23 พ.ค. เวลา 12:04 • ประวัติศาสตร์
อังกฤษ

จักรวรรดิอังกฤษ ดวงอาทิตย์สาดแสงสู่ช่วงเวลาอับแสง ตอนที่ 2 โค่นมหาอำนาจโลก

ยุคเรเนซองส์เป็นยุคแห่งความตื่นรู้ แต่ความตลกคือถ้าเกิดว่าเราไปดูแผนที่โลกในยุคนั้น ในศตวรรษที่ 15 การที่จักรวรรดิออตโตมัน สามารถควบคุม กรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ ค.ศ.1453 มีอาณาเขตบริเวณโดยรอบเมดิเตอร์เรเนียน ทางฝั่งยุโรปตะวันออกเฉียงใต้, เอเซียตะวันตก และแอฟริกาเหนือ แทบจะเรียกได้ว่า ”ควบคุมการค้าขายและการปฎิสัมพันธ์ของโลกระหว่างยุโรปกับเอเชีย
ในช่วงนั้นแผนที่โลก คนยุโรปคิดว่าโลกนี้มีอยู่ 3 ทวีปและ 2 มหาสมุทร ลูกโลกที่เราเห็นอยู่ ถูกพัฒนาหลังจากนั้น ทั้ง 3 ทวีปมีอะไรกันบ้าง ยุโรปคือทวีปของพวกเขา ถัดมาก็คือแอฟริกาซึ่งอยู่ใต้ของยุโรป ตะวันออกของยุโรปก็คือเอเชีย มหาสมุทร 2 มหาสมุทรคือ แอตแลนติกอีกหนึ่งมหาสมุทรที่อยู่ตอนใต้ของยุโรปคืออินเดีย
เพราะยุคนั้นยังไม่รู้ว่าโลกนี้มีอเมริกา ลูกโลกที่ถูกทำขึ้นมาครั้งแรกเขาเรียกว่า เออดาเฟล (Erdapfel) โดยคนเยอรมันคือ มาร์ติน เบไฮม์ (Martin Behaim) ยังมีแค่ 3 ทวีปและ 2 มหาสมุทร ที่สุดแล้วหลังจากนั้น ร้อยกว่าปี อังกฤษเริ่มต้นในการที่จะไปยึดครองอาณานิคมต่างๆทั่วทุกมุมโลกได้ การเป็นคนอังกฤษแท้ๆต้องรู้เรื่องภูมิศาสตร์
แผนที่โลกของมาร์ติน เบไฮม์ (Martin Behaim) ยังมีแค่ 3 ทวีปและ 2 มหาสมุทร
เมื่อประมาณสัก 6 ปีที่แล้วคือปี ค.ศ. 2018 มีข่าวใหญ่มาก คือข่าวของน้องๆหมูป่า ติดถ้ำหลวงแล้วก็จะมีการหยิบยกชื่อ หนึ่ง ขึ้นมา ชื่อ เวิร์น อันส์เวิร์ธ (vernon unsworth) มันน่างงที่ว่า ช่วงนั้นหน่วยกู้ชีพบ้านเราพยายามที่จะเข้าไปที่ถ้ำหลวงเพื่อที่จะไปหาน้องๆหมูป่า ปรากฏว่าเข้าไปไม่ได้เพราะ ไม่มีแผนที่ในถ้ำขนาดเป็นพื้นที่ของเรา นี่แผ่นดินเรานะ เราไม่มีแผนที่ จนคนในพื้นที่พูดว่าให้ไปตามหาลุงเวิร์น
1
ปรากฏว่าลุงเวิร์นเป็นคนอังกฤษที่มาอยู่ที่ประเทศไทยและลุงเวิร์นทำแผนที่ถ้ำหลวงไว้เรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้มันบอกอะไรกับเรา บ้านเราแท้ๆ เราไม่รู้ แต่คนต่างชาติชาวอังกฤษ เขาเห็นในสิ่งที่ตาเนื้อมองไม่เห็น การทำแผนที่ไม่ใช่แค่วาดรูป ต้องรู้ว่าลึกขนาดไหน น้ำเป็นอย่างไร โขดหินอยู่ที่ไหน เพราะมีแผนที่ของลุงเวิร์นที่สุดแล้วก็ช่วยน้องๆหมูป่าออกมาได้
1
เรื่องของการทำแผนที่ เรื่องการเข้าใจภูมิประเทศอย่างละเอียดคือ หนึ่งในองค์ประกอบของการเป็นมหาอำนาจโลก เพราะฉะนั้น ความรู้ที่มิใช่เห็นแค่ตาเนื้อสำคัญยิ่ง แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะแต่คนอังกฤษที่สนใจในเรื่องของภูมิศาสตร์ แต่เป็นทั้งยุโรปเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้เราไม่ได้จะมาคุยแต่เรื่องของวิวัฒนาการการทำแผนที่ของโลกเพราะเราจะเข้าใจจักรวรรดิอังกฤษไม่ได้ ถ้าเราไม่รู้ว่าจุดกำเนิดของการที่พวกเขาไปปักหมุดตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อเมริกาเหนือ 13 โคโลนี ปลายสุดของแอฟริกาที่แหลมกู๊ดโฮปคือแอฟริกาใต้ อินเดีย
1
เวิร์น อันส์เวิร์ธ (vernon unsworth)
มันไม่ง่ายเลย แต่ว่าการที่จะรู้ว่าอังกฤษทำอะไร ต้องย้อนกลับไปที่ปี ค.ศ. 1492 คือปีที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ชาวอิตาเลียนที่ไปรับใช้ราชสำนักสเปน เขาไปค้นพบชายฝั่งของประเทศที่เขาคิดว่าเป็นทางตะวันตกของอินเดีย ซึ่งตอนหลังเป็นอเมริกา
1
สิ่งนี้เป็นการปลดล็อกโลกทั้งใบ คำถามทำไมเพิ่งจะมาเดินเรือเอาตอนนี้ แล้วก่อนนี้ไม่ได้เดินเรือออกสำรวจ คำตอบเป็นแบบนี้ ปี ค.ศ.1453 เป็นปีที่จักรวรรดิออตโตมัน ยึดครองโรมันตะวันออกคือคอนสแตนติโนเปิลได้ ดังที่กล่าวไปข้างต้น หลังจากนั้นความฝันของคนยุโรปในการที่จะไปหาเส้นทางการค้าที่ดินแดนในฝันของเขา คือ อินเดียกับจีน ถูกปิดไป
1
เมื่อก่อนสามารถเดินทางไปได้ทางบก ซึ่งมาโคโปโลเดินทางไปได้ แต่พอออตโตมันมายึดครองมีความหมายว่าปากประตูสู่เอเชียถูกปิดไป อินเดียประเทศที่ร่ำรวยเครื่องเทศ จีนซึ่งเขาเชื่อว่าร่ำรวย ก็เดินทางไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เลยจำใจต้องเดินทางทางเรือก็แล้วกัน เพราะตอนนั้นทางอากาศก็ยังไม่ได้พัฒนา สิ่งที่มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นจากความไม่มี
1
อิงฟังตึเอ็งรีกึ เจ้าชายนักสำรวจ
เพราะมันไม่มี มันขาดแคลน ทำให้ 2 มหาอำนาจของโลกในเวลานั้น เริ่มต้นก่อนเลยคือ โปรตุเกส โดยเจ้าชายอิงฟังตึเอ็งรีกึ (Henrique o Navegador) ก่อตั้งสถาบัน ในการที่จะวิจัยในเรื่องของการเดินเรือและการสำรวจหลังจากนั้นก็ได้เริ่มต้น สเปนเองก็มีการริเริ่มแบบนี้เพราะทั้งคู่ต่างเป็นมหาอำนาจ
1
ทางด้านของโปรตุเกสก็ทำแผนที่ได้ระดับหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาทำ เขาก็มีการส่งนักเดินเรือที่มีชื่อว่าบาร์ตูลูเมว ดีอัช คนนี้เดินทางลงไป เพื่อที่จะไปหาทางไปมหาสมุทรอินเดียให้ได้ลงไปเจอปลายแหลมกู๊ดโฮป ตรงนั้นสำคัญยังไง
เพราะเป็นจุดตัดของ สอง มหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรอินเดีย ทางด้านของราชสำนักสเปนก็เริ่มออกสำรวจ ปรากฏว่ามีนักเดินเรือ คนหนึ่ง มีชื่อว่าคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นชาวเจนัวของอิตาลี เข้าไปขอรับการสนับสนุนจากคน 2 คน ก็คือสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา และพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน
1
ภาพวาดการหารือการเดินเรือของโคลัมบัสกับสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 และพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน
2 คนนี้เป็นสามีภรรยา ซึ่งลูกสาวคนที่ 7 ของเขาสำคัญมากแล้วมีความเกี่ยวข้องอังกฤษ กลับไปคริสโตเฟอร์โคลัมบัสบอกว่า เราจะไปอินเดียแต่เราจะไม่ทับทางโปรตุเกส เราจะไปทางตะวันตกเพราะโลกมันกลม ถ้าเราเดินทางไปอีกฝั่งนึง เราจะไปอินเดีย โดยที่เราจะไปทางด้านของทิศตะวันตกของอินเดีย เดินทางด้วยเรือ 3 ลำ ใช้เวลา 60 วัน
2
จนกระทั้งเจอนกทำให้รู้ว่าอยู่ใกล้ชายฝั่งขึ้นบกที่ บาอามาสซึ่งอยู่ใกล้ๆกับฟลอริดา คริสโตเฟอร์โคลัมบัส คิดว่านี้คืออินเดียตะวันตก เขาคิดแบบนั้นเพราะว่าโลกมันกลม ก็คิดว่ามาถึงอีกฝั่งหนึ่ง ของอินเดียแล้ว ปรากฏว่าชาวยุโรปเองไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะโลกไม่ได้เล็กขนาดนั้น หลังจากนั้นไม่กี่ปี เพื่อนร่วมชาติของเขามีชื่อว่า อเมริโก เวสปุชชี
1
รู้ว่านี้ไม่ใช่อินเดียนะ มันเป็นทวีปใหม่ พอมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ 2 เหตุการณ์เป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้โลกทั้งใบเริ่มตื่นตัวแล้ว ทางด้านของ 2 ชาตินี้แข่งขันกันจนกระทั่งในที่สุด พระสันตปาปายูริชที่ 2 ท่านก็มีความรู้สึกวิตกกังวล ถ้าคู่นี้มันแย่งอาณานิคมกัน เดี๋ยวรบกันแน่นอน เอาอย่างงี้ทั้ง 2 ฝ่ายมาเซ็นสัญญากันเป็นสนธิสัญญาแบ่งโลกออกเป็น สอง ส่วนสัญญานั้นมีชื่อว่าสนธิสัญญาตอร์เดซิยัส ค.ศ.1494
1
สนธิสัญญาตอร์เดซิยัส
2 ปีหลังการเดินทางไปที่บาอามาสของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส สนธิสัญญานี้บอกว่าพื้นที่กลางโลกคือยุโรป และเอเชีย เป็นของโปรตุเกสพื้นที่ตะวันตกไกลอเมริกา ถัดไปเรื่อยๆจนกระทั่งม้วนออกไปอีกด้าน หนึ่ง เป็นของสเปน อย่างนี้เลยทำง่ายๆเลย แผนที่พอเริ่มสำเร็จ ก็แบ่งกันแบบนั้นโปรตุเกสได้หยิบชิ้นปลามันไปกิน
เพราะได้ทั้งอินเดียและจีน สิ่งที่โปรตุเกสทำคือส่ง วัชกู ดา กามา เดินเรือไปแหลมกู๊ดโฮป แล้วอ้อมขึ้น ไปมหาสมุทรอินเดียและท้ายที่สุดก็ไปที่ ทางตอนใต้ของอินเดีย เพื่อที่จะไปครอบครองอินเดียก่อนชาวบ้านเขา มีความหมายว่าทางด้านของสเปนหมดทางแล้ว เราไปไหนไม่ได้
1
นอกจากนี้โปรตุเกสเร็วมาก โปรตุเกสส่ง เปดรู อัลวารึช กาบรัล นักเดินเรืออีกคนหนึ่ง ตามสนธิสัญญาตอร์เดซิยัส ตัดอเมริกาใต้มานิดนึง เข้าไปครอบครองก่อนและตั้งชื่อประเทศว่าบราซิล เพราะฉะนั้นบราซิลเลยกลายเป็นประเทศที่พูดภาษาโปรตุเกสมาจากสนธิสัญญาตอร์เดซิยัส ที่ครอบครองบราซิล ทีนี้เราเล่ามาถึงตรงนี้เสร็จปั๊บ อาจมีคนตั้งคำถามอังกฤษอยู่ไหน ณ ขณะนั้นอังกฤษเอง พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 เป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ทิวดอร์ ครองราชย์ในปี ค.ศ.1485
1
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 และภาพเห็นการสงครามดอกกุหลาบ(Wars of the Rose)
ขอย้อนกลับไปช่วงยุคเรเนซองส์แล้วยุคแห่งการสำรวจโลก ยุโรปกำลังวิวัฒนาการอารยธรรม ช่วงเวลานั้นอังกฤษอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์แพลนแทเจอนิต(Plantagenet dynasty)และราชวงศ์นั้นจบลงด้วยการสู้รบที่เรียกกันว่า สงครามดอกกุหลาบ(Wars of the Rose)เหตุการณ์กินเวลาประมาณ 30 ปี เพราะช่วงนั้นอังกฤษไม่ได้มีการพัฒนา ไม่ได้รับอิทธิพลใน 2 ยุคก่อนหน้าซักเท่าไหร่ แต่เมื่อสงครามนั้นจบลงด้วยการที่มีการสถาปนาราชวงศ์ใหม่ชื่อว่า ทิวดอร ก็คือพระเจ้าเฮนรีที่ 7
พระองค์ก็ตั้งคำถามว่าชาติอื่นเริ่มต้นสำรวจโลกแล้ว “เรามัวทำอะไรอยู่ ไม่ได้ละ” ตอนนั้นอังกฤษก็ถือว่าล้าหลังกว่าคนอื่น พระเจ้าเฮนรีที่ 7 ก็เลยบอกว่าเราจะจ้างนักเดินเรือชาวอิตาเลียนอีกแล้ว สอง คนชื่อ เซบาสเตียน คนพี่กับคนน้องชื่อ โจวานนี กาโบโต (Sabastian and giovanni caboto)
ทั้งสองลงเรือข้ามแอตแลนติกไปบ้างเพราะใช้เวลาแค่ 60 วัน ยุคนั้นต้องบอก ว่าเทคโนโลยีการเดินเรือพัฒนาไปเยอะเพราะเรือที่สเปนกับโปรตุเกสพัฒนาขึ้นมามีชื่อว่าเรือคาราเวล (caravel) ซึ่งถือว่าเป็นเรือที่เดินทางไวที่สุดในยุคนั้น
1
เรือคาราเวล (caravel)
เดินทางข้ามแอตแลนติก 60 วัน เดินทางไปถึงปั๊บ ไปเจอพื้นที่ที่เรียกว่า นิวฟันด์แลนด์ (Newfoundland) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของแคนาดาอเมริกาเหนือ ปรากฏว่าเจอสโปรตุเกส ตามสนธิสัญญาตอร์เดซิยัส แล้วประกาศกับอังกฤษว่านี้ไม่ใช่พื้นที่ของท่าน อังกฤษเดินทางข้ามขึ้นไปอีกเจอโนวาสโกเทีย โนวาสโกเทียแปลว่านิวสกอตแลนด์ เพราะเส้นละติจูด เขาอยู่ในระนาบเดียวกันกับสกอตแลนด์ โปรตุเกสมาเช่นเดียวกันประกาศกับอังกฤษว่าไม่ใช่พื้นที่ของท่าน อังกฤษถอยกลับไป
1
อังกฤษเองไม่หยุด บอกวันนึงเราจะกลับมา เพราะฉะนั้นจะบอกว่าเรื่องราวของอังกฤษมันไม่เชื่อมโยง น่าจะเป็นไปไม่ได้ หลังจากนั้นอีก หนึ่ง ส่วนสำคัญเลย โปรตุเกสกับสเปนเริ่มต้นแข่งขันกันต่อ แต่ปัญหาของพวกเขาก็คือว่า ทางด้านของโปรตุเกส เจอปัญหาไม่มีผู้สืบทอดราชวงศ์ ในที่สุดแล้ว กษัตริย์องค์ต่อมา ก็คือกษัตริย์พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 (Philip 2) ก็เลยยึดครองโปรตุเกสเข้าไปแล้วก็สถาปนาเป็นสหภาพไอบีเรีย
1
ผมจะขอหยุดไว้ก่อน กลับไปที่ทางอังกฤษ หลังจากพระเจ้าเฮนรี่ ที่ 7 พระองค์สวรรคต บุตรชายของพระองค์ คนที่ชอบประวัติศาสตร์จะต้องรู้จัก พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แต่หลายคนรู้จักท่านในฐานะที่ว่าเป็นกษัตริย์แต่งงานทั้งหมด 6 ครั้ง ด้วยกัน พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ท่านขึ้นครองราชย์ขึ้นมาแล้วก็ต้องแต่งงานเป็นการแต่งงานเชิงการเมือง คนที่แต่งงานด้วยมีชื่อว่าเจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งอารากอน
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และ แคทเธอรีนแห่งอารากอน
นามสกุลคุ้นๆไหม กษัตริย์และราชินีสเปน สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา และพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน ที่ก่อนหน้าบอกว่าเป็นสปอนเซอร์ให้ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส และมีลูกสาวคนที่ 7 เห็นความเชื่อมโยงไหมครับ จึงมีความเชื่อมโยงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง กับกระบวนการสำรวจโลก
เพราะเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ อังกฤษไม่ได้เล็ก สเปนก็ยิ่งใหญ่ เราดองกันไว้ ปรากฏแต่งงานมาได้พักนึง ปรากฏในปี ค.ศ.1533 หย่า เพราะว่าทางด้านพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 เองต้องการที่จะแต่งงานใหม่กับแอนน์โบลีน ผลที่สุดด้วยการที่ว่าการแต่งงานของทั้งคู่เนี่ยเป็นการแต่งงานเชิงการเมืองระหว่างอังกฤษกับสเปน ซึ่งสเปนมีความใกล้ชิดกับโรมันคาทอลิก มันมีความหมายว่าถ้าเขาหย่ากัน
สเปนเสียหน้า แน่นอนนอกจากนี้ทั้ง 2 พระองค์มีบุตรีด้วยกันมีธิดาด้วย มีชื่อว่าแมรี่ ที่สุดแล้วในเวลานั้นด้วยการที่การแต่งงานในครั้งนั้นสักขีพยานมีชื่อว่า สมเด็จพระสันตะปาปายูลิอุสที่ 2 เพราะฉะนั้นการหย่าคือถือเป็นเรื่องระดับโลก ที่สุดแล้วบุตรสาวก็ถูกปลดออกจากฐานันดร และที่สุดวิธีการที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8
สมเด็จพระสันตะปาปายูลิอุสที่ 2 มีพระฉายานามว่า “พระสันตะปาปาผู้เหี้ยมโหด” (Il Papa Terribile)
จะบอกว่าเรามีอำนาจเหนือโรม คือเราไม่เอาศาสนจักรแล้ว เราจะไม่ใช่โรมันคาทอลิก เราตั้ง เชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ (Church of England) แยกออกมาเลย เชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ จึงไม่ใช่มิติทางศาสนาอย่างเดียว แน่นอน สเปนเป็นคาทอลิก สเปนมีความใกล้ชิดกับพระสันตะปาปายูลิอุสที่ 2 แล้วก็วาติกันพอสมควร เพราะฉะนั้นสเปนก็รู้สึกว่าอังกฤษทำแบบนี้ หนึ่ง ในเชิงการเมืองเป็นปฏิปักษ์กับเรา สอง อังกฤษเป็นรัฐปีศาจ เพราะปฏิเสธโรมันคาทอลิก
1
หลังจากนั้น พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ก็สวรรคต บุตรชายพระองค์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ขึ้นมาครองราชย์ 6 ปีเท่านั้นเอง เพราะว่าเป็นเป็นยุวกษัตริย์จากนั้น พระนางแมรี่ซึ่งเป็นธิดาองค์โตกลับมาครองราชย์ พระนางแมรี่คนนี้แต่งงานกับพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 (Philip 2) กษัตริย์แห่งสเปนเหมือนกัน
2
เป็นเจ้าหญิงอังกฤษเป็นลูกครึ่ง แต่งงานกับสเปนแปลว่าอะไร สเปนมีอำนาจเหนืออังกฤษ แล้วทำการรื้อฟื้นคาทอลิกขึ้นมาในประเทศของเรา พระนางก็เลยจับคนที่นับถือ เชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ (Church of England) และที่เป็นโปรเตสแตนต์ เผาทั้งเป็น ก็เลยได้ชื่อว่า บลัดดีแมรี่ แปลว่าพระนางแมรี่ผู้กระหายเลือด
2
พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 กับ พระนางแมรี่ (พระราชินีนาถแมรีที่ 1)
เวลานั้นสเปนถือว่าเรามีอำนาจเหนืออังกฤษเพราะมีเราคือราชินีอังกฤษและตัวเรามีสถานภาพเป็นกษัตริย์ปกครองรวม ปรากฏว่าพระนางแมรี่ทรงราชย์อยู่ 5 ปี เป็นมะเร็งรังไข่ พระนางก็สิ้นพระชนม์ไป ปรากฏว่าพระองค์ต่อมาคือพระภคินี คือน้องสาว ชื่อเจ้าหญิงอลิซาเบธ ขึ้นมาครองราชย์ในปี ค.ศ.1558
ขึ้นมาพระองค์รื้อฟื้น เชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ (Church of England) สเปนมองแล้วว่าตอนนี้อังกฤษไม่ได้อยู่กับเรา อังกฤษเป็นรัฐปีศาจ พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 เป็นสเปน ท่านตรัสคำนี้ “ราชินีอลิซาเบธเป็นปีศาจ อังกฤษต้องถูกทำลาย” เพราะพระองค์เป็นกษัตริย์ประพฤติคาทอลิก พระองค์บอกว่าการทำแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะฉะนั้นในช่วงนั้นจึงเกิดแรงปะทะ ระหว่างมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือสเปนและอังกฤษ
2
มีกองเรือที่เข้มแข็งมาก คำว่าอาร์มาดาแปลว่ากองเรือ ประกอบด้วยเรือที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ณ เวลานั้นคือ เรือคาราเวล (caravel) ทางด้านอังกฤษ พระราชินีเอลิซาเบธ พระองค์ก็มีข้าราชบริพารหลายคนมากซึ่งก็ลงความเห็นไปในทางเดียวกันคือ เราต้องหาวิธีในการคานดุลอำนาจกับสเปนทำยังไงดี เราสร้างกองเรือแล้วไปกวนกองเรือสเปนดีไหม แต่ตอนนั้นต้องบอกว่ากำลังของอังกฤษก็อาจจะยังสู้สเปนไม่ได้เพราะต้องบอกว่าอังกฤษเป็นชาตินักเดินเรือ
พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระราชินีเอลิซาเบธ ในค.ศ. 1575
ซึ่งอังกฤษเนี่ยไม่ใช่ชาติทหารบก ณ เวลานั้น ก็เลยมีการเริ่มต้นก่อตั้งกองกำลังขึ้นมาเพื่อที่จะคานดุลอำนาจกับสเปน วิธีการคานดุลทำยังไง อังกฤษเองกองทัพเรือไม่มีเรือคาราเวล มีเรือที่พัฒนา มาจากเรือประมงหรือเรือสำรวจ พัฒนาเทคโนโลยีใหม่มีชื่อว่า เรือแกลเลีย (Galleon) ราชสำนักอังกฤษแทนที่จะส่งกองทัพเรือเรียกว่า กองทัพเรืออังกฤษ(British navy) ไม่ครับ อังกฤษใช้เหลี่ยมของเขา เรียกว่าส่งกองเรือพวกนี้ไปโดยไม่ได้มีการติดธงของราชินีอังกฤษ
1
และเรียกกลุ่มพวกนี้พูดง่ายๆคือ กลุ่มโจรสลัด ที่ไปก่อกวนกองทัพสเปนว่า เรือเอกชน(Privateers) สมมติมีการปะทะกัน ราชสำนักสเปนประกาศสงครามกับเราไม่ได้ เพราะคนพวกนี้เป็นเอกชน ง่ายๆก็เป็นนอมินีนั้นละ เพราะเวลาอังกฤษจะทำอะไรก็ตามอังกฤษจะตั้งบริษัทขึ้นมา
2
เช่น ตอนที่อังกฤษเดินทางไปรุกรานแล้วไปยึดครองอินเดียภายใต้บริษัทชื่อบริติส อิสอินเดีย(British East India) ไม่ใช่ชื่อบริติส์ เคราน์ นี้เป็นวิธีของเขาว่าได้ไม่เข้าตัว เดียวไวถ้ามีเวลาเราค่อยมาคุยเรื่อง มิติเศรษฐกิจ และรูปแบบการบริหาร เวลาที่อังกฤษกับเขาบริหารอาณานิคม เขามีวิธีการบริหารของเขา
2
ฟรานซิส เดรก(Francis drake)
ที่สุดแล้วพระนางก็ส่ง เรือเอกชน(Privateers) ทุกคนรู้ไหมว่าเป็นของสำนักอังกฤษ รู้ คนที่เป็นกัปตันเรือมีชื่อว่า ฟรานซิส เดรก(Francis drake) คนสเปนเกลียดมาก เพราะว่าปล้นสะดม ทาสก็ปล้นสะดม ทองคำก็ปล้นสะดม ซึ่งโจมตีอย่างเหี้ยมโหดจนกระทั่งพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 บอกว่าไม่ไหวแล้ว เราต้องทำอะไรบางอย่าง แล้วก็รู้ว่าถ้าไม่สามารถจัดการกองเรือโจรสลัดนี้ ในซักวันอังกฤษต้องแข็งแกร่งแน่นอน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
1
จนกระทั้ง พระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 บอกว่า ฟรานซิส เดรก(Francis drake) ท่านสร้างคุณูปการให้กับประเทศเยอะมากเลย เอาแบบนี้แล้วกัน เราจะสถาปนาให้เป็นอัศวิน ก็เลยกลายเป็นเซอร์ฟรานซิส เดรก ฟังแล้วก็รู้สึกเฉยๆนะ แต่มันเฉยไม่ได้ เพราะว่าพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปนพูดว่า ถ้า ฟรานซิส เดรก เป็นอัศวิน เรือที่เหลือมันไม่ใช่ เรือเอกชน(Privateers) แล้วมันเป็นเรือของรัฐ อังกฤษซวยเลย
1
เพราะฉะนั้นพระองค์ก็เลยเอาอย่างนี้แล้วกัน เราประกาศสงครามกับอังกฤษไปเลย เพราะเราเหนือกว่าอยู่แล้ว ข้าหลวงชาวสเปนบอกว่า พระองค์ท่าน พวกเขาไม่ได้ง่ายแบบนั้นดูวิธีการเดินเรือของ ฟรานซิส เดรก มันไม่ธรรมดา พระองค์พูดคำนี้ อันนี้ วลีบันลือ บอกว่า
2
ถ้าเกิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็ไม่ใช่พระเจ้าแล้ว
พระเจ้าเฟลิเปที่ 2
พระองค์คือเป็นสาวกของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเปี่ยมล้น พระองค์เชื่อว่าการทำลายรัฐปีศาจอย่างอังกฤษที่เป็น เชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ (Church of England) ์ สามารถทำได้แน่
1
ผลที่สุด ปรากฏว่ามาปะทะกัน อาร์มาดาคือกองเรือของสเปนเดินหน้าขึ้นไป ในที่สุด ค.ศ.1588 เป็นปีที่ปะทะกัน โดยตรงที่ทะเลอังกฤษ ผลที่สุดคือเรือซึ่งครั้ง หนึ่ง เคยเป็นเสือติดปีก กลายเป็นเสือกระดาษ ซึ่งยุทธวิธีของสเปน คือใช้เรือคาราเวลของตัวเองและบรรจุทหารราบจำนวนมากอยู่บนเรือ เมื่อเรือประชิดกัน ทหารราบจำนวนมากเข้าไปสู่เรือของคู่ต่อสู้แล้วไปรบ แล้วก็ชนะ
1
กองเรืออาร์มาดาสเปน และ กองเรืออังกฤษ ในเดือนสิงหาคม 1588
อังกฤษไม่ใช่แบบนั้น อังกฤษกำลังคนน้อยกว่า อังกฤษเป็นนักเดินเรือ อังกฤษมีเรือแกลเลีย (Galleon) แต่ถูกพัฒนาไปขั้นเรียกว่า ก็อดสปีด แกลเลีย (Godspeed Galleon) มีความหมายว่าเป็นเรือที่เร็วกว่าปกติ เบากว่า บางกว่าและไม่ขนทหารราบขึ้นไป เพราะฉะนั้นพอสเปนโจมตีจากระยะไกล เรืออังกฤษเร็วกว่า แล้วเรืออังกฤษก็ล่อให้เรืออาร์มาดาเหล่านี้ไปติดกับ
1
ทางสเปนเชื่อมั่นว่าสามารถชนะได้ ปรากฏว่าถูกอังกฤษยิงระเบิดใส่ลูกแล้วลูกเล่าเพราะว่าช้ากว่า ขนทหารราบเยอะ กินน้ำค่อนข้างเยอะ ที่สุด ค.ศ.1588 ยังไม่ถึงเกาะอังกฤษเลย แพ้ แล้วจุดนั้นถามว่ามันมีความสำคัญอย่างไร เมื่อมหาอำนาจหมายเลข 1 ของโลกพ่ายแพ้
2
อังกฤษก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับที่ 1 ของโลก และต้องไม่ลืมว่าโปรตุเกสอยู่กับสเปนทำให้อังกฤษขึ้นมากลายเป็นเจ้าโลกในเวลานั้นเลย ก็เลยกลายเป็นจุดพลิกผันค.ศ. 1588 เลยเป็นจุดตัดของโลกที่ บริติช อิงแลนด์เกิดขึ้นมาเลย ตอนนั้นยังไม่ร่วมสกอตแลนด์ เรียกว่าเป็นอิงแลนด์อยู่
1
ก็อดสปีด แกลเลีย (Godspeed Galleon)
สำหรับสนธิสัญญาตอร์เดซิยัส มันไม่ได้หายไปไหน แต่พอคู่สัญญาทั้งคู่พ่ายแพ้สงครามสภาพบังคับของสนธิสัญญานั้นจบลง โดยปริยายกลายเป็นว่าตอนนี้ทุกน่านน้ำฟรีสำหรับการที่อังกฤษจะเดินหน้าเข้าไปยึดครอง สำหรับแสนยานุภาพของอังกฤษ สำหรับอังกฤษเองถ้าพูดถึงทหารบก ก็ต้องมี แต่ถ้าที่เหนือชั้นที่สุด แม้แต่จอมทัพผู้ยิงใหญ่นโปเลียนก็แพ้อังกฤษ คือด้านกองทัพเรือ
4
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference ตอนที่ 2 โค่นมหาอำนาจโลก
โฆษณา