Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealth being
•
ติดตาม
2 พ.ค. เวลา 03:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ระบบบัญชีที่มีแต่ตัวเลขติดลบ [Ep.5/18]
ในขณะที่ระบบบัญชีของ Bitcoin นั้นเรียบง่าย ตรงไปตรงมา และสามารถตรวจสอบได้หมดในทุกจุด ระบบบัญชีเฟียตกลับเป็นอะไรที่ตรงกันข้าม มันทั้งซับซ้อนและมั่วซั่วอย่างที่สุด ในบทนี้หนังสือจะพาไปเจาะลึกระบบบัญชีเฟียต เพื่อทำความเข้าใจกลไกที่ทำให้เกิดการเฟื่องฟูของหนี้ และการทำลายการเก็บออม
ระบบบัญชีเฟียตมีลักษณะจำเพาะ 4 ประการ ดังนี้
1.ไม่สามารถนับได้ : ในระบบนี้ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามีอุปทานเงินทั้งหมดเท่าไร ขอบเขตของคำว่าเงินนั้นก็เหลื่อมล้ำซ้อนทับกันไปมา คำจำกัดความของคำว่าเงินนั้นมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ M0, M1, M2, M3
(เป็นนิยามของเงินที่ไล่ตั้งแต่แคบสุดไปจนถึงกว้างสุด โดย M0 คือแคบสุดหมายถึงเงินที่ถูกพิมพ์ออกมาในรูปแบบกระดาษและเหรียญ ส่วน M1 จะนับรวมบัญชีในธนาคารด้วย ส่วน M2, M3 ก็จะขยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆ)
เนื่องจากระบบเฟียตนี้มีการนำเงินในอนาคตมารวมกับเงินในปัจจุบัน การนิยามมาตรวัดอุปทานเงินที่แม่นยำจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่โดยทั่วไปนิยามที่มีการเก็บข้อมูลและได้รับการยอมรับมากที่สุดคือ M2 และหากเราดูอัตรา M2 money supply ของทุกประเทศก็จะเห็นได้ชัดว่าเป็นกราฟขาขึ้นที่ดูน่ากลัวเลยทีเดียว
2.ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ : การคำนวณและการตรวจสอบทางบัญชีเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในระบบเฟียต เนื่องจากมันไม่มีการบันทึกทรัพย์สินและหนี้สินที่แม่นยำ อีกทั้งในระบบหนี้เมื่อเราขุดเงินเฟียตด้วยการสร้างหนี้แล้ว เรายังสามารถนำหนี้นั้นมาค้ำประกันและสร้างหนี้ใหม่วนไปได้อีก ระบบนี้จึงไม่มีการบันทึกธุรกรรมการออกสินเชื่อ และไม่มีข้อจำกัดในการสร้างหนี้
3.มีสถานะชั่วคราวและยกเลิกได้ : เนื่องจากยอดเงินเฟียตส่วนใหญ่เป็นตัวเลขทางบัญชีที่ไม่ได้มีตัวตน และถูกควบคุมโดยโหนดกลางอย่างหน่วยงานรัฐและธนาคารกลาง ทุกตัวเลขและทุกธุรกรรมจึงสามารถถูกควบคุม ระงับ และยกเลิกได้
หรือหากเราถือเงินสดที่เป็นเงินกระดาษ รัฐบาลก็ยังสามารถประกาศยกเลิกธนบัตรและทำให้มันไร้ค่าไปทันทีได้เสมอ เป็นการ Demonetization ที่มีให้เห็นหลายครั้งในระบบเฟียต
หากมองในมุมอธิปไตยในการควบคุมเงิน ต้องยอมรับว่าเราไม่เคยสามารถเป็นเจ้าของเงินเฟียตได้เลย เราเป็นเจ้าของมันได้เพียงชั่วคราวตามแต่ที่รัฐจะกรุณาเท่านั้น
4.มียอดติดลบ : ความ Amazing ที่สุดในระบบบัญชีเฟียตคือผลรวมยอดบัญชีทั้งหมดจะติดลบตลลอดเวลา เนื่องจากยอดหนี้ที่สร้างขึ้นนั้นมีมากกว่าปริมาณเงินจริงหลายเท่า ในระบบที่เงินสร้างง่ายได้โดยไม่มีต้นทุนนี้ ผู้คนมีแรงจูงใจที่จะทำให้บัญชีติดลบเสมอ
ในขณะที่ผู้คนทั่วไปพยายามรักษายอดบัญชีให้เป็นบวก ผู้ชนะที่แท้จริงในระบบเฟียตนั้นกลับเป็นผู้ที่มีบัญชีติดลบ ที่มีความสามารถในการกู้ยืม ผลิตเงิน และใช้เงินจากอนาคตนั้นช่วงชิงทรัพยากรได้ก่อน โดยผลักภาระไปที่การเสื่อมค่าของสกุลเงินที่คนทั่วไปถืออยู่นั่นเอง
เงินเฟียตกับการออม
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา การออมมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างอารยธรรมของมนุษย์ การออมคือการชะลอการบริโภคในวันนี้เพื่อผลตอบแทนในอนาคต มนุษย์สามารถสั่งสมทุน และสร้างผลผลิตที่มากขึ้นได้ ระดับความเห็นแก่เวลาที่ต่ำ (Low time preference) นี้คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ
สังคมมนุษย์ค่อยๆพัฒนาไปบนการออมด้วยเงินที่แข็งแกร่ง เราค่อยๆเปลี่ยนไปใช้เงินที่มั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นและตอบโจทย์หน้าที่ของการเป็นเงินที่ดีขึ้นเรื่อยมา จนกระทั่งช่วงปี 1980s ในยุคของเฟียต ที่เงินถูกทำให้เสื่อมค่า และการออมถูกทำให้ดูเป็นเรื่องโง่เขลา
ในยุคที่เงินสร้างง่าย การกู้และการสร้างหนี้กลายมาเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราต่างกู้เพื่อการศึกษาดีๆ เพื่อที่จะจบมามีเงินเดือนสูงๆ เพื่อที่จะกู้ได้มากขึ้น เพื่อที่จะซื้อบ้านซื้อรถ เพื่อให้เรามีภาพลักษณ์แห่งการประสบความสำเร็จและการเป็นที่ยอมรับของสังคม
ในมุมคนทำธุรกิจก็เช่นกัน หากทำธุรกิจแล้วไปได้ดี ก็จะทำให้สามารถกู้ได้มากขึ้น เพื่อการเติบโตและขยายกิจการ ไม่มีผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจคนไหนที่ไม่สร้างหนี้ โดยสรุปคือความสำเร็จในยุคเงินเฟียต คือการสร้างยอดบัญชีให้ติดลบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อทองคำถูกดึงออกไปจากสมการในปี 1971 บัญชีเงินเฟียตก็กลายมาเป็นเทคโนโลยีการเก็บออมแทน แต่เครื่องมือนี้ให้ดอกเบี้ยแค่เพียง 1- 2% ไม่สามารถสู้กับอัตราเงินเฟ้อได้ ผู้คนจึงจำเป็นต้องหาเครื่องมืออื่นๆ
ช่วงปี 1970-1990 พันธบัตรรัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่นี้ ผู้คนชอบมันมากกว่าเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีกลไกอะไรมาหยุดยั้งการผลิตเพิ่ม ในที่สุดผลตอบแทนก็ไม่น่าดึงดูดและไม่สามารถต้านทานเงินเฟ้อได้ อีกครั้งที่ผู้คนถูกบีบให้ต้องไปใช้เครื่องมืออื่น
ตลาดหุ้นกลายมาเป็นเครื่องมือเก็บออมของผู้คนในช่วงตั้งแต่ 2009 เรารู้ว่าหุ้นให้ผลตอบแทนสูง แต่มันก็มาพร้อมความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน และยังมีสภาพคล่องที่ต่ำกว่าเงินทั่วไปมาก เพราะที่จริงแล้วนี่ควรจะเป็นเครื่องมือเพื่อการลงทุน ไม่ใช่การออม
แต่ในปัจจุบันทุกคนถูกบังคับให้ต้องลงเล่นในสนามนี้ ถึงแม้จะมีความรู้ทางการลงทุนหรือไม่ก็ตาม และยังจำเป็นที่จะแบกรับความเสี่ยงและเสียสละสภาพคล่องที่มี เพียงเพื่อจะรักษา wealth เอาไว้ เราถูกบังคับให้ต้องเสี่ยง ให้ใช้วิตบนความเปราะบาง และคิดถึงอนาคตได้ยาก
อาจกล่าวได้ว่าระบบเฟียตบังคับให้เราต้องทำงานสองครั้ง ครั้งแรกคือทำงานตามปกติและรับเงินเฟียตมาเป็นค่าตอบแทน อีกครั้งคือการจัดการทางการเงิน เพื่อรักษามูลค่าของเงินเฟียตนั้นเอาไว้
ปัจจุบันผู้คนมักเข้าใจว่าการออมและการลงทุนเป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย ในโลกที่เงินมั่นคง การออมที่ความเสี่ยงต่ำมีเพื่อลดความไม่แน่นอนของอนาคต สร้างอิสรภาพให้ชีวิตบนพื้นฐานการเงินที่แข็งแรง เราเพียงแค่ต้องเก็บออมเงิน วางแผนชีวิตว่ามีเท่าไรถึงจะพอ หากมีเกินกว่านั้นก็นำไปลงทุนบนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เหมาะสม ง่ายๆแค่นั้น
หนี้เฟียต
ทุกวันนี้ใครก็ตามที่ขยันเก็บออม ไม่กู้เงินและรักษายอดบัญชีให้เป็นบวก จะถูกปล้นอยู่ตลอดเวลา และเขาจำเป็นจะต้องทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ เพื่ออัพเงินเดือน หรือหารายได้ทางอื่นๆ เพราะไม่งั้นคุณภาพชีวิตจะค่อยๆตกต่ำลง
ส่วนคนที่เข้าใจเกมนี้และเล่นได้เก่งที่สุดคือคนที่เป็นหนี้ หากคุณสามารถกู้หนี้ในต้นทุนถูกๆแล้วเอาไปเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์สร้างยาก เมื่อเวลาผ่านไปยอดหนี้ก็จะลดลง แต่คุณจะมี wealth เพิ่ม คุณจะได้ประโยชน์จากการเข้าถึงเงินที่ผลิตเพิ่มได้ก่อน (Cantillion effect)
ในวิกฤตการออมนี้ ก็มีคนที่พยายามแก้ปัญหาอยู่ ในปี 2018 ธนาคารแนโรว์ (Narrow bank) ได้ยื่นขอใบอนุญาตในการทำธุรกิจธนาคารรูปแบบใหม่ โมเดลง่ายๆคือ Narrow bank จะนำเงินฝากของผู้ฝากทั้งหมดมาฝากไว้ที่ FED ซึ่งเป็นธนาคารที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดในโลก จากนั้นก็นำดอกเบี้ยจาก FED มาให้ผู้ฝากโดยหักค่าธรรมเนียมเล็กน้อย
โมเดลนี้ดูดีและให้ประโยชน์กับทุกฝ่าย ผู้ฝากได้รับผลตอบแทนบนความเสี่ยงที่ต่ำ Narrow bank สามารถทำกำไรได้ และ FED ก็ไม่ต้องกังวลว่า Narrow bank จะล้มละลาย สิ่งนี้ดูจะกลายเป็นเครื่องมือการออมที่น่าสนใจมาก แต่แล้วการขออนุญาตครั้งนี้กลับถูกปฏิเสธ
เหตุผลคือมันมั่นคงและปลอดภัยเกินไป จนอาจเป็นภัยต่อธนาคารอื่นๆได้ การเป็นเครื่องมือการออมที่น่าดึงดูดแบบนี้ ผู้คนจะเห็นคุณค่าและตื่นรู้ว่าระบบเดิมที่มีอยู่นั่นเปราะบางแค่ไหน เงินจะไหลเข้าสู่ Narrow bank เยอะจนระบบธนาคารอาจขาดสภาพคล่อง
FED เข้าใจดีว่า Narrow bank ไม่ได้อันตราย แต่ถ้ามันได้เกิดจริง มันจะทำให้เห็นว่าระบบเดิมนั้นอันตรายแค่ไหน และแสดงให้เห็นว่าผู้คนโหยหาเครื่องมือการเก็บออมมากแค่ไหน
แต่ถึง Narrow bank จะเป็นหมันไป โลกก้ไม่ได้สิ้นหวังไร้ทางออกขนาดนั้น คนที่ได้ศึกษา Bitcoin เข้าใจดีว่า Bitcoin นั้นเป็นเครื่องมือการออมที่ดี แต่สิ่งที่ Bitcoin ต่างจาก Narrow bank คือการที่มันมีตัวตนอยู่ได้นี้ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร
ธุรกิจ
การลงทุน
ประวัติศาสตร์
1 บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สรุปหนังสือ The Fiat Standard
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย