22 เม.ย. เวลา 13:42 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 107

กวนสว่ออมโรค (7) เขาชุ่ยผิง
หยางสยงทำงานอยู่ยังที่ว่าการย่อมรู้เรื่องการพบศพพระและโถวทวอดี และคาดเดาเหตุการณ์ได้แล้วเจ็ดแปดส่วน ตรองว่า
“เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือสือสิ้ว วันก่อนข้าเข้าใจเขาผิด วันนี้ข้าพอมีเวลา ต้องไปหาแล้วถามให้รู้เรื่อง”
淫行沙门招杀报,暗中不爽分毫。
头陀尸首亦蹊跷,一丝真不挂,立地吃屠刀。
大和尚此时精血丧,小和尚昨夜风骚。
空门里刎颈见相交,拚死争同穴,残生送两条。
สมณะผิดกาเมโทษวายวาง
ในทางลับหาสำราญสักเพียงนิด
ศพโถวทวอนั้นก็วิปริต
ไร้สิ่งปิดถูกเชือดตายคาที่
นักบวชใหญ่ในตอนนี้จมโลหิต
นักบวชนิดเมื่อคืนยังระริกระรี้
ดงขมิ้นกินแหนงแทงเป็นผี
ยังมาแย่งที่ตายกันสองศพ
(空门 = 佛门 พุทธศาสนา, ดงผ้าเหลือง)
หยางสยงเดินข้ามสะพานโจวเฉียวมา ก็ได้ยินเสียงคนเรียกจากด้านหลัง “พี่ท่าน จะไปไหน”
หยางสยงหันกลับไปดู เห็นเป็นสือสิ้วจึงว่า “น้องเรา ข้าจะไปหาอยู่แต่ไม่รู้ไปอยู่ไหน”
สือสิ้วว่า “พี่ท่านตามมา ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย” แล้วจึงนำทางมายังโรงเตี๊ยมที่พัก พากันเข้าไปในห้องพัก
สือสิ้วว่า “พี่ท่าน ผู้น้องหาได้พูดปด”
หยางสยงว่า “น้องเรา อย่าโทษข้าเลย ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ เมาแล้วหลุดปากจนถูกนางนั่นดัดหลังเอา หาว่าน้องเราเป็นฝ่ายหาเรื่อง วันนี้ข้าตั้งใจมาตามหาเพื่อขออภัย”
สือสิ้วว่า “พี่ท่าน แม้ผู้น้องจะไม่ใช่คนเก่งกาจอะไรนัก แต่ก็เป็นชายชาตรีกล้ายืนหยัดท้าฟ้าดิน ไม่ยินยอมทำเรื่องเช่นนี้ เกรงว่าพี่ท่านวันหน้าจะถูกอุบายชั่ว จึงมาหาพี่ท่านแสดงหลักฐานให้ท่านเห็น”
สือสิ้วหยิบเอาเสื้อผ้าของสงฆ์และโถวทวอมาให้ดู “ถอดรวมไว้นี่”
หยางสยงได้เห็นก็ฉุนกึกว่า “ขอโทษน้องเรา คืนนี้ข้าต้องสับนางคนชั้นต่ำเป็นหมื่นชิ้นระบายแค้น”
สือสิ้วหัวเราะแล้วว่า “เอาอีกแล้ว พี่ท่านก็รับราชการ ไยไม่รู้กฎหมาย จับชู้ไม่ได้คาหนังคาเขา จะอ้างอะไรไปฆ่าคน หากผู้น้องเกิดพูดเหลวไหลจริง มิฆ่าผิดคนหรอกหรือ”
หยางสยงว่า “แล้วเรื่องนี้จะเอาอย่างไร”
สือสิ้วว่า “พี่ท่านทำตามข้าว่า จะให้ถอนตัวออกมาหล่อๆ เลย”
“ถอนตัวอย่างไรหล่อๆ”
“เขาชุ่ยผิง 翠屏山 นอกประตูเมืองทางตะวันออกเงียบสงบดี พรุ่งนี้พี่ท่านก็อ้างว่า ไม่ได้ไหว้พระเสียนาน ชวนซ้อใหญ่ไปไหว้พระ พาอิ๋งเอ๋อขึ้นเขาไปด้วย ข้าจะไปดักรอที่นั่น เอาหลักฐานไปแสดง คุยกันต่อหน้าให้รู้เรื่อง แล้วพี่ท่านก็ทำหนังสือหย่านางเสีย”
“น้องเรา ไม่เห็นต้องคุยกัน น้องเราบริสุทธิ์ ข้าก็รู้แล้วว่าเป็นนางที่โกหก”
“ไม่เท่านั้น ข้าก็อยากให้พี่ท่านรู้ความจริงทั้งหมดด้วย”
“เมื่อน้องเราคิดเห็นเช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะพานางคนชั้นต่ำมา น้องเราอย่าได้ผิดนัด”
“หากข้าไม่มา ก็นับว่าวาจาไม่น่าเชื่อถือ”
หยางสยงบอกลาสือสิ้วกลับไปทำงานต่อ พอตกเย็นกลับถึงบ้านก็ทำตัวปกติ ไม่หยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพูด จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นจึงได้เอ่ยปากกับนางว่า
“เมื่อคืนข้าฝันเห็นเทพมาทวงว่าที่ข้าเคยบนเอาไว้ยังไม่ได้ไปแก้ เดิมข้าเคยบนไว้ที่ศาลเจ้าเยว่ทางประตูเมืองตะวันออก วันนี้ข้าพอมีเวลาว่าง จะไปแก้บน เจ้าก็ไปด้วยกัน”
“ท่านบนไว้ท่านก็ไปแก้ จะให้ข้าไปด้วยทำไม”
“เรื่องที่ข้าบนไว้นี้ เกี่ยวกับเรื่องเมื่อครั้งมาสู่ขอเจ้า จึงต้องให้เจ้าไปด้วย”
“เช่นนั้นก็กินเจกันเช้าหน่อย อาบน้ำแล้วค่อยไป”
“ข้าไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองและว่าจัางเกี้ยว เจ้าอาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวรอข้า พาอิ๋งเอ๋อไปด้วย”
หยางสยงมาที่โรงเตี๊ยมนัดแนะกับสือสิ้วว่า “กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไป น้องเราอย่าได้ผิดนัด”
สือสิ้วว่า “พี่ท่าน เมื่อมาถึงแล้วให้ลงเกี้ยวที่กลางเขา แล้วเดินขี้นเขามากันเพียงสามคน ข้าจะหาที่เงียบๆ คอยอยู่ อย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องตามมาด้วย”
หยางสยงซื้อกระดาษธูปเทียน แล้วกลับมากินอาหารเช้า พานเฉี่ยวหยุนกับอิ๋งเอ๋อแต่งตัวรอ คนแบกเกี้ยวมารอหน้าประตู หยางสยงบอกกับพ่อตาว่า
“ไท่ซานอยู่ดูแลบ้าน ข้ากับอาซ้อไปจุดธูปไหว้พระเดี๋ยวก็กลับ”
นางขึ้นเกี้ยว อิ๋งเอ๋อตามมา หยางสยงปิดท้ายเดินทางมาทางประตูตะวันออก หยางสยงกล่าวกับคนแบกเกี้ยวเสียงเบาๆ ว่า “ไปที่เขาชุ่ยผิง เดี๋ยวข้าเพิ่มค่าจ้างให้”
ไม่ถึงสองชั่วยามก็มาถึงเขาชุ่ยผิง เขาชุ่ยผิงตั้งอยู่นอกเมืองจี้โจว 蓟州 ราวยี่สิบลี้ บนเขามีแต่สุสาน เมื่อมองจากบนเขาเห็นแต่ทุ่งหญ้าป่าหยาง หามีวัดวาอารามไม่
เกี้ยวขึ้นมากลางเขา หยางสยงก็ให้หยุดแล้วแหวกม่านขึ้นเรียกนางให้ลงจากเกี้ยว นางถามว่า “จะมาที่เขาแห่งนี้ทำไม”
หยางสยงว่า “เจ้าก็ขึ้นไปเถอะ ส่วนเกี้ยวจะรออยู่ที่นี่ ไม่ต้องตามมา เดี๋ยวข้าค่อยมาจ่ายค่าเหล้า”
คนแบกเกี้ยวว่า “ไม่เป็นไร ผู้น้อยรออยู่ที่นี่แหละ”
หยางสยงนำนางและอิ๋งเอ๋อข้ามลาดเขาสี่ห้าแห่ง มาจนเห็นสือสิ้วนั่งรออยู่ นางถามว่า “กระดาษกับธูปเทียนไม่ได้ติดมาด้วยหรือ”
“ข้าให้คนเอาขึ้นไปก่อนแล้ว” แล้วหยางสยงก็นำนางมายังหน้าสุสานเก่าแห่งหนึ่งที่สือสิ้วรออยู่
สือสิ้ววางห่อผ้า มีดคาดเอว และกระบองไว้ที่โคนต้นไม้หน้าหลุม สือสิ้วว่า “คารวะอาซ้อ”
นางถามว่า “ท่านอา ทำไมมาอยู่ที่นี่” ใจนึกหวั่นอยู่
สือสิ้วว่า “ตั้งใจมารออยู่นานแล้ว”
หยางสยงว่า “วันก่อนเจ้าบอกข้าว่า ท่านอาเกี้ยวพาเจ้า เอามือจับหน้าอกเจ้า ถามว่ามีท้องหรือ ที่นี่ปลอดคน พวกเจ้าก็คุยกันให้กระจ่าง”
สือสิ้วถลึงตากล่าวว่า “อาซ้อ ท่านว่าอย่างไร พูดกันให้ชัดต่อหน้าพี่ท่าน”
นางว่า “ท่านอา ท่านจะพูดให้ได้อะไร”
สือสิ้วว่า “อาซ้อ ท่านอย่าได้โยกโย้ ข้าจะให้ท่านดูหลักฐาน” แล้วหยิบเอาห่อผ้า นำเสื้อผ้าของพระและโถวทวอโยนลงบนพื้นแล้วว่า “ท่านจำได้ไหม”
นางเห็นแล้วหน้าแดงไม่พูดจา สือสิ้วชักมีดออกมาบอกหยางสยงว่า “เรื่องนี้ท่านถามอิ๋งเอ๋อดูก็รู้”
หยางสยงคว้าตัวอิ๋งเอ๋อให้คุกเข่าลงตวาดถามว่า “นางสารเลว สารภาพมา คบชู้กับพระอย่างไร ตั้งโต๊ะบูชานัดแนะกันอย่างไร ให้โถวทวอมาเคาะบักฮื้ออย่างไร บอกความจริงมาให้หมด ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ปกปิดแม้ครึ่งคำ ข้าจะสับเจ้าให้ละเอียด”
อิ๋งเอ๋อร้องว่า “นายท่าน ไม่เกี่ยวกับข้า อย่าฆ่าข้า ข้าจะบอกท่าน” แล้วก็เล่าเรื่องตั้งแต่วันดื่มเหล้าในวัด ชวนกันดูพระธาตุ ขับนางลงมาดูพานกง
“ทั้งสองแอบนัดแนะกัน วันที่สาม โถวทวอมาบิณฑบาต แม่นางนัดว่า วันไหนนายท่านเข้าเวร ให้ข้านำโต๊ะบูชาไปตั้งไว้หน้าประตูหลังเป็นสัญญาณ ให้โถวทวอไปแจ้งแก่พระว่าทางสะดวก ตกเย็นพระอาจารย์ไห่จะแต่งเป็นฆารวาสโพกผ้ามาหา พอถึงยามห้า โถวทวอจะมาเคาะบักฮื้อสวดมนต์เป็นสัญญาณ ข้าก็จะเปิดประตูให้เขาออกไป
เวลาพระจะมาเข้าหานั้นข้าย่อมต้องเห็น นางจึงต้องให้ข้ารู้เห็นด้วยโดยนางให้กำไลและเสื้อผ้าแก่ข้า ข้าจำต้องยอมรับไว้ ที่ไปมาหาสู่กันนั้นนับได้สิบกว่าครั้ง พอมาถูกฆ่าตาย นางก็ให้เครื่องประดับข้า ให้ข้าเรียนนายท่านว่า ท่านอาเกี้ยวพานาง แต่เรื่องนี้ข้าไม่ได้เห็นกับตาไม่อาจยืนยัน ทั้งหมดที่พูดมาเป็นเรื่องจริงไม่ได้แต่งเติม”
พออิ๋งเอ๋อกล่าวจบ สือสิ้วก็กล่าวว่า “พี่ท่านคงรู้ คำพูดเหล่านี้ผู้น้องไม่ได้สอนนางพูด พี่ท่านลองถามรายละเอียดกับอาซ้อดู”
หยางสยงคว้าตัวพานเฉี่ยวหยุนตวาดว่า “นางสารเลว สาวใช้ก็รับแล้ว ไม่ต้องโยกโย้ พูดความจริงมา ข้าจะไว้ชีวิตบัดซบของเจ้า”
นางกล่าวว่า “เป็นความผิดของข้า เห็นแก่ที่เราเป็นสามีภรรยากัน ไว้ชีวิตข้าสักครั้งเถิด”
สือสิ้วว่า “พี่ท่านอย่าได้ปล่อยปละละเลย ต้องถามรายละเอียดให้รู้ชัด”
หยางสยงตวาดว่า “นางสารเลว รีบพูดมา”
นางจึงเล่าเรื่องที่ลักลอบได้เสียกับพระ โดยเริ่มจากคืนที่สวดทำบุญ มาตลอดจนปลาย
สือสิ้วจึงถามว่า “แล้วเหตุใดจึงบอกพี่ท่านว่าข้าเกี้ยวพาท่าน”
นางว่า “คืนวันนั้นเขาเมาแล้วด่าข้า ข้าฟังคำแล้วแปลกๆ เดาเอาว่าท่านอาคงจับผิดอะไรได้แล้วไปฟ้อง พอยามห้า ตื่นมาก็พูดถึงท่านอาอีก ข้าจึงกุเรื่องนี้ขึ้นมากลบเกลื่อน ซึ่งที่จริงแล้วท่านอาไม่ได้ทำ”
สือสิ้วถามหยางสยงว่า “วันนี้ก็ได้ฟังเรื่องราวครบทั้งสามแง่แล้ว ท่านพี่จะจัดการอย่างไร”
หยางสยงว่า “น้องเรา ท่านช่วยข้าถอดเครื่องประดับและเสื้อผ้านางออก ที่เหลือข้าจัดการเอง”
สือสิ้วถอดเครื่องประดับและเสื้อผ้านางออกหมด หยางสยงนำเข็มขัดจากชุดของนางแบ่งเป็นสองเส้นจับนางมัดไว้กับต้นไม้ สือสิ้วจัดการถอดเครื่องประดับของอิ๋งเอ๋อออกด้วย แล้วส่งมีดให้หยางสยงแล้วว่า
“พี่ท่าน นางสารเลวตัวน้อยนี้จะเก็บไว้ทำไม ถอนต้นก่นรากเสียด้วยเลย”
หยางสยงว่า “แน่นอน น้องเรา ส่งมีดมาข้าลงมือเอง”
อิ๋งเอ๋อเห็นท่าไม่ดี จะตะโกนร้อง หยางสยงเงื้อมีดฟันฉับ ร่างนางขาดเป็นสองท่อน
พานเฉี่ยวหยุนอยู่กับต้นไม้ร้องว่า “ท่านอา ข้าขอละ”
สือสิ้วว่า “อาซ้อ พี่ท่านลงมือเองหรอก”
หยางสยงก้าวเข้ามา เอามีดคว้านลิ้นนางออกไม่ต้องส่งเสียงอีก แล้วเอานิ้วชี้หน้านางด่าว่า “นางสารเลว ข้าขาดสติไปหน่อยเลยถูกเจ้าหลอกเอา ข้อหนึ่งทำลายความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง ข้อสองนานไปคงถูกเจ้าหมายชีวิตเข้าสักวัน มิสู้ข้าชิงลงมือเสียก่อนในวันนี้ ข้าอยากรู้นักว่า ตับไตไส้พุงของเจ้าเป็นอย่างไร”
หยางสยงเอามีดแทงเข้าที่อกแล้วกรีดลงมายังท้องน้อย ควักเครื่องในของนางนำออกมาแขวนไว้บนต้นสน จากนั้นก็แบ่งร่างนางเป็นเจ็ดส่วน (七事件 หัว อก ท้อง และ แขนขาทั้งสี่) นำมาห่อรวมกับเครื่องประดับและเสื้อผ้าของนาง
หยางสยงว่า “น้องเรา ข้าหารือท่านหน่อย บัดนี้ชายชั่วช้าหญิงสามานย์ก็สังหารทิ้งไปแล้ว ท่านกับข้าจะหลบไปที่ไหนถึงจะพ้นภัย”
สือสิ้วว่า “ผู้น้องคิดถึงที่แห่งหนึ่งเอาไว้ เชิญพี่ท่านรีบเดินทางอย่าได้ชักช้า”
“ที่ไหนหรือ”
“พี่ท่านฆ่าคนตาย ผู้น้องก็ฆ่าคนตาย ไม่หนีไปพึ่งเขาเหลียงซาน จะไปที่ไหนได้”
“ช้าก่อน ท่านกับข้าไม่เคยรู้จักพวกเขาเลยสักคน พวกเขาจะยอมรับพวกเราได้อย่างไร”
“ผิดแล้วพี่ท่าน ในวงนักเลงต่างรู้ว่าฝนยามแล้งซ่งกงหมิงคบหาผู้กล้าทั่วสารทิศ ท่านกับข้าต่างเป็นคนมีฝีมือ เหตุใดจะไม่รับ”
“先难后易,免得后患
ลำบากไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ดีกว่าหวนเสียใจภายหลัง
ตัวข้าก็เป็นข้าราชการ พวกเขาอาจสงสัยเอาได้ ไม่รับเข้าพวก”
สือสิ้วหัวเราะแล้วว่า “ตัวเขาเองเดิมก็เป็นยาซือมิใช่หรือ พี่ท่านวางใจ ข้าจะบอกให้ ในวันที่พี่ท่านร่วมสาบานกับผู้น้อง ข้าได้ร่วมดื่มกับชายสองคน หนึ่งคือจอมเวทเทพเดินหนไต้จงแห่งเหลียงซาน อีกหนึ่งคือ เสือดาวขนแพรหยางหลิน เขายังให้เงินแท่งผู้น้องไว้สิบตำลึงยังอยู่ในห่อผ้า อาศัยข้อนี้ไปขอพึ่งพวกเขาได้”
“ในเมื่อมีลู่ทาง ข้าจะรีบกลับไปเก็บข้าวของและค่าเดินทางแล้วรีบไปกัน”
“พี่ท่านจะไปวุ่นวายทำไม ย้อนกลับเข้าเมือง หากถูกจับจะรอดตัวหรือ ในห่อผ้านี้ก็มีเครื่องประดับ ผู้น้องยังมีเงินติดตัวพอใช้กันถึงสี่ห้าคน หากกลับไปเอาแล้วเกิดเรื่องขึ้น ใครจะมาช่วย เรื่องนี้อีกไม่นานคงแดงขึ้นมา รอช้าไม่ได้ พวกเราหนีไปทางหลังเขานี่แหละ”
3
สือสิ้วสะพายห่อผ้าคว้ากระบอง หยางสยงสะพายมีดหยิบดาบเตรียมเดินทาง พลันมีคนโผล่มาจากหลังต้นสนตะโกนมาว่า
“清平世界,荡荡乾坤
โลกสุขสงบ พิภพกว้างใหญ่
เชือดคนแล้วจะหนีไปพึ่งเขาเหลียงซาน ข้าแอบฟังมานานแล้ว”
หยางสยง สือสิ้วหันไปดูเห็นคนผู้หนึ่งค้อมหัวคารวะอยู่ หยางสยงรู้จักชายผู้นี้ แซ่สือ 时 ชื่อเชียน 迁 เป็นชาวเมืองเกาถัง 高唐州 ระหกระเหินมาอยู่เมืองนี้ ปีนกำแพงย่องเบา ลักขโมยเขากิน เคยมีคดีที่จี้โจว หยางสยงช่วยเอาไว้ มีฉายาว่า หมัดหน้ากลอง 鼓上蚤
骨软身躯健,眉浓眼目鲜。
形容如怪族,行走似飞仙。
夜静穿墙过,更深绕屋悬。
偷营高手客,鼓上蚤时迁。
อ่อนกระดูกแกร่งกายา
คิ้วดกหนาตาสุกใส
ท่วงทีประหลาดใคร
ท่วงท่าเดินเซียนเหินฟ้า
กลางคืนเที่ยวปีนรั้ว
ยิ่งดึกหัวห้อยหลังคา
เต็มสิบหยิบของมา
หมัดหน้ากลองชื่อสือเชียน
(หมัดหน้ากลองสือเชียน 鼓上蚤时迁 กลุ่มมารดิน ตี้ส้า ลำดับที่ 71 ลำดับรวมที่ 107)
หยางสยงถามว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
สือเชียนว่า “เรียนท่านพัศดี หมู่นี้ผู้น้อยไม่มีที่ไป จึงมาเที่ยวขุดสุสานหาของเล็กๆ น้อยๆ เห็นพี่ท่านลงมือก็ไม่กล้าออกมา แต่พอได้ฟังว่าจะไปเขาเหลียงซาน ผู้น้อยอยู่ที่นี่ก็ได้แต่ลักเล็กขโมยน้อย จึงอยากติดตามไปด้วยจะได้หรือไม่”
สือสิ้วว่า “เมื่อมีฝีมือ พวกเขาก็รับ เพิ่มไปอีกคนจะเป็นไรมี เช่นนี้ก็ไปด้วยกันเถิด”
สือเชียนว่า “ผู้น้อยรู้จักทางลัด”
แล้วก็นำทางหยางสยง สือสิ้วลงทางลัดหลังเขามุ่งสู่เหลียงซาน
ตอนก่อนหน้า : เจ้าสามจับชู้
ตอนถัดไป : พายุฝนตั้งเค้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา