข้าวของที่โรงแรมย้ายมาพักอยู่กับหยางสยง
พานกง พ่อตาของหยางสยงมาหารือกับสือสิ้วเรื่องจะเปิดโรงฆ่าสัตว์ พานกงว่า “หลังบ้านของเรามีซอยตัน ในซอยมีบ้านว่างอยู่หลังหนึ่งมีน้ำบ่อดี เหมาะตั้งโรงฆ่าสัตว์ ท่านอาก็จะได้ใช้อาศัย และอยู่ดูแลไปด้วย”
พานกงยังหาลูกมือมาให้อีกด้วย งานของสือสิ้วโดยหลักก็คือดูแลบัญชี สือสิ้วย่อมยินดีและตอบตกลง จัดแจงร้าน ตั้งเล้าหมู เลือกวันดีเปิดกิจการ โดยงานนี้หัวเรี่ยวหัวแรงหลัก คือ พานกงและสือสิ้ว
วันเวลาผ่านไปอย่างว่องไวได้สองเดือนกว่า สิ้นฤดูใบไม้ร่วงย่างเข้าสู่ฤดูหนาว สือสิ้วเข้าๆ ออกๆ ร้าน ดูแลกิจการได้ดี มีเสื้อผ้าเนื้อดีเปลี่ยนใส่ วันหนึ่งสือสิ้วตื่นแต่ยามห้าออกไปหาซื้อสุกรต่างอำเภออยู่สามวันจึงกลับมาที่ร้าน พอมาถึงเห็นร้านปิด เปิดเข้าไปดู เห็นเขียง และเครื่องไม้เครื่องมือ เก็บขึ้นเรียบร้อยไม่มีการใช้งาน
สือสิ้วเป็นคนช่างสังเกต เห็นเช่นนั้นจึงตรองว่า “ว่ากันว่า คนไม่ได้ดีตลอดกาล ดอกไม้ไม่บานตลอดเวลา 人无千日好,花无百日红 พี่ท่านรับราชการ ไม่ยุ่งกับงานในบ้าน นี่คงเป็นเพราะพี่สะใภ้เห็นข้าตัดเสื้อผ้าใหม่ใส่ เลยนินทาลับหลัง พอเห็นข้าไม่กลับมาสองวัน คงมีคนยุแยงจนแคลงใจ ไม่ค้าขายต่อแล้วเป็นแน่ ข้าก็ไม่ควรรอให้เขาเป็นฝ่ายพูด บอกลากลับบ้านเสียเองดีกว่า ใครเล่าจะเอาใจใส่ได้ตลอดไป”
สือสิ้วต้อนหมูเข้าเล้า แล้วจัดแจงเปลี่ยนชุดเก็บข้าวของใส่ห่อผ้า จัดทำบัญชีให้เรียบร้อย แล้วเข้าบ้านทางประตูหลัง พานกงกำลังเตรียมเหล้าซู่จิ่ว 素酒 (น้ำไม่มึนเมา) จึงชวนสือสิ้วดื่ม สือสิ้วนำบัญชีส่งให้แล้วว่า “โปรดรับสมุดบัญชีไว้ รายการมีแสดงไว้ชัดเจน หากมีเจตนายักยอกแม้แต่น้อย ฟ้าดินลงโทษ”
พานกงคงฟังแล้วแปลกๆ จึงถามว่า “ท่านอาไยกล่าวเช่นนั้น หามีเรื่องเช่นนี้ไม่”
สือสิ้วว่า “ผู้น้อยจากบ้านมาเจ็ดปีแล้ว อยากกลับบ้านสักหน จึงนำสมุดบัญชีมาคืนให้ เย็นนี้ลาท่านพี่แล้ว จะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า”
พานกงหัวเราะแล้วว่า “ช้าก่อนท่านอา ผู้เฒ่าเข้าใจความหมายของท่านแล้ว ท่านอาไม่อยู่เสียสองวัน พอกลับมาก็เห็นว่าเครื่องไม้เครื่องมือถูกเก็บขึ้นหมด เข้าใจว่าคงจะไม่เปิดร้านต่อแล้ว จึงคิดจะไป ถึงจะไม่ค้าขาย ท่านก็อยู่ที่บ้านได้ แต่อันที่จริงลูกสาวข้าเคยแต่งงานกับหวางยาซือที่เสียไปครบสองปีพอดี จะมีการทำบุญในโอกาสนี้จึงปิดร้านเสียสองวัน พรุ่งนี้จะมีสงฆ์จากวัดเป้าเอิน 报恩寺 มาทำพิธีกงเต๊ก คงต้องรบกวนท่านอาช่วยดูแลงานด้วย ผู้เฒ่าเองก็อายุมากแล้ว อยู่ดึกนักไม่ไหว จึงบอกให้ท่านอารู้”
สือสิ้วว่า “เมื่อผู้อาวุโสกล่าวเช่นนี้ ผู้น้อยเข้าใจแล้ว”
พานกงว่า “วันหน้า ท่านอาก็อย่าได้ระแวงอีกเลย”
จากนั้นก็มีพวกศิษย์วัดนำพระพุทธรูป ธูปเทียน กลองระฆัง เครื่องใช้ในพิธีต่างๆ มาไว้ และเข้าครัวเตรียมอาหารเจ ยามเซิน 申牌 (16:00) หยางสยงแวะกลับมาแล้วบอกว่า “น้องเรา คืนนี้ข้าต้องเข้าเวร เรื่องทางนี้คงต้องรบกวนท่านด้วย”
สือสิ้วว่า “พี่ท่านวางใจ เย็นนี้ข้าจะช่วยจัดการเอง” แล้วหยางสยงก็ออกไปเข้าเวร ไม่นานนักก็มีพระสงฆ์มารูปหนึ่ง
一个青旋旋光头新剃,把麝香松子匀搽;
一领黄烘烘直裰初缝,使沉速栴檀香染。
山根鞋履,是福州染到深青;
九缕丝绦,系西地买来真紫。
光溜溜一双贼眼,只睃趁施主娇娘;
美甘甘满口甜言,专说诱丧家少妇。
เขียวเป็นมันหัวโล้นโกนมาใหม่
ใช้ลูกสนกลิ่นชะมดทาทั่วหัว
จีวรเหลืองเย็บเสร็จใหม่ใช้คลุมตัว
อวลตลบอบหอมทั่วกลิ่นไม้จันทน์
รองเท้าจากฝูโจวย้อมเขียวเข้ม
เข็มขัดถักจากประจิมม่วงสีสัน
นัยน์ตาโจรจ้องสีกาเยิ้มเป็นมัน
คำหวานนั้นใช้ล่อลวงปวงสตรี
สงฆ์รูปนั้นเข้ามาพนมมือไหว้ 打问讯 สือสิ้ว สือสิ้วคารวะตอบแล้วว่า “ท่านอาจารย์ เชิญนั่งสักครู่” แล้วก็ตะโกนบอกว่า “ผู้อาวุโส มีท่านอาจารย์มาที่นี่”
พานกงเดินออกมาจากด้านใน สงฆ์รูปนั้นจึงทักว่า “ท่านพ่อ (บุญธรรม) 干爷 ไม่ได้ไปที่วัดเสียนาน”
ผู้เฒ่าว่า “เพิ่งเปิดร้านที่นี่ เลยยังปลีกตัวไม่ได้”
สงฆ์ว่า “วันครบรอบปียาซือ ไม่ทราบจะให้สิ่งใด มีเพียงเส้นหมี่และพุทรา”
ผู้เฒ่าว่า “ไอ้หยา กลับเป็นท่านอาจารย์มอบของให้” แล้วก็ให้สือสิ้วรับของไปเก็บและให้ยกน้ำชาออกมา
ภรรยาหยางสยงลงมาจากชั้นบนแต่งไว้ทุกข์ไม่เต็มยศ แต่งหน้าเล็กน้อย ถามว่า “ท่านอา ใครส่งของมา”
สือสิ้วว่า “สงฆ์รูปหนึ่ง เรียกผู้อาวุโสว่าท่านพ่อบุญธรรม”
นางหัวเราะแล้วว่า “คือหลวงพี่ พระอาจารย์ไห่ 海阇黎 เผยหยูไห่ 裴如海 เป็นพระแท้รูปหนึ่ง เป็นอาเสี่ยร้านขายผ้าขนสัตว์สกุลเผย 裴 ออกบวชที่วัดเป้าเอิน 报恩寺 เคยกราบท่านพ่อเป็นพ่อบุญธรรม อายุมากกว่าข้าน้อยสองปี จึงเรียกว่าหลวงพี่ มีฉายาทางธรรมว่า ไห่กง 海公 ไว้เย็นนี้ท่านอาฟังเสียงหลวงพี่สวด เสียงไพเราะมากทีเดียว”
สือสิ้วว่า “อย่างนี้นี่เอง” แต่ในใจมีสังหรณ์บางอย่าง
(海阇黎 : 海 ไห่ มาจากฉายา ไห่กง 海公 ; 阇黎 (เสอหลี) ย่อมาจาก 阿阇黎 (อาเสอหลี) คำทับศัพท์บาลี อาจริย คือ อาจารย์)
นางลงจากชั้นบนเดินไปหาพระสงฆ์ สือสิ้วเอามือไขว้หลังเดินตามนางมายืนแอบมองจากหลังผ้าม่าน สงฆ์รูปนั้นเห็นนางก็ลุกขึ้นพนมมือไหว้ 打问讯  นางจึงว่า “มีอย่างที่ไหนให้หลวงพี่มาออกเงิน”
สงฆ์ว่า “น้องเรา เงินเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องคิดมาก”
นางว่า “หลวงพี่อย่ากล่าวเช่นนั้น อย่างไรก็ไม่ควรรับจากผู้ออกบวชอยู่ดี”
สงฆ์ว่า “ที่วัดเพิ่งสร้างหอสุ่ยลู่ 水陆堂 (หอประกอบพิธีทิ้งกระจาด) หลังใหม่เสร็จ ใคร่จะเชิญน้องเราไปร่วมยินดี แต่เกรงใจท่านพัศดีอยู่”
นางว่า “สามีไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอก ตอนท่านแม่ถึงแก่กรรม เคยตั้งใจจะทำพิธีทิ้งกระจาดอุทิศบุญกุศลให้อยู่ ช้าหรือเร็วก็ต้องไปที่วัดอยู่ดี”
สงฆ์ว่า “นี่มันเรื่องในครอบครัว (เผยหยูไห่เป็นบุตรบุญธรรม) แค่บอกกับหยูไห่ สงฆ์ผู้น้อย 小僧 ก็จัดการให้เรียบร้อย”
นางว่า “หลวงพี่ เย็นนี้ท่านก็ช่วยสวดมนต์อุทิศท่านแม่หลายบทหน่อย”
สาวใช้ยกชาออกมาพอดี นางจึงหยิบมาถ้วยหนึ่ง เอาผ้าเช็ดหน้าของนางเช็ดถูตรงปากถ้วยไปมา แล้วเอาสองมือประคองถ้วยส่งให้สงฆ์ สงฆ์รับถ้วยชาแต่นัยน์ตาจ้องร่างนางไม่วางตาจนน้ำลายสอ นางก็จ้องมองสงฆ์ยิ้มระรื่น
ว่ากันว่า
ตัณหาพาขวัญเทียมฟ้า 色胆如天
สือสิ้วยังเห็นได้ชัดเจนจนแอบรำพึงว่า
“莫信直中直,须防仁不仁 。
อย่าเชื่อว่าตรงคือตรง
ควรระวังธรรมไร้ธรรม
นางก็เคยกระเซ้าข้าสองแง่สองง่าม ข้าก็คิดแต่ว่านางเป็นพี่สะใภ้ ที่แท้นางก็หาใช่คนดีไม่ บางทีข้าสือสิ้วอาจต้องจัดการนางแทนพี่หยางสยง”
1
สือสิ้วแหวกม่านเดินออกมา โจรโล้นวางถ้วยชาลงกล่าวว่า “พี่ท่านเชิญนั่ง”
สตรีนางนั้นกล่าวว่า “นี่คือท่านอา เพิ่งร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับสามี”
สงฆ์ถามเสียงเย็นชาว่า “พี่ท่านเป็นคนบ้านไหน มีนามใด”
สือสิ้วตอบว่า “ข้าแซ่สือ ชื่อสิ้ว ชาวเมืองจินหลิน มีนิสัยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน เสนอหน้าแทนคนอื่น จึงเรียกกันว่า เจ้าสามเสี่ยงตาย ข้าเป็นคนหยาบคาย ไม่ค่อยรู้ธรรมเนียม ต้องขออภัยสงฆ์ท่าน”
เผยหยูไห่ว่า “มิกล้า มิกล้า สงฆ์ผู้น้อยต้องไปรับคณะสงฆ์มาเข้าพิธีแล้ว” แล้วก็กล่าวอำลา
สตรีนางนั้นว่า “หลวงพี่รีบมาด้วย”
สงฆ์ว่า “เดี๋ยวมา”
ส่งเสร็จนางก็กลับเข้าด้านใน สือสิ้วยืนก้มหน้าครุ่นคิดอยู่หน้าประตู
ไม่นานนัก พระอาจารย์ไห่ก็นำคณะสงฆ์มาถึง พานกงกับสือสิ้วออกมาต้อนรับยกน้ำชาเสร็จแล้ว ก็เริ่มตีกลองร้องเพลงสวด พระอาจารย์ไห่คอยสั่นกระดิ่งวัชระฆันฏา 铃杵 สวดส่งวิญญานหวางยาซือสู่สรวงสวรรค์ ภรรยาหยางสยงแต่งชุดขาวแต่กลับดูไม่สำรวม ถือกระถางจุดธูปหน้าแท่นพิธี ทำเอาเหล่าสงฆ์กระสับกระส่ายแทบไม่เป็นอันสวด ใจระส่ำเตลิดเปิดเปิงเลิกหวังจะบรรลุธรรมขั้นสูง สือสิ้วเห็นแล้วต้องแอบขำ “แบบนี้จะได้ผลบุญอันใด จะทำบุญมิสู้เลี่ยงบาป”
พอเสร็จพิธีรอบแรก ก็เชิญเหล่าสงฆ์ฉันอาหารเจ พระอาจารย์ไห่จงใจเดินรั้งท้ายหันมายิ้มระริกระรี้กับนาง นางก็เอามือป้องปากหัวเราะตอบ เล่นหูเล่นตา ส่งสายตาสื่อสาร สือสิ้วสังเกตเห็นทุกอย่าง จนอึดอัดใจ เหล่าสงฆ์นั่งดื่มน้ำปานะแล้ว พานกงมอบเงินปัจจัยแล้วเชิญฉันอาหาร เสร็จแล้วเดินย่อยอาหารก่อนเข้าไปสวดทำพิธีรอบใหม่ สือสิ้วจึงอ้างว่าปวดท้องหนีไปนอนบนม้านั่งยาวอย่างหงุดหงิด
พิธีสวดทำกันไปจนยามสาม เหล่าสงฆ์ต่างล้า ยังมีเพียงพระอาจารย์ไห่ตั้งใจสวดเสียงใส นางบอกให้สาวใช้ไปเชิญมา แล้วกล่าวกับสงฆ์ว่า “พรุ่งนี้ตอนหลวงพี่มารับปัจจัยงานกงเต๊กนี้ อย่าลืมเตือนท่านพ่อถึงเรื่องทำพิธีทิ้งกระจาดอุทิศท่านแม่”
สงฆ์ว่า “สงฆ์ผู้น้อยจดจำไว้แล้ว” แล้วกล่าวต่ออีกว่า “ท่านอาของท่านดูท่าทางร้ายกาจ”
นางตอบว่า “ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ”
พระอาจารย์ไห่ว่า “เช่นนั้นก็วางใจ คิดว่าพี่น้องกันแท้ๆ” แล้วกลับไปสวดทำพิธีต่อ
สือสิ้วแกล้งหลับอยู่บนม้ายาวได้ยินทั้งหมด พอถึงยามห้า พิธีก็เสร็จสิ้น เหล่าสงฆ์กลับวัด นางกลับขึ้นไปนอน
สือสิ้วตรองว่า “ท่านพี่ออกจะห้าวหาญ ไยจึงมาเจอหญิงแพศยาเช่นนี้” แล้วก็กลับไปนอนที่ร้านทั้งอารมณ์เสีย
ตอนก่อนหน้า : เจ้าสามเสี่ยงตาย
ตอนถัดไป : เผยหยูไห่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา