17 เม.ย. เวลา 12:31 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 105

กวนสว่ออมโรค (5) ชายโฉดหญิงชั่ว
พายุฝนผ่านพ้นไป สงฆ์โอบกอดสาวไว้รำพันว่า “ในเมื่อท่านมีใจให้แก่ข้า ถึงตายไปก็ไม่เสียดาย แต่วันนี้แม้ได้สมหวังกับท่านก็เป็นความสุขอันแสนสั้น จากนี้ไปข้าคงต้องตรอมใจตายแน่”
พวกอลัชชีเหล่านี้เหมือนมอดชอนไชเข้าไปกัดกินในเนื้อไม้ ใครพบเข้าหาใช่เรื่องเล่นไม่ จึงเปรียบเปรยพวกหัวเถิกเหล่านี้ไว้ว่า
色中饿鬼兽中狨,弄假成真说祖风。
此物只可林下看,岂堪引入画堂中。
อุรังอุตังผีบ้ากามตัณหา
เอามุสามาว่าจริงอ้างอิงขนบ
พวกเหล่านี้ในพงไพรจึงพานพบ
ใครลอบหลบพาสู่ห้องหอวิไล
นวลนางจึงตอบว่า “ท่านอย่าได้กังวล เรื่องนี้ข้าได้คิดหาทางไว้ก่อนแล้ว สามีข้านั้นเดือนหนึ่งไปเข้าเวรที่เรือนจำเสียยี่สิบกว่าคืน ข้าจะให้อิงเอ๋อไปคอยดูที่ประตูหลัง หากคืนไหนสามีไม่อยู่บ้าน ให้นางนำโต๊ะมาตั้งกระถางจุดธูปบูชาเป็นสัญญาณ ท่านก็เข้ามาได้ เวลาเช้ายามห้า หากกลัวไม่ตื่น ก็จ้างให้ใครมาเคาะบักฮื้อ 木鱼 บอกเวลาเชิญสวดมนต์ที่ประตูหลัง จะได้กลับออกไปทัน นอกจากนี้ยังให้คอยเป็นยามได้อีกด้วย”
สงฆ์ฟังแล้วชอบใจนักว่า “วิเศษ ท่านก็ทำตามที่ว่า ส่วนข้าพอมีคนอาศัยวัดผู้หนึ่งพอใช้ให้เป็นยามได้”
นางว่า “ข้าคงอยู่นานไม่ได้ คนจะสงสัย ต้องรีบกลับแล้ว ท่านก็อย่าให้พลาดล่ะ”
นางรีบประแป้งแต่งหน้าแต่งผมแล้วรีบลงมาชั้นล่าง ให้อิ๋งเอ๋อไปปลุกพานกงแล้วออกมาขึ้นเกี้ยวพากันกลับบ้าน
ทางด้านเผยหยูไห่คิดอาศัยยามบอกเวลาที่อาศัยอยู่ในวัด เป็นคนต่างด้าว 胡道人 (หูเต้าเหยิน) ถือบวชแต่ยังไม่โกนหัว คนจึงเรียกว่า ธุดงค์หู (หูโถวทวอ 胡头陀) เผยหยูไห่ให้คนตามตัวมาที่กุฏิ เลี้ยงเหล้าและมอบเงินให้
หูเต้า 胡道 ว่า “ศิษย์ไร้ความชอบ ยังได้รับความกรุณาจากพระอาจารย์อยู่เสมอ มิอาจรับไว้”
พระอาจารย์ไห่ว่า “ข้าเห็นเจ้าเป็นคนมีปณิธาน วันหนึ่งข้าคงต้องช่วยออกเงินให้เจ้าซื้อใบสุทธิพระและช่วยเจ้าโกนหัวบวชเป็นสงฆ์ เงินนี่เจ้าก็รับไว้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่ไปพลางก่อน”
เผยหยูไห่มักให้ศิษย์วัดแบ่งอาหารกลางวันไปให้หูเต้าอยู่เสมอ ทั้งยังให้ติดตามพวกพระสงฆ์เวลารับนิมนต์ไปสวดในงานต่างๆ จึงพอได้เงินใช้สอยบ้าง หูเต้าจึงเห็นว่าพระอาจารย์ไห่เป็นผู้มีพระคุณ วันนี้มอบเงินให้คงมีเรื่องเรียกใช้ จึงออกปากถามโดยไม่รอให้ขอ
หูเต้าว่า “พระอาจารย์มีเรื่องอันใดให้ผู้น้อยช่วย ผู้น้อยย่อมยินดี”
พระอาจารย์ไห่ว่า “หูเต้า เจ้าเป็นคนจริงใจ ข้าจะบอกเจ้าตามตรง บุตรสาวของพานกงต้องการสมาคมกับข้า นัดหมายกันไว้ว่า หากตั้งโต๊ะวางกระถางจูดธูปบูชาที่ประตูหลังวันใด ให้ข้าเข้าไปหาได้ ข้าไม่สะดวกที่จะไปด้อมๆ มองๆ ทุกวัน จึงอยากให้เจ้าไปคอยดูแทนข้า หากไปได้ก็มาบอกข้า และอีกเรื่องคือ เวลายามห้าที่เจ้าเคาะบอกเวลาสวดมนต์ตามปกตินั้น ก็ให้เจ้ามาที่ประตูหลัง พอเห็นปลอดคนก็เคาะบักฮื้อให้รู้ สวดให้เสียงดัง ข้าจะได้รีบออกมา”
หูเต้าว่า “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”
เช้าวันนั้นหูเต้าก็มาทำทีขอบิณฑบาตอาหารเจที่ประตูหลังบ้านพานกง อิ๋งเอ๋อออกมาถามว่า “นักบวชท่านทำไมไม่ไปบิณฑบาตทางประตูหน้า กลับมาประตูหลัง”
หูเต้าไม่ตอบแต่กลับสวดมนต์ พานเฉี่ยวหยุนอยู่ในบ้านได้ยินเข้า พอรู้ทันจึงออกมายังประตูหลังถามว่า “นักบวชท่านนี้ คือผู้ที่คอยเคาะบอกเวลายามห้าใช่หรือไม่”
“ข้าน้อยคือโถวทวอที่คอยบอกเวลายามห้า ให้คนตื่นยามเช้า ตกกลางคืนให้จุดธูปบูชาสั่งสมบุญ”
นางได้ฟังก็ยินดียิ่งนัก บอกอิ๋งเอ๋อให้ไปนำเงินเหรียญมาให้หนึ่งช่วน พออิ๋งเอ๋อคล้อยหลังไป โถวทวอก็บอกนางว่า “ข้าน้อยคือผู้ที่พระอาจารย์ใช้ให้มาดูต้นทาง”
นางว่า “ข้ารู้แล้ว เย็นนี้ท่านก็มาดูว่ามีโต๊ะบูชาตั้งอยู่ตรงนี้หรือไม่แล้วไปรายงานเขา”
หูเต้าผงกหัวรับทราบ อิ๋งเอ๋อนำเงินมาให้ รับเงินแล้วก็กลับไป
พอกลับเข้าบ้านขึ้นชั้นบน นางก็บอกอิ๋งเอ๋อให้รู้ถึงเรื่องที่มีการนัดแนะกันเอาไว้ กล่าวกันว่า
人家女使,谓之奴才
ทูตสตรีในบ้านนั้น  
เรียกกันว่าสาวใช้
มีรางวัลเล็กน้อยให้ อะไรก็ทำได้ แม้เรื่องจะใหญ่เทียมฟ้า สาวใช้คุณนายนั้น ใช้งานได้ เชื่อไม่ได้ แต่ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน
送暖偷寒起祸胎,坏家端的是奴才。
请看当日红娘事,却把莺莺哄出来。
ช่วยดับร้อนซ่อนหนาวต้นตอภัย
เรื่องน้อยใหญ่ใครก่อหรือคือสาวใช้
เชิญดูอย่างหงเหนียงนั่นเป็นไร
ก่อให้เกิดเรื่องราวอิงอิงแล
(หงเหนียง 红娘 คือสาวใช้ของ ชุยอิงอิง 崔莺莺 ในนิยายเรื่องของอิงอิง 莺莺传 บทประพันธ์ของ หยวนเจิน 元稹 สมัยถัง
จางเซิง 张生 บัณฑิตยากจนพำนักอยู่ในวัดผู่จิ้ว 普救寺 ได้ช่วยเหลือครอบครัวผู้ดีตกยากที่มาพำนักอยู่ที่วัดเดียวกันจึงได้รู้จักกับ ชุยอิงอิง 崔莺莺 ได้อาศัยหงเหนียง 红娘 สาวใช้ของนางเป็นสื่อส่งสารระหว่างกันจนลักลอบได้เสียกัน ต่อมาจางเซิงเข้าไปสอบในเมืองหลวง มีจดหมายรักเขียนติดต่อกัน แต่ฉบับสุดท้าย จางเซิงบอกเลิก โดยหาว่านางทำให้เขาลุ่มหลงเหมือนโจ้วหวางลุ่มหลงสตรีจนเสียบัลลังก์ซางให้ราชวงศ์โจว ต่างคนจึงต่างมีคู่ครองใหม่ ต่อมาจางเซิงมีโอกาสกลับมาพบชุยอิงอิง อยากฟื้นความสัมพันธ์ แต่อิงอิงเขียนจดหมายตอบปฏิเสธ)
วันนี้หยางสยงต้องเข้าเวร ฟ้าไม่ทันค่ำก็กลับบ้านมาเอาผ้าห่มแล้วกลับไปค้างที่เรือนจำ อิ๋งเอ๋อเห็นเช่นนั้นก็เตรียมโต๊ะกับกระถางธูปแต่หัววัน พอตกเย็นก็นำไปตั้งไว้นอกประตูหลังจุดธูปขึ้น ส่วนตัวนายหญิงนั้นหลบรออยู่ใกล้ๆ เพลาราวยามหนึ่ง มีคนโพกหัวเดินตรงมา อิ๋งเอ๋อถามว่า “นั่นใคร”
ชายผู้นั้นไม่ตอบ เปิดผ้าโพกออกเห็นหัวโล้น นายหญิงหลบอยู่แลเห็นก็ด่าออกมาเบาๆ ว่า “โจรหัวเถิก อย่างกับไม่รู้”
แล้วทั้งสองก็พากันขึ้นไปห้องชั้นบน อิ๋งเอ๋อจัดแจงเก็บโต๊ะบูชา ปิดประตูหลังแล้วไปเข้านอน
莫说欢娱嫌夜短,只要金鸡报晓迟。
มิรู้ไยยามเปรมปรีดิ์ราตรีสั้น
อยากจะให้ไก่ขันช้าอีกหน่อย
เพิ่งจะเพลียหลับ เสียงบักฮื้อโขกโป๊กๆ ตามมาด้วยเสียงสวดมนต์ สงฆ์กับสาวจึงตื่นจากฝัน พระอาจารย์ไห่ลุกขึ้นสวมเสื้อแล้วว่า “ข้าไปละ คืนนี้ค่อยพบกัน”
นางว่า “จากนี้ไป หากเห็นโต๊ะบูชาก็อย่าได้ผิดนัด หากไม่เห็น ก็อย่าเข้ามา”
สงฆ์ลงจากเตียง โพกหัวดังเดิม อิ๋งเอ๋อพาออกไปทางประตูหลัง
นับแต่นั้น พอหยางสยงไปเข้าเวร สงฆ์ก็ย่องเข้าบ้าน ผู้เฒ่าไม่ทันค่ำก็เข้านอน อิ๋งเอ๋อคอยดูทาง ที่ต้องระวังก็มีเพียงสือสิ้วเท่านั้น ทั้งคู่ดังถูกสูบวิญญาน สงฆ์เฝ้าแต่รอโถวทวอมาบอกให้ออกจากวัดได้ สาวก็เฝ้าอาศัยเท้าอิ๋งเอ๋อพาคนมาส่ง ลักลอบเสพสมกันเช่นนี้ได้เดือนเศษ
สือสิ้วนั้นแต่ละวันพอปิดร้าน ก็พักผ่อนอยู่ที่โรงฆ่าสัตว์ ใจเฝ้าระแวงอยู่ แต่ก็ไม่เห็นสงฆ์นั้นไปมาหาสู่ มาพักหลังต้องมาสะดุ้งตื่นตอนเช้ายามห้าด้วยเสียงเคาะบักฮื้อ และเสียงสวดมนต์ดังลั่น สือสิ้วเป็นคนเจ้าความคิด พอจะคาดเดาได้แปดส่วน แอบตรองว่า
“ซอยนี้เป็นซอยตัน จะมาเคาะบอกเวลาและสวดมนต์อะไรแทบไม่เว้นวัน มันน่าสงสัย”
กลางเดือนสิบเอ็ดเวลายามห้า สือสิ้วนอนไม่ค่อยหลับ ได้ยินเสียงเคาะบักฮื้อเข้าซอยมา และเสียงท่องดังว่า
“普度众生,救苦救难,诸佛菩萨!
ทรงโปรดสรรพสัตว์ พ้นทุกข์พ้นโศก ผองพุทธโพธิสัตว์”
สือสิ้วฟังแล้วมีพิรุธ จึงผุดลุกขึ้นมายืนแอบมองลอดช่องประตู เห็นชายโพกหัวผู้หนึ่งโผล่ออกจากเงามืดมาสมทบกับโถวทวอแล้วพากันออกจากซอย จากนั้นก็เห็นอิ๋งเอ๋อเดินมาปิดประตู
1
สือสิ้วเห็นแล้วรำพึงกับตนเองว่า “ท่านพี่องอาจห้าวหาญ มาแต่งงานกับหญิงแพศยา จึงถูกตบตาสวมเขาเอา”
พอเช้าตรู่ นำหมูออกมาแขวนขายตลาดเช้า กินข้าวเสร็จออกไปเดินเก็บบัญชีเงินเชื่อ ใกล้เที่ยงก็มายังที่ว่าการเพื่อหาหยางสยง มาพบเข้าพอดีทึ่ข้างสะพานเข้าเมือง หยางสยงทักมาว่า “น้องเรา จะไปไหนหรือ”
สือสิ้วว่า “มาเก็บบัญชีแถวนี้ เลยมาแวะหาพี่ท่าน”
หยางสยงว่า “งานราชการข้ายุ่งตลอด เลยไม่มีเวลาร่วมดื่มกันให้หนำใจ มาแล้วก็หาที่นั่งดื่มกันสักหน่อย”
1
หยางสยงนำสือสิ้วมายังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เชิงสะพาน หามุมสงบได้แล้วก็สั่งสุราอาหารมาดื่มกิน หยางสยงเห็นสือสิ้วเอาแต่นั่งก้มหน้าครุ่นคิดอะไรอยู่ ด้วยความที่เป็นคนใจร้อนจึงถามว่า
“น้องเราดูท่าทางไม่สบายใจ ที่บ้านมีใครพูดจาต่อว่าอะไรหรือ”
สือสิ้วว่า “เรื่องนั้นกลับไม่มี ผู้น้องนับถือพี่ท่านดังพี่น้องร่วมสายโลหิต จึงมีเรื่องบังอาจบอก”
“น้องเราวันนี้อย่างกับเป็นคนนอก มีอะไรก็ว่ามาเถิด”
“พี่ท่านออกจากบ้านทุกวัน สนใจแต่งานราชการ ไม่รู้ว่าข้างหลังเกิดเรื่อง พี่สะใภ้ไม่ใช่คนดีนัก ผู้น้องเห็นกับตามาหลายหนแล้วแต่ไม่กล้าพูด วันนี้ได้เห็นชัดกับตา ทนไม่ได้จึงต้องมาหาพี่ท่าน ขออภัยที่พูดตรง”
หยางสยงว่า “ข้าเองก็ไม่มีตาหลัง ท่านบอกมาว่าใคร”
สือสิ้วว่า “เมื่อคราวที่ทางบ้านจัดพิธีสวด นิมนต์อาจารย์ไห่เจ้าโจรหัวเถิกมานั้น ข้าเห็นมันเล่นหูเล่นตากับอาซ้อ สามวันต่อมาไปสวดพระสูตรเซวี่ยเผินที่วัดก็เมากลับมา หมู่นี้มีโถวทวอมาเคาะบักฮื้อสวดมนต์แถวซอยบ้าน มันดูแปลกๆ วันนี้ยามห้าข้าจึงลุกมาเฝ้าดูก็เห็นไอ้โจรหัวเถิกนั่นเอาผ้าโพกหัวหลบออกจากบ้านเราไป หญิงแพศยาเช่นนี้ จะเก็บเอาไว้ทำไม”
หยางสยงได้ฟังก็โกรธจัดว่า “นางคนชั้นต่ำ กล้าทำเช่นนี้”
สือสิ้วว่า “พี่ท่านอย่าเพิ่งโมโห คืนนี้ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ทำตัวปกติเหมือนทุกวัน พรุ่งนี้ก็บอกว่าต้องเข้าเวร พอตกยามสามก็ย้อนกลับมาเคาะประตูหน้า หมอนั่นต้องรีบหนีออกทางประตูหลัง ผู้น้องจะจับมันมาให้พี่ท่านจัดการ”
“น้องเราพูดถูก”
“คืนนี้พี่ท่านอย่าได้แพร่งพรายอะไร” สือสิ้วกำชับ
ดื่มกันต่ออีกหน่อย บอกให้ทางร้านคิดเงินแล้วออกจากร้านมา ก่อนจะแยกทางกัน พอดีมีหวีโห้วห้าคนมาตามหาหยางสยง “ตามหาเสียทั่ว ท่านนายอำเภอรออยู่ในสวน ให้มาตามท่านพัศดีไปประลองกระบองกับพวกข้า รีบไปกัน”
1
หยางสยงหันมาบอกสือสิ้ว “ท่านนายอำเภอตาม ข้าต้องไปพบ น้องเรากลับไปบ้านก่อน” แล้วก็แยกทางกันไป
ตอนก่อนหน้า : เผยหยูไห่
ตอนถัดไป : เจ้าสามจับชู้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา