24 เม.ย. เวลา 12:44 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 108

หมัดหน้ากลองก่อคลื่นลม (1) พายุฝนตั้งเค้า
คนแบกเกี้ยวทั้งสองที่หยางสยงกำชับให้รออยู่กลางเขาชุ่ยผิงโดยไม่ให้ตามขึ้นไป ก็ฟังคำสั่งโดยดี แต่รอจนอาทิตย์คล้อยตะวันตกเป็นสีแดงก็ยังไม่เห็นทั้งสามกลับลงมา จึงจำต้องขึ้นเขามาหา เห็นฝูงอีกาจับกลุ่มอยู่จึงเดินมาดูเห็นกำลังส่งเสียงเซ็งแซ่จิกกินเครื่องในสดๆ กันอยู่ก็ตกตะลึง จึงรีบกลับเข้าเมืองมาแจ้งแก่พานกงแล้วพากันไปแจ้งความยังที่ว่าการ
ท่านเจ้าเมืองให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุบนเขาชุ่ยผิง กลับมารายงานว่า “ตรวจพบศพสตรีพานเฉี่ยวหยุนถูกหั่นทิ้งอยู่ข้างต้นสน ศพสาวใช้อิ๋งเอ๋อถูกฆ่าอยู่ใต้สุสานเก่า ข้างสุสานพบเสื้อผ้าของสตรี พระ และโถวทวอกองอยู่รวมกัน”
เจ้าเมืองนึกถึงคดีพระกับโถวทวอฆ่ากันตาย จึงสอบถามพานกง ได้รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องที่พานกงไปเมาหลับอยู่ในวัด จนถึงสือสิ้วอำลาออกจากเรือน ท่านเจ้าเมืองจึงโยงเรื่องได้ว่า สตรีกับพระคบชู้กันโดยมีสาวใช้และโถวทวอรู้เห็นเป็นใจ สือสิ้วรู้เรื่องเข้าจึงทวงความยุติธรรมโดยสังหารพระและโถวทวอ ส่วนวันนี้หยางสยงสังหารสตรีและสาวใช้เป็นแน่ ไม่มีข้อสงสัย จึงให้ออกประกาศจับหยางสยงและสือสิ้ว คนแบกเกี้ยวให้กลับบ้านไร้ความผิด พานกงให้รับศพกลับไปจัดการตามธรรมเนียม
ทางด้านหยางสยง สือสิ้ว สือเชียน เดินทางออกจากเมืองจี้โจว ค้างระหว่างทางหนึ่งคืน วันต่อมาก็เข้าเขตเมืองวิ่นโจว 郓州 ถึงบริเวณบึงเซียงหลิน (บึงป่าหอม) 香林洼 มีขุนเขาสูงตระหง่านอยู่ลูกหนึ่ง ฟ้าก็ค่อยๆ ค่ำลง เห็นริมลำธารมีโรงเตี๊ยมอยู่
前临官道,后傍大溪。
数百株垂柳当门,一两树梅花傍屋。
荆榛篱落,周回绕定茅茨;
芦苇帘栊,前后遮藏土炕。
右壁厢一行,书写“庭幽暮接五湖宾”;
左势下七字,题道“户敞朝迎三岛客”。
虽居野店荒村外,亦有高车驷马来。
หน้าติดวิถีหลังมีลำธาร
หยางรายหน้าทวารเคียงบ้านเหมยคู่
รั้วคลุมหนามล้อมหมู่กระท่อมอยู่
ม่านประตูหน้าหลังบังเตียงเตา
ลานสงบ ยามพลบรับ แขกอู่หู
ประตูกว้าง ยามสางรับ แขกซานเต่า
แม้เป็นเพียงบ้านดงพงลำเนา
ยังมีเหล่ารถหรูมาพักแรม
 
(土炕 เตียงผิง เตียงมีเตาทำความอบอุ่น)
ทั้งสามเดินมาด้านหน้า เห็นคำกลอนคู่หน้าประตูเขียนว่า
庭幽暮接五湖宾  ลานสงบ ยามพลบรับ แขกอู่หู
户敞朝迎三岛客  ประตูกว้าง ยามสางรับ แขกซานเต่า
เย็นย่ำแล้ว เสี่ยวเอ้อกำลังจะมาปิดประตูเห็นทั้งสามคนเดินมาจึงว่า “ลูกค้ามาแต่ไกล ถึงที่นี่เสียค่ำ”
สือเชียนว่า “วันนี้พวกเราเดินทางได้ร้อยกว่าลี้ มาถึงที่นี่ค่ำพอดี”
เสี่ยวเอ้อให้ทั้งสามเข้ามาพัก แล้วถามว่า “ลูกค้ายังไม่ได้หุงหากระมัง”
สือเชียนว่า “เดี๋ยวพวกเราจัดการกันเอง”
เสี่ยวเอ้อว่า “วันนี้ไม่มีลูกค้า เตาสองเตากับหม้อยังสะอาดหมดจด เชิญท่านตามสะดวก”
สือเชียนถามว่า “ที่ร้านมีเหล้ากับเนื้อขายไหม”
เสี่ยวเอ้อว่า “เช้ากว่านี้หน่อย ยังพอมีเนื้อ แต่ตอนนี้ชาวบ้านแถวนี้มาขอซื้อไปหมดแล้ว เหลือแต่เหล้าอยู่ไหหนึ่ง เลยไม่มีอะไรเป็นกับข้าว”
สือเชียนว่า “เช่นนั้น เอาข้าวสารมาก่อนห้าเซิง ค่อยว่ากัน”
เสี่ยวเอ้อนำข้าวสารใส่หม้อมาให้ จัดการซาวข้าว หยางสยงนำปิ่นส่งให้เสี่ยวเอ้อเป็นค่าเหล้าค่าที่พัก ไว้หักทอนกันวันพรุ่ง เสี่ยวเอ้อไปนำเหล้าไหนั้น พร้อมผักจานใหญ่มาตั้งไว้บนโต๊ะ สือเชียนเปิดเหล้า บอกให้หยางสยง สือสิ้วไปล้างมือ แล้วชวนเสี่ยวเอ้อมาร่วมดื่มด้วยเป็นสี่คน
สือสิ้วสังเกตเห็นใต้ชายคาร้านมีดาบพอเตา 朴刀 เสียบอยู่สิบกว่าเล่ม จึงถามว่า “ทำไมร้านของท่านจึงมีอาวุธมากปานนี้”
เสี่ยวเอ้อว่า “ทั้งหมดเป็นของเจ้าของร้านทิ้งเอาไว้”
สือสิ้วว่า “เจ้าของร้านท่านเป็นคนอย่างไรกัน”
เสี่ยวเอ้อว่า “ลูกค้าท่านท่องวงนักเลงไม่เคยได้ยินชื่อบ้านเราหรือ เขาสูงใหญ่ข้างหน้าเรานี้เรียกว่า เขาตู๋หลง (เขามังกรเอกา) 独龙山  ด้านหน้าเขามีเนินสูงข่มอยู่แห่งหนึ่งเรียกว่า เนินตู๋หลง (เนินมังกรเอกา) 独龙冈
คฤหาสน์ของเจ้าของร้านตั้งอยู่บนเนินนี้ บริเวณโดยรอบกว้างยาวสามสิบลี้ เป็นอาณาเขตบ้านสกุลจู้ 祝家庄 ไท่กงเจ้าของคฤหาสน์คือท่านจู้เฉาเฟิ่ง 祝朝奉 มีบุตรชายสามคน เรียกกันว่า สามวีรบุรุษสกุลจู้ 祝氏三杰 หมู่บ้านนี้มีเจ็ดร้อยครัวเรือน ล้วนเป็นผู้เช่าที่ทำกิน แต่ละบ้านจะได้รับดาบสองเล่ม ร้านแห่งนี้เรียกว่า ร้านสกุลจู้ 祝家店 ปกติจะมีชาวบ้านเข้ามาพักจากสิบกว่าครัวเรือน จึงเห็นดาบอยู่นี่แหละ”
สือสิ้วถามว่า “แล้วจัดสรรอาวุธไว้ที่ร้านนี่เพื่อประโยชน์อะไร”
เสี่ยวเอ้อว่า “ที่นี่ห่างจากเขาเหลียงซานไม่ไกลนัก กลัวว่าพวกโจรจะมายืมเสบียง จึงต้องตระเตรียมป้องกันไว้”
สือสิ้วว่า “ข้าให้เงินท่าน ขอแบ่งดาบสักเล่มได้ไหม”
เสี่ยวเอ้อว่า “นี่ไม่ได้ทีเดียว อาวุธแต่ละชิ้นมีทำเครื่องหมายไว้ ข้าไม่อยากโดนไม้พลองนายท่าน กฎของนายท่านไม่ใช่เรื่องเล่น
สือสิ้วหัวเราะแล้วว่า “ข้าแค่ล้อเล่น อย่าเป็นกังวล ดื่มเหล้ากันเถอะ”
เสี่ยวเอ้อว่า “ผู้น้อยดื่มไม่ไหวแล้ว ขอตัวไปพักก่อน ลูกค้าเชิญตามสบายเถิด” แล้วก็กลับออกไป
หยางสยง สือสิ้ว ดื่มกันต่อ สือเชียนถามขึ้นว่า “พี่ท่านจะกินเนื้อกันไหม”
หยางสยงว่า “เสี่ยวเอ้อบอกแล้วว่าไม่มีเนื้อขาย ท่านจะไปเอามาจากไหน”
สือเชียนหัวร่อคิกคัก ไปหยิบเอาไก่ตัวใหญ่มาจากในเตา หยางสยงถามว่า “ไก่นี่ไปเอามาจากไหน”
สือเชียนว่า “ผู้น้องไปล้างมือด้านหลัง เห็นไก่นี่อยู่ในเล้า เห็นว่าพี่ท่านไม่มีอะไรแกล้มเหล้า เลยแอบเอาไปเชือดที่ริมธาร เอาถังน้ำแกงไปด้านหลัง ถอนขนจนเกลี้ยง ปรุงสุกแล้วเอามาให้พี่ท่านทั้งสอง”
หยางสยงว่า “เจ้านี่ยังมือเท้าไวไม่เปลี่ยน”
สือสิ้วหัวเราะว่า “ยังไม่ทิ้งอาชีพเดิม”
ทั้งสามพากันหัวเราะแล้วตักข้าวมากินกับไก่
ทางด้านเสี่ยวเอ้อรู้สึกเป็นกังวลนอนไม่ค่อยหลับ จึงลุกขึ้นเที่ยวเดินตรวจตราก็ไปเห็นขนและกระดูกไก่บนโต๊ะในห้องครัว พอไปดูที่เตาก็เห็นไขมันในน้ำอยู่ครึ่งหม้อ เสี่ยวเอ้อรีบไปดูที่เล้าด้านหลัง ไม่เห็นไก่เสียแล้ว จึงออกมาถามว่า “ลูกค้าท่านช่างไร้เหตุผล มาขโมยไก่ขันบอกเวลาของร้านเรา”
สือเชียนว่า “เอ๊ะ เห็นผีแล้ว ไก่นี่ข้าซื้อมาระหว่างทาง ไม่เคยเห็นไก่ของท่าน”
เสี่ยวเอ้อว่า “แล้วไก่ของทางร้านเรา หายไปไหนเล่า”
สือเชียนว่า “อาจโดนแมวป่าคาบไป ลิงทะโมนจับไป หรือไม่ก็เหยี่ยวโฉบไป ข้าจะรู้ได้อย่างไร”
เสี่ยวเอ้อว่า “ไก่ของข้าอยู่ในเล้า ไม่ใช่ท่านขโมยแล้วจะเป็นใคร”
สือสิ้วว่า “ไม่ต้องเถียงกัน เป็นเงินเท่าไร ชดใช้ให้ท่านก็แล้วกัน”
เสี่ยวเอ้อว่า “ไก่ขันบอกเวลาของทางร้าน ไม่มีไม่ได้ จ่ายมาสิบตำลึงก็ยังไม่พอ ขอไก่คืนมา”
สือสิ้วโมโหว่า “เจ้าแหกตาใคร พ่อไม่ใช้ ใครจะทำไม”
เสี่ยวเอ้อหัวเราะแล้วว่า “ท่านลูกค้า อย่ามาเล่นกับไฟ ร้านของข้าไม่เหมือนร้านอื่น จับพวกท่านส่งเข้าหมู่บ้านบอกว่าเป็นพวกโจรเขาเหลียงซาน เดี๋ยวก็รู้”
สือสิ้วขี้นเสียง “ผู้กล้าเหลียงซานแล้วไง จะจับไปขึ้นรางวัลหรือ”
หยางสยงก็โมโหจึงว่า “หวังดีจะจ่ายเงินให้ ทีนี้ไม่ชดใช้ให้แล้ว จะเอาไง”
เสี่ยวเอ้อตะโกนว่า “มีขโมย”
ชายฉกรรจ์ห้าคนโผล่มา วิ่งเข้าหาหยางสยงและสือสิ้ว สือสิ้วแจกหนึ่งคนหนึ่งหมัด ล้มกลิ้งกันไป เสี่ยวเอ้อจะตะโกนอีกแต่ถูกสือเชียนตบฉาดอย่างแรงจนหน้าบวมเป่ง เสี่ยวเอ้อพร้อมชายฉกรรจ์ทั้งห้าลุกขึ้นได้ พากันหนีออกประตูหลัง
หยางสยงว่า “น้องเรา พวกมันคงไปตามพวกมา รีบกินข้าวแล้วหนี”
ต่างรีบกินให้อิ่ม แล้วแบ่งน้ำหนักสัมภาระ เอามีดคาดเอว ไปยังแท่นอาวุธเลือกเอาดาบพอเตาคนละเล่ม แล้วสือสิ้วว่า “ไหนๆ ก็ไหนๆ ปล่อยไว้ทำไม”
แล้วก็ไปคว้าฟืนที่เตา จุดไฟแล้วเที่ยวเผาจนหมู่กระท่อมหญ้าลามไฟลุกโชน แล้วทั้งสามก็รีบหนีกันไปตามถนนใหญ่
只为偷儿攘一鸡,从教杰士竞追麑。
梁山水泊兴波浪,祝氏山庄化作泥。
เพียงเพราะหัวขโมยแอบลักไก่
เหตุให้วีรชนไล่ล่าเป็นบ้าหลัง
เขาเหลียงซานเกิดคลื่นลมคลุ้มคลั่ง
สกุลจู้ทั้งหมู่บ้านกลายเป็นตม
ทั้งสามเดินกันมาได้เกือบสองชั่วยาม ก็เห็นแสงคบไฟจำนวนมากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สือสิ้วว่า “ไม่ต้องห่วง พวกเราหลบลงทางน้อย”
หยางสยงว่า “ช้าก่อน มาหนึ่งฆ่าหนึ่ง มาสองฆ่าทั้งคู่ รอฟ้าสว่างแล้วค่อยหนี” พูดไม่ทันขาดคำ ก็ถูกล้อมแล้วรอบด้าน
หยางสยงอยู่หน้า สือสิ้วอยู่หลัง สือเชียนอยู่กลาง ทั้งสามเงื้อดาบพอเตา คนกลุ่มนั้นยังไม่รู้ฝีมือ กรูกันเข้าหา หยางสยงฆ่าทิ้งทีเดียวเจ็ดคน ด้านหน้าเริ่มแตกหนี ด้านหลังจะเข้ามาเลยหันกลับจะหนีด้วย สือสิ้วตามไปฆ่าล้มกลิ้งไปหกเจ็ดคน คนรอบด้านเห็นพรรคพวกล้มตายไปสิบกว่าคน ต่างยังรักชีวิต พากันล่าถอย
ทั้งสามจึงเป็นฝ่ายไล่กวดเข้าบ้าง เดินไล่อยู่นั้น ในพงหญ้ามีตะขอสองอันยื่นออกมาเกี่ยวตัวสือเชียนแล้วลากเข้าพง สือสิ้วเห็นสือเชียนถูกลากไปจะตามมาช่วย ด้านหลังมีตะขอยื่นมาสองอันจะเกี่ยวตัวสือสิ้ว หยางสยงตาไว เข้ามาฟันแล้วตามฟันเข้าไปในพงหญ้า มีเสียงคนร้องแล้ววิ่งหนี
ทั้งสองเห็นสือเชียนถูกจับตัวไปแล้ว จะตามไปช่วยก็กลัวตกอยู่ในวงล้อมหนาแน่น จำต้องหนีให้รอดก่อน รอบด้านมีแต่แสงคบเพลิง หลบลงทางน้อยก็กลับไม่มีดงพงไม้ให้หลบเร้น ต้องเร่งมุ่งหน้าไปทางตะวันออก ทางด้านพวกติดตาม หาตัวไม่พบ จึงช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และจับสือเชียนมัดมือไขว้หลังพาตัวไปส่งยังหมู่บ้านสกุลจู้
ตอนก่อนหน้า : เขาชุ่ยผิง
ตอนถัดไป : อินทรีโฉบฟ้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา