1 พ.ค. เวลา 13:11 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 111

ศึกบ้านสกุลจู้ (1) สอดแนม
ซ่งเจียงนำทัพมาตั้งค่ายหน้าเขามังกรเอกา 独龙山 ห่างจากเขาเพียงหนึ่งลี้เศษหากเป็นทางตรง นั่งปรึกษาการทัพในค่ายบัญชาการกับฮวาหยงว่า “ข้าฟังว่าเส้นทางเข้าหมู่บ้านสกุลจู้นั้นซับซ้อนนัก จำต้องให้คนไปสอดแนมเส้นทางดูทางหนีทีไล่ แล้วจึงยกเข้าโจมตี”
หลี่ขุยว่า “พี่ท่าน ข้าอยู่ว่างๆ มานานแล้ว ไม่ได้ฆ่าใครเลย ให้ข้าไปสักเที่ยว”
ซ่งเจียงว่า “น้องเรา เจ้าไปไม่ได้ รอไว้ตอนตีหักค่าย ค่อยใช้เจ้าออกหน้า ส่วนเรื่องที่ต้องละเอียดรอบคอบเช่นนี้ ให้เจ้าไปไม่ได้”
หลี่ขุยหัวเราะแล้วว่า “แค่หมู่บ้านนกเขานี่ พี่ท่านทำไมต้องเปลืองแรง แค่ให้ผู้น้องพาทหารไปสองสามร้อยคน ตัดหัวคนในบ้านนกเขาให้หมด ไม่ต้องไปสอดแนม”
ซ่งเจียงตวาดว่า “เจ้านี่มันเหลวไหล หลบไปด้านข้าง ไม่เรียกไม่ต้องเสนอหน้า”
หลี่ขุยจึงหลบไปบ่นกับตัวเองว่า “แค่ตบแมลงวันตาย ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่”
ซ่งเจียงเรียกสือสิ้วมาว่า “น้องเราเคยเข้าไปที่นั่น พาหยางหลินไปสำรวจดูสักเที่ยว”
สือสิ้วว่า “พี่ท่านนำกำลังมามากมาย ทางหมู่บ้านคงเตรียมการป้องกันกันอย่างดี พวกเราจะแต่งปลอมอย่างไรเข้าไป”
หยางหลินว่า “ข้าจะปลอมเป็นอาจารย์ขับไล่ผี ซ่อนมีดสั้นไว้กับตัว ถือกระพรวนอาคมเขย่าไปตลอดทาง ท่านก็คอยฟังเสียงกระพรวนแล้วตามไปใกล้ๆ อย่าได้ห่าง”
สือสิ้วว่า “ข้าอยู่จี้โจวเคยตัดฟืนขาย ข้าจะทำเป็นหาบฟืนไปขาย ซ่อนอาวุธไว้ ถึงคราวคับขัน ไม้คานหาบก็ใช้เป็นอาวุธได้”
หยางหลินว่า “ดี คืนนี้ท่านกับข้ามานัดแนะกัน พรุ่งนี้ยามห้าออกเดินทาง”
只为一鸡小忿,致令众虎相争。
เพียงเพราะไก่ตัวเดียวเป็นสาเหตุ
เกิดอาเพศฝูงเสือมาห้ำหั่น
软弱安身之本,刚强惹祸之胎。
无争无竞是贤才,亏我些儿何碍!
钝斧锤砖易碎,快刀劈水难开。
但看发白齿牙衰,惟有舌根不坏。
อ่อนน้อมเป็นปฐมความปลอดภัย
ก้าวร้าวไปคือสาเหตุความพินาศ
ไม่แก่งแย่งชิงดีคือจอมปราชญ์
เขาอาจได้เปรียบบ้างใช่มากมาย
ค้อนทั่งฟาดหินแตกแหลกธุลี
มีดมีคมผ่าน้ำมิขาดสาย
เห็นฟันขาวกร้าวแกร่งยังกร่อนกลาย
ชิวหาปลายยันโคนไม่ผุพัง
สือสิ้วหาบฟืนเข้าไปก่อน เดินไปมาได้ไม่ถึงยี่สิบลี้ เห็นว่าทางนั้นวกวนซับซ้อนนัก ทางโค้งทางแยกดูเหมือนกันไปหมด ต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เส้นทางยากสังเกตจดจำ สือสิ้ววางหาบฟืนลง ได้ยินเสียงกระพรวนอาคม สักพักก็เห็นหยางหลินใส่หมวกปีกใหญ่ขาดๆ ใส่เสื้อหมอผีเก่าๆ เขย่ากระพรวนเดินมา
สือสิ้วเห็นปลอดคนจึงเรียกหยางหลินให้หยุดแล้วว่า “เส้นทางวกวนซับซ้อนยากสังเกต ไม่รู้ว่าใช่ทางเดียวกับที่ข้ามากับหลี่อิ้งเมื่อวันก่อนหรือไม่ แต่พวกเขาย่อมคุ้นทางดีอยู่แล้ว วันนั้นฟ้าใกล้ค่ำ ข้าก็ไม่ทันสังเกต”
หยางหลินว่า “ไม่ต้องสนใจว่าทางจะวกวน เลือกทางใหญ่ไว้ก่อน”
สือสิ้วแบกฟืนเดินต่อไปตามทางใหญ่จนมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีร้านรวงจำนวนมากทั้งร้านขายเนื้อขายเหล้า สือสิ้วแบกฟืนไปพักที่หน้าร้านอาหาร สังเกตเห็นว่า แต่ละร้านมีอาวุธดาบทวนเสียบอยู่หน้าร้าน คนที่พบทุกคนต่างสวมเสื้อไร้แขนสีเหลืองมีอักษร “จู้ 祝” ตัวโต ใส่ทับเสื้ออื่นอยู่ด้านบน แขกไปใครมาต่างสวมเสื้อลักษณะเดียวกันนี้
สือสิ้วเห็นชายสูงวัยผู้หนึ่งจึงเข้าไปขานคารวะ คำนับถามว่า “ผู้อาวุโส ที่นี่มีธรรมเนียมอย่างไรหรือจึงเอาอาวุธมาเสียบกันไว้หน้าประตูบ้าน”
ผู้เฒ่าว่า “ท่านเป็นคนต่างถิ่นมาจากที่ไหน จึงได้ไม่รู้ ทางที่ดีรีบไปให้พ้น”
สือสิ้วว่า “ผู้น้อยเป็นคนขายพุทรามาจากซานตง ค้าขายขาดทุน กลับบ้านไม่ได้จึงมาตัดฟืนขาย ไม่รู้ธรรมเนียมของที่นี่”
ผู้เฒ่าว่า “ถึงบอกว่าให้รีบหนีไปให้ไกล ที่นี่อีกไม่นานคงมีการเข่นฆ่ากันขนานใหญ่”
สือสิ้วว่า “หมู่บ้านนี่ดูสุขสงบปานนี้ ไยจะมีการเข่นฆ่ากันขนานใหญ่”
ผู้เฒ่าว่า “นี่ท่านคงไม่รู้จริงๆ ข้าจะเล่าให้ฟัง หมู่บ้านแห่งนี้เรียกว่าหมู่บ้านสกุลจู้ 祝家村 บนเนินนั่นคือคฤหาสน์ของท่านจู้เฉาเฟิ่ง ตอนนี้ไปแหย่เอาพวกเขาเหลียงซานเข้า ยกทัพกันมาตั้งอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน คงเห็นเส้นทางหมู่บ้านเราซับซ้อนจึงยังไม่กล้าเข้าตี ตั้งค่ายรออยู่ด้านนอก ตอนนี้ทางบ้านสกุลจู้มีคำสั่งมาให้ทุกครอบครัวเตรียมชายฉกรรจ์หนึ่งคนไว้พร้อมเกณฑ์เมื่อจำเป็น”
1
สือสิ้วถามว่า “ที่หมู่บ้านของผู้อาวุโสมีประชากรสักเท่าไร”
ผู้เฒ่าว่า “ที่หมู่บ้านสกุลจู้นี้มีราวสองหมื่นคน ทางตะวันออกตะวันตกยังมีอีกสองหมู่บ้านที่คอยช่วยเหลือกัน หมู่บ้านตะวันออกคือ อินทรีโฉบฟ้าหลี่อิ้ง หมู่บ้านทางตะวันตกคือท่านหู้ไท่กง มีบุตรสาวชื่อ หู้ซานเหนียง ฉายาอีจ้างชิง มีฝีมือเก่งกาจ”
สือสิ้วว่า “เช่นนี้แล้ว ไม่เห็นจะต้องกลัวพวกเหลียงซาน”
ผู้เฒ่าว่า “ก็เหมือนอย่างพวกเรา เข้ามาครั้งแรก ไม่รู้จักทางก็ต้องถูกจับ”
สือสิ้วว่า “ผู้อาวุโส อย่างไรกัน เข้ามาครั้งแรกเป็นต้องถูกจับ”
ผู้เฒ่าว่า “เส้นทางหมู่บ้านนี้ มีบทกวีชี้ไว้อยู่
好个祝家庄,尽是盘陀路。
容易入得来,只是出不去。
บ้านสกุลจู้ดีอย่าง
มีเส้นทางอันลดเลี้ยว
เข้ามาง่ายจริงเชียว
แต่หาทางออกไม่เจอ”
สือสิ้วได้ฟังก็ร่ำไห้คุกเข่าลงกราบกับพื้นกล่าวว่า “ผู้น้อยค้าขายขาดทุนกลับบ้านไม่ได้ หากขายฟืนได้แต่กลับออกไปไม่ได้คงต้องถูกฆ่า มิเแย่หรอกหรือ ท่านพ่อ โปรตเมตตาผู้น้อย ฟืนหาบนี้ผู้น้อยขอมอบให้ท่านพ่อ กรุณาชี้ทางออกให้ผู้น้อยด้วยเถิด”
ผู้เฒ่าว่า “ข้าจะเอาของเจ้าเปล่าๆ ได้อย่างไร เอาเป็นว่าข้าซื้อไว้ เจ้าเข้ามาก่อน ข้าเลี้ยงข้าวเจ้า”
สือสิ้วกล่าวขอบคุณแล้วหาบฟืนตามผู้เฒ่าเข้าไปในบ้าน ผู้เฒ่าเทเหล้าขาวสองชาม ตักข้าวต้มชามหนึ่งให้สือสิ้ว สือสิ้วขอบคุณอีกครั้งแล้วว่า “ท่านพ่อช่วยบอกเส้นทางด้วย”
ผู้เฒ่าว่า “ออกจากหมู่บ้านนี่ไป พอเห็นต้นหยางขาว 白杨 ก็เลี้ยวตามไปไม่ว่าทางนั้นจะเล็กหรือใหญ่ พอพบหยางขาวเลี้ยวไปคือทางเป็น ผิดจากนั้นไม่มีต้นหยางขาวหรือมีต้นอื่นใดล้วนเป็นทางตาย หากเดินผิดทางนอกจากจะวกไปวนมาหาทางออกไม่เจอแล้ว บางเส้นทางอาจมีกับดักพวกธนูหรือขวากปักอยู่ ต้องถูกจับแน่นอน”
สือสิ้วคารวะขอบคุณแล้วถามว่า “ท่านพ่อมีแซ่ใด”
ผู้เฒ่าว่า “คนในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ก็แซ่จู้ มีแต่ข้าแซ่จงหลี 钟离 ที่อาศัยอยู่ที่นี่”
สือสิ้วว่า “ข้าวผู้น้อยกินอิ่มแล้ว วันหน้าจะตอบแทนคุณ”
ระหว่างสนทนากันอยู่นั้น มีเสียงเอะอะอยู่ด้านนอก พอตั้งใจฟังได้ความว่าจับสายลับได้ผู้หนึ่ง สือสิ้วตกใจตามผู้เฒ่าออกมาดู ก็เห็นทหารร่วมแปดสิบนายกุมตัวชายผู้หนึ่งมัดมือไพล่หลัง สือสิ้วเห็นว่าเป็นหยางหลินถูกจับถอดเสื้อเอาเชือกมัดไว้ คิดว่าแย่แล้ว แต่แกล้งถามผู้เฒ่าว่า
“คนที่ถูกจับนี่เป็นใคร ทำไมต้องมัดเขา”
ผู้เฒ่าว่า “เจ้าไม่ได้ยินหรือว่านั่นคือสายลับของซ่งเจียง”
สือสิ้วถามว่า “ถูกจับได้อย่างไร”
ผู้เฒ่าว่า “หมอนี่ก็ใจกล้ามาสอดแนมคนเดียว แต่งตัวเป็นหมอผีเข้ามาในหมู่บ้าน แต่ไม่รู้จักทางจึงเดินแต่ทางใหญ่ เลยหลงวนไปมาเจอแต่ทางตาย ไม่รู้อาณัติต้นหยางขาว ชาวบ้านเห็นผิดสังเกตจึงแจ้งให้มาจับ หมอนี่ชักมีดสู้ทำร้ายคนบาดเจ็บไปสี่ห้าคน แต่สู้ไม่ได้จึงถูกจับ มีคนจำได้ว่าเป็นโจรที่เรียกว่าเสือดาวขนแพรหยางหลิน”
พูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงตวาดเปิดทางว่ามีเจ้าหน้าที่ตระเวนผ่าน สือสิ้วแอบมองจากร่องกำแพงเห็นทหารถือทวนนำหน้ายี่สิบคู่ ตามมาด้วยทหารม้าห้านายมีซองธนูเตรียมพร้อม ถ้ดมาเป็นม้าเร็วสีขาวสามคู่แวดล้อมนักรบหนุ่มขี่ม้าขาวสะพายธนูถือทวน สือสิ้วจำเขาได้ แต่ถามผู้เฒ่าว่า “นายท่านที่ผ่านหน้าคือผู้ใด”
ผู้เฒ่าว่า “นี่แหละบุตรชายคนที่สามของท่านจู้เฉาเฟิ่ง ชื่อจู้เปียว หมั้นหมายเอาไว้กับอีจ้างชิง บ้านสกุลหู้ตะวันตก ในบรรดาพี่น้องทั้งสาม คนนี้เก่งที่สุด”
สือสิ้วคารวะขอบคุณกล่าวว่า “ท่านพ่อช่วยชี้บอกทางออกที”
ผู้เฒ่าว่า “นี่ก็ค่ำแล้ว ข้างหน้ายังไล่ล่ากันอยู่ ส่งเจ้าออกไปเดี๋ยวจะตายเปล่า”
สือสิ้วว่า “ท่านพ่อโปรดช่วยข้าด้วย”
ผู้เฒ่าว่า “คืนนี้ก็พักที่บ้านข้า พรุ่งนี้ฟังว่าไม่มีเรื่องแล้วค่อยออกไป”
สือสิ้วกล่าวขอบคุณ ขณะนั่งอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคนขี่ม้ามาประกาศข่าวว่า
“พวกชาวบ้านทั้งหลาย ค่ำคืนนี้ให้สังเกตโคมแดงเป็นสัญญาณ ให้ร่วมแรงร่วมใจจับโจรเขาเหลียงซาน ส่งเจ้าพนักงานรับเงินรางวัล”
 
สือสิ้วถามว่า “คนผู้นี้เป็นใคร”
ผู้เฒ่าว่า “มือปราบของที่นี่ มานัดหมายจับตัวซ่งเจียงคืนนี้”
สือสิ้วฟังแล้วหวนไตร่ตรองดูสักครู่ก็ถือคบไฟคว้าที่นอนไปนอนที่กองฟางหลังบ้าน
ทางด้านซ่งเจียงตั้งค่ายอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ไม่เห็นหยางหลิน สือสิ้วกลับมาส่งข่าว จึงใช้ให้โอวเผิงไปสำรวจที่ปากทาง กลับมารายงานว่า
“ฟังแถวนั้นได้ความว่า ทางหมู่บ้านจับสายลับได้คนหนึ่ง ผู้น้องเห็นเส้นทางซับซ้อนยากจดจำ จึงไม่ได้เข้าไปลึกนัก เกรงจะตกเข้าที่คับขัน”
ซ่งเจียงฟังแล้วขุ่นเคืองใจนัก “ว่าจะรอฟังข่าวแล้วค่อยเข้าโจมตี กลับถูกจับไปคนหนึ่ง คงเกิดเหตุกับพี่น้องทั้งสอง พวกเราก็เข้าตีเสียคืนนี้ ช่วยพี่น้องทั้งสองออกมาด้วย ไม่ทราบเหล่าหัวหน้ามีความเห็นเช่นไร”
หลี่ขุยว่า “ข้าขอลุยเข้าไปก่อน ดูว่าเกิดอะไร”
ซ่งเจียงมีคำสั่งให้ทหารสวมชุดเกราะเตรียมพร้อม ให้หลี่ขุย หยางสยง เป็นกองหน้า ให้หลี่จวิ้นนำกำลังเป็นกองหลังคอยหนุน ให้มู่หงนำปีกซ้าย หวงซิ่นนำปีกขวา ซ่งเจียง ฮวาหยง โอวเผิงและพวกที่เหลือเป็นกองกำลังหลัก ตีกลองเคาะม้าล่อ โบกธงชูอาวุธ เข้าโจมตีบ้านสกุลจู้
ตอนก่อนหน้า : น้ำผึ้งหยดเดียว
ตอนถัดไป : พลาดท่าสกุลจู้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา