29 พ.ค. เวลา 10:13 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 122

จากวิ่นเฉิงสู่เกาถัง (4) อินเทียนซี
ไฉจิ้นกับคณะเดินทางราวหนึ่งวันก็ลุถึงเมืองเกาถัง ลงจากม้าที่คฤหาสน์แล้ว หลี่ขุยกับพวกผู้ติดตามรอกันอยู่ที่ห้องโถงหน้า ไฉจิ้นเข้าไปเยี่ยมท่านอาในห้องนอน
面如金纸,体似枯柴。
悠悠无七魄三魂,细细只一丝两气。
牙关紧急,连朝水米不沾唇;
心膈膨胀,尽日药丸难下肚。
丧门吊客已随身,扁鹊卢医难下手。
หน้าดังกระดาษทอง
ร่างกายมองราวไม้แห้ง
หายใจระโหยแรง
ดังดวงจิตใกล้อำลา
ฟันขบแน่นสนิท
หลายวันติดไร้ข้าวปลา
กะบังพองผิดตา
หยูกยาหาได้ชุบชู
ซ่างเหมินเตี้ยวเค่อเฝ้าอยู่  เปี่ยนเชวี่ยหมอหลู
จนปัญญาจะรักษา
(ซ่างเหมิน 丧门 เตี้ยวเค่อ 吊客 เป็นเทพให้ร้ายถึงชีวิตตามศาสตร์พยากรณ์ปาจื้อ 八字)
(เปี่ยนเชวี่ย 扁鹊 หมอเทวดาสมัยรณรัฐ บ้านอยู่เมืองหลู 卢 จึงเรียกอีกว่า หมอหลู 卢医)
ไฉจิ้นเห็นสภาพของท่านอาเช่นนั้นจึงนั่งลงร้องไห้ที่ม้าหน้าเตียง ภรรยารอง 继室 ของหวงเฉิง 皇城 (อาไฉจิ้น) มาปลอบว่า “ท่านขุนนางใหญ่เพิ่งขี่ม้ามาถึง คงยังเหนื่อยล้าอยู่ อย่าเพิ่งเคร่งเครียด”
ไฉจิ้นคารวะตามธรรมเนียมแล้วถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ภรรยารองตอบว่า “เกาเหลียน 高廉 เจ้าเมืองคนใหม่นี้ควบหน้าที่ฝ่ายทหารด้วย เป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านอำมาตย์เกาไท่เว่ย อาศัยบารมีของพี่ชายกระทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรม มีน้องเมียอยู่คนหนึ่งชื่อ อินเทียนซี 殷天锡 คนให้ฉายาว่าองครักษ์อิน 殷直阁 (อินจื๋อเก๋อ 直阁 จื๋อเก๋อ เป็นตำแหน่งขุนนางทหารสมัยราชวงศ์เหนือใต้ มาสมัยราชวงศ์สุยปรับเป็นตำแหน่งราชองครักษ์)
คนผู้นี้แม้อายุยังน้อย แต่อาศัยบารมีเกาเหลียนพี่เขยวางอำนาจบาตรใหญ่ มีพวกสอพลอไปบอกว่าศาลาริมน้ำและสวนดอกไม้หลังคฤหาสน์ของเรานี้ทำเลดีตกแต่งสวยงามนัก เขาจึงพาอันธพาลมาราวยี่สิบกว่าสามสิบคน เข้ามาดูสวนหลังแล้วพอใจ บอกให้พวกเราย้ายออกไป เขาจะมาอยู่แทน หวงเฉิงบอกเขาว่า
“บ้านข้าเป็นกิ่งทองใบหยก 金枝玉叶 (เชื้อพระวงศ์) มีพระราชปฏิญญาโลหะบัฎอักษรชาด 丹书铁券 ที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนพระราชทานให้ไว้ห้ามผู้ใดมารังควาน ท่านจะมาแย่งที่ แล้วขับไล่พวกเรากระนั้นหรือ”
คนผู้นั้นไม่ฟังจะให้พวกเราย้ายออกไปให้ได้ หวงเฉิงยุดเขาเอาไว้กลับถูกพวกเขาทุบตีเอา จึงคับแค้นใจ หลับไม่ยอมตื่น อาหารไม่ยอมกิน ยารักษาก็ไร้ผล ดูแล้วคงไม่แคล้วในเร็ววัน ท่านขุนนางใหญ่มาก็ดีแล้ว หากเกิดเหตุไม่คาดคิดยังพอมีผู้ตัดสินใจ”
ไฉจิ้นว่า “ท่านอาหญิงโปรดวางใจ ห่วงแต่หาหมอมารักษาท่านอาเถิด สำหรับพวกที่มาหาเรื่องนั้น หลานจะให้คนกลับไปชางโจวอัญเชิญพระราชปฏิญญามาจัดการกับพวกเขา ฟ้องร้องต่อทางการ ไม่ต้องไปกลัว”
ภรรยารองว่า “หวงเฉิงจัดการเรื่องไม่ค่อยรอบคอบ ยังคงเป็นท่านขุนนางใหญ่มีเหตุผลกว่า”
ไฉจิ้นเฝ้าดูท่านอาอยู่พักหนึ่ง ก็เดินกลับออกมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลี่ขุยและพวกผู้ติดตามฟัง หลี่ขุยฟังแล้วโดดลุกขึ้นกล่าวว่า “หมอนี่มันไร้เหตุผล ขวานข้าอยู่นี่ เอาให้มันชิมสักหน่อยแล้วค่อยจับมาคุยกัน”
ไฉจิ้นว่า “พี่หลี่ อย่าเพิ่งโมโห ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปวิวาทกับพวกนั้น แม้เขาจะทำวางอำนาจ แต่ข้ามีพระราชปฏิญญาคุ้มภัย หากทางท้องที่ทำอะไรเขาไม่ได้ ทางเมืองหลวงก็ย่อมมีพวกที่สถานะสูงกว่าเล่นงานเขาได้ตามกฎระเบียบ”
หลี่ขุยว่า “กฎระเบียบ กฎระเบียบ หากยังพึ่งพาได้ แผ่นดินคงไม่วุ่นวาย ถ้าเป็นข้าจะซัดก่อนคุยทีหลัง ถ้ามันจะเอาไปฟ้อง ก็สับเจ้าหัวนกเขารับฟ้องเสียด้วยเลย”
ไฉจิ้นหัวเราะแล้วว่า “รู้แล้วว่าเหตุใดจูถงถึงพร้อมจะแลกกับท่าน เข้าหน้ากันไม่ได้ ที่นี่เป็นเขตเมืองต้องห้าม จะไปทำย่ามใจเหมือนค่ายเล็กๆ ของท่านได้อย่างไร”
หลี่ขุยว่า “เมืองต้องห้ามแล้วไง อย่างกับว่าข้าไม่เคยฆ่าคนที่อู๋เหวยจวินเมืองเจียงโจว”
ไฉจิ้นว่า “ไว้ข้ารอดูท่าทีก่อน หากต้องใช้พี่ท่านค่อยประสานกัน หากไม่มีอะไร ท่านก็นั่งเล่นในห้องไปพลาง ๆ”
ระหว่างพูดคุยอยู่นั้น ด้านในมีคนมาตามไฉจิ้นให้ไปดูหวงเฉิงโดยด่วน
ไฉจิ้นเข้าไปด้านใน ยืนอยู่ที่หน้าเตียง เห็นหวงเฉิงมีสติอยู่หลั่งน้ำตาสองสาย กล่าวกับไฉจิ้นว่า
“หลานรักปณิธานสูงส่ง ไม่ละอายต่อบรรพบุรุษ วันนี้ข้าคับแค้นตายเพราะเจ้าอินเทียนซี เจ้าจงเห็นแก่สายโลหิต ถวายฎีกายังเมืองหลวง ชำระแค้นให้ข้าด้วย แม้อยู่ในปรโลกก็จะไม่ลืมคุณของเจ้า รักษาตัวให้ดี ข้าคงไม่อาจกล่าวได้มากกว่านี้”
พอกล่าวจบก็สิ้นลม ไฉจิ้นร่ำไห้คร่ำครวญ ภรรยารองของอาเกรงว่าจะร้องจนหมดสติจึงปลอบว่า “ท่านขุนนางใหญ่ แม้ทุกข์ใจก็มีขอบเขต ยังมีเรื่องงานที่ต้องจัดต้องหารือ”
ไฉจิ้นว่า “พระราชปฏิญญานั้นอยู่ที่บ้าน ข้าไม่ได้นำติดมาด้วย ต้องให้คนรีบไปอัญเชิญมาด้วยจำเป็นต้องใช้ในการถวายฎีกา สำหรับร่างท่านอานั้น ต้องรีบบรรจุโลงจัดงานตามธรรมเนียมให้เรียบร้อยเสียก่อนค่อยหารือการถัดไป”
2
ไฉจิ้นจึงให้จัดการบรรจุโลงทั้งชั้นใน 内棺 และโลงชั้นนอก 外椁 เปลี่ยนชุดไว้ทุกข์ตั้งป้ายวิญญาน จัดการตามประเพณี หลี่ขุยอยู่ด้านนอกได้ยินแต่เสียงร่ำไห้ ได้แต่ฮึดฮัดชูกำปั้นกำหมัด ถามใครก็ไม่ตอบ
1
ล่วงเข้าวันที่สาม อินเทียนซีขี่ม้านำขบวนพวกปังเสียนมายี่สิบกว่าสามสิบคนถืออุปกรณ์จับนกพวกหนังสติ๊ก หน้าไม้ ไม้เป่าลูกดอก ไม้จับนก และเครื่องดนตรี ออกมาเที่ยวนอกเมือง ดื่มเหล้าจนมึนตึงกันห้าถึงเจ็ดส่วน แต่แสร้งเอะอะเมาหนักพากันเข้ามาในคฤหาสน์ของไฉหวงเฉิง หยุดม้าตะโกนเรียกพ่อบ้านให้ออกมาเจรจา
ไฉจิ้นแต่งชุดไว้ทุกข์ออกมาพบ อินเทียนซีอยู่บนม้าถามว่า “ท่านเป็นอะไรกับคนบ้านนี้”
ไฉจิ้นตอบว่า “ผู้น้อยเป็นหลานของท่านไฉหวงเฉิงชื่อไฉจิ้น”
อินเทียนซีว่า “วันก่อนข้าย้ำให้คนบ้านนี้รีบย้ายออกไป ทำไมไม่ฟัง”
ไฉจิ้นว่า “เป็นเพราะท่านอาล้มป่วยขยับตัวไม่ได้ เมื่อคืนนี้เพิ่งถึงแก่กรรม ไว้ครบเจ็ดวันแล้วค่อยย้ายออก”
อินเทียนซีว่า “ผายลม ข้าให้เวลาเจ้าสามวันย้ายออกไป หากไม่ย้าย ข้าจะจับเจ้าใส่คา โบยเสียก่อนร้อยที”
ไฉจิ้นว่า “องครักษ์ 直阁 อย่าได้รังแกกัน บ้านข้าก็เป็นเชื้อพระวงศ์เก่า มีพระราชปฏิญญาโลหะบัฏอักษรชาดพระราชทานโดยฮ่องเต้พระองค์ก่อน ใครต่างต้องเคารพ”
อินเทียนซีตวาดว่า “เอาออกมาให้ข้าดู”
ไฉจิ้นว่า “ตอนนี้อยู่บ้านข้าที่ชางโจว กำลังให้คนอัญเชิญมา”
อินเทียนซีโกรธจัดว่า “เจ้านี่พูดจาเหลวไหล ต่อให้มีพระราชปฏิญญาโลหะบัฏข้าก็ไม่กลัว พวกเราซ้อมเจ้าหมอนี่”
คนกลุ่มนั้นกำลังจะเข้ามาลงมือ พายุหมุนดำซึ่งซุ่มอยู่ข้างประตูมองดูอยู่นานแล้ว ได้ยินเสียงสั่งให้ซ้อมไฉจิ้น ก็กระชากประตูเปิด คำรามก้อง ปราดเข้าประชิดม้าคว้าตัวอินเทียนซีกระชากตกม้าแล้วชกใส่หมัดหนึ่งจนล้มคว่ำ พวกอินเทียนซีกลุ่มนั้นกรูกันเข้ามารุม ถูกกำปั้นหลี่ขุยคว่ำไปหกคน คำรามไล่พวกที่เหลือเตลิดหนี หลี่ขุยจับร่างอินเทียนซีขึ้นมาระดมหมัดเท้าใส่ ไฉจิ้นห้ามก็ไม่ฟัง เห็นอินเทียนซีร้องร่ำคร่ำครวญหมอบกราบขอชีวิต
惨刻侵谋倚横豪,岂知天理竟难逃。
李逵猛恶无人敌,不见阎罗不肯饶。
มุ่งร้ายหมายช่วงชิงอิงอำนาจ
คงมิคาดลิขิตฟ้ายากหลีกหนี
หลี่ขุยโหดเหี้ยมไร้คนต่อตี
ไม่เป็นผีพบพญายมไม่สมใจ
หลี่ขุยชกจนอินเทียนซีตายคาที่ ไฉจิ้นรู้ว่าแย่แล้ว เรียกหลี่ขุยมาคุยยังห้องโถงหลังว่า “เดี๋ยวคงมีคนมาที่นี่ ท่านอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว รีบหนีไปที่เขาเหลียงซาน เรื่องคดีข้าจะถ่วงเวลาให้เอง”
หลี่ขุยว่า “ข้าไปแล้ว จะเดือดร้อนท่าน”
ไฉจิ้นว่า “ข้ามีพระราชปฏิญญาคุ้มครอง ท่านรีบไปอย่าชักช้า”
หลี่ขุยฉวยขวานคู่ นำเงินติดตัว หนีออกทางประตูหลังไปยังเขาเหลียงซาน
ไม่นานต่อมา มีคนราวสองร้อยอาวุธครบมือทั้งหอกดาบทวนกระบองมาล้อมบ้านไฉหวงเฉิงเอาไว้ ไฉจิ้นรู้ว่ามาตามจับคน จึงออกมาหาแล้วบอกว่า “ข้าจะตามพวกท่านไปชี้แจงยังที่ว่าการ”
ไฉจิ้นจึงถูกจับมัด คนกลุ่มนั้นเข้ามาค้นหาชายตัวดำที่เป็นมือสังหารแต่หาไม่พบ จึงกุมตัวไฉจิ้นมายังที่ว่าการให้คุกเข่าลง
เกาเหลียนเจ้าเมืองเกาถังรู้ว่าอินเทียนซีน้องเมียตนถูกสังหารก็นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในโถงที่ว่าการ รอคนไปจับตัวฆาตกรมา จึงให้จับไฉจิ้นหมอบคว่ำลงแล้วตะคอกถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงกล้าสังหารอินเทียนซี”
ไฉจิ้นว่า “ผู้น้อยเป็นเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์ไฉ มีพระราชปฏิญญาโลหะบัฏที่องค์ไท่จู่พระราชทานให้ไว้ บ้านอยู่ชางโจวมาเยี่ยมท่านอาไฉหวงเฉิงที่ป่วยหนัก ท่านโชคร้ายสิ้นบุญ ยังจัดงานอยู่ที่คฤหาสน์ องครักษ์อินนำคนราวสามสิบคนมาที่บ้านเพื่อขับไล่พวกเราโดยไม่ฟังคำชี้แจงของไฉจิ้น สั่งคนให้ลงมือทุบตี บ่าวในบ้านชื่อหลี่ต้าจึงออกมาขัดขวาง พลั้งมือสังหารไป”
เกาเหลียนตวาดถามว่า “หลี่ต้าตอนนี้อยู่ที่ไหน”
ไฉจิ้นว่า “ตกใจหนีไปแล้ว”
เกาเหลียนว่า “บ่าวในบ้าน เจ้าไม่สั่งจะกล้าลงมือสังหารหรือ เจ้าจงใจปล่อยให้หลบหนี แล้วมาให้การเท็จ หากไม่ถูกโบยคงไม่รับ ทหารจับโบยให้หนักให้สารภาพ”
ไฉจิ้นตะโกนบอกว่า “บ่าวช่วยนาย พลั้งมือฆ่าคน ไม่เกี่ยวกับข้า ทั้งยังมีพระราชปฏิญญาของไท่จู่ฮ่องเต้พระองค์ก่อน ท่านไยฝ่าฝืนลงโทษข้า”
เกาเหลียนว่า “พระราชปฏิญญาอยู่ที่ไหน”
ไฉจิ้นว่า “กำลังให้คนอัญเชิญมาจากชางโจว”
เกาเหลียนโกรธจัดว่า “เจ้านี่ขัดขวางเจ้าหน้าที่ โบยมันให้หนัก”
ไฉจิ้นถูกโบยจนเนื้อแตกเลือดไหลซิบทนไม่ไหวจึงรับสารภาพว่าสั่งให้หลี่ต้าสังหารอินเทียนซี จึงถูกจับใส่คาหนักยี่สิบห้าชั่งส่งจำคุกมหันตโทษ ศพอินเทียนซีนั้นให้จัดการตามธรรมเนียม อินฮูหยินผู้พี่สาวต้องการแก้แค้นให้น้องชายจึงให้เกาเหลียนสามีของนางสั่งยึดทรัพย์และคฤหาสน์ของไฉหวงเฉิง บ่าวไพร่ให้คุมขัง
脂唇粉面毒如蛇,铁券金书空里花。
可怪祖宗能让位,子孙犹不保身家。
แต่งหน้าทาปากแต่คืองูพิษร้าย
ราชปฏิญญาคล้ายบุปผากลางอากาศ
ต้องโทษบรรพชนทรงสละราชย์
แต่มิอาจคุ้มภัยให้เผ่าพงศ์
ตอนก่อนหน้า : พายุหมุนดำพายุหมุนน้อย
ตอนถัดไป : ทหารเทพเหินฟ้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา