20 พ.ค. เวลา 11:35 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 119

จากวิ่นเฉิงสู่เกาถัง (1) ไป๋สิ้วอิง
ระหว่างเลี้ยงฉลองเรื่องมงคลระหว่างเสื้อเตี้ยหวางและหู้ซานเหนียงนั้น จูกุ้ยส่งข่าวมาว่า มีคณะเดินทางผ่านมา ลิ่วล้อออกสกัดพบว่าเป็นท่านเหลยเหิง 雷横 ตูโถวอำเภอวิ่นเฉิง จูกุ้ยจึงเชิญมาเลี้ยงต้อนรับอยู่ที่ร้านอาหาร จึงใช้ให้คนมารายงานให้ทราบ
เฉาไก้ ซ่งเจียง ได้ฟังแล้วดีใจยิ่งนัก จึงรีบลงเขามาพร้อมอู๋ย่งเป็นสามคนมารอต้อนรับที่หาดทรายทอง เรือที่จูกุ้ยให้พาเหลยเหิงมาส่งเทียบหาดแล้ว ซ่งเจียงรีบเข้าไปคารวะทักทาย
“จากกันมาเสียนาน ยังคิดถึงท่านอยู่เสมอ วันนี้เป็นบุญที่ท่านมาเยือนถึงถิ่นนี้”
เหลยเหิงคารวะตอบว่า “ผู้น้องรับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่เมืองตงชางเสร็จแล้วกำลังเดินทางกลับ ผ่านทางมามีลิ่วล้อมาขอค่าผ่านทาง ผู้น้องแจ้งชื่อไป ท่านพี่จูจึงรั้งตัวเอาไว้”
ซ่งเจียงเชิญขึ้นมายังค่ายใหญ่แล้วแนะนำเหล่าหัวหน้าให้รู้จักกันไว้ จัดสุราอาหารเลี้ยงดู รั้งตัวเอาไว้ถึงห้าวัน
เฉาไก้ถามถึงข่าวคราวของจูถง 朱仝 เหลยเหิงตอบว่า
“จูถงตอนนี้เป็นพัศดีอยู่ที่อำเภอ นายอำเภอคนใหม่พอใจงานยิ่งนัก”
ซ่งเจียงหว่านล้อมให้เหลยเหิงอยู่ด้วยกันบนเขา เหลยเหิงบ่ายเบี่ยงว่าตนยังมีมารดาชราต้องเลี้ยงดู ยังไม่สะดวกมา “ไว้ผู้น้องปรนนิบัติท่านจนสิ้นบุญแล้ว จะมาขอเข้าร่วม”
เมื่อไม่อาจรั้งตัวไว้ได้แล้ว เหล่าหัวหน้าก็พากันมอบทรัพย์สินเงินทอง ยิ่งซ่งเจียง เฉาไก้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เหลยเหิงมัดรวมในห่อผ้าห่อใหญ่อำลากลับวิ่นเฉิงไป
เมื่อมีพี่น้องมาสมทบอีกหลายคน เฉาไก้ ซ่งเจียง อู๋ย่งหารือกันแล้วจึงแบ่งหน้าที่กันใหม่เริ่มจากร้านอาหารก่อน
ให้ซุนซิน กู้ต้าเส่าไปแทนถงเวย ถงเหมิ่ง
ให้สือเชียนไปช่วยงานที่ร้านสือหย่ง เยว่เหอไปช่วยจูกุ้ย เจิ้งเทียนโซ่วไปช่วยหลี่ลี่
แต่ละร้านทั้งสี่ทิศจึงมีหัวหน้าประจำร้านละสองคน
ให้อีจ้างชิง เสือเตี้ยหวาง ไปตั้งค่ายหลังเขาดูแลม้าและสัตว์พาหนะ
ให้ถงเวย ถงเหมิ่งดูแลค่ายที่หาดทรายทอง
ให้โจวยวน โจวยุ่นดูแลค่ายที่หาดปากเป็ด
ปากถนนใหญ่ทางขึ้นหน้าเขา ให้หวงซิ่น เอี้ยนซุ่นไปตั้งค่ายใหม่เฝ้ารักษาไว้
ด่านทางขึ้นเขาสามด่าน ให้เซี่ยเจิน เซี่ยเป่ารักษาด่านที่หนึ่งหน้าเขา
ให้ตู้เชียน ซ่งว่านรักษาด่านที่สองกำแพงหว่านเฉิง
ให้หลิวถัง มู่หงรักษาด่านที่สามปากทางค่ายใหญ่
สามหย่วนพี่น้องรักษาค่ายน้ำทางทิศใต้
ให้เมิ่งคังคงดูแลงานต่อเรือ
ให้หลี่อิ้ง ตู้ซิง เจี่ยงจิ้ง ดูแลทรัพย์สินเงินทอง
ให้เถาจงว่าง เซวียหย่งดูแลกำแพงคูเมืองด่านทาง
ให้โหวเจี้ยนดูแลเสื้อผ้า ชุดเกราะ ธงทิวต่างๆ
ให้จูฟู่ ซ่งชิงดูแลงานจัดเลี้ยง
ให้มู่ชุน หลี่หยุนดูแลซ่อมสร้างบ้านเรือนป้อมค่าย
ให้เซียวย่าง จินต้าเจียนดูแลงานเอกสารหนังสือ
ให้เผยเซวียนดูแลการลงโทษปูนบำเน็จ
ให้หลวี่ฟาง กวอเสิ้ง ซุนลี่ โอวเผิง หม่าหลิน เติ้งเฟย หยางหลิน ไป๋เสิ้งไปประจำทิศทั้งแปดของค่ายใหญ่
เฉาไก้ ซ่งเจียง อู๋ย่งอยู่ค่ายชั้นในบนยอดเขา
ฮวาหยง ฉินหมิงอยู่ค่ายชั้นในด้านซ้าย
หลินชง ไต้จงอยู่ค่ายชั้นในด้านขวา
หลี่จวิ้น หลี่ขุยอยู่ค่ายหน้าเขา
จางเหิง จางซุ่นอยู่ค่ายหลังเขา
หยางสยง สือสิ้ว รักษาหอร่วมธรรมซ้ายขวา
巍巍高寨水中央,列职分头任所长。
只为朝廷无驾驭,遂令草泽有鹰扬。
ค่ายคูสูงตระหง่านอยู่กลางน้ำ
แกนนำแบ่งหน้าที่กันรักษา
เนื่องด้วยราชสำนักหมดปัญญา
อวดศักดากลางหนองไม่ต้องเกรง
ทางด้านเหลยเหิงอำลาเขาเหลียงซานกลับมาถึงวิ่นเฉิงเยี่ยมมารดาชราแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าไปรายงานราชการต่อนายอำเภอตามที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นแล้ว ก็อยู่รับราชการตามปกติ
วันหนึ่งเดินมาแถวย่านตะวันออก ได้ยินคนทักว่า “ตูโถว ท่านกลับมาเมื่อไร”
เหลยเหิงหันไปดู เห็นว่าเป็นพวกปังเสียนในอำเภอนี้ชื่อหลีเสี่ยวเอ้อ 李小二  จึงตอบไปว่า “ข้าเพิ่งกลับมาเมื่อวันก่อน”
หลีเสี่ยวเอ้อว่า “ตูโถวไปเสียนาน เลยไม่รู้ว่ามีนักแสดงสัญจรมาจากเมืองหลวง ทั้งสวยทั้งเก่ง นางมีชื่อว่า ไป๋สิ้วอิง 白秀英 แต่ละวันมีการแสดงที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะร้องรำทำเพลง ดีดสีตีเป่า เรียกคนดูได้เป็นภูเขาเลากา ตูโถวไม่ไปชมดูสักหน่อย แม่นางผู้นี้มีทีเด็ดจริง ๆ”
เหลยเหิงตามหลีเสี่ยวเอ้อมายังเวทีโกวหลาน 勾栏
(ลานบันเทิง โกวหลานหว่าเส้อ 勾栏瓦舍 เป็นวัฒนธรรมอันโดดเด่นสมัยซ่ง ผู้มีทักษะความสามารถในด้านต่างๆ จะเข้าไปแสดงในหว่าเส้อ 瓦舍 หรือหว่าจื่อ 瓦子 การแสดงที่มีคนนิยมจนแสดงประจำ จะมีเวทีและที่นั่งชมของตนเองเรียก โกวหลาน 勾栏 อยู่ภายในลานหว่าเส้อ หว่าเส้อแต่ละแห่งมักมีหลายโกวหลาน วัฒนธรรมนี้สืบทอดมาในสมัยหยวนเมื่อพวกมองโกลเข้ามาปกครองด้วย มาสิ้นสุดลงเมื่อมีการขับไล่มองโกลก่อตั้งราชวงศ์หมิง บ้านเมืองผ่านการรบพุ่งจึงไม่มีการจัดลานบันเทิง แม้บ้านเมืองสงบลงก็ไม่ได้รับการฟื้นฟู)
เหลยเหิงเห็นป้ายเขียนอักษรทองหลายป้าย ที่นั่งมีเบาะพิงหลังจำนวนมาก เหลยเหิงเดินไปนั่งที่หัวมังกรชั้นหนึ่ง บนเวทีกำลังแสดงตลกเบิกโรง ส่วนหลีเสี่ยวเอ้อก็ปล่อยให้เหลยเหิงนั่งชมการแสดงตามลำพัง ตนเองออกไปเดินหาอะไรกินแล้ว
หลังตลกเบิกโรง ชายชราผู้หนึ่งถือพัดขึ้นเวทีเกริ่นนำว่า “ผู้เฒ่าเป็นชาวเมืองตงจิง ชื่อว่าไป๋วี่เฉียว 白玉乔 บัดนี้ชราแล้วได้อาศัยบุตรสาว ไป๋สิ้วอิง ร้องรำทำเพลงดีดสีตีเป่ารับใช้พวกท่านทั่วใต้แผ่นฟ้า”
เสียงฆ้องดังขึ้น ไป๋สิ้วอิงขึ้นเวทีคารวะรอบทิศ นำไม้ตีฆ้องรัว ท่องบทกวีจบแล้วกล่าวว่า
“วันนี้สิ้วอิงได้ขึ้นป้ายแจ้งไว้แล้วว่า จะขับลำนำเสน่หาเรื่องซวงเจียนตามนางซูชิงเมืองวี่จาง 豫章城双渐赶苏卿”
แล้วนางก็เริ่มขับลำนำสลับกับบอกเล่าเรื่อง ผู้ชมต่างชมกันเปาะ
罗衣叠雪,宝髻堆云。
樱桃口,杏脸桃腮;
杨柳腰,兰心蕙性。
歌喉宛转,声如枝上莺啼;
舞态蹁跹,影似花间凤转。
腔依古调,音出天然,
高低紧慢按宫商,轻重疾徐依格范。
笛吹紫竹篇篇锦,板拍红牙字字新。
โปร่งบางขาวอาภรณ์   ราวหิมะซ้อน
มุ่นมวยผมก้อนเมฆดำ
ปากอิงเถาหน้างามขำ   ซิ่งผกาเลิศล้ำ
แก้มเปล่งปลั่งดังดอกท้อ
เอวบางหยางหลิ่วละออ   กล้วยไม้ชูช่อ
สวยสง่านาสาชื่น
ลูกคอเสนาะระรื่น   ไพเราะชื่นมื่น
นกขับขานในดงดอน
หมุนม้วนระบำรำฟ้อน  คล้ายดังหงษ์ร่อน
กลางมวลบุปผาดาระดาด
ทำนองเพลงมิผิดพลาด   สุ้มเสียงธรรมชาติ
ตามแบบแผนแต่นานคง
สลับสูงต่ำขึ้นลง   กงซางตามตรง
หนักเบาเร็วช้าถูกถ้วน
ขลุ่ยไม้ไผ่ทุกลมล้วน   แว่วหวานนุ่มนวล
กรับไม้จันทน์ทุกคำคม
(กงซางเจี่ยวจื่อหวี่ 宫商角徵羽 โด เร มี ซอล ลา เสียงดนตรีทั้งห้าตามแบบแผนจีนโบราณ)
(红牙板 กรับทำจากไม้จันทน์)
ไป๋สิ้วอิงขับลำนำผ่านจุดสำคัญของท้องเรื่อง 务头ไปแล้ว ไป๋วี่เฉียวก็ขึ้นมาตะโกนว่า “แม้จะไม่ใช่ศิลปะที่สูงส่งเลิศเลอนัก ท่านผู้ชมก็ชื่นชมผ่านไปแล้ว ตอนนี้บุตรีของข้าจะขอพักสักครู่ ก่อนจะแสดงระบำกลองในลำดับถัดไป”
ไป๋สิ้วอิงหยิบถาดขึ้นมาชี้แล้วว่า
“ประตูทรัพย์เปิด  กำไรหยุดแวะ  มงคลผ่านมา  รุ่งเรืองผ่านไป  หัตถ์ถึงตรงหน้า  อย่าปล่อยเลยเปล่า”
ไป๋วี่เฉียวว่า “บุตรีข้าจะลงไปเดินหนึ่งรอบ ท่านผู้ชมโปรดให้รางวัล”
ไป๋สิ้วอิงถือถาดตรงมายังเหลยเหิงเป็นคนแรก เหลยเหิงล้วงกระเป๋าข้างตัว มิคาดว่าไม่มีเงินติดตัวมาเลยสักแดง จึงกล่าวว่า “วันนี้ข้าลืม ไม่ได้ติดเงินออกมาเลย พรุ่งนี้ข้าค่อยมาให้รางวัลเจ้า”
ไป๋สิ้วอิงหัวเราะแล้วว่า
“头醋不酽彻底薄
สายชูแรกไร้รส ย่อมจืดจรดก้น
นายท่านนั่งที่ตรงนี้ ควรประเดิมเป็นต้นแบบ”
เหลยเหิงแดงก่ำทั้งหน้ากล่าวว่า “ข้าลืมพกเงินมา หาใช่เสียดายไม่”
ไป๋สิ้วอิงว่า “นายท่านเมื่อออกมาฟังลำ เหตุใดจึงไม่มีเงินติดตัว”
เหลยเหิงว่า “ข้าให้รางวัลเจ้าห้าตำลึงก็ยังได้ ไม่มีปัญหา แต่วันนี้ข้าลืมพกมา”
ไป๋สิ้วอิงว่า “วันนี้นายท่านไม่มีเงินสักเหวิน กลับมาพูดถึงเงินห้าตำลึง เท่ากับบอกให้ข้า
望梅止渴,画饼充饥
มองเหมยแก้กระหาย  วาดแป้งคลายหิว”
ไป๋วี่เฉียวตะโกนบอกมาว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าไม่มีตาเอง ไม่ดูให้ดีว่าคนเมืองหรือคนบ้านนอก มัวไปขอเขาทำไม ไปหาผู้อุปการะคุณที่รู้ความดีกว่า ให้เขาประเดิม”
เหลยเหิงจึงว่า “ทำไมข้าจะไม่รู้ความ”
ไป๋วี่เฉียวว่า “หากเจ้ารู้ว่าลูกสาวข้าพวกใคร เขาคงงอกบนหัวสุนัข” ฝูงชนต่างลุกฮือขึ้นมา
เหลยเหิงโกรธจัดว่า “ไอ้พ่อเล้านี่ 忤奴 กล้าดูถูกข้า”
ไป๋วี่เฉียวว่า “จะด่าเจ้าไอ้ทึ่มหลังเขา มีอะไรไหม”
1
คนที่รู้จักเหลยเหิงตะโกนบอกว่า “ใช้ไม่ได้ นี่คือท่านเหลยตูโถวอำเภอนี้”
ไป๋วี่เฉียวว่า “หัวนกเขาน่ะสิ”
เหลยเหิงหมดความอดทน กระโดดเข้าไปในเวทีคว้าตัวไป๋วี่เฉียวทั้งชกทั้งเตะจนปากแตกฟันร่วง ฝูงคนช่วยกันเข้ามาห้ามแลัวขอให้เหลยเหิงแยกกลับไป เวทีโกวหลานจึงเลิกไปโดยปริยาย
อันที่จริงไป๋สิ้วอิงกับนายอำเภอคนใหม่ตั้งแต่ครั้งอยู่ตงจิงเคยไปมาหาสู่กันมาตลอด วันนี้จึงได้ตามมาวิ่นเฉิงเปิดเวทีโกวหลาน พอนางเห็นบิดาถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเช่นนั้น จึงเรียกเกี้ยวให้พามายังบ้านพักนายอำเภอฟ้องว่าถูกเหลยเหิงทำร้ายร่างกาย พังเวที ทั้งยังหลอกลวงผู้น้อยด้วย
นายอำเภอฟังแล้วโมโหบอกว่า “รีบเขียนคำฟ้องมา”
นี่เรียกว่า อำนวยความสะดวกข้างหมอน บอกให้ขียนคำฟ้อง ชี้บาดแผล ระบุหลักฐาน ผู้ที่รู้จักเหลยเหิงในอำเภอพากันมาช่วยพูด แต่นางตัวดีคอยฉอเลาะไม่ให้ท่านนายอำเภอเปลี่ยนใจ
นายอำเภอจึงสั่งให้คนไปกุมตัวเหลยเหิงมาในทันที แจ้งคำฟ้อง ให้โบยแล้วใส่คานำตัวไปประจานกลางตลาด นางตัวดีจึงถือโอกาสบอกให้นายอำเภอสั่งให้นำไปประจานที่หน้าประตูเวทีโกวหลาน
วันรุ่งขึ้นนางตัวดีมารออยู่หน้าประตูเวทีโกวหลาน ผู้คุมพาตัวเหลยเหิงมาประจานตามคำสั่งนายอำเภอ แต่เนื่องจากต่างรู้จักมักคุ้นเหลยเหิงดีอยู่จึงไม่ลงโทษปิงปา 絣扒 ถอดสื้อผัาแล้วมัดประจาน
นางตัวดีเห็นดังนั้น ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินออกจากเวทีโกวหลานไปนั่งที่ร้านน้ำชา แล้วตามพวกผู้คุมมาบอกว่า
“พวกท่านกับเขารู้กัน จึงปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ท่านนายอำเภอให้พวกท่านปิงปาจับแก้ผ้ามัด ก็เพิกเฉยเสีย เดี๋ยวข้าจะไปฟ้องท่านนายอำเภอดูว่าจะจัดการพวกท่านอย่างไร”
ผู้คุมจึงว่า “แม่นางอย่าเพิ่งโมโห เดี๋ยวข้ากลับไปปิงปาก็แล้วกัน”
ไป๋สิ้วอิงว่า “ได้เช่นนั้น ข้าจะให้รางวัลพวกท่าน”
พวกผู้คุมจึงกลับมาบอกเหลยเหิงว่า “พี่ท่าน ข้าจำต้องปิงปาท่าน” แล้วก็จับเหลยเหิงถอดเสื้อผ้าออกมัดประจานไว้
มารดาของเหลยเหิงนำข้าวมาส่งให้ เห็นบุตรชายถูกมัดปิงปาจึงร้องไห้แล้วต่อว่าพวกผู้คุมว่า “พวกเจ้าก็รับราชการอยู่ที่เดียวกับลูกชายข้า เงินทองถึงเวลาก็ต้องใช้วิ่งเต้น ใครประกันได้ว่าต่อไปจะไม่เกิดเรื่องเข้าบ้าง”
พวกผู้คุมว่า “แม่เฒ่าโปรดฟัง พวกข้าก็ไว้ไมตรีแล้ว แต่ทางโจทก์เขาไม่ยินยอมยืนกรานจะให้มัด มิฉะนั้นจะไปฟ้องท่านนายอำเภอ เดือดร้อนพวกข้าอีก จึงจำต้องไม่ไว้หน้า”
แม่เฒ่าว่า “มีอย่างที่ไหน โจทก์กำหนดวิธีลงโทษประจานได้เอง”
พวกผู้คุมว่า “แม่เฒ่า เขาคบหากับนายอำเภอลึกซึ้ง แค่พูดคำเดียวพวกข้าก็แย่แล้ว จึงลำบากใจยิ่งนัก”
แม่เฒ่าจึงเข้าไปแก้เชือกมัดเอง ปากก็ด่าว่า “นางคนชั้นต่ำเที่ยววางอำนาจ ข้าจะแก้เชือกปล่อย ดูหรือว่าจะทำอะไร”
ไป๋สิ้วอิงอยู่ที่ร้านน้ำชา ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบข้ามมาว่า “ยายเฒ่าสารเลว จะทำอะไร”
แม่เฒ่าหันมาเอานิ้วชี้หน้าว่า “อีหมาชั้นต่ำ กลับมาย้อนด่าข้า”
ไป๋สิ้วอิงขนคิ้วชัน ถลึงตาด่าว่า “อีแม่เล้า อีเฒ่าขอทาน อีชั้นต่ำ กล้าด่าข้ารึ”
แม่เฒ่าว่า “ด่าเจ้าแล้วไง เป็นนายอำเภอวิ่นเฉิงรึ”
ไป๋สิ้วอิงโกรธจัดปราดเข้ามาตบแม่เฒ่าฉาดใหญ่จนซวนเซ แล้วตามเข้ามาตบบ้องหู เหลยเหิงเป็นคนกตัญญูเห็นแม่ถูกตีจึงโมโหกระชากคาหลุดคว้ามาฟาดใส่หัวไป๋สิ้วอิงถูกกระโหลกแตกล้มลงคาที่ คนรอบข้างต่างเห็นไป๋สิ้วอิงสมองไหล ตาถลน แน่นิ่งไม่ขยับ รู้แน่ว่าตาย
ตอนก่อนหน้า : เป็นโจรก็ต้องปล้น
ตอนถัดไป : เสี่ยวหยาเน่ย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา